คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1560
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1560
“หากข้าน้อยกล่าวว่า ‘ไม่’ ล่ะ!” หานลี่เอ่ยซักถามอย่างเยือกเย็น
“สหายเป็นผู้ที่กลับมาจากนอกมหาสมุทร น่าจะไม่มีทางไม่รู้จักอะไรควรไม่ควรขนาดนั้นกระมัง! ต่อให้สมบัติดีขนาดไหน หากเพลี่ยงพล้ำ แล้วจะมีประโยชน์อันใด” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงหัวเราะหึๆ
“สหายคงไม่ได้คิดจะลงมือกับข้าน้อยสินะ? ที่นี่ล้วนมีทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขา หรือว่านายท่านอยากเป็นนักโทษของเผ่าหนอนมีเขาไปด้วยกัน!” หานลี่น้ำเสียงเคร่งขรึม สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง
เมื่อฟังคำพูดของหานลี่ ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือ ในมือมีขวดโปร่งใสปรากฏขึ้น ยกขึ้นตรงหน้าตา ให้หานลี่มองเห็นได้ชัดเจน
เห็นเพียงในขวดมียาลูกกลอนสีแดงสดคล้ายกับโลหิตเม็ดหนึ่ง เป็นยาลูกกลอนที่แผ่ลำแสงสีทองออกมา!
“สหายหานต่อให้เจ้านำของสิ่งนี้ไปส่งให้เผ่าหมื่นโบราณ อย่างมากที่สุดก็คงได้เพียงยาลูกกลอนมหัศจรรย์เม็ดหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าข้าน้อยจะไม่มียาลูกกลอนนี้อยู่ในมือ แต่กลับมียาที่เป็นรองยาชนิดนี้อยู่อย่าง ‘ยาลูกกลอนโลหิตสีทอง’ ยาลูกกลอนชนิดนี้สามารถช่วยให้สหายได้บรรลุจุดคอขวดระดับสามได้ ข้าน้อยจะใช้ยาลูกกลอนนี้แลกกับกล่องหยกในมือของสหายหานเป็นอย่างไร?”ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงจ้องเขม็งไปยังหานลี่ พลางเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ยาลูกกลอนโลหิตสีทอง!” รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง
แม้นว่าจะเพิ่งเคยได้ยินยาลูกกลอนชนิดนี้ครั้งแรก แต่เมื่อกวาดจิตสัมผัสไป กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากขวดนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เขาจ้องเขม็งไปยังขวดผลึกวานรในมือของอีกฝ่าย อดที่จะเงียบขรึมไม่พูดอะไรไม่ได้ ดูเหมือนว่ากำลังขบคิดข้อเสนอของอีกฝ่ายจริงๆ
“ทางที่ดีที่สุดพี่หานรีบตัดสินใจจะดีกว่า ทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาเหล่านั้นอาจมาถึงที่นี่ได้ตลอดเวลา” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจ แต่กลับกระตุ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ
แต่ชนต่างเผ่าผู้นี้กลับไม่ได้ใส่ใจ เงาสีดำใต้ฝ่าเท้าเปลี่ยนเป็นยาวขึ้นกว่าก่อนหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ทว่าความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นอกเสียจากว่าจะจ้องเขม็งไปที่เงาใต้ฝ่าเท้าของหานลี่ตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นคงไม่อาจมองปราดเดียวก็เห็นความผิดปกติอะไรได้
และแทบจะในเวลาเดียวกัน สองเท้าของหานลี่ก็มีเส้นไหมสีเขียวจางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นจมหายเข้าไปในดินโคลนอย่างเงียบเชียบ แล้วทยอยหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“ขอบังอาจเรียนถามสหายมาจากเผ่าใดหรือ?” หานลี่เอ่ยถาม
“หมายความว่าอย่างไร เผ่าเพลิงจันทราของพวกเราแยกแยะง่ายจะตายไป สหายจะถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วไปทำไม!” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงัน แล้วแค่นเสียงด้วยความเย็นชาขณะเอ่ยตอบ
“งั้นหรือ ข้ายังนึกว่าสหายคือคนของเผ่าหนอนมีเขา คิดจะนำกล่องหยกในมือของข้าน้อยไป จากนั้นก็จะลงมือทันที!” หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ย
“หรือว่าสหายสติปัญญาเลอะเลือน ข้าน้อยคือชาวเพลิงจันทรา จะอยู่ฝั่งเผ่าหนอนมีเขาได้อย่างไร” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นพลันเอ่ยตำหนิแล้วเผยสีหน้าโกรธแค้นออกมา
“สหายเป็นคนของเพลิงจันทราจริงหรือไม่ ข้าน้อยไม่ได้ใส่ใจ แต่ก่อนหน้านี้นายท่านอยู่ในหอคอยเพียงลำพัง แล้วทำอะไรลงไป หรือว่าจะจะปฏิเสธหรือ? เอาของให้เจ้า ไม่สู้เอาของในมือส่งให้ผู้แซ่หานจัดการแทนเป็นอย่างไร ข้าน้อยไปส่งอันเดียวก็ส่ง สองอันก็ส่งเหมือนกัน!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
คนพูดเหล่านี้เพิ่งพูดได้เพียงครึ่ง ในที่สุดสีหน้าของชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงก็เปลี่ยนไป เมื่อเอยจบประโยคสุดท้ายจบ ฉับพลันนั้นชาวเพลิงจันทราผู้นั้นก็ใช้สองมือร่ายอาคม ผิวมีลำแสงสีแดงไหลโคจรไปมา จันทราสีแดงดวงหนึ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แค่กะพริบวาบ ก็จมหายเข้าไปกลางอากาศสูงอย่างไร้เงา
แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของชนต่างเผ่าผู้นี้ก็รางเลือน ในเวลาเดียวกันกลางลำแสงสีแดงพลันมีเงาลวงตาที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วปรากฏขึ้นสามสาย
ทั้งสามเอาสองมือไพล่หลังเช่นกัน มองไปยังหานลี่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีแปลกประหลาดของอีกฝ่าย หานลี่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กลับหยักมุมปากขึ้น ปรบมือพร้อมหัวเราะยกใหญ่
“แผนการแยบยลดังคาด ปล่อยพลังวิญญาณออกไปดึงความสนใจของเผ่าหนอนมีเขาก่อน จากนั้นก็ใช้แผนกลยุทธ์ยอมถอยเพื่อชัยชนะ ทำให้ข้าไม่อาจจากไปได้ทันสินะ
เมื่อเห็นหน้าตาของหานลี่ เงาร่างคนสามสายในลำแสงสีแดงก็เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา แต่ปากพลันเอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ารู้ว่าข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ในเทวรูปหุ่นเชิดได้อย่างไร แต่ในเมื่อข้าเรียกคนอื่นมาแล้ว เจ้าก็อย่าคิดหนีเลย หากเจ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร นำกล่องหยกส่งให้ข้าดีๆ ผู้แซ่หงก็อาจจะขอร้องให้ไว้ชีวิตเจ้าก็เป็นได้” เงาลวงตานี้เผยท่าทางเชื่อมั่นออกมา!
มิน่าล่ะเผ่าหนอนมีเขาเหล่านั้นจึงอยู่ห่างจากพวกเขาไปแค่สิบลี้เศษเท่านั้น มาถึงได้ในชั่วครู่
“ที่เจ้าปล่อยออกไปเมื่อครู่คือสิ่งนี้สินะ” หานลี่หยักมุมปากเผยสีหน้าลึกลับออกมา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันตะปบไปกลางอากาศด้านล่างอย่างส่งเดช
ลำแสงสีแดงสว่างวาบ ลำแสงสีแดงเพลิงขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่งปรากฏที่ใจกลางฝ่ามือ
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าทำได้อย่างไร” เงาลวงตาสามสายในลำแสงสีแดงร่างกายสั่นเทาไปพร้อมกัน เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา
ลำแสงสีแดงในเวลานี้นั่นก็คือสิ่งที่พลังปราณจันทราสีแดงซึ่งพุ่งออกไปก่อนหน้าสร้างขึ้น!
แต่ไม่รอให้หานลี่ตอบอะไร เงาร่างคนในลำแสงสีแดงก็พลิ้วกาย เงาลวงตาสามสายถอยร่นไปด้านหลังพร้อมกันช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าระวังภัย
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา
มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ลำแสงสีขาวสว่างวาบ ยันต์วิเศษสีแดงที่แปะอยู่บนกล่องปรากฏขึ้นในมือ โยนขึ้นไปกลางอากาศหมุนคว้างลอยนิ่งอยู่
จากนั้นนิ้วมือพลันร่ายไปด้านบน
ลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบ กระบี่ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกไป ตรงไปหากล่องหยก
“เจ้าเสียสติไปแล้ว!” ชาวเพลิงจันทราที่แต่เดิมถอยร่นไปด้านหลังเห็นการเคลื่อนไหวของหานลี่ ชั่วขณะนั้นพลันตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณ
เห็นเพียงเงาลวงตาสองสายเคลื่อนไหว ชั่วครู่ก็พุ่งออกจากลำแสงสีแดง ความเร็วไร้ที่เปรียบ แค่กะพริบวาบก็มาอยู่กลางอากาศ
หนึ่งในนั้นกลายเป็นมือยักษ์สีแดงตะปบไปทางกล่องหยก
เงาลวงตาอีกสายหนึ่งหยุดชะงัก ใบหน้าโหดเ**้ยมร่างกายเปล่งแสงสีแดงประหลาด กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งไปหาหานลี่
ส่วนเงาลวงตาที่สามกลับยืนนิ่งงันอยู่ท่ามกลางลำแสงสีแดงที่อยู่ไกลออกไป
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหานลี่เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก ทำให้ชาวเพลิงจันทราผู้นี้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าเพียงควบคุมร่างแยกสองตนให้ทำการโจมตี ส่วนตนเองยังคงอยู่ในที่ปลอดภัย
ราวกับความเร็วของเงาลวงตาสองสายมากกว่าที่หานลี่คาดการณ์เอาไว้จึงไม่ทันได้ทำการรับมืออะไร
มือยักษ์ที่อยู่กลางอากาศคว้ากล่องหยกเอาไว้ ในเวลาเดียวกันเงาลวงตาอีกสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดทะลวงผ่านร่างของหานลี่
จากนั้นลำแสงสีแดงพลันหม่นแสงลง เงาลวงตาปรากฏขึ้นอีกครั้งห่างจากด้านหลังของหานลี่ไปสองสามจั้ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมามอง
เห็นเพียงหานลี่มีเพลิงลำแสงปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงเปรี๊ยะๆ แล้วกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีแดงสดเผาไหม้
ชั่วพริบตาเงาร่างหานลี่ก็หายวับไปจากเพลิงลำแสง
ชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงเห็นว่าได้กล่องหยกมาอยู่ในมือและสังหารหานลี่ได้อย่างง่ายดาย กลับตะลึงงันรู้สึกแปลกๆ
แต่ไม่รอให้เขาได้ขบคิดอะไรมือยักษ์สีแดงกลางอากาศที่คว้ากล่องหยกเอาไว้ก็มือลำแสงสีเขียวไหลวนโคจร คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นไข่มุกกลมสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น
ไม่รอให้มือยักษ์สีแดงมีปฏิกิริยาตอบสนอง ไข่มุกกลมเม็ดนี้ก็เปล่งแสงเจิดจ้าระเบิดออก
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ชั่วครู่ก็ทะลวงผ่านมือยักษ์สีแดงจนเป็นรูพรุน
สุดท้ายมือยักษ์ก็เปล่งแสงเจิดจ้าแล้วหายวับไปโดยอัตโนมัติ
“เอ๋!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงพลันตะลึงงันหน้าซีดขาวอ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์สีเขียวมรกตออกมา
“ข้าก็นึกว่าเคล็ดวิชาแปลงกายลึกลับอะไร ที่แท้ก็เป็นแค่เคล็ดวิชาแยกจิตวิญญาณ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ร่างแยกทั้งสองของเจ้าข้าน้อยก็ขอเก็บไปอย่างไม่เกรงใจละนะ” ฉับพลันนั้นเสียงของหานลี่พลันดังขึ้นจากทั้งสี่ทิศแปดด้าน จากนั้นตรงเงาลวงตาชนต่างเผ่าที่สองซึ่งยืนอยู่บนพื้นพลันมีเส้นสีดำที่บางเบาจนแทบมองไม่เห็นสว่างวาบมีดยาวสีทองเล่มหนึ่งสับลงมาจากด้านบน
การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน
หลังจากเสียงร้องอันน่าอนาถดังขึ้นร่างเงาลวงตาก็ถูกสับออกเป็นสองส่วนอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าฟาด ซากศพสองส่วนร่วงลงบนพื้น ทันใดนั้นพลันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไปเช่นกัน
ยามนี้ลำแสงสีทองถึงได้เปล่งประกาย นักรบชุดเกราะสวมเกราะสีทองมือหนึ่งถือมีดยาวกรูกันออกมาจากโคลนด้านล่างอย่างลึกลับ
ชั่วพริบตาที่ร่างแยกถูกทำลายชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงก็น่าซีดขาวไปหลายส่วน จากนั้นพวงแก้มพลันมีสีแดงระเรื่อ
ท่าทางสูญเสียปราณแท้ไปไม่น้อย
แต่ชาวเพลิงจันทราผู้นี้ก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แทบจะในเวลาเดียวกันที่ร่างแยกที่สองถูกทำลาย ก็อ้าปากออกพ่นระฆังใบเล็กสีเขียวออกมาจากปาก นิ้วร่ายอาคมไปที่มันอย่างรวดเร็ว
เสียง แก๊ง แสบแก้วหูดังขึ้น คลื่นเสียงไร้รูปร่างแผ่ออกมาจากระฆังไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
จากนั้นชาวเพลิงจันทราในลำแสงสีแดงพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่านไป
เขาไม่เชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะยับยั้งเผ่าหนอนมีเขาที่เขาเรียกมาได้ ทว่าเขาก็ไม่สนใจที่จะต่อกรกับหานลี่อยู่ที่นี่ต่อเช่นกัน ร่างกายพลิ้วไหวกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งออกไป
แต่เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาพลันดังขึ้น เมื่อลำแสงสีแดงบินไปได้ห้าสิบหกสิบจั้ง กลางอากาศพลันมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นพลันรางเลือน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด
ชั่วพริบตากลางอากาศพลันมีแต่ลำแสงสีเขียว
ดอกบัวสีเขียวเหล่านี้หมุนติ้วๆ พริบตาก็ขยายใหญ่จนมีขนาดสองสามจั้ง ชั่วครู่ก็ปกคลุมท้องฟ้าไว้อย่างแน่นหนา
ยามนี้ชาวเพลิงจันทราพลันตกตะลึงไม่น้อย!
แต่ก็ชูสองมือขึ้นโดยไม่ปริปาก มีดสั้นสีเงินและแผ่นป้ายสีทองพุ่งออกมาพร้อมกัน
เมื่อมีดสั้นพุ่งออกมาก็กลายเป็นมีดยักษ์ยาวสองสามจั้ง สับลงไปกลางอากาศ
หลังจากแผ่นป้ายสีทองเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ฉับพลันนั้นพลันมีลำแสงสีทองเรืองรองพุ่งออกมาจากแผ่นป้าย ภาพลวงตามังกรวารีแผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่ง แยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนออกมา
ปังๆ เสียงดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีเงินและเงาสีทองโจมตีไปยังดอกบัวยักษ์สีเขียวพร้อมกัน
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน แม้ว่าดอกบัวยักษ์สีทองจะมีอักขระทะลักออกมา แต่ครู่ต่อมาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชาวเพลิงจันทราที่ตามมาติดๆ เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจแต่ครู่ต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้างในทันที
เห็นเพียงดอกบัวสีเขียวที่แตกสลายออก เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบมีดอกบัวยักษ์อีกดอกปรากฏขึ้นเบื้องหน้า