คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1513
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1513 ปริศนาแห่งหลัวโหว
“ที่จริงแล้วเคล็ดวิชาแปลงกายวิหคมัจฉาได้มาจากสาขาย่อยของวิหคสวรรค์ สำหรับการที่แปลงกายแล้วไม่กลัวผลกระทบของหมอกนั้น ข้ากลับไม่รู้สาเหตุจริงๆ แต่ระหว่างทางข้าได้ไตร่ตรองอยู่หนหนึ่ง ในใจมีความคาดเดาที่ไม่แน่ใจอยู่อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่” หานลี่ได้ยินคำถามนี้ของหยวนเหยา ก็คิดครู่หนึ่งแล้วตอบกลับอย่างระมัดระวัง
“พี่หานมีความคิดอะไร สามารถพูดได้โดยตรง หรือว่าเห็นข้าสองคนเป็นคนนอก?” ขณะที่เหยียนลี่กรอกตา นางก็ยิ้มขึ้น
หานลี่มีสีหน้าอึดอัดใจ เขาถอนหายใจคราหนึ่งแล้วกล่าว “ในเมื่อสหายทั้งสองฝึกฝนอยู่ในอเวจีทมิฬที่แดนมนุษย์มาหลายปีเช่นนี้ คิดว่าน่าจะรู้คำร่ำลือบางอย่างเกี่ยวกับที่แห่งนี้”
“พี่หานหมายถึงข้อคิดเรื่องแดนยมโลกกับอสูรหลัวโหวรึ?” หยวนเหยามีสีหน้าเปลี่ยน พลันเอ่ยถาม
“ไม่ผิด เดิมทีแดนยมโลกก็เป็นสถานที่ที่เลือนรางว่างเปล่ามาก ไม่ใครสามารถยืนยันได้ถูกต้องจริงๆ แต่อสูรหลัวโหวนั้น ข้าน้อยเคยเห็นกับตาตัวเองที่แดนมนุษย์มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ว่าส่วนที่มองเห็นจะไม่ถึงหนึ่งในสิบล้านส่วนของมัน แต่สถานการณ์ตอนที่ปรากฏกายกับหมอภูตนี้ดูคล้ายกันมาก”
“พี่หานพูดก็หมายความว่าอเวจีทมิฬในแดนมนุษย์เกิดขึ้นมาจากร่างกายของหลัวโหวจริงๆ สิ!” หยวนเหยาอ้าปากด้วยความตกตะลึง
“แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอย่างอื่น แต่ข้ารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้อย่างน้อยสามถึงสี่ส่วนเชียวล่ะ ส่วนวิหคมัจฉาวิญญาณเที่ยงแท้นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตโดยกำเนิดของอสูรหลัวโหว หลังจากที่ข้ากลายร่างเป็นวิหคสวรรค์ อาศัยโลหิตแท้ของวิหคมัจฉาจึงทำให้สามารถยืมพลังของวิหคมัจฉาได้มาก หากหมอกของที่แห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับหมอกภูตจริงๆ สามารถยกเว้นอาคมต้องห้ามภายในนั้นได้ ก็พอที่จะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง” หานลี่กล่าวเช่นนี้
“หรือว่าสถานที่ที่เรียกว่าแม่น้ำอเวจีนี้จะเป็นร่างกายของอสูรหลัวโหวจริงๆ แต่เรื่องที่หมอกประหลาดเหล่านี้แตกต่างจากแดนมนุษย์จะอธิบายอย่างไรดี” เหยียนลี่อดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา
“แม่น้ำอเวจีแห่งนี้เป็นภายในร่างของหลัวโหวจริงๆ หรือสหายเหยียนเข้าใจว่าหลัวโหวตนนี้คือหลัวโหวตนนั้นล่ะ?” หานลี่ไม่ได้ตอบกลับโดยตรง พลันย้อนถามด้วยรอยยิ้มจางๆ
“พี่หานหมายความว่า ที่นี่กับแดนมนุษย์น่าจะเป็นอสูรหลัวโหวสองตนที่แตกต่างกัน! หากสองตนนี้มีร่างกายที่ไม่เหมือนกัน ทำให้หมอกสีดำมีความแตกต่างกันบ้างก็ฟังมีเหตุผล ได้ยินว่าร่างกายของหลัวโหวใหญ่โตจนน่าสะพรึง สามารถกลืนตะวันจันทราได้ เกิดมาก็สามารถสร้างช่องว่างมิติเฉพาะตัวภายในร่างได้ เห็นได้ชัดว่าแม่น้ำอเวจีนี้ใหญ่กว่าอเวจีทมิฬมาก นี่น่าจะเป็นอสูรหลัวโหวตนหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์และร่างกายเหนือกว่าที่แดนมนุษย์มาก” เหยียนลี่กล่าวด้วยสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย
“เกรงว่าไม่เพียงเท่านี้” หานลี่กลับส่ายหน้า
“หืม พี่หานยังมีความเห็นอะไรอีกรึ?” หยวนเหยาถามด้วยความสงสัย
“หมอกของที่แห่งนี้หนักหน่วงเช่นนี้ อสูรหลัวโหวตนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ ข้าเคยอ่านเจอในตำราบางเล่มกล่าวถึงอสูรหลัวโหวว่า หากอายุขัยมาถึงแล้ว ช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นภายในร่างก็จะไม่พังทลาย ยังสามารถดำรงอยู่ได้ยืนยาวไม่ดับสลาย”
“พี่หานคิดว่าที่นี่ก็คือช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นภายในร่างศพของอสูรหลัวโหวที่ตายไปแล้วตนหนึ่ง!” หยวนเหยาตะลึงงัน
“เหอะๆ นี่ก็ยังเป็นแค่คำพูดคาดเดาของข้า สถานการณ์เป็นอย่างไรก็ยังไม่แน่ชัด” หานลี่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
“ข้ากลับคิดว่าการคาดเดาของพี่หานใกล้เคียงกับความเป็นจริงสุดๆ หากเป็นเช่นนี้ หลายๆ เรื่องก็สามารถอธิบายชัดเจนแล้ว และเป็นเพราะอสูรหลัวโหวตนนี้ร่วงตายแล้ว ดังนั้นปราณของอเวจีทมิฬที่สร้างขึ้นภายในร่างจึงเหนือกว่าที่อยู่ในแดนมนุษย์ตนนั้น ทำให้เกิดเป็นภูตผีระดับสูงออกมาจำนวนมากเช่นนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าราชาปีศาจเหล่านั้นรู้หรือคาดเดาสถานที่นี้ได้หรือไม่ มีสิ่งเดียวที่ไม่เข้าใจคือ ปราณวิญญาณกับชีพจรวิญญาณของที่แห่งนี้จะอธิบายอย่างไร ภายในอเวจีทมิฬของแดนมนุษย์ไม่มีปราณวิญญาณอยู่เลยแม้แต่น้อย และเมื่ออยู่ในช่องว่างมิตินี้ก็ไม่สามารถโคจรพลังยุทธ์” เหยียนลู่พูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เรื่องนี้ใครจะไปรู้ล่ะ! บางทีตอนที่ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ในเผ่าแมงเม่าพบสถานที่นี้อาจจะใช้วิธีการอะไรบางอย่างกับช่องว่างมิตินี้ก็ได้ หรือพออสูรหลัวโหวร่วงตายแล้ว เดิมทีช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นภายในร่างจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานะที่พวกเราเป็นอยู่ในตอนนี้มากนัก จึงไม่จำเป็นต้องค้นหาสาเหตุอะไร ตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวที่ข้าสนใจคือ หมอกสีดำเหล่านี้สามารถพาพวกเราออกจากแม่น้ำอเวจีได้จริงหรือไม่ เพียงแค่มันมีตัวตนเหมือนกับอเวจีทมิฬ จะต้องมีสิ่งที่คล้ายกับทางออกแน่นอน ซึ่งทางออกนี้ปลอดภัยกว่าจุดเชื่อมต่อมิติที่ข้าคิดไว้ก่อนหน้ามาก” หานลี่พูดพลางเปล่งแสงบริสุทธิ์จากดวงตาพุ่งไปรอบๆ
“คำพูดของพี่หานมีเหตุผล ก่อนหน้านี้ในหมอกประหลาดอื่นๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่?” เหยียนลี่ถามคล้ายกับคาดคิดไว้แล้ว
“ไม่เลย! ภายในหมอกสีดำอื่นๆ นอกจากจะสามารถจำกัดอิทธิฤทธิ์และพลังยุทธ์เช่นเดียวกันแล้ว ข้าก็ไม่พบบริเวณที่แปลกประหลาดเป็นพิเศษ แน่นอนว่าข้าแค่ค้นหาบริเวณใกล้เคียงแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น ในเมื่อหมอกดำเหล่านี้อยู่ที่นี่ ทางออกก็น่าจะอยู่ที่ผืนน้ำถึงจะถูก ตอนนี้พวกเรารีบหาทางออก แล้วทำตามแผนเดิม หลบซ่อนสักระยะหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน” หานลี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ในเมื่อทางออกน่าจะอยู่บริเวณใกล้เคียง พวกเราก็น่าจะใช้เวลาค้นหาดูสักหน่อยเถอะ ไม่แน่เพียงแค่วันสองวันก็สามารถหาทางออกเจอแล้ว หากเป็นเช่นนี้ จะไม่ยิ่งปลอดภัยกว่าคอยหลบซ่อนเชียวหรือ” เหยียนลี่พูดขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที
“ศิษย์พี่พูดก็มีเหตุผล ถ้าหลบซ่อนตามแถนเดิม เป็นไปได้ว่าราชาปีศาจอาจจะเดินทางช้า และกองกำลังเสริมของเผ่าแมงเม่ามาถึงที่นี่เร็วไปก้าวหนึ่ง หากเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ของพวกเราก็จะย่ำแย่กว่าเดิม” หยวนเหยาลังเลพักหนึ่ง ก็เห็นด้วยกับความเห็นของเหยียนลี่
หานลี่ได้ยินคำนี้ ก็ครุ่นคิดไม่พูดไม่จาขึ้นมา
แม้ว่าหญิงสาวทั้งสองจะพูดได้มีเหตุผลสุดๆ แต่เขากลับรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแปลกประหลาดอยู่ลางๆ
ทำให้เขาค่อนข้างลังเลขึ้นมา
หลังจากพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่พักใหญ่ เขาจึงค่อยเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ “สามารถอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งตามที่พวกเจ้าพูด แล้วหาดูว่ามีทางออกจริงหรือไม่ แต่อย่างมากพวกเราเสียเวลาได้แค่สองวันเท่านั้น พอถึงสองวันแล้ว จะต้องหลบซ่อนในทันที ภายในสองวันนี้ พวกเราน่าจะยังปลอดภัยอยู่”
หานลี่คิดวิธีประนีประนอมขึ้นมาได้
ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ หยวนเหยากับเหยียนลี่ก็หันมาสบตากันคราหนึ่ง รู้สึกว่าทำเช่นนี้เป็นแผนที่ดีกับทั้งสองฝ่าย จึงพากันพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยอย่างฉับพลัน
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเรามาลองสำรวจหมอกดำข้างล่างนี้กันก่อนเถอะ แม้ว่าจะไม่มีเบาะแสของทางออก ข้าก็จะเตรียมที่ค้างแรมไว้ในนั้นก่อน หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเราก็จะหลบเข้าไปในนี้ก่อน พลังของวิหคมัจฉาสามารถยกเว้นอาคมต้องห้ามของหมอกดำได้ ข้ามีวิธีบางอย่างสามารถทำให้สหายทั้งสองไม่ได้รับผลกระทบจากหมอกนี้ได้” หานลี่ยิ้มแล้วกล่าว
“พี่หานมีวิธีนี้จริงๆ หรือ?” หยวนเหยากับเหยียนลี่ต่างก็ดีใจกันยกใหญ่
หานลี่ยิ้มจางๆ คราหนึ่ง ทันใดนั้นแผ่นหลังก็เกิดเสียงอัสนีบาตรขึ้น ปรากฏเป็นปีกคู่หนึ่งออกมา เมื่อปีกสองข้างสั่นครู่หนึ่ง สีของมันก็เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ปีกข้างาหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลัวๆ ส่วนอีกข้างหนึ่งกลายเป็นม่านแสงห้าสีเปล่งประกายไม่หยุด ปีกทั้งสองข้างต่างก็แวววาวกระจ่างใส เปล่งแสงเรืองรองนับไม่ถ้วน
คาดไม่ถึงว่าหานลี่ที่ใช้ปีกวายุอัสนีกลายเป็นปีกของเผ่าวิหคสวรรค์มาโดยตลอด จะปรากฏร่างเดิมทีเป็นสมบัติวิญญาณออกมา
หญิงสาวทั้งสองได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของปีกวายุอัสนีเป็นครั้งแรก ต่างก็พากันตกตะลึง
รูปลักษณ์ภายนอกของปีกวิญญาณคู่นี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก บนปีกนั้นแผ่แรงกดวิญญาณอันน่าสะพรึงออกมา ยิ่งทำให้หญิงสาวทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในขณะนี้เอง เพียงแค่ปีกสีเขียวบนแผ่นหลังของหานลี่โบกไหวคราหนึ่ง ทันใดนั้นขนนกสีเขียวแวววาวสองเส้นก็พวยพุ่งหายวับไปในพริบตา และแบ่งกันหยุดตรงหน้าของหญิงสาวทั้งสอง
“สหายทั้งสองสามารถลองดูได้ ของสิ่งนี้สร้างขึ้นมาจากการรวมตัวของลมหายใจวิหคมัจฉา ไม่แน่ว่าจะได้ผลน่าอัศจรรย์บางอย่าง!” หานลี่พูดด้วยรอยยิ้ม
หยวนเหยากับเหยียนลี่สบตากันทีหนึ่ง ต่างก็มีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทว่าเหยียนลี่ก็ใช้มือหนึ่งคว้าออกไปในทันที เมื่อขนนกสีเขียวที่อยู่เบื้องหน้าคว้ามาอยู่ในมือแล้ว ก็ใช้พลังยุทธ์ทั่วร่างกระตุ้นเข้าไปภายในนั้น
“ปัง!” รัศมีแสงสีเขียวสลัวๆ ดวงหนึ่งกระจายออกแล้วห่อหุ้มร่างของหญิงสาวผู้นี้ไว้ภายใน
“อ๋อ ดูเหมือนจะมีความมหัศจรรย์บางอย่างจริงๆ ด้วย ข้าขอลองก่อน หากไม่ได้ พี่หานคงต้องจูงน้องสาวไปด้วยแล้ว” เหยียนลี่ยิ้มหวานให้กับหานลี่
“เหอะๆ เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ผู้แซ่หานจะปกป้องสหายเหยียนอยู่ข้างๆ เอง!” หานลี่กล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เมื่อร่างพลิ้วไหว ก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีเขียวอีกครั้ง แล้วรุดหน้าบินเข้าไปในหมอกสีดำก่อน
เหยียนลี่โบกขนนกสีเขียวในมือคราหนึ่ง บนร่างเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้า คิดจะพุ่งออกไปยังเบื้องล่าง
“ศิษย์พี่ระวังหน่อย!” หยวนเหยาอดไม่ได้ที่จะกล่าวกำชับ
“ศิษย์น้องวางใจ มีสหายหานอยู่ข้างๆ ทั้งคน จะเกิดปัญหาได้อย่างไร” เหยียนลี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วตอบกลับ พลางร่วงลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ โดยที่มีแสงสีเขียวปกคลุมร่างไว้
หยวนเหยาจ้องมองเงาร่างของหญิงผู้นี้อย่างไม่กะพริบตา
หานลี่ที่แปลงกายเป็นวิหคสีเขียวได้ลอยคว้างอยู่บริเวณขอบของหมอกสีดำอยู่นานแล้ว กำลังรอเหยียนลี่ร่วงลงมาอย่างเงียบๆ
ในที่สุดแสงสีเขียวก็จมเข้าไปในหมอกสีดำ ผลลัพธ์ที่ได้คือ มีเสียงดีอกดีใจของเหยียนลี่ดังมาจากข้างใน “ได้ผลจริงๆ ด้วย แม้ว่ายังมีพลังวิญญาณส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถโคจรได้ แต่เมื่อเหาะทยานเต็มที่แล้ว ก็เหมือนกับการกระตุ้นเคล็ดวิชาและสมบัติทั่วไป ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
“หึๆ เช่นนี้ดีที่สุดแล้ว แม่นางหยวนก็ลงมาเถอะ พวกเราจะได้สำรวจข้างนี้กันดีๆ” เสียงของหานลี่ดังออกมาจากวหิคยักษ์สีเขียว ค้ลายกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
หยวนเหยาที่อยู่กลางอากาศสูงได้ยินทั้งสองคนก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะใหญ่ นางยิ้มหวานแล้วขานรับทีหนึ่ง คิดจะโบกขนนกสีเขียวในมือแล้วเหาะลงไปบ้าง
แต่แล้วในเวลานี้ก็เกิดเหตุพลิกผันขึ้น!
หมอกสีดำที่ตอนแรกดูเงียบสงบผิดปกติ จู่ๆ ก็เกิดการพลิกตัวอย่างชุลมุนวุ่นวายขึ้น ตามด้วยพายุหมุนประหลาดที่แผดเสียงแหลมออกมาจากเบื้องล่าง ภายในชั่วพริบตาหมอกสีดำผืนใหญ่ก็กลายเป็นระลอกคลื่นมหึมา เสียงคร่ำครวญของภูตผีดังก้องไปทั่ว
หานลี่ที่กลายร่างเป็นวิหคยักษ์รู้สึกตกตะลึง!
แม้ว่าพายุนี้จะเกิดขึ้นอย่างดุดัน อีกทั้งเบื้องล่างยังส่งแรงดูดอันมหาศาลออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถกักขังเขาไว้ได้ อย่างมากก็แค่ทำให้ร่างของเขาเคลื่อนไหวช้าลงสองสามส่วนเท่านั้น
เขาสะบัดปีกสองข้างอย่างฉับพลัน พุ่งปราดไปที่ข้างลำตัวของเหยียนลี่แล้วใช้มือคว้านางไว้ ก่อนที่ปีกสีเขียวคู่นั้นจะขยับอีกครั้ง เพื่อหลบหลีกหมอภูตที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ ภายในระลอกคลื่นก็เกิดเสียงอัสนีบาตรดังลั่น สายฟ้าสีดำทมึนราวกับน้ำหมึกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาอย่างหนาแน่นและถี่ยิบ
หานลี่รู้สึกหนักใจ ฉากนี้ดูคุ้นเคยยิ่งนัก
สายฟ้าสีดำปรากฏออกมาอย่างฉับไว การเคลื่อนไหวของเขาไม่สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วเมื่ออยู่ภายใต้พลังมหาศาลอันน่าประหลาดนี้
เบื้องหน้าเปล่งแสงสีดำวูบหนึ่ง คาดไม่ถึงวิหคยักษ์สีเขียวกับเหยียนลี่ที่คว้าไว้ในกำมือจะหายไปในระลอกคลื่นอย่างไร้ร่องรอย
หยวนเหยาที่อยู่กลางอากาศสูงได้เห็นทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง ก็รู้สึกหวาดผวาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รอให้นางได้คิดหาวิธีอะไร ระลอกคลื่นสีดำก็ซัดกระจายมาจากสี่ทิศแปดทางอย่างฉับพลัน
เหยียนเหยาถูกหอบเข้าไปข้างในโดยที่หลบออกมาไม่ทัน แล้วหายไปอย่างน่าประหลาดท่ามกลางสายฟ้าสีดำที่เปล่งประกายวูบวาบหลายดวง