คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1529
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1529 ยาลูกกลอนมังกรทะยาน
หลังจากที่ปีศาจทั้งสี่กล่าวลาด้วยความซาบซึ้งใจแล้ว หานลี่นั่งอยู่ในห้องโถงพลางหยิบกล่องไม้ที่บรรจุบ๊วยโลหิตออกมาอีกครั้ง และใช้สองนิ้วคีบสมบัติชิ้นนี้ขึ้นมาพิจารณาอยู่ในระดับสายตาไปมาไม่หยุด
“ช่างเป็นการได้มาโดยไม่ต้องเสียเวลาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้วัตถุดิบในการหลอมพระพุทธรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้มาอีกหนึ่งชิ้น และสมุนไพรที่ได้มาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิหคสวรรค์ ครานี้ขอแค่หาแก่นทองคำในตำนานมาผสมกับแมลงผลึกกรวยกระดูกสีทองก็สามารถหลอมร่างจริงของพระพุทธรูปได้แล้ว!” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตนเองสองสามประโยค ใบหน้าเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา
เก็บบ๊วยโลหิตกลับลงไปในกล่องไม้อีกครั้ง ในมือมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป
หานลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยแววตาที่เปล่งประกายครุ่นคิด หยัดกายลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็มาปรากฎตัวที่มุมหนึ่งของสวนสมุนไพรภายในถ้ำพำนัก
เบื้องหน้าของเขามีต้นไผ่สีเขียวมรกตเจ็ดสิบสองลำ สูงสองสามจั้ง ถูกม่านลำแสงสีทองอ่อนชั้นหนึ่งห่อหุ้มอยู่
หานลี่ยืนอยู่เบื้องหน้ากระบี่บินเหล่านั้น เพ่งมองชั่วขณะ ฉับพลันนั้นพลันยื่นมือออกไปหยิบไผ่สีเขียวมรกตที่อยู่ใกล้ที่สุด
แต่เมื่อนิ้วสัมผัสกับไม้ไผ่ เสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองสายหนึ่งปรากกฎขึ้นบนลำไม้ไผ่ โจมตีไปยังฝ่ามืออย่างไม่เกรงใจ
เสียง “เปรี้ยงๆ” ดังขึ้น พริบตานั้นฝ่ามือพลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก ประจุไฟฟ้าสีทองจมหายเข้าไปอย่างไร้ร่องรอย คาดไม่ถึงว่าจะถูกดูดเข้าไป
หานลี่ทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ แค่หลับตาทั้งสองข้างลง ดูเหมือนว่าจะสัมผัสอะไรได้จากใบไผ่ที่ปลายนิ้ว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หานลี่ถึงได้เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น คลายใบไผ่สีเขียวมรกตออก แต่กลับขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย
“แม้จะได้ผล แต่ขั้นตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเชื่องช้าไปหน่อย ดูแล้วตอนที่ผนึกอีกครั้ง คงดีกว่านี้ ไปจัดการเรื่องอื่นก่อนเถิด!” หานลี่ลูบใต้คางไปมาแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนร่างของเขา กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งไปด้านนอกสวนสมุนไพร เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นสองสามครั้งแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยย
ไม่นานนักหานลี่ก็มาปรากฎในห้องหินสี่เหลี่ยมอีกห้องหนึ่ง
ห้องแห่งนี้มีเตาน้อยใหญ่ตั้งอยู่เจ็ดแปดเตา ถูกวางเรียงกันเป็นวงกลม ตรงกลางกลับมีแท่นหินสูงใหญ่แท่นหนึ่ง ด้านนอกเป็นรูทรงกลม ถูกหยกขาวปกคลุมด้านบนเอาไว้อย่างมิดชิด
ฝาหยกเปล่งแสงสีขาวจางๆ ออกมา ดูมืดครึ้มและเย็นยะเยือก คาดไม่ถึงว่าจะสร้างขึ้นจากน้ำแข็งทมิฬก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง
บนชั้นไม้รอบๆ ห้องหินมีขวดน้อยใหญ่กองอยู่ แผ่กลิ่นหอมเข้มข้นออกมา
นั่นก็คือห้องปรุงยาที่หานลี่สร้างขึ้น!
ในขวดเหล่านั้นล้วนเป็นยาช่วยเสริมแบบสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นยาธรรมดาๆ แต่ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
หานลี่ขี้เกียจจะนำพวกมันใส่ลงไปในกำไลเก็บของ แน่นอนว่าจึงวางมันไว้ที่นี่แทน
หลังจากที่กวาดสายตาไปบนเตาเหล่านั้นแล้ว สุดท้ายก็ตกลงบนเตาสีเขียวใบหนึ่ง
หานลี่ยกมือขึ้นตะปบไปทางฝาของแท่นหิน ชั่วขณะนั้นสิ่งหนึ่งพลันบินพุ่งขึ้นมา ร่อนลงบนพื้นด้านข้างอย่างมั่นคง เกิดเป็นเสียงอึกทึกดังขึ้น
คาดไม่ถึงว่าจะหนักอึ้งเป็นอย่างมาก!
และในเวลาเดียวกันที่ฝาบินออกมา เพลิงลำแสงสีแดงสดกลุ่มหนึ่งก็บินทะลุออกมาจากรูยักษ์
ในห้องลับเปลี่ยนเป็นร้อนฉ่าจนยากที่จะรับไหวทันที
หานลี่ชี้ไปที่เตาสีเขียวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เจ้าสิ่งนั้นสั่นไหวเบาๆ ชั่วขณะนั้นพลันหายวับไปจากที่เดิม
พักใหญ่ๆ เตาใบนั้นกลับมีเปลวเพลิงลำแสงสีแดงสดปรากฎขึ้นกลางอากาศ ท่ามกลางเพลิงลำแสงที่สาดส่องลงมา มันพลันหมุนติ้วๆ ไปมา
หานลี่พลันบริกรรคมคาถา สองมือร่ายอาคม ปล่อยอาคมสายหนึ่งไปหาเตาสีเขียว
หลังจากที่หม้อสีเขียวเดี๋ยวหดเล็กลดเดี๋ยวขยายใหญ่ขึ้นรอบหนึ่ง เสียง “ตึง” ก็ดังขึ้น พลางร่อนลงมาด้านล่าง ขวางรูเพลิงเอาไว้ยอ่างพอดิบพอดี บดบังเปลวเพลิงสีแดงเหล่านั้นเอาอย่างมิดชิด
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้ก็พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็ปัดไปที่กำไลเก็บของบนข้อมือ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เผยกล่องหยกใบหนึ่งออกมา
เปิดฝากล่องออกอย่างระมัดระวัง เผยผลเจียงกั่ว[1]สีม่วงออกมาสองสามผล
ทุกผลมีขนาดเท่าหัวแม่มือ กลมดิก ราวกับเต็มไปด้วยน้ำกะทิโปร่งใส แผ่กลิ่นหอมเย้ายวนใจออกมา ด้านในผลเจียงกั่วมีแกนรูปมังกรเล็กๆ ที่ดูเสมือนจริงอยู่ มันโปร่งใสแวววาวและแนบเนียนสมจริง
นี่คือผลแก่นมังกรที่หานลี่ได้มาระหว่างทางจากภารกิจของเผ่าพฤกษาวิญญาณ
หากใช้ผลวิญญาณที่ล้ำค่านี้หลอม ‘ยาลูกกลอนทะยานมังกร’ มันจะมีผลต่อการพัฒนาพลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญขั้นต้นเป็นอย่างมาก
ครานี้หานลี่อยู่ในระดับหลอมสูญขั้นต้น แน่นอนว่าย่อมเตรียมตัวหลอมยาลูกกลอนชนิดนี้แล้ว
ทว่ายาวิธีการหลอมยาลูกกลอนชนิดนี้ค่อนข้างซับซ้อน และเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากสำหรับหานลี่ แค่วัตถุดิบเสริมในการปรุงยาชนิดนี้ ก็ต้องหลอมเพียงลำพังรอบหนึ่งแล้ว ต้องเสียเวลาไปกว่าครึ่งเดือน
แต่โชคดีที่ระยะเวลาในการโตเต็มวัยของผลแก่นมังกรยาวนานมาก ใช้เวลาสามหมื่นปีเต็มถึงจะโตเต็มวัยครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเร่งการเจริญเติบโตของไผ่อัสนีทองและผลตาข่ายสีเขียว จึงยังไม่ทันได้พิจารณาการเร่งการเจริญเติบโต ดังนั้นคงต้องรออีกสักสองสามปี
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่ก็เก็บผลแก่นมังกรลงไป ใช้มือหนึ่งตะปบไปทางชั้นวางไม้ที่อยู่ด้านข้าง
ขวดยาสิบกว่าขวดบินถลาเข้ามาในทันที….
หานลี่อยู่ในห้องปรุงยานานเกือบครึ่งเดือน หลังจากที่ออกมาอีกครั้ง ก็เข้าไปในห้องลับ เริ่มปรับสมดุลของพลังยุทธ์ที่เพิ่งทะลวงจุดคอขวดออกมา
แน่นอนว่าแทบจะในเวลาเดียวกัน เขาก็เริ่มเรียนรู้เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ชุดนั้น!
ช่วงเวลานี้อสูรน้อยและปีศาจทั้งสี่ก็นำวัตถุดิบที่ล้ำค่าจำนวนมากมาส่งให้ แม้ว่าของเหล่านี้จะมีมูลค่าไม่ธรรมดา แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อหานลี่ในครานี้นัก แน่นอนว่าจึงให้วิญญาณครวญแปลงกายเป็น ‘หานลี่’ ไปรับไว้อย่างสบายๆ
ปีศาจทั้งสี่ไม่อาจแยกแยะได้ว่า ‘หานลี่’ ที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวจริงหรือปลอม แต่ก็ยังคงเอ่ยขอบคุณ ไม่กล้าเผยท่าทีไม่นับถือออกมาแม้แต่น้อย
ภายใต้การแนะนำของทารกวิญญาณที่สอง วิญญาณครวญเก็บของไปด้วยท่าทีทระยงองอาจ แล้วไล่ปีศาจเหล่านั้นไป
ส่วนเรื่องที่หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็ออกจากเกาะยักษ์ไปทางอากาศของมหาสมุทร เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว
วันเวลาต่อจากนั้น ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างราบเรียบ
สองสามปีผ่านไปในที่สุดผลแก่นมังกรก็โตเต็มววัย หานลี่ออกมาจากการกักตน เริ่มหลอมยาทะยานมังกรจำนวนมาก
ผลคือยาลูกกลอนชนิดนี้ไม่เพียงมีขั้นตอนการหลอมที่ยุ่งยาก อัตราการหลอมสำเร็จก็ต่ำจนน่าอนาถใจ จากความรู้ด้านกาปรุงยาของเขาในครานี้ หลอมสิบครั้งคาดไม่ถึงว่าจะล้มเหลวไปเจ็ดแปดครั้งแล้ว
หานลี่รู้ว่าการหลอมยาลูกกลอนชนิดนี้ไม่ง่ายมาตั้งแต่แรก แต่ก็ยังตกใจกับอัตราการหลอมสำเร็จที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้
นี่ถึงได้รู้จักความยากของการปรุงยาพัฒนาพลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญว่าเหนือกว่าที่เล่าลือกัน มิน่าล่ะร้านประมูลของเมืองเทวะสวรรค์ถึงไม่เคยนำยาลูกกลอนกระดับนี้ออกมาประมูล เกรงว่าต่อให้มีปรมาจารย์ด้านการปรุงยาที่มีฝีมือหน่อย ก็ไม่พอให้ตนเองดื่มจนทะลวงจุดคอขวด ไหนเลยจะนำออกมาง่ายๆ
ส่วนผู้ที่นำยาระดับนี้มาใช้ฝึกฝนราวกับเป็นเรื่องปกติ ก็ไม่อาจกล่าวว่าไม่มีได้ แต่ก็มีอยู่เพียงนิดหน่อยไม่กี่คนเท่านั้น
แม้ว่าหานลี่จะรู้สึกกลัดกลุ้ม ทว่ามีขวดเล็กลึกลับอยู่ในมือ วัตถุดิบเสริมอื่นๆ ก็ไม่ใช่ของหายากอะไร แค่ใช้เวลามากหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร
เช่นนั้นเวลาที่หานลี่กักตนปรุงยาครั้งแรกครั้งเล่าจึงค่อยๆ ไหลผ่านไป
สี่สิบปีต่อมาภายในห้องลับของถ้ำพำนัก หานลี่นั่งสมาธิอยู่บนพื้น สองมือร่ายอาคม ลำแสงสีทองบนร่างไหลเวียนโคจรไปมา กำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนฃ
แต่ฉับพลันนั้นความรู้สึกขนลุกซู่ก็มาประชิดจิตใจ ทำให้เขาเก็บวรยุทธ์ด้วยอารามตกใจ พลางหยัดกายลุกขึ้น
“เหมือนจะมีผู้บำเพ็ญเพียรที่ยิ่งใหญ่ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านที่นี่! หรือว่า…” หานลี่ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นมีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึงระคนเคร่งเครียด
สามารถทะลวงผ่านเขตต้องห้ามหลายชั้นด้านนอกถ้ำพำนักของเขา แผ่แรงกดที่น่าตกตะลึงมายังเขาได้โดยตรง แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกัน แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมร่างขึ้นไป จะมาที่เกาะรกร้างแห่งนี้เพื่ออันใดกัน หรือว่าจะเป็นเหล่าอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์ หรือว่าจะเป็นตัวประหลาดเฒ่าของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเผ่าอื่น!
หานลี่แววตาเปล่งประกาย ความคิดเคลื่อนไหวไปมา แต่หลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ร่างกายก็เปล่งแสงสว่างวาบ ผลักประตูหินออกพลางออกไปจากห้องลับ
ครู่ต่อมาหานลี่ก็มาปรากฎตัวอีกห้องที่บนพื้นมีเขตอาคมมหึมาสลักอยู่ ตรงใจกลางของเขตอาคมมีแท่นหินอยู่แท่นหนึ่ง ด้านบนมีกระจกหกเหลี่ยมบานหนึ่งวางอยู่ และแผ่ลำแสงสีเงินออกมาลางๆ
นั่นเป็นเพราะหานลี่เพิ่งเรียนรู้ยันต์เก้าวิมานสวรรค์ได้ และปรับเปลี่ยนเขตต้องห้ามไข่มุกหมื่นมังกรสองสามครั้ง ครานี้ไข่มุกเม็ดนี้ไม่เพียงแผ่อาณาเขตออกไปได้สองสามพันลี้ และยิ่งไปกว่านั้นความลึกลับของมันยังไม่เหนือกว่าในอดีตจนไม่อาจเทียบเทียมได้
หานลี่สาวเท้าไปข้างหน้าสองสามก้าว ยืนอยู่ตรงใจกลางเขตอาคม สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งจมหายเข้าไปในเขตอาคม
ชั่วขณะนั้นทั้งเขตอาคมพลันเปล่งเสียงร้องครืนๆ ดังขึ้น ลำแสงอัสนีต่างๆ ปรากฎขึ้น ม้วนไปทางกระจกสัมฤทธิ์บนแท่นหินทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันที่กระจกถูกอัสนีลำแสงต่างๆ จมเข้าไป ก็เปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา พื้นผิวมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงวูบ ฉับพลันนั้นพลันพ่นม่านลำแสงสีเงินขนาดสองสามจั้งชั้นหนึ่งออกมา
ในม่านลำแสงมีลำแสงน้อยใหญ่กระพริบวาบๆ ไม่หยุด
หานลี่กวาดสายตาไป ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสีสายตาตกอยู่ตรงลำแสงเจิดจ้าจนแสบตาสองดวงตรงขอบของม่านสีเงิน
“อะไรนะ คาดไม่ถึงว่าจะมีสองคน!” หานลี่พลันตะลึงงัน เผยสีหน้าประหวั่นออกมา แต่ทันใดนั้นก็จ้องเขม็งไปยังพวกมันด้วยดวงตาที่ไม่กระพริบ
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา ลำแสงสองดวงก็นิ่งงันอยู่บนม่านลำแสง ทั้งไม่ได้คิดจะพุ่งตรงผ่านถ้ำพำนักของหานลี่ และไม่ได้คิดจะไปจากที่นี่
หานลี่อดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสไปมาไม่ได้
“เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่น่ากลัวผู้นี้ไม่ได้มาหาเรื่องเขา มิเช่นนั้นในเวลาเดียวกันที่กวาดจิตสัมผัสผ่านถ้ำพำนักของเขาไป ก็คงบินเข้ามาในทันที แต่สองคนนี้กลับไม่ยอมจากไป ดูแล้วคงไม่ได้แค่ผ่านทางมา นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกหัวโตไปเล็กน้อย! จากพลังยุทธ์ของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าไม่อาจมาปรากฎตัวที่นี่อย่างไม่มีเหตุมีผลได้! ผู้ใดจะรู้ว่าสองคนนี้เป็นมิตรหรือศัตรู หรือว่ามีแผนการอื่นกับเกาะแห่งนี้ สองคนนี้อยู่ห่างจากถ้ำพำนักของตนไปไม่ถึงสองสามพันลี้ แม้กระทั่งอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่กระบวนหนึ่ง อานุภาพก็อาจจะมาถึงตนเองได้ ตนเองก็อย่าปล่อยให้ประตูเมืองไฟไหม้ จนเป็นภัยลามมาถึงปลาในบ่อ[2]ล่ะ” เมื่อขบคิดเช่นนี้ หานลี่ก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ประกอบกับก่อนหน้าที่แผ่จิตสัมผัสออกไปสัมผัสได้ถึงพลังเย็นเยียบ ทำให้เขาไม่รู้เป้าหมายของทั้งสอง จึงยิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนใจ
เขาขบคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มองไปยังเขตอาคมที่ฝ่าเท้า ฉับพลับนั้นพลันกัดฟัน ตัดสินใจอย่างเงียบๆ
หานลี่ใช้มือหนึ่งชี้ไปที่กระจกสัมฤทธิ์กลางอากาศเหนือแท่นบูชา
กระจกบานนั้นสั่นคลอนเบาๆ พวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แผ่ลำแสงสีเงินเจิดจ้าออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้นหานลี่พลันบริกรรมคาถา อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งออกมาจากปาก
เสียง “ตูม” ดังขึ้น!
เมื่อกลุ่มโลหิตอยู่ห่างกระจกสัมฤทธิ์ได้สองสามฉื่อก็ระเบิดออก กลายเป็นหมอกโลหิตคละคลุ้ง ชั่วครู่ก็ปกคลุมกระจกบานนั้นเอาไว้ข้างใน
——
[1] ผลเจียงกั่ว หมายถึง ลูกเบอร์รี่
[2] ประตูเมืองไฟไหม้จนเป็นภัยลามมาถึงปลาในบ่อ หมายถึง เหตุร้ายลุกลามต่อเนื่อง