คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1506
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1506 ร่ายคาถาขจัดภัย
สองชั่วยามต่อมา เขตอาคมมหึมาที่อยู่เบื้องล่างยังอยู่ในระหว่างการจัดวางอยู่
ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ แม้ว่าปกติแล้วหานลี่จะมีแผนอยู่ในใจอย่างไร ก็ยังทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเวลาในตอนนี้สำหรับเขาแล้วเป็นเวลาที่เร่งด่วนสุดๆ พวกลิ่วจู๋สามารถกระตุ้นสัญลักษณ์ภายในร่างของเขาเมื่อใดก็ได้
ทว่าตัวหานลี่เองก็เชี่ยวชาญศาสตร์ของเขตอาคม รู้ว่าการจะวางเขตอาคมขนาดมหึมานี้เป็นเรื่องซับซ้อน ดังนั้นจึงยังฝืนระงับความกังวลภายในใจไว้ได้ และรออยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
หลังจากเวลาผ่านไปอีกประมาณหนึ่งมื้ออาหาร พวกหยวนเหยาทั้งสองคนก็ทยานขึ้นมาจากพื้นดิน และหยุดลงตรงหน้าหานลี่
เหยียนลี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่หาน เขตอาคมจัดวางเสร็จสิ้นแล้ว สามารถรวบรวมปราณทมิฬให้ท่านขจัดสัญลักษณ์ภายในร่างได้แล้ว”
หานลี่รู้สึกดีใจ ขณะที่เพิ่งคิดจะตอบกลับหญิงสาวผู้นี่ ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเซียว ร่างกายสั่นเทา บนร่างเปล่งแสงสีเขียววูบวาบ
“นี่มัน…” หญิงสาวทั้งสองตกใจ โดยเฉพาะหยวนเหยาที่หลุดปากร้องออกมา
“มีคนกระตุ้นสัญลักษณ์แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนในกลุ่มราชาปีศาจพวกนั้น” บนร่างของหานลี่เปล่งแสงสีทองวิบวับ เขากลับมายืนได้มั่นคงอีกครั้ง แล้วกล่าวน้ำเสียงขรึม
ขณะที่สนทนาอยู่นั้น แรงกดวิญญาณภายในร่างของเขาประเดี๋ยวสูงประเดี๋ยวต่ำ เห็นได้ชัดว่าไม่เสถียรเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันทีหนึ่ง ต่างก็เผยสีหน้ากังวลใจออกมา
“ไม่เป็นไร! ตอนนี้ข้ายังกำราบสัญลักษณ์นี้ได้อยู่ ขั้นแรกแค่ขจัดสัญลักษณ์ที่ถูกกระตุ้นนี้ออกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว” หานลี่ยิ้มฝืนๆ ทีหนึ่ง พลันโบกมือแล้วกล่าวเช่นนี้
“คำพูดของพี่หานมีเหตุผล ศิษย์พี่ พวกเรารีบร่ายคาถากันเถอะ” หยวนเหยาถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง แล้วเอ่ย
“อืม เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ทว่ามีเรื่องหนึ่ง พวกเราสองคนยังไม่เคยบอกกับพี่หาน เคล็ดวิชาลับกระตุ้นปราณทมิฬเข้าสู่ร่างนี้ เดิมทีใช้สำหรับภูตบำเพ็ญเพียรและผู้ที่มีกายเป็นภูต พี่หานใช้ร่างของคนปกติรับการกระตุ้นปราณทมิฬ กายเนื้อจะต้องรับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหากไม่ระวังเพียงนิดเดียว มีโอกาสหมดสติหรือตายตรงนั้นได้ แต่เมื่อหมดสติไปแล้ว หากไม่มีพี่หายคอยชักนำปราณทมิฬ การร่ายคาถาก็ล้มเหลวเช่นกัน พี่หานน่าจะเข้าใจความหมายของน้องสาวสินะ” เหยียนหลีกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“เจ็บปวดรุนแรง? วางใจได้ อย่างอื่นผู้แซ่หานไม่พูด แต่สำหรับกายเนื้อข้ามีความมั่นใจตัวเองอยู่หลายส่วน” หานลี่หัวเราะคราหนึ่ง พลันพูดอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
คำพูดของหานลี่ไม่ได้คุยโวแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเขาในตอนนี้มาถึงขั้นที่เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเสริมแกร่งกายเนื้อมาหลายประเภท อีกทั้งตัวเขาก็ประสบโชคอยู่หลายครั้ง ใช้ยาวิญญาณหลายชนิดหล่อหลอมอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำให้ร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บถึงชีวิต เขากลับสามารถมองข้ามได้
เห็นหานลี่มั่นใจตัวเองเช่นนี้ เหยียนลี่ก็พยักหน้า พลันเรียกหานลี่ให้ลงมาที่จุดตายของเขตอาคมที่อยู่เบื้องล่าง แล้วร่วงลงมาที่เนินเขาลูกนั้นเช่นกัน
บนยอดของเนินเขามีพื้นที่ราบเล็กๆ เพียงสิบจั้งเศษเท่านั้น
แต่ที่นี่ได้วางเขตอาคมขนาดเล็กที่ใช้วางในเขตอาคมไว้
ทั้งสามคนเดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปในเขตอาคมขนาดเล็กนี้
หานลี่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง โดยมีหญิงสาวทั้งสองนั่งแยกซ้ายขวาห่างไปข้างเล็กน้อย
ขณะที่หานลี่หลับตาลงช้าๆ หญิงสาวทั้งสองก็อ้าปากพร้อมกัน แล้วพ่นไข่มุกทรงกลมสีดำทมึนออกมาเม็ดหนึ่ง
ไข่มุกทรงกลมนี้หมุนเคว้งรอบหนึ่ง ก็พุ่งไปยังสองฝั่งของเขตอาคมขนาด พริบตาเดียวก็แยกกันฝังเข้าไปในแอ่งเว้าสองฝั่งภายในเขตอาคมที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว
จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็ร่ายคาถาครู่หนึ่ง เขตอาคมก็ส่งเสียงดังหึ่งๆ ขึ้นมา!
รอบด้านของเขตอาคมมีม่านแสงสีดำผุดออกมา พลันกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นรอบทิศทาง
ภายในชั่วพริบตา เขตอาคมขนาดมหึมาทั้งเขตก็ถูกกระตุ้นขึ้น โดยมีเนินเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ปราณทมิฬแต่ละกลุ่มพุ่งทยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากแต่ละจุดของเขตอาคม พลันหมุนโคจรไปตามพลังของอาคมต้องห้ามอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่ากลางอากาศสูงร้อยจั้งเศษจะก่อตัวเป็นระลอกคลื่นขนาดมหึมาขึ้น
ความกว้างของระลอกคลื่นนี้ พอที่จะปกคลุมเขตอาคมมหึมาไว้เบื้องล่างทั้งหมดแล้วยังเหลือพื้นที่อีกมาก ทำให้ผู้ที่เห็นเป็นต้องอกสั่นขวัญกระเจิง
ภายใต้แรงดูดอันมหาศาลของระลอกคลื่น ไม่ว่าจะเป็นปราณทมิฬบริสุทธิ์ที่อยู่ในอากาศหรือฝังลึกลงไปใต้ดินก็ล้วนกลายเป็นปราณสีดำโถมทะลักอย่างต่อเนื่อง และถูกดูดเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศ ทำให้ระลอกคลื่นสีดำมีขนาดใหญ่ขึ้น และทำให้อาณาเขตในการดูดปราณทมิฬกว้างใหญ่ขึ้น
หากตอนนี้หานลี่มองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็จะเห็นใจกลางของระลอกคลื่นมีม่านแสงสีดำหมุนโคจรไม่หยุด กำลังผสมปราณทมิฬแต่ละชนิดอย่างต่อเนื่องและหลอมรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ภายในนั้นมีลูกบอลสีดำมะเมือมราวกับน้ำหมึกกำลังก่อตัวอย่างช้าๆ อยู่ลูกหนึ่ง
ภายในบอลสีดำมะเมื่อมนี้ มีแรงกดวิญญาณอันน่าสะพรึงแผ่ออกมาจางๆ ดูเหมือนจะแฝงพลังงานอันแข็งแกร่งสุดๆ ไว้ คล้ายกับจะร่วงลงมาจากระลอกคลื่นได้ทุกเมื่อ
หยวนเหยากับเหยียนลี่บริกรรมคาถาที่ดูล้ำลึกและฟังไม่รื่นหูออกมาเบาๆ สองมือร่ายคาถาไม่หยุด ทยอยซัดคาถาใส่เขตอาคมขนาดเล็กที่ตัวเองอยู่ทีละสาย ทำให้ระลอกคลื่นกลางอากาศโคจรเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ภายในเวลาแค่ชั่วครู่เดียว ปริมาณปราณทมิฬที่ระลอกคลื่นดูดซับก็เป็นที่ชวนให้ตกตะลึงพรึงพริด
ในขณะนี้ รอบด้านที่ไกลออกไปเกิดเสียงภูตผีร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงคร่ำครวญของภูตผีดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ทางนี้เพิ่มทางนั้นลด คล้ายกับภูตผีจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังถูกระลอกคลื่นสีดำที่อยู่กลางอากาศดูดมารวมกันในที่แห่งนี้ทั้งหมด
หยวนเหยาได้ยินเสียงภูตผีร้องโหยหวน คิ้วก็ขมวดเข้าหากันจางๆ
แม้ว่าในลมหายใจจะสัมผัสได้ว่ามีภูตผีที่แข็งแกร่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่เมื่ออยู่ในช่วงสำคัญของการร่ายคาถา มีภูตผีมาโจมตีเขตอาคมมากมายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าตลก
ดูเหมือนพวกนางยังประมาทเรื่องปราณทมิฬบริสุทธิ์ที่สามารถดึงดูดพวกภูตผีจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
แต่ไม่รอให้หญิงผู้นี้ลุกขึ้นมาสังหารภูผีระดับต่ำเหล่านี้ หานลี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าสั่นแขนเสื้อไปในอากาศอย่างฉับพลัน คิดไม่ถึงว่าจะเรียกแหวนอสูรวิญญาณสีดำทมึนออกมาวงหนึ่ง
หลังจากที่แหวนวงนี้หมุนเคว้งกลางอากาศรอบหนึ่ง ลำแสงสีดำสายหนึ่งกับดวงแสงสีดำทมึนก็พวยพุ่งออกมา
เมื่อลำแสงดับลง ก็ปรากฏเป็นอสูรตัวน้อยรูปร่างคล้ายเสือดาวกับวานรจิ๋วสีดำทมึน
ที่แท้ก็คืออสูรวิญญาณครวญกับอสูรกิเลนเสือดาวหลังพัฒนาระดับ!
เมื่ออสูรทั้งสองปรากฏตัวออกมา หานลี่ก็ร่ายจิตสัมผัสครู่หนึ่ง อสูรตนหนึ่งก็กลายเป็นวานรยักษ์สูงสิบจั้งเศษท่ามกลางแสงสีดำระยิบระยับ กวาดเท้ากระโดดสุดตัวออกไป
ส่วนอสูรอีกตนขยับร่างพลิ้วไหวคราหนึ่ง กลายเป็นเศษเสี้ยวเงาสิบกว่าภาพอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่จะหายวับไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
หยวนเหยาเห็นดังนี้ก็ตกตะลึง ส่วนเหยียนลี่กลับยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น “ศิษย์น้องหยวนไม่ต้องกังวล พี่หานสามารถช่วยชีวิตพวกเราออกมาจากเงื้อมมือของพวกแม่เฒ่าภูตได้ แค่คิดก็พอจะรู้ได้ว่าทรงอิทธิฤทธิ์แค่ไหน เขาย่อมมีวิธีขับไล่ภูตผีระดับต่ำเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่มีทางรบกวนพวกเราร่ายคาถาได้”
“ศิษย์พี่พูดมาก็ถูก เหยาเอ๋อร์กังวลมากไปแล้ว” หยวนเหยายิ้มหวานทีหนึ่ง
“แม่นางเหยียนประเมินผู้แซ่หานสูงไปแล้ว ก็แค่ภูตผีกระจอกๆ ที่จริงไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้” หานลี่ยิ้มจางๆ แล้วกล่าวโดยที่ยังไม่ลืมตา
และในตอนนี้เอง ตรงที่ไกลๆ มีเสียงวานรร้องดังสะท้านไปทั่วผืนฟ้า เสียงอันน่าเกรงขามค่อยๆ แผ่กระจาย ทันใดนั้นเสียงร้องของพวกภูตผีก็พากันหยุดลง ไม่มีเสียงใดๆ อีก
การเผชิญหน้าอีกด้านหนึ่ง ภูตผีจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงคร่ำครวญน่าเวทนาออกมา เสียงร้องภูตผีดูลนลานขึ้นมา จากนั้นเสียงร้องแหลมก็เปลี่ยนเป็นเสียงของความหวาดกลัวอย่างผิดปกติ และเคลื่อนไปไกลอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็เงียบกริบไร้แว่วเสียงใดๆ
“ดูเหมือนอสูรวิญญาณทั้งสองตนของพี่หานจะไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะขับไล่ภูตผีเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยงได้รวดเร็วปานนี้” เหยียนลี่เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาปราดหนึ่ง
แม้ว่าหญิงผู้นี้จะเชื่อว่าภูตผีเหล่านี้ไม่มีทางเป็นคู่มือของอสูรวิญญาณสองตนนั้นอย่างแน่นอน แต่การที่พวกมันจัดการได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกค่อนข้างเกินความคาดหมาย
หานลี่ได้ยินก็ยิ้มคราหนึ่ง
สำหรับอสูรกิเลนตนนั้น บางทีอาจจะแค่สังหารภูตผีตายไปส่วนน้อย ก็ทำให้ส่วนใหญ่ถูกขับไล่จนหนีไปหมด ส่วนทางฝั่งอสูรวิญญาณครวญ เกรงว่าภูตผีระดับต่ำจะอยู่ในท้องของอสูรตนนี้หมดแล้ว
แม้ในใจคิดเช่นนี้ หานลี่ก็ไม่ได้ตอบเช่นนี้ออกไป กลับพูดว่า “ข้าปรับชีพจรภายในร่างเรียบร้อยแล้ว ปราณทมิฬในอากาศก็มารวมกันไม่น้อย น่าจะเพียงพอที่จะร่ายคาถาแล้ว พวกเรามาเริ่มกันเลยเถอะ! ตอนนี้ยังมีราชาปีศาจกระตุ้นสัญลักษณ์แค่คนเดียว หากเพิ่มเป็นสองคนขึ้นไปอีก ข้าก็ไม่อาจกำราบมันได้อีก”
“อื้ม ที่จริงก็เหลือไม่มากแล้ว ศิษย์น้อง ร่ายคาถาเถอะ” เหยียนลี่เงยหน้าดูระลอกคลื่นกลางอากาศทีหนึ่ง พลันหรี่ตาลงครู่หนึ่ง จึงค่อยกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
หยวนเหยาพยักหน้าด้วยท่าทางเคารพ ไม่มีเจตนาจะโต้ตอบ
ดังนั้น เมื่อม่านแสงสีดำในมือของหญิงสาวทั้งสองเปล่งประกาย ในมือของพวกนางก็มีธงสีดำทมึนยาวประมาณชุ่นกว่าปรากฏข้างละหนึ่งด้าม จากนั้นพวกนางก็โยนไปยังสองข้างของเขตอาคมพร้อมกัน เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นธงมหึมาสีดำเปรอะตั้งตระหง่านอยู่ภายนอกเขตอาคม
จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็ตั้งท่าร่ายคาถาอีกครั้ง
กลางอากาศสูงเกิดเสียงตูมตามดังอื้ออึงอย่างฉับพลัน พื้นผิวของบอลมหึมาสีดำที่อยู่ใจกลางระลอกคลื่นเปล่งแสงวาบหนึ่ง ค่อยๆ หมุนอย่างช้าๆ ติดถึงว่าจะมีม่านแสงสีดำสองกลุ่มห่อหุ้มปราณสีดำที่เข้มข้นราวกับของเหลวสองกลุ่มนี้จมเข้าไปในธงมหึมาทั้งสองด้ามโดยตรง แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บนร่างของพวกหยวนเหยาสองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังของหานลี่กลับมีปราณสีดำแผ่ออกมาอย่างฉับพลัน แรงกดวิญญาณอันแข็งแกร่งพลันแผ่กระจายออกจากร่างของพวกนางโดยตรง
หญิงสาวทั้งสองต่างส่งเสียงประหลาดใจคราหนึ่ง พลันชูมือสองข้างขึ้นพร้อมกัน นิ้วทั้งสิบก็ดีดไปที่ด้านหลังหานลี่อย่างไม่ขาดสาย
“สวบ!” “สวบ!” เกิดเสียงทะลวงอากาศดังลั่น เส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากนิ้วของหญิงสาวทั้งทอง เพียงแวบเดียวก็จมหายเข้าไปในแผ่นหลังของหานลี่
หานลี่ตัวสั่นเล็กน้อย ยังคงรับต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หยวนเหยากับเหยียนลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองกันทีหนึ่ง ต่างก็เห็นความเคารพเลื่อมใส่ที่ปรากฏภายในดวงตาของอีกฝ่ายอยู่หลายส่วน
แต่นิ้วมือของหญิงสาวทั้งสองยังไม่หยุด เส้นไหมสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างหนาแน่นราวกับห่าฝน ชั่วพริบตาก็จมเข้าไปยังแต่ละตำแหน่งบนร่างของหานลี่
แต่นอกจากบนร่างของหานลี่เปล่งแสงสีเขียวอ่อนๆ แล้ว ก็ไม่มีท่าทางผิดปกติแม้แต่น้อย ในเวลาต่อมา หยวนเหยากับเหยียนลี่ไม่เพียงแต่รู้สึกเลื่อมใส พวกนางต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจหนาวเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง
ต้องทราบก่อนว่า ตอนแรกที่พวกนางสองคนถูกอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายเข้าสู่ร่าง ก็แทบจะเจ็บปวดทรมานจนหมดสติในชั่วพริบตาเลยทีเดียว
ตอนนี้หานลี่ได้รับปราณทมิฬเป็นปริมาณมาก เกินกว่าอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่พวกนางรับเสียอีก หญิงสาวทั้งสองจึงอดไม่ได้ที่จะลังเลใจ
“กระตุ้นปราณทมิฬต่อ ข้าสัมผัสได้ว่าสัญลักษณ์พวกนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้ว” ขณะที่หญิงสาวทั้งสองลังเลใจเล็กน้อย เสียงเยือกเย็นของหานลี่ก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ เหยียนลี่ก็สูดหายใจลึกคราหนึ่ง เมื่อหันไปพยักหน้ากับหยวนเหยาแล้ว ก็ร่ายเคล็ดวิชาลับในใจทันที
หลังจากที่ปราณดำบนร่างของหญิงสาวผู้นี้พลิกตัวระลอกหนึ่ง ก็ทวีความสูงขึ้นหลายเท่า ทันใดนั้นปราณสีดำก็รวมตัวเข้าด้วยกัน กลาเป็นแสงสีดำสว่างพร่าง ร่างของหญิงสาวก็จมหายเข้าไปข้างในทั้งหมด
หยวนเหยาที่อยู่ข้างๆ ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูเงาหลังของหานลี่คราหนึ่ง เห็นว่าเขายังคงนั่งตัวตรงอย่างมั่นคง ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร นางจึงร่ายคาถาในทันทีเช่นเดียวกัน บนร่างก็ปรากฏม่านแสงสีดำออกมา
ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังฟิ้วๆ ขึ้นสองหน ลำแสงสีดำมะเมือมราวกับน้ำหมึกสองสายถูกพ่นออกมาจากม่านแสงสีดำสองกลุ่ม ภายในชั่วพริบตาก็จมเข้าไปในร่างของหานลี่
เมื่อปราณทมิฬปริมาณมากเช่นนี้เข้าสู่ภายในร่าง หานลี่ก็ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอออกมาคราหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างของเขาโงนเงนเล็กน้อย บนผิวหนังเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับ