คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1550
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1550 พลังมหาศาล
ปัง เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นท้องฟ้าดินดังขึ้น!
เมื่อยอดเขาสีดำจมหายเข้าไปในฝุ่นลำแสงเล็กน้อย ฉับพลันนั้นพลันหยุดชะงักกลางอากาศ ราวกับถูกอะไรต้านทานไว้
ครั้งนี้หานลี่พลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ภูเขาเทวะดูดปราณหนักเท่าใดนั้น แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดรู้ดีได้มากกว่าเขา อย่างน้อยที่สุดหากเปลี่ยนเป็นเขาที่ยังไม่บรรลุระดับหลอมสุญตา คงไม่มีทางยกภูเขาลูกนี้ได้ แต่หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตาแล้ว อาศัยเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ประกอบกับกายเนื้อที่แข็งแกร่ง ถึงจะพอฝึกรับน้ำหนักที่หนักอึ้งของภูเขาลูกนี้ได้
แต่แมลงเม่าประหลาดที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ รับเรื่องนี้ได้อย่างไร
ภายใต้ความตะลึงงัน หานลี่พลันร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด เหนือศีรษะมีเทวรูปสีทองปรากฏขึ้น กรทั้งหกร่ายรำ รัศมีลำแสงสีทองหมุนคว้าง ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีทองพลันบินออกมาเป็นกลุ่มๆ แต่หลังจากพุ่งออกมาได้สิบจั้งเศษ พลันกลายเป็นพายุสีทองอ่อนผืนหนึ่ง ม้วนตรงไปยังฝั่งตรงข้าม
ไม่รอให้เข้าใกล้ฝุ่นลำแสงสีเทา พลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ชั่วครู่มีดวายุจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากพายุหมุน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งหายเข้าไปในฝุ่นลำแสง
“กึกๆ” ดังอึกทึกขึ้น มีดวายุทั้งหมดโจมตีโดนอะไรสักอย่าง แต่จากนั้นกลับไม่มีสุ้มเสียงใดอีก ราวกับไม่ได้สร้างบาดแผลใดให้กับแมลงเม่าประหลาดที่อยู่ด้านใน
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ร่ายอาคมกระตุ้นทันที
พายุหมุนสีทองเปล่งเสียงหวีดร้องแล้วหมุนกวาดออกไป พัดฝุ่นลำแสงสีเทาเหล่านั้นให้สลายหายไปกลางอากาศในพริบตา เผยทุกอย่างที่เดิมถูกปกคลุมไว้ออกมา
หานลี่เพ่งสมาธิมองไป สีหน้าพลันเปลี่ยนสี
หลังจากที่เห็นฝุ่นลำแสงหายไป เผยร่างอันใหญ่โตของแมลงเม่าประหลาดออกมาแล้ว!
ร่างอันใหญ่โตอ้วนท้วมแต่เดิมมีเกล็ดสีดำเขียวชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ มีขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือ หางที่ดูเหมือนหางงูเหลือมซึ่งหลอมด้วยเหล็กกล้าพลันปรากฏขึ้นที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันทั้งสองฝั่งของร่างกายพลันมีแขนประหลาดที่ดูราวกับถังน้ำปรากฏขึ้นสองแขน เกล็ดสีเขียวกระจายตัวไปทั่วเช่นกัน และกำลังยกมือขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะยกยอดเขาเทวะดูดปราณที่กดทับลงมาเอาไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าจะเป็นหานลี่เห็นแล้วก็ยังหางตากระตุก
หลังจากที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แปลงกายเป็นสัตว์รูปร่างประหลาดยังพอว่า เหตุใดถึงมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้ ดูจากท่าทางสบายๆ ของมัน พลังน่าจะเหนือกว่าเขาสามส่วน
ทว่าแววตาของหานลี่พลันฉายแววเย็นเยียบ กระบี่บินที่แตกละเอียดจนไม่รู้จะแตกยังไงใกล้กับสัตว์ประหลาดเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวยี่สิบสามสิบเส้นพุ่งไปยังร่างของสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่หานลี่เห็นแมลงเม่าประหลาดแปลงกาย ชั่วขณะนั้นลึกๆ แล้วพลันรู้สึกว่าร่างกายที่เป็นอมตะของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ดังนั้นจึงเรียกกระบี่บินทั้งหมดกลับมาอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจ เตรียมสังหารอสูรประหลาดตัวนี้
เสียงร้องซือๆ ดังออกมาจากปากของแมลงเม่างูเหลือมประหลาดตัวนั้น จากนั้นเกล็ดสีเขียวบนผิวหนังพลันมีโล่กึ่งโปร่งแสงเล็กๆ ปรากฏขึ้นอย่างเนืองแน่น ประกอบกันเป็นรูปหกเหลี่ยม ราวกับสร้างขึ้นจากผลึกวารีอย่างไรอย่างนั้น ปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้
เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกไป ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันเปลี่ยนทิศทางแฉลบผ่านไปด้านข้าง ไม่อาจทำอันตรายได้เลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้น สีหน้าพลันดูไม่ได้ไปเล็กน้อย ยามที่คิดจะสำแดงอีกครั้ง สองแขนของแมลงเม่ายักษ์พลันบิดเบี้ยวแล้วเหยียดตรงขึ้นอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นเสียงแหวกอากาศดังเสียดแก้วหูพลันดังขึ้น ยอดเขาสีดำสูงพันจั้งถูกสัตว์ประหลาดตัวนี้โยนขึ้นไปกลางอากาศ
ทันใดนั้นโล่ผลึกวารีที่เนืองแน่นพลันเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกัน เสียงกังวานพลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกออกพร้อมกัน กลายเป็นลำแสงสีขาวเจิดจ้าเป็นดวงๆ ชั่วพริบตาก็รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว
มองจากไกลๆ ดูเหมือนดวงอาทิตย์ยักษ์สีขาวปรากฏขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
ลำแสงเจิดจ้าแสบตานี้ แม้ว่าจะเป็นหานลี่ก็ยังอดที่จะหลับตาทั้งสองข้างลงไม่ได้ ในใจพลันร้อนว่า “แย่แล้ว” ออกมา
ครู่ต่อมาพลันเปิดเปลือกตาขึ้น แววตามีลำแสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นเช่นกัน
ลำแสงสีขาวช่างแสบตานัก แม้ว่าอยู่ภายใต้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณ เมื่อหานลี่มองไปก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดดวงตา ทว่าเวลาชั่วพริบตานั้น เขาพลันมองเห็นสถานการณ์ในม่านลำแสงสีขาวอย่างชัดเจน
มุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย!
ตรงกลางลำแสงสีขาวนั้นว่างเปล่า ไหนเลยจะมีเงาร่างแมลงเม่าประหลาด ชั่วพริบตาที่เขาหลับตาลงนั้น สัตว์ประหลาดตัวนี้พลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จากประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมายของหานลี่ ไหนเลยจะมอบโอกาสงามๆ ให้อีกฝ่าย พริบตาที่พบว่าแมลงเม่าประหลาดหายตัวไปนั้น พลันสะบัดแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องคิด หัวกะโหลกสีขาวหยกห้าหัวพลันพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ บินวนล้อมรอบหานลี่เอาไว ในเวลาเดียวกันก็พ่นเปลวเพลิงห้าสีออกมา เพียงพอจะปกคลุมในอาณาบริเวณร้อยจั้งเศษ
ผลคือหานลี่ที่อยู่ด้านข้างห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง เสียงร้องประหลาดๆ พลันดังขึ้น เงาสีดำขนาดเจ็ดแปดจั้งเงาหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงห้าสี
นั่นก็คือแมลงเม่าประหลาดที่หายไปตัวนั้น!
แต่แค่อสูรประหลาดในเวลานี้ร่างกายหดเล็กลงสิบเท่า และยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวในเปลวเพลิงยังช้าลงหลายเท่า ยามนั้นท่าทางเหมือนถูกกักเอาไว้ข้างใน
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ อ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด พ่นเปลวเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งและหม้อใบเล็กสีเขียวใบหนึ่งออกมาในเวลาเดียวกัน
หลังจากเปลวเพลิงสีเงินหมุนวน พลันกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามฉื่อกระโจนออกมา
ส่วนหม้อใบเล็กสีเขียวพลันเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา ฝาหม้อเปิดออก เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมาจากร่องเล็กๆ แต่ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมาแมลงเม่าประหลาดพลันรวบรวมระลอกคลื่นที่เหนือศีรษะ เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ กระจายตัวออกที่ด้านล่าง ชั่วพริบตาก็ปกคลุมแมลงเม่าประหลาดในเปลวเพลิงเอาไว้
แต่ผิวของงูเหลือมพลันเปล่งประกาย โล่ผลึกใบเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่กลับต้านเส้นไหมสีเขียวเอาไว้ภายนอก
ยามนี้วิหคเพลิงสีเงินถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่เบื้องหน้า
หานลี่เห็นเช่นนั้น ปากพลันบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก วิหคเพลิงสีเงินยังไม่ทันโจมตีมาหาแมลงเม่าประหลาด ก็อ้าปากออกอีกครั้ง เส้นไหมบางๆ สีทองเงินสายหนึ่งพุ่งออกมา
นั่นก็คือวิหคเพลิงกลืนวิญญาณที่เพิ่งกลืนกินคลื่นลำแสงภยันตรายลงไป
เส้นไหมบางๆ เพียงกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปราวกับมองไม่เห็นการป้องกันของโล่ผลึก ครู่ต่อมาพลันทะลวงผ่านทรวงอกของอสูรประหลาดอย่างง่ายดาย แล้วพุ่งออกมาอีกด้าน
ทรวงอกของอสูรประหลาดมีรูโลหิตบางๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น แต่รอบด้านกลับไหม้เกรียม ไม่มีโลหิตสดๆ ไหลออกมา หากเป็นอสูรประหลาดธรรมดาๆ ทรวงอกถูกทะลวงผ่านเช่นนี้ ต่อให้ไม่จบชีวิตในทันที ก็ต้องล้มลงกับพื้นทันที
แต่แมลงเม่าประหลาดตัวนี้แค่ก้มหน้ามองบาดแผลที่ทรวงอกของตนเอง แววตาเปล่งประกายเลียนแบบมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นหัวงูเหลือพลันชูขึ้น เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงสะเทือนฟ้าดินออกมา
และในยามนั้นเอง เส้นไหมบางสีทองเงินที่ทะลุออกไปพลันหมุนวน แล้วพุ่งกลับมาอีกครั้ง หมายจะทะลวงผ่านร่างของอสูรประหลาดตัวนี้อีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้เล็งไปที่หัวของอสูรตัวนี้อย่างชัดเจน
แต่ฉับพลันนั้นผิวของแมลงเม่าประหลาดพลันมีแสงสีเขียวเจิดจ้าปรากฏขึ้น จากนั้นแขนทั้งสองพลันอาศัยพลังมหาศาลทะลวงผ่านเปลวเพลิงลำแสงไปอย่างสบายๆ โจมตีไปยังทรวงอกอย่างรุนแรง
เสียง ปัง ราวกับอัสนีฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ดังขึ้น คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ขยายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เมื่อเปลวเพลิงห้าสีสัมผัสกับคลื่นเสียง คาดไม่ถึงว่าจะถูกบีบให้กระจายตัวออก
แทบจะในเวลาเดียวกัน แมลงเม่าประหลาดหัวงูเหลือมพลันเลี้ยวโค้งไปร้อยแปดสิบองศา ดวงตาสีแดงทองพลันจ้องเขม็งไปยังเส้นไหมสีทองเงินบางๆ ที่พุ่งเข้ามาด้วยความเย็นชา
เสียง พรึ่บๆ ดังขึ้น พ่นลำแสงสีทองสองสายออกมาจากดวงตาสีทอง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว โจมตีไปยังคลื่นลำแสงภยันตรายที่ดาหน้าเข้ามา
ผลคือหลังจากทั้งสองสัมผัสกัน เสียงอึกทึกพลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลูกบอลลำแสงสีทองเงินกลุ่มหนึ่ง จากนั้นพลันสั่นคลอนแล้วระเบิดออกหายวับไป
ส่วนวิหคเพลิงกลืนวิญญาณพลันสยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วถึงได้กระโจนออกไป
งูเหลือมยักษ์กลับอ้าปากออก พ่นของเหลวสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา ชั่วครู่ก็กักวิหคเพลิงเอาไว้ข้างใน ครานั้นไม่อาจหลบหลีกได้
จากนั้นหางยักษ์ของแมลงเม่าประหลาดพลันตบไปที่กลางอากาศด้านล่าง ร่างกายบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปหานลี่ราวกับลูกธนู แต่ระหว่างทางอากาศรอบๆ พลันบิดเบี้ยว ร่างของแมลงเม่าประหลาดหายวับไปอย่างแปลกพิกล
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พลันใช้มือหนึ่งตบไปที่หว่างคิ้วของตนเองโดยไม่ปริปาก
ลำแสงสีดำสว่างวาบ เนตรทำลายล้างเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น
จากนั้นศีรษะของเขาพลันพลิ้วไหวเล็กน้อย ลำแสงเทวะทำลายล้างเป็นสายๆ พุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จากนั้นพลันทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เสียง ปัง ดังสนั่นขึ้น!
เหนือศีรษะของหานลี่สูงขึ้นไปสิบจั้งเศษ เมื่อลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเข้าไปด้านใน ร่างของแมลงเม่าประหลาดพลันปรากฏขึ้นอย่างซวนเซ รูม่านตาเปล่งลำแสงสีทอง ลำแสงสีทองสองสายพุ่งออกไป
หางอสรพิษตบลงอีกครั้ง กลายเป็นเงาสีเขียวสายหนึ่งกวาดไปทางหานลี่ กลายเป็นเงาร่างไม่สมบูรณ์ราวกับภูเขากวาดมา
ในเวลาเดียวกันท่อนบนของแมลงเม่าประหลาดตัวนี้พลันยืดออก คาดไม่ถึงว่าจะยืดยาวขึ้นสองสามเท่าราวกับไม่มีกระดูก เมื่อมาถึงเหนือศีรษะของหานลี่ แขนประหลาดพลันโบกสะบัด กรงเล็บแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนพลันตะปบมาทางหน้าผากของหานลี่พร้อมกับเสียงแหลมๆ สองเสียง
ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะขยับเข้ามาให้ด้วยความโกรธ เตรียมจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธแค้น
หานลี่เห็นแมลงเม่าประหลาดมีท่าทีเตรียมพร้อมตะลุมบอน สีหน้าไม่ตกตะลึงแต่กลับยินดี
ไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวใดๆ เทวรูปสีทองเหนือศีรษะพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจมหายเข้าไปในร่างของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาหานลี่พลันร้องตะโกนออกมา ไม่เพียงบนร่างจะมีเกล็ดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันแผ่นหลังพลันมีแขนสี่แขนที่ดูเหมือนแขนทองคำบริสุทธิ์ปรากฏออกมา พลิ้วไหวพร้อมกัน ในมือต่างๆ ล้วนมียุทธภัณฑ์สีทองที่ค่อนข้างเลือนรางปรากฏขึ้น
ยุทธภัณฑ์ทั้งหกชนิดแบ่งออกเป็นมีด กระบี่ ไม้เท้า แหวน สาก และเหล็กท่อน
เนตรทำลายล้างตรงหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีดำหนาๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไปก่อน ต้านทานลำแสงสีทองสองสายที่ประจันหน้าเข้ามา
จากนั้นแขนทั้งหกพลันพลิ้วไหว ยุทธภัณฑ์สีทองสองชิ้นโจมตีไปยังด้านข้างหางอสรพิษขนาดใหญ่ นอกจากนี้สมบัติอีกสี่ชิ้นยังแบบออกเป็นสองๆ โบกสะบัดไปทางศีรษะ สร้างเงาอาวุธสีทองออกมาปกคลุมท้องฟ้า
เมื่อหางอสรพิษ กรงเล็บเงาและลำแสงสีทองสัมผัสกัน เสียง ปังๆๆ ดังสนั่นพลันดังขึ้น
ร่างของหานลี่สั่นเทาจนถอยร่นไปสองก้าว แขนสีทองทั้งหกเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นยุทธภัณฑ์ในมือทั้งหกที่แต่เดิมก็รางเลือนอยู่แล้วพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
สถานการณ์ของแมลงเม่ายักษ์ที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก!
ไม่เพียงหางของอสรพิษจะถูกดีดกลับมา เนื้อหนังบนแขนประหลาดสองข้างยิ่งรางเลือน ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
บางทีอสูรประหลาดตัวนี้คงจะมีพละกำลังเหนือหานลี่เท่าหนึ่ง แต่จากความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว กลับไม่อาจไล่ตามได้ โล่ผลึกแวววาวที่คอยคุ้มครองร่างกายเหล่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีผลต่อการโจมตีกับอาวุธประเภทใบมีด จึงไม่มีผลอะไร