คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1533
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1533 กระบี่วิญญาณถือกำเนิด
ต่อให้เขาไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกม่านหมอกได้ ก็รู้ว่าตัวเองจะต้องถูกดูดเข้าไปหลุมดำ มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้น
ภายใต้ความร้อนใจ หานลี่ใช้มือหนึ่งตบไปที่หว่างคิ้ว
ขณะนั้นตรงจุดนั้นพลันมีลำแสงสีดำพลันสว่างวาบ ดวงตาสีดำสนิทข้างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
นั่นก็คือเนตรทำลายล้างที่หานลี่ฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปี
ในเมื่อการโจมตีธรรมดาๆ ไม่มีผลต่อม่านหมอก ก็มีเพียงต้องลองใช้อิทธิฤทธิ์การทลายอาคมเช่นนี้ดูสักครั้ง
หานลี่คิดวิธีนี้ออกมาท่านกลางความร้อนรน เห็นได้ชัดว่าทำถูกแล้ว
เห็นเพียงเสาลำแสงสีดำขนาดเท่านิ้วมือสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเนตรทำลายล้าง หมอกสีโลหิตที่ดูแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ เพียงกะพริบวาบ แล้วถูกทะลวงผ่าน
จากนั้นเสาลำแสงสายบางก็ตวัดผ่าน กรีดออกเป็นรูขนาดสองสามจั้งรูหนึ่ง
ทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย หานลี่ที่โอบกอดความคิดนี้เอาไว้พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกยินดีขึ้นมา
เขากระพือปีกที่แผ่นหลังอย่างไม่ต้องคิด คนก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมาจากม่านหมอก
เมื่อแสงวิญญาณหม่นลง ร่างของหานลี่ก็ออกมาจากกลางหลุมดำ ปีกทั้งสองกระพือไปมาไม่หยุด
นี่ไม่ใช่การอาศัยเคล็ดวิชาหลีกหนีอะไร ล้วนอาศัยพลังเหาะเหินของปีกวายุอัสนี ถึงได้ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศได้
มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาที่อยู่นอกหลุมดำคงจะตกลงไปด้านล่างในทันที
รอบด้านกลับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาระลอกหนึ่ง เงาลวงตาสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม สองมือถูกันไปมา
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวพุ่งออกมาจากมือ
ประจุไฟฟ้าเหล่านี้มีความหนามากเป็นพิเศษ เหนือกว่าอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของหานลี่ก่อนหน้านี้
นี่คือประโยชน์ที่บังเอิญได้มาจากการที่เขาใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะกระบี่ กระบี่บินที่หลอมขึ้นใหม่ไม่เพียงจะดูดซับพลังวิญญาณของไผ่อัสนีทองไปจนเกลี้ยง ยังนำอัสนีเทวาเป่าปัดภยันตรายที่ผสมอยู่เข้าไปใช้อีกด้วย
ผลของการทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้หลอมกระบี่บินจนถึงขีดสุดแล้ว ไม่ว่าจำนวนหรืออานุภาพของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่ผสมอยู่ ล้วนเพิ่มขึ้นขั้นหนึ่ง
ครานี้หลังจากที่ถูกหานลี่ควบคุมออกมาแล้ว แน่นอนว่าย่อมเผยความไม่อาจต้านทานได้ออกมา!
หลังจากเสียงระเบิด ครืนครัน ดังขึ้น ภายใต้แสงอัสนีสีทองที่สว่างวาบ เงาลวงตาสีโลหิตที่กระโจนเข้ามาจากรอบด้านพลันทยอยกันดีดตัวออกไป แต่จำนวนของเงาโลหิตมันมากเกินไป ราวกับว่ามีมากมายจนนับไม่ถ้วน ทุกตนล้วนกรูกันเข้ามาหาหานลี่ราวกับไม่กลัวความตาย บางตัวที่ร่างหนาแน่นหน่อย ก็อ้าปากออกพ่นเส้นไหมโลหิตที่มีกลิ่นค้าวคละคลุ้งออกมา ทะลวงผ่านตาข่ายที่สร้างขึ้นจากอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย เข้ามาใกล้หานลี่
ทว่าภายใต้สองมือประกบร่ายอาคมของหานลี่ เส้นไหมโลหิตเหล่านี้พลันถูกกระบี่ลำแสงมายาที่ปล่อยออกมาอย่างฉับพลันต้านทานเอาไว้
แสงสีเขียวกะพริบเรืองๆ เส้นไหมสีโลหิตขาดออกเป็นสาย ถูกทำลายจนแหลกละเอียด
และในครานั้น เขตอาคมลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งเสียงร้องออกมาดังเข้าไปในโสตประสาทของหานลี่ ในหลุมดำมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หานลี่กวาดสายตาไปรอบทิศ รู้แล้วว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายที่ไม่รู้จัก
ภายใต้ใบหน้าที่กำลังเปลี่ยนสีของเขา ปีกที่แผ่นหลังก็กระพือคราหนึ่ง พลันกะพริบวาบสองสามครามาอยู่ตรงริมขอบของหลุมดำ หมายจะบินออกไป
ปัง เสียงดังขึ้นอย่างเวทนา
ร่างของหานลี่ซวนเซ ราวกับว่าปะทะเข้ากับแพงไร้รูปร่าง ถูกเขตอาคมโปร่งแสงชั้นหนึ่งดีดกลับมา
หลังจากที่ปีกบนแผ่นหลังกระพืออย่างบ้าคลั่งสองสามครั้ง ร่างของหานลี่ถึงได้กลับมามั่นคง แน่นอนว่าย่อมเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
ในตอนที่เขาคิดจะพลิ้วกาย แล้วสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทลายเขตอาคมออกมาอีกครั้ง ส่วนลึกของหลุมดำกลับมีแรงดูดมหาศาลกลุ่มหนึ่งส่งออกมา!
พลังมหาศาลนี้แทบจะทำให้หานลี่ไม่อาจต้านทานได้ ถูกดึงกลับเข้าไปยังจุดเดิมในพริบตาและต่อเนื่องไม่หยุด
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ในใจรู้สึกตื่นตะลึงมากแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว!
เขตอาคมลำแสงสีโลหิตสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวของเขตอาคมลำแสงเริ่มรางเลือน แล้วค่อยๆ โปร่งแสงขึ้น ราวกับว่าจะหายวับไปได้ตลอดเวลา
ทุกอย่างนี้พูดไปก็ยาว แต่กลับเกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น
หานลี่ถูกพลังดูดมหาศาลในหลุมดำกักเอาไว้ ภายใต้ความร้อนใจ ก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก พลันสำแดงความสามารถทั้งหมดออกมา ขอเพียงให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้ไปได้เท่านั้น
ชั่วพริบตานั้นเห็นเพียงรอบด้านของหานลี่ระเบิดรัศมีสีทอง หมอกสีเทา เปลวเพลิงห้าสี ประจุไฟฟ้าอัสนีสีทอง รวมทั้งกระบี่ลำแสงสีเขียวเป็นสายๆ ออกพร้อมกัน
สำแดงอิทธิฤทธิ์มากมายขนาดนี้ออกมาในเวลาเดียวกัน อานุภาพจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว!
เห็นเพียงแสงเปลวเพลิงหลากสีสันลอยขึ้นลงไปมา ปกคลุมร่างของหานลี่เอาไว้จนมิด
แม้ว่าแรงดึงดูดขุมนั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน เพียงพริบตาก็อ่อนกำลังลง
หานลี่พลันดีใจ หมายจะบินออกจากหลุมดำในทันใด เงาโลหิตรอบด้านกลับเปล่งเสียงกรีดร้องขึ้น จากนั้นเสียง กึกๆ พลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าภายใต้พลังประหลาดนี้ มันจะระเบิดออกแล้วสลายตัวพร้อมกัน กลายเป็นม่านลำแสงสีโลหิตเป็นกลุ่มๆ
ทันใดนั้นม่านลำแสงเหล่านั้นพลันหายวับไปกับตา จมหายเข้าไปในส่วนลึกของหลุมดำอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่สัมผัสได้ถึงทิวทัศน์รอบด้านอย่างรางเลือน ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาดกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามาในจิตใจ นี่คือเหตุการณ์ใกล้จะส่งตัวอยู่รอมร่อที่เขามีประสบการณ์มาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“แย่แล้ว”
แม้ว่าหานลี่จะไม่รู้ว่าจะถูกส่งตัวไปที่ใด แต่คิดดูก็รู้แล้วว่า ต้องไม่ใช่สถานที่ที่ดีอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเนตรทำลายล้างตรงหว่างคิ้วพลันมีลำแสงสีดำสว่างจ้า พ่นเสาลำแสงสีดำสายหนึ่งออกมา
ลำแสงสีดำกะพริบวาบ เสาลำแสงจมหายไปรอบๆ ด้าน ชั่วขณะนั้นทิวทัศน์ที่รางเลือนพลันแจ่มชัดขึ้น แต่ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม
หานลี่มีสีหน้าเขียวคล้ำ หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำแสบตา ลำแสงสีดำเป็นสายๆ พุ่งออกไปด้านล่างทั้งสี่ด้านอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันเหนือศีรษะก็มีเทวรูปสามเศียรหกกรกำลังร่ายรำกรทั้งหกไปมาปรากฏขึ้น ลำแสงสีทองเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น หมายจะตัดการส่งตัวครั้งนี้
แต่กลางหลุมดำพลันมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น การโจมตีทั้งหมดล้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าการส่งตัวนี้และสิ่งที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านั้นไม่เหมือนกันนัก คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเหล่านี้เลยสักนิด
หานลี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไร้พละกำลัง ในเวลาเดียวกันในใจพลันรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
จากประสบการณ์ก่อนหน้าเมื่อทัศนียภาพรอบๆ เริ่มรางเลือน เขาก็น่าจะถูกส่งตัวไปในครู่ต่อมาถึงจะถูก แต่เหตุใดขั้นตอนตรงหน้าถึงได้ยาวนานเช่นนี้!
ในขณะที่หานลี่กำลังตะลึงตะลาน ในหัวมีความคิดผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นก็รู้สึกเพียงว่ามือที่กำผลสวรรค์ทมิฬไว้เจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่ม ราวกับถูกของแหลมคมปักลงที่กลางฝ่ามือ
เขาพลันตกตะลึง รีบร้อนก้มหน้าลงไปมอง
ถึงได้พบว่าเป็นเพราะตนเองโคจรเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พรามหณ์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงขีดสุด ดังนั้นฝ่ามือจึงมีลำแสงสีทองระยิบระยับ ถูกแทงจนเป็นรูเล็กๆ อย่างไม่รู้สาเหตุ หยาดโลหิตสดๆ ไหลออกมา และตรงตำแหน่งเดิมที่กำผลสวรรค์ทมิฬเอาไว้ ก็มีกิ่งไม้แหลมๆ งอกออกมา ด้านบนมีคราบโลหิตอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นต้นเหตุ
ต้องเข้าใจว่ากายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งกว่าสมบัติอาคมธรรมดาๆ หลายเท่า ประกอบกับที่โคจรเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ามือในยามนี้จึงแข็งแกร่งกว่ายามปกติหลายส่วน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังถูกกิ่งไม้เล็กๆ ทิ่มเป็นรูได้อย่างง่ายดาย หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นด้วยตาของตนเอง ก็คงไม่อยากจะเชื่อ
ขณะมองความเปลี่ยนแปลงของผลสวรรค์ทมิฬ หานลี่พลันมีสีหน้าฉงน ยังไม่ทันได้ห้ามโลหิต ผลสวรรค์ทมิฬก็เปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ โลหิตบริสุทธิ์ถูกดูดเข้าไปในเปลือกของมัน จากนั้นเสียงไพเราะก็ดังออกมาจากเจ้าผลนั้น ดังจนไปถึงสวรรค์ชั้นเก้า
ครู่ต่อมาหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่ พลันสะบัดข้อมือหมายจะโยนผลสวรรค์ทมิฬออกไปราวกับถูกอสรพิษกัด แต่สิ่งนี้กลับเกาะติดอยู่บนฝ่ามือของเขาราวกับกาวติดแน่น ไม่ขยับเลยสักนิด
ชั่วพริบตานั้นหานลี่พลันหน้าซีดเผือด
เขารู้สึกเพียงว่าโลหิตบริสุทธิ์ในร่างไหลทะลักไปตามรูเล็กๆ บนฝ่ามือเข้าไปหาผลสวรรค์ทมิฬ เขายังคงร่ายอาคมกระตุ้นอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไม่อาจยับยั้งได้
ชั่วพริบตาโลหิตบริสุทธิ์ภายในร่างพลันหายไปสองในสามส่วนแล้วถึงได้หยุดลง
เมื่อโลหิตบริสุทธิ์จำนวนมากเหือดหายไป และเป็นเพราะกายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุด หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ เกรงว่าคงจะซูบลงในทันที แต่จะว่าไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นโลหิตบริสุทธิ์ของผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่ง เกรงว่าแม้ผลสวรรค์ทมิฬจะดูดเอาไปจนตัวแห้งกรอบ ก็ไม่อาจเติมเต็มความต้องการของมันได้
ผลสวรรค์ทมิฬในนครานี้เดิมทีเปลือกเป็นสีเหลืองอ่อน ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสด จากนั้นลวดลายสีเขียวมรกตบนเปลือกก็เลื้อยไปมา กลายเป็นลวดลายลึกลับนิรนามลายหนึ่ง ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร เรียงรายอย่างแน่นขนัด
และในเวลาเดียวกัน ร่างกายของหานลี่พลันมีลำแสงห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แล้วกระโจนเข้าไปในผลสวรรค์ทมิฬราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
เสียง พรึ่บ ดังขึ้น ผลสวรรค์ทมิฬเปล่งแสงสีมรกตสว่างวาบ ฉับพลันนั้นใบมีดกระบี่เปล่งแสงสายหนึ่งความยาวสองสามฉื่อพลันพุ่งออกมา
ใบมีดกระบี่นี้เป็นสีเขียวมรกต ผิวเป็นมันวาวราวกับกระจก แต่ตรงใจกลางของใบมีดกระบี่ กลับดูเหมือนว่าจะสลักลวดลายสีเขียวมรกตที่แปลกประหลาดเอาไว้แถวหนึ่ง มีทั้งหมดห้าอัน เรียงจนเป็นเส้นตรงสายหนึ่ง
ส่วนผลสวรรค์ทมิฬนั้น เวลานี้กลับกลายเป็นด้ามกระบี่ของกระบี่เล่มนั้น มือหนึ่งของหานลี่กุมมันเอาไว้อย่างพอดิบพอดี
ทุกอย่างนี้ทำให้หานลี่ตกตะลึงจนตาค้าง
ทว่าในเวลาเดียวกันกับที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏตัว เขตอาคมลำแสงโลหิตด้านนอกกลับดูเหมือนว่าจะถูกอะไรทิ่มแทง หลังจากสั่นเทาอย่างแรงแล้ว เขตอาคมทั้งเขตแม้แต่หลุมดำตรงกลางพลันสั่นเทา แล้วหายวับไปในทันที
แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่ที่อยู่ในหลุมดำพลันรู้สึกเพียงว่าทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ในครรลองสายตาเป็นสีแดงโลหิต ทันใดนั้นก็หมุนคว้างอย่างไม่อาจเป็นตัวเองได้
ภายใต้ความตะลึงงันของหานลี่ แทบจะสะบัดด้ามกระบี่ในมือไปตามความรู้สึก ตวัดฟันออกไปอย่างไร้ทิศทาง…
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่หมื่นลี้ กลิ่นอายคละคลุ้งแผ่เต็มท้องฟ้า แท่นบวงสรวงยักษ์ถูกหมอกสีแดงโลหิตห่อหุ้มเอาไว้ มีเงาร่างคนสิบกว่าคนปรากฏอยู่บนนั้นรางๆ ด้านล่างเท้าของคนเหล่านี้มีเขตอาคมขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น พลางเปล่งแสงสีโลหิตจางๆ
หากพิจารณาให้ละเอียดจะพบว่า
รูปร่างของเขตอาคมนี้ เหมือนกับเขตอาคมลำแสงโลหิตที่ปรากฏเหนือศีรษะของหานลี่ก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว
และด้านล่างแท่นบวงสรวงมีทะเลสาบยักษ์ที่ถูกของเหลวสีแดงโลหิตปกคลุมอยู่ มองจากไกลๆ แล้ว ผิวทะเลสาบนั้นกว้างใหญ่ตั้งไม่รู้กี่ส่วน มองปราดเดียวไม่เห็นปลายทาง
ในทะเลสาบยังมีโครงกระดูกสีขาวลอยอยู่ มีหลายเผ่าพันธุ์ และหลายขนาด เรียงรายกันอยู่เต็มผิวน้ำ ให้ความรู้สึกน่าขนลุก
“เป็นไปไม่ได้ สมบัติแห่งสวรรค์ทมิฬล่ะ! ข้าสัมผัสได้ถึงมัน และยิ่งไปกว่านั้นยังเรียกกลับมาอยู่เห็นๆ” เสียงตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวพลันดังออกมาจากปากผู้ที่อยู่บนแท่นบวงสรวง ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ