คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1559
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1559 ของในกล่อง
ชายหัวโตสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ขยับฝ่ามือควักกล่องหยกสีขาวอ่อนออกมาสามใบ
ทุกใบมียันต์วิเศษสีแดงสดสองสามแผ่นแปะอยู่ อักขระยันต์ลอยอยู่รางๆ
“กล่องใบนี้มีของสำคัญมากกับเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามเผ่าของพวกเรา หากสหายทั้งสามนำของสิ่งนี้ไปส่งให้พวกเราที่เผ่าหมื่นโบราณได้ แน่นอนว่าย่อมมีผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงแน่ แต่หากเหล่าสหายถูกเผ่าหนอนมีเขาไล่ตามทัน ทางที่ดีที่สุดก่อนจะโดนจับ ให้ทำลายกล่องใบนี้ทันที มิเช่นนั้นหากตกอยู่ในมือของเผ่าหนอนมีเขา จะเป็นการเรียกความเจ็บปวดมาสู่ดวงวิญญาณ” ชายหัวโตเอ่ย สะบัดข้อมือ กล่องหยกสามใบบินมาหาหานลี่และพวก
ชายผิวสีเขียวและหานลี่ย่อมรับไว้คนละกล่องตามจิตสำนึก
“พี่หยวน ในนี้คือสิ่งใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะต้องระมัดระวังเช่นนี้” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพิจารณากล่องหยกในมือสองแวบ แล้วเอ่ยถามด้วยความฉงนเล็กน้อย
“คือสิ่งใด ข้าน้อยก็ไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้ แต่ข้ารับประกันกับพวกเจ้าได้ว่า แค่อาศัยเจ้าสิ่งนี้ก็สามารถแลกหุ่นเชิดระดับเชื่อมวิญญาณหรือสมบัติอื่นๆ ในระดับเดียวกันกับเหล่าอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณได้” ชายหัวโตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อะไรนะ หุ่นเชิดระดับเชื่อมวิญญาณ!” เมื่อคำนี้หลุดออกไป ชายผิวสีเขียวก็ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
มีเพียงหานลี่ที่เพิ่งเคยได้ยินของสิ่งนี้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าจึงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กลับเป็นชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดง ที่แววตาเปล่งประกายสองสามครา
“พี่หยวนไม่ได้ล้อเล่นกระมัง ของสิ่งนี้สามารถแลกสมบัติสะท้านฟ้าได้ เช่นนั้นหากข้านำของสิ่งไปขอแลกกับ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ เผ่าของเจ้าจะยอมตกลงหรือ”ฮูหยินลี่ว์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“ยาลูกกลอนมหัศจรรย์ล้ำค่ากว่าหุ่นเชิดเชื่อมวิญญาณ ข้าไม่รับประกันว่าท่านอาวุโสจะยอมมอบให้เจ้า แต่ก็เป็นไปได้เจ็ดแปดส่วน” ชายหัวโตลังเลเล็กน้อย แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างรอบคอบ
เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ของชนต่างเผ่าแซ่หยวน ชายผิวสีเขียวกลับรู้สึกมั่นใจขึ้นสองสามส่วน
ทันใดนั้นเขาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่นิ้วทั้งห้าที่คว้ากล่องหยกเอาไว้กลับออกแรงบีบมากขึ้นสองสามส่วนอย่างไม่รู้ตัว ในเวลาเดียวกันดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังกล่องหยก ก็หมุนติ้วๆ ไปมา
และในยามนั้นหานลี่ก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบของในกล่องหยกไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อสัมผัสกลับผิวของกล่องหยกก็ถูกพลังอาคมดีดกลับมา ไม่อาจแทรกเข้าไปได้
ดูแล้วยันต์อาคมสองสามแผ่นที่แปะอยู่บนฝากล่อง คงมีผลในการตัดจิตสัมผัส
“ทางที่ดีที่สุดสหายทั้งสามอย่าคิดเปิดกล่องออกระหว่างทางเลย มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้น อย่ามาโทษว่าผู้แซ่หยวนไม่เตือนล่ะ” ชายหัวโตดูเหมือนว่าจะมองความคิดของคนอื่นออก จึงเอ่ยเตือนออกมา
“หึ ในกล่องมีอะไรที่ร้ายกาจอยู่หรือ!” ชายผิวสีเขียวแค่นเสียงหึเบาๆ
“ของในกล่องเป็นของสำคัญมากสำหรับเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามของพวกเรา เขตอาคมที่วางอยู่ย่อมไม่ได้มีเพียงยันต์อาคมแค่สองสามแผ่นนี้ แน่นอนว่าหากสหายทั้งสามหนีรอดพ้นจากการถูกไล่ล่าจริง และมั่นใจว่าจะทำลายเขตอาคมของผู้แซ่หยวนได้ ก็ลองเปิดดู” ชายหัวโตหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า หลังจากมอบของให้เผ่าของเจ้า จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าได้ หากอาวุโสของเผ่าเจ้ารับของไปแล้ว เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมจะทำอย่างไร” หานลี่เอ่ยปากอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงและชายผิวสีเขียวพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้ากังวลออกมาเช่นกัน
ชายหัวโตได้ฟังพลันขมวดคิ้ว หลังจากตรึกตรองชั่วครู่ ถึงได้เอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “หากพวกเจ้าไม่วางใจเผ่าหมื่นโบราณของพวกเรา ก็สามารถนำกล่องหยกไปมอบให้เผ่าอื่นๆ ในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ได้ ล้วนจักได้รับประโยชน์ไม่น้อยเช่นเดียวกัน แต่ขอเตือนก่อนว่า ของสิ่งนี้ไม่ได้มีค่าอะไรกับเผ่าอื่นๆ เท่าเผ่าหมื่นโบราณของพวกเรา ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับ ย่อมน้อยลงไปไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดยาระดับเทวาอย่างยาลูกกลอนมหัศจรรย์ ก็อย่าคิดถึงเลย”
หลังจากชายหัวโตเอ่ยเช่นนี้ ไม่เพียงชายผิวสีเขียวและชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงที่เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
หานลี่ลูบคางไปมา แล้วรู้สึกสนใจของที่บรรจุอยู่ในกล่องเช่นกัน
“ในเมื่อของเหล่านี้สำคัญขนาดนี้ เหตุใดพี่หยวนไม่นำกลับไปส่งด้วยตนเอง เหตุใดต้องตกมาถึงมือของพวกเรา?” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยซักถาม
“ของเหล่านี้เพิ่งมาอยู่ในมือของข้าได้ไม่นาน และยิ่งไปกว่านั้นเพิ่งได้มา เผ่าหนอนมีเขาก็ส่งคนส่วนหนึ่งมาล้อมเมืองแสงมรกต ต้องเข้าใจว่าเมืองแสงมรกตเป็นแค่เมืองการค้าเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาเท่านั้น ตามหลักการแล้วไม่มีทางพบกับการโจมตีที่รวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้นข้าน้อยจึงสงสัยว่าฝั่งเผ่าหนอนมีเขาอาจจะได้ข่าวอะไรมา หากข้าพกของเหล่านี้ติดตัวไว้ละก็ อันตรายจะยิ่งมากขึ้น” ชายหัวโตกลับไม่ได้ปิดบัง เอ่ยสิ่งที่กังวลใจออกมาตรงๆ
“เจ้าบอกว่ากองทัพเผ่าหนอนมีเขามาเพื่อของในกล่องนี้” ชายผิวสีเขียวอดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้ แล้วเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
แววตาของหานลี่ฉายแววตกตะลึง
“นี่เป็นแค่การคาดเดาของข้าน้อย อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง สาเหตุที่ผู้แซ่หยวนไหว้วานสหายทั้งสาม ก็เพื่อกันไว้ก่อนเท่านั้น” ชายหัวโตมีสีหน้าผ่อนคลายลงขณะเอ่ย
“เยี่ยม ในเมื่อพี่หยวนกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยก็จะดูแลเจ้าสิ่งนี้ไว้ชั่วคราวก็แล้วกัน” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงดูเหมือนจะตัดสินใจแล้ว ลำแสงสีขาวในมือเปล่งแสงสว่างวาบ กล่องหยกถูกเก็บลงไป
ชายผิวสีเขียวมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ฉับพลันนั้นพลันโยนกล่องในมือขึ้น จากนั้นพลันอ้าปากออก ลิ้นยาวๆ สีเขียวแวววาวม้วนออกมา กลืนกล่องหยกเข้าไปในท้อง
ชั่วพริบตาทั้งสามคนก็มีเพียงหานลี่คนเดียวที่ใช้มือหนึ่งถือกล่องหยกเอาไว้ แววตาเปล่งประกายไม่แน่นอน
“อันใด พี่หานมีอะไรสงสัยหรือ” ชายหัวโตประหลาดใจเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปเอ่ยถามขึ้น
“สหายหยวนไม่ถามประวัติความเป็นมาของข้าน้อย ก็มอบของสิ่งนี้ให้ข้า ไม่กลัวว่าจะมอบหมายคนผิดหรือ?” หานลี่มุมปากกระตุก เหลือบตามองกล่องหยกในมือแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม
“หึๆ แม้ว่าข้าน้อยจะดูไม่ออกว่าสหายมาจากเผ่าใด แต่กลับมั่นใจได้ว่าไม่ใช่คนของเผ่าหนอนมีเขา ส่วนอิทธิฤทธิ์ของสหายนั้น คิดดูแล้วอาศัยอยู่นอกมหาสมุทรเป็นเวลา สังหารอสูรมหาสมุทรแล้วฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับนี้ได้ ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่” ชายหัวโตเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้ม
“อืม ในเมื่อสหายมั่นใจเช่นนี้ และก่อนหน้ายังพาข้าน้อยเข้ามาในอุโมงค์ลับ ผู้แซ่หานจะช่วยเหลือก็แล้วกัน” หลังจากที่ความคิดของหานลี่แล่นไปมาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ
กล่องหยกในมือพลิ้วไหว ถูกเขาเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของด้วยสีหน้าราบเรียบ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ‘หุ่นเชิดเชื่อมวิญญาณ’ และ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ คือสมบัติระดับใด แต่สิ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตามองว่าเป็นสมบัติได้ ย่อมต้องล้ำค่าเป็นพิเศษ ส่วนของในกล่องที่สามารถทำให้สิ่งที่เรียกว่า ‘เผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสาม’ ยอมแลกเปลี่ยนด้วย มูลค่าย่อมมากกว่าถึงจะถูก
ยามนี้มีเรื่องดีๆ เข้ามาหา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ ถึงอย่างไรเสียฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ทหารไล่ล่าในครั้งนี้มีอัตราที่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไปจะปรากฏตัวไม่มากนัก เขาจึงพอรับมือได้
ส่วนหลังจากนี้จะนำของสิ่งนี้ไปแลกหรือไม่ ก็ค่อยว่ากัน
“เอาล่ะ ในเมื่อสหายทั้งสามตอบตกลงแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเถิด ตอนนี้ทหารไล่ล่าน่าจะไล่สังหารคนอื่นอยู่ เป็นโอกาสดีในการหลบหนี ผู้แซ่หยวนไปก่อนล่ะ” เมื่อเห็นหานลี่เองก็รับกล่องหยกไป ชายหัวโตจึงเผยสีหน้าเบิกบานใจออกมาขณะเอ่ย
จากนั้นเมื่อเขากวาดสายตาไปรอบๆ มือหนึ่งเขวี้ยงออกไป โยนสิ่งที่คล้ายกับลูกข่างเหล็กสีดำสนิทออกมา
เจ้าสิ่งนี้ตอนแรกมีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่เมื่อสองมือของเขาร่ายอาคมอีกครั้ง ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสามสี่จั้ง
ผิวของชายหัวโตมีลำแสงสีเหลืองสว่างวาบ กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งจมหายเข้าไปในลูกข่างเล็ก
“ใช่แล้ว! จากที่ข้ารู้มา เพื่อต่อกรกับการโจมตีของเผ่าหนอนมีเขา อาวุโสของพวกเราทั้งสิบสามเผ่าล้วนไปรวมตัวกันที่ ‘เมืองเมฆา’ เผ่าหมื่นโบราณและเหล่าอาวุโสในเผ่าต่างๆ ที่มีสติปัญญาล้วนไปนั่งบัญชาการในเมืองแห่งนั้นด้วยตนเอง หวังว่าสองสามเดือนต่อจากนี้ พวกเราจะได้พบกันอีกครั้งที่เมืองสวรรค์” ชายหัวโตดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เสียงอู้อี้จึงดังออกมาจากลูกข่าง
“เมืองเมฆา” ชายผิวสีเขียวและพวกได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสี
หานลี่ได้ฟังแล้วก็เผยสีหน้าขบคิดออกมา
“เมืองเมฆา” ชื่อนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินชิงเสี่ยวกล่าวถึง แต่ยามนี้กลับนึกไม่ออก ทว่าไม่เป็นไร เขาพกแผนที่ของน่านน้ำในบริเวณนี้มา แม้นว่าจะเป็นของเมื่อสองสามพันปีก่อน แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
จากนั้นเห็นลูกข่างเหล็กยักษ์หมุนติ้วๆ กลายเป็นลำแสงรูปทรวงกรวยทะลวงเข้าไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย
“สหายทั้งสองโปรดรักษาตัว ข้าน้อยขอตัวลา” ชายผิวสีเขียวหวาดกลัวทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาเป็นอย่างมาก แทบจะในพริบตาที่ชายหัวโตจากไป ก็คารวะกับหานลี่และพวกทั้งสองทันที
จากนั้นร่างของเขาพลันรางเลือน ผิวและอาภรณ์เปลี่ยนเป็นโปร่งใส หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนก็ดูเหมือนหายไปจากกลางอากาศ
นี่มันเคล็ดวิชาหลีกหนีอะไรกัน?
หานลี่พลันตะลึงงัน รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้ากวาดมองออกไปอย่างอดไม่ได้
ผลคือหลังจากที่เสียแรงไปมากแล้ว เขาถึงได้มองเห็นยังจุดที่ไกลออกไป มีเงาร่างคนที่เกือบล่องหนหนีไปไกลสิบจั้งเศษแล้ว
“หึๆ นี่คือเคล็ดวิชาอำพรางกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเขียวเข้ม หากสำแดง นอกจากผู้ที่มีพลังยุทธ์เหนือกว่าเขาหรือผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจสัมผัสถึงเขาได้ แต่ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือเมื่อสำแดงอิทธิฤทธิ์นี้ จะไม่อาจบินข้ามอากาศไปได้ ความเร็วเชื่องช้าไปหน่อย” ในยามที่หานลี่จ้องเขม็งไปยังจุดที่ไกลออกไป แผ่นหลังพลันมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงดังขึ้น
“อ๋อ เคล็ดวิชาอำพรางกายนี้ช่างวิเศษนัก!” หานลี่ชักสายตากลับมา พลางหันกายออกมาเอ่ย
แม้ว่าจะบอกว่าไม่มีทางเหาะเหินไป แต่ความเร็วในการกระโดดนั้น ชายผิวสีเขียวก็จมหายเข้าไปในผืนป่าอย่างไร้ร่องรอยได้ภายในพริบตา
“พี่หานก็จะไปหรือ? ทว่าก่อนจะไป ข้าน้อยมีข้อแนะนำ สหายอยากฟังหรือไม่?” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอาสองมือไพล่หลัง มองมายังหานลี่พลางเอ่ยถาม
“ข้อแนะนำอะไร?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ
“นายท่านไม่ได้มาจากเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องเสี่ยงอันตรายเอาของสิ่งนี้ไปส่งด้วย ไม่สู้มอบสิ่งที่พี่หยวนให้มามาให้ข้าน้อยเป็นอย่างไร” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเอ่ยอย่างราบเรียบ
“เจ้าอยากได้กล่องหยกใบนี้?” หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้น สองตาหรี่ลง แล้วถึงได้ถามย้อนกลับอย่างไม่มั่นใจนัก
“ใช่แล้ว ข้าน้อยสนใจของในกล่องหยกจริงๆ ถึงอย่างไรเสียถึงยามนั้นข้าน้อยเอาของไปส่งใบหนึ่งก็ต้องส่งอยู่แล้ว สองใบก็ต้องส่งอยู่ดี ไม่สู้ให้ผู้แซ่หงลำบากแทนล่ะ” เสียงของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำเป็นพิเศษ