คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1548-2
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1548-2 แมลงเม่าประหลาด
“นี่คือ…”
หานลี่แววตาเปล่งประกาย เผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมา แต่ทันใดนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีทองบนเรือนร่างเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง โคจรเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็อาศัยพลานุภาพของเคล็ดวิชากดโลหิตในร่างเอาไว้
แต่ไม่รอให้สถานการณ์ภายในร่างฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ผิวที่แผ่นหลังของเขาพลันร้อนฉ่า ราวกับมีเปลวเพลิงมาสุมไว้อย่างไรอย่างนั้น
หานลี่พลันขมวดคิ้วดึงชุดคลุมยาวบนร่างของตนเองออก เผยร่างเปลือยท่อนบนออกมา
จากนั้นพลันยกมือขึ้น ลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากในมือ พลิ้วไหวเล็กน้อย แล้วกลายเป็นกระจกบานเล็กสีทองเรืองรองบานหนึ่ง
กระจกบานนี้หมุนติ้วๆ พลางลอยโคจรอยู่เหนือศีรษะ ผิวกระจกเปล่งแสงระยิบระยับออกมา สะท้อนสถานการณ์จากแผ่นหลังของหานลี่อย่างชัดเจน
บนแผ่นหลังของเขามีลวดลายสี่ลายที่ชัดเจนราวกับลายสักปรากฏขึ้น!
อันหนึ่งคือหงส์สีสันงดงาม อันหนึ่งคือวิหคยักษ์สีเขียว อีกตัวหนึ่งมังกรทองห้ากรงเล็บ รวมทั้งนกยูงห้าสีตัวหนึ่ง
คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่หานลี่หลอมโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้สี่ชนิดเข้าไปในร่างในตอนแรก
และเวลานี้ลวดลายทั้งสี่ก็กำลังเปล่งประกาย ภาพแต่ละภาพล้วนขยับไหวๆ อยู่บนแผ่นหลังเขา ราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น หากไม่ใช่เพราะมีเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์คอยกดเอาไว้ โลหิตเที่ยงแท้ที่ก่อตัวขึ้นเหล่านี้คงบินออกจากร่างของเขาไปแล้ว
ความตกตะลึงในใจของหานลี่แค่คิดก็รู้แล้ว
เขามั่นใจว่าได้ใช้เคล็ดวิชาลับตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง หลอมโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสี่ชนิดเรียบร้อยแล้ว ไฉนจึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ และทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น กลับเป็นเพียงเสียงร้องคำรามดังมาจากไกลๆ เสียงหนึ่งเท่านั้น
ความคิดของหานลี่เคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันคิดต้นสายปลายเรื่องออก ไกลออกไปพลันมีเสียงร้องคำรามดังขึ้น ลวดลายวิญญาณเที่ยงแท้ที่แผ่นหลังพลันเปล่งแสงประหลาด คาดไม่ถึงว่าจะเริ่มโคจรไปมา ราวกับอยากหาทางออกออกจากผิวหนัง แล้วออกจากร่างของเขาอย่างไรอย่างนั้น
แค่นเสียงด้วยความเย็นชา หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ร่างกายเปล่งแสงสีท้องเจิดจ้า!
ลวดลายจิตวิญญาณเที่ยงแท้ไม่เคลื่อนไหวไปมาที่ผิวกายอีก
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือหนึ่งตวัดออกไป เสียง ปัง ดังขึ้น กระจกบานเล็กสีทองบานหนึ่งระเบิดออก กลายเป็นลำแสงสีทองแล้วหายวับไป
ส่วนหานลี่เองพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งออกไป ตรงไปส่วนลึกของเกาะน้ำแข็งที่มีเสียงคำรามดังสนั่นขึ้น
เสียงคำรามประหลาดเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถรบกวนโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่ถูกหลอมอยู่ในร่างของเขาได้ เขาไม่ทราบต้นเหตุของเรื่องแล้วจะวางใจได้อย่างไร
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเวลานี้หานลี่คิดว่าพลังยุทธ์ของตนเองเพิ่มขึ้นแล้ว ออกจากระดับผสานอินทรีย์ได้ จึงไม่สนใจอันตรายทั่วๆ ไปนัก
หากอยู่ในระดับหลอมสุญตา ไม่แน่ว่าอาจจะยังลังเลกว่าจะได้ลงมือ
หลังจากกะพริบวาบสองสามครา สายรุ้งสีเขียวก็หายวับไปจากขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
เสียงคำรามนั้นดูเหมือนดังอยู่ไม่ไกลนัก แต่หานลี่บินมารวดเดียวสามสิบสี่สิบลี้ กลับยังไม่เห็นสิ่งที่เปล่งเสียงคำรามนั้น
แต่เกาะน้ำแข็งแห่งนี้กลับแปลกพิลึก ดูเหมือนจะถูกพลังแม่เหล็กธรรมชาติปกคลุมเอาไว้ จิตสัมผัสถูกตัดทอนลงไปเป็นอย่างมาก ทำให้เขาทำได้เพียงแผ่ออกไปแค่สิบลี้เศษเท่านั้น
ทว่าเมื่อหานลี่บินมาได้อีกชั่วครู่ พลันหน้าเปลี่ยนสี หยุดลำแสงหลีกหนีลงทันที
ชั่วครู่เบื้องหน้าพลันมีลำแสงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีหลากสีสันเจ็ดแปดสายพุ่งเข้ามา
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง มองเห็นทุกคนที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีอย่างชัดเจนทันที
ผลคือทำให้ตื่นตะลึง
ในลำแสงหลีกหนีเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี แต่พลังยุทธ์ของทุกคนล้วนอยู่ในระดับก่อกำเนิด แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พยายามควบคุมลำแสงหลีกหนีมาทางเขา ราวกับว่าด้านหลังมีมารปีศาจอะไรสักอย่างกำลังไล่สังหารมาอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่กวาดจิตสัมผัสที่เบื้องหลังของพวกเขา ด้านหลังนั้นว่างเปล่า มีอะไรที่ไหนกัน
หานลี่พลันขมวดคิ้ว เมื่อคิดจะเอ่ยปากห้ามคนเหล่านั้น แต่พลันมีเสียงคำรามดังสนั่นขึ้นจากจุดที่ไกลออกไป ทันใดนั้นเสียงคำรามพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ชั่วขณะนั้นฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงท่ามกลางเสียงคำรามนั้น ลำแสงวิญญาณบนผิวกายของผู้ที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดเหล่านั้นพลันสั่นไหว ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน แทบจะในเวลาเดียวกันกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมของคนเหล่านั้นก็ทยอยกันระเบิดออก กลายเป็นหมอกโลหิตเป็นกลุ่มๆ แล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง
และในครานั้นเอง ไกลออกไปที่ขอบฟ้าพลันมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีอีกสองสายพุ่งเข้ามา
หานลี่เพ่งมองไป แล้วพลันตะลึงงันไปเล็กน้อย
หญิงสาวสวมชุดชาววังหนึ่งในสองคนที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเสี่ยวชิงสตรีผู้นั้น
อีกคนคือหญิงสาวสวมกระโปรงสีดำที่หน้าตาไม่ด้อยไปกว่านางเลย ทั้งสองคนมีสีหน้าเหมือนกับพวกที่กายเนื้อเพิ่งระเบิดไปอย่างไรอย่างนั้น ผิวแดงสดท่ามกลางเสียงคำราม ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่ลำแสงวิญญาณบนผิวของพวกนางกำลังกะพริบวาบๆ ไม่ได้ระเบิดกายออกจบชีวิตลงเหมือนกับคนก่อนหน้า
เห็นได้ชัดว่าสตรีทั้งสองล้วนอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง พลังยุทธ์เหนือกว่าคนเหล่านั้น
แต่เช่นนั้น ความเร็วในการหลบหนีของสตรีทั้งสองก็ได้รับผลกระทบ เทียบกับปกติแล้ว ก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
หานลี่พลันเลิกคิ้ว เมื่อคิดจะเข้าไปนั้น แต่ครู่ต่อมากลับหน้าเปลี่ยนสี รูม่านตาหดเล็กลง
เงาสีเทาเลือนรางขนาดสองสามร้อยจั้งกำลังปรากฏออกมาไล่หลังหญิงสาวทั้งสองไปสองสามลี้
เสียงคำรามดังสนั่นนั้น ก็ดังมาจากเงาสีเทาผืนนั้น
และเมื่ออยู่ในระยะประชิดเช่นนี้ แม้ว่าหานลี่จะเพิ่มอานุภาพของเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าครึ่ง ก็ยังคงสัมผัสได้ว่าโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสี่ชนิดที่แผ่นหลังกำลังเคลื่อนไหว
แม้แต่หานลี่ที่มีความสามารถขนาดนี้ยังได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามนี้ สตรีทั้งสองที่มีพลังยุทธ์ด้อยกว่าหานลี่ และยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ใกล้กับเงาสีเทาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าย่อมแย่ยิ่งกว่า
ท่ามกลางเสียงคำราม ลำแสงหลีกหนีของสตรีทั้งสองยิ่งเชื่องช้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าตกอยู่ในเขตอาคมที่ไร้รูปร่าง ไม่อาจดิ้นรนได้
แต่แค่ชั่วครู่ เงาสีเทายักษ์นั่นก็ร่นระยะเข้ามาหญิงสาวทั้งสอง
ภายใต้ความจนปัญญาของหญิงสาวทั้งสอง จึงทำได้เพียงทยอยกันหันกาย ทำการโจมตี
ในมือของหญิงสาวมีคันธนูแกร่งปรากฏขึ้น แสงสีเหลืองขาวแสบตากลุ่มหนึ่งเปล่งประกาย ลูกธนูลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับห่าฝน ชั่วครู่ก็โจมตีเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หญิงสาวกระโปรงดำชูมือขึ้น ลำแสงสีขาวสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกไป กลายเป็นมังกรวารีไฟฟ้าสีขาวสองสามตัวสับลงมาหาเงาสีเทา
เมื่อหญิงสาวทั้งสองร่วมมือกัน การโจมตีก็ดูน่าดุดันไม่น้อย ชั่วครู่ก็มาอยู่ใกล้กับเงาสีเทา
แต่ไม่รอให้การโจมตีเหล่านี้เข้าประชิด ฉับพลันนั้นคลื่นไร้รูปร่างสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากเงาสีเทา ไม่ว่าลูกธนูลำแสงหรือว่ามังกรวารีไฟฟ้าก็ถูกม้วนเข้าไปข้างใน แล้วเกิดระเบิดตัวเองออกมาดัง ตู้มๆ
ไม่อาจเข้าใกล้เงาสีเทาได้เลยสักกระผีกริ้น!
ส่วนเงาสีเทาก็ถือโอกาสนี้เปล่งแสงกะพริบวาบ ออกห่างพวกมันไปกว่าสองสามลี้
ในเวลาเดียวกันนั้นหญิงสาวทั้งสองพลันมีสีหน้าไร้สีโลหิตจากพลังยุทธ์ของพวกนางหากอยู่ใกล้กับเงาสีเทามากกว่านี้อีกนิด ก็คงไม่อาจต้านทานเสียงคำรามที่เปล่งออกมาจากเงาสีเทาได้ กายคงระเบิดออกและจบชีวิตลงไปเช่นกัน
“เอ๋ ท่านหาน! ท่านอาวุโสช่วยด้วย!” ในที่สุดชิงเสี่ยวผู้นี้ที่อยู่ในอารามตื่นตระหนก มองเห็นหานลี่อยู่ไม่ไกลกันนัก ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ พลางตะโกนอ้อนวอนหานลี่
หญิงสาวอีกคนหนึ่งเห็นท่าทางของชิงเสี่ยว กลับตกตะลึง แล้วหันไปเหลือบตามองหานลี่แวบหนึ่ง
หานลี่กลับมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบที่ดวงตา มองเงาสีเทาที่อยู่ไกลออกไปด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมากออกมา
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของเนตรวิญญาณ เขามองเห็นหน้าตาของสัตว์ประหลาดที่อยู่ในเงาสีเทาอย่างชัดเจน
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างไม่ต่างอะไรจากแมลงเม่าตัวหนึ่ง
เจ้าสิ่งนี้สยายปีกคู่หนึ่งออกมา ขนาดร้อยจั้ง ส่วนหัวและหางของร่างกายมีหัวกะโหลกโหดเ**้ยมงอกออกมาฝั่งละหัว
มองไปที่หัวซึ่งคล้ายกับสิงโต มีขนปกคลุม ดวงตาทั้งสองเป็นสีเขียวมรกต
เสียงคำรามประหลาดนั้นมาจากปากของสิงโตหัวนั้น และหัวที่อยู่ด้านล่างของแมลงเม่า กลับเป็นหัวงูเหลือมยักษ์สีดำเขียวหัวหนึ่ง ดวงตาทั้งสองปิดสนิท แต่กลับแลบลิ้นงูสีดำออกมาไม่หยุด
“นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรเนี่ย! ไฉนถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
สัตว์ประหลาดตัวนี้มีรูปร่างเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นนี้ แม้ว่านหานลี่จะมั่นใจว่ามีความรู้กว้างขวางเพียงใด ก็ต้องสูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง แต่โชคดีที่พลังปีศาจบนร่างของอสูรประหลาดตัวนี้ไม่ได้มากมายนัก ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย
แต่เวลานี้ชิงเสี่ยวสตรีผู้นี้กำลังเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือมาพอดี หานลี่พลันดวงตาเปล่งประกาย ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มพลันพุ่งออกไป จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวยี่สิบสามสิบเส้น เปล่งเสียง ฟิ้วๆ พุ่งแหวกอากาศไป
ภารกิจครั้งนี้สตรีผู้นี้เป็นคนเชิญเขามาเอง และยิ่งไปกว่านั้นยังเคยรู้จักมักจี่กัน แน่นอนว่าเขาจึงไม่มีทางไม่ลงมือช่วย
จากความเร็วของกระบี่บินที่หานลี่หลอมขึ้น ความเร็วของเส้นไหมสีเขียวพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า แหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียงเมื่อครู่ ครู่ต่อมาเส้นไหมสีเขียวทั้งหมดก็มาอยู่ตรงหน้าเงาสีเทา และพุ่งเข้ามาอย่างหนาแน่น
เห็นได้ชัดว่าแมลงเม่าประหลาดในเงาสีเทาคิดไม่ถึงว่าการโจมตีของหานลี่จะเข้ามาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ และไม่ทันได้ป้องกัน เห็นเพียงเงาสีเทามีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวทะลวงผ่านร่างของแมลงเม่ายักษ์ในเงาสีเทาไปอย่างง่ายดาย
เงาสีเทาหยุดชะงักอยู่ที่เดิม ในเวลาเดียวกันปากพลันหยุดเปล่งเสียงร้องคำราม
เส้นไหมสีเขียวค่อยๆ ทยอยพันรัดรอบร่างอันใหญ่มหึมาของแมลงเม่ายักษ์เอาไว้ ลำแสงสีเขียวเปล่งประกาย แมลงเม่าประหลาดตัวนั้นถูกสับออกเป็นชิ้นๆ แล้วตกลงมาจำนวนนับไม่ถ้วน
เห็นตนเองลงมืออย่างง่ายดายเช่นนี้ หานลี่ก็ไม่ได้เผยสีหน้าดีอกดีใจออกมา กลับหรี่ตาทั้งสองข้างลง สีหน้าระวังภัยฉายแวบผ่านไป
ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำที่เดิมทีแทบจะปกป้องชีวิตเอาไว้ไม่ได้เห็นเช่นนั้น ทั้งตกตะลึงระคนดีใจ รีบร้อนถือโอกาสงามๆ ที่ลำแสงหลีกหนีหลุดพ้นจากการกักขังของเสียงคำราม ทยอยกันพยายามพุ่งตรงมาทางหานลี่
ในเวลาเดียวกันชิงเสี่ยวพลันอ้าปากออก เปล่งเสียงร้องเตือนออกมา
“สหายโปรดระวัง ดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนี้จะมีร่างกายเป็นอมตะ อาศัยแค่พลังของสมบัติไม่อาจสังหารมันได้”
“ร่างอมตะ!” หานลี่พลันตกตะลึงไปเล็กน้อย
และในครานั้นเอง เงาสีเทาที่อยู่ไกลออกไปพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น!
ซากแมลงเม่าประหลาดที่แต่เดิมกลายเป็นหมื่นๆ ส่วนรวมตัวกันที่ใจกลาง ลำแสงสีเทาสว่างวาบ แล้วฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ในใจพลันร่ายคาถากระบี่ กระบี่เล่มเล็กยี่สิบสามสิบเล่มที่โคจรอยู่รอบๆ พลันเปล่งแสงสว่างวาบ หมายจะกลายเป็นเส้นไหมสีเขียวพันรัดร่างของแมลงเม่าประหลาดอีกครั้ง
แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นกลับร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นดังสนั่น ทันใดนั้นพลันกระพือปีกทั้งสอง ชั่วขณะนั้นคลื่นไร้รูปร่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วรอบหนึ่งพลันปรากฏขึ้น แผ่ขยายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ชั่วครู่ก็ม้วนเอาเส้นไหมสีเขียวที่พุ่งเข้ามาเอาไว้ข้างใน
เส้นไหมสีเขียวทั้งหมดหยุดชะงัก ทันใดนั้นพลันกลายเป็นกระบี่เล่มเล็กสีเขียวยาวสองสามชุ่น จากนั้นเสียง ปังๆ พลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระบี่บินทั้งหมดกลายเป็นลำแสงสีเขียวเป็นกลุ่มๆ แล้วระเบิดออก