คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1605 เย่ว์จง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1605 เย่ว์จง
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1605 เย่ว์จง
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันเลิกคิ้ว มือหนึ่งร่ายอาคม กระตุ้นจิตสัมผัส
วิหคเพลิงกลืนวิญญาณเปล่งเสียงร้องไม่ยินยอมออกมา บินมาอยู่ใกล้กับของเหลวเพลิง กลับแค่บินวนล้อมรอบเขาเอาไว้
หากยังไม่มั่นใจว่าของเหลวเพลิงระดับผสานนี้มีประโยชน์อย่างไร แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางให้วิหคเพลิงวิญญาณกลืนอะไรลงไปมั่วซั่ว
สาเหตุที่ปล่อยเพลิงชนิดนี้ออกมา แค่อยากให้มันช่วยประสานกับเขา ทดสอบประสิทธิภาพของของเหลวเพลิงสวรรค์เท่านั้น
นิ้วทั้งสิบของหานลี่ร่ายไปมาอย่างรวดเร็ว ร่ายอาคมหลากสีสันเป็นสายๆ ไปทางของเหลวเพลิง
อาคมเหล่านี้บ้างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ไม่ได้จมหายเข้าไปในของเหลวเพลิง บ้างกลับเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ แต่กลับถูกผิวของของเหลวดีดออก และยังมีบางส่วนที่สัมผัสกับอาคม ก็ระเบิดเป็นเสียงราวกับฟ้าผ่าออกมา
ปรากฏการณ์ประหลาดของอาคมต่างๆ ตรงหน้า ใบหน้าของหานลี่มีสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน
เมื่ออาคมสีขาวสายสุดท้ายโจมตีไปยังของเหลวเพลิง หลังจากระเบิดหมอกสีขาวออกมาแล้ว นิ้วทั้งสิบของหานลี่พลันหยุดชะงัก หยุดการเคลื่อนไหว และลูบใต้คางไปมา เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
แต่หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ ฉับพลันนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือมือหนึ่ง ใจกลางฝ่ามือมีธงอาคมวิจิตรตระการตาชุดหนึ่งปรากฏขึ้น
มีขนาดเพียงสองสามชุ่น เล็กกระจิดริด
ชูมือขึ้น ธงอาคมกลายเป็นลำแสงสองสามสายพุ่งออกไป แต่ทันใดนั้นก็พลิ้วไหวแล้วหายวับไปกลางอากาศ
สิ่งที่มาแทนที่ก็คือเบื้องหน้าของหานลี่มีเขตอาคมลำแสงขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้น
เขตอาคมลำแสงนี้แบ่งออกเป็นห้าสี ด้านบนกว้างด้านล่างแคบ ราวกับกรวยกรอกน้ำขนาดยักษ์
และใกล้กับเขตอาคมลำแสงนี้ อักขระน้อยใหญ่ทยอยกันปรากฏขึ้น เผยความมหัศจรรย์ออกมา
หานลี่ตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศทางของเหลวเพลิงแล้วปล่อยออก
ชั่วขณะนั้นของเหลวเพลิงสีแดงสดกลุ่มนั้นพลันถูกดูดไปหาเขตอาคมลำแสง
ในชั่วพริบตาที่ของเหลวเพลิงจมเข้าไปในเขตอาคมลำแสง เขตอาคมที่เดิมทีนิ่งสงบไม่ไหวติง ก็ส่งเสียงร้องกึกกักออกมา
จากนั้นผิวของมันพลันมีม่านลำแสงห้าสีปรากฏขึ้นชั้นหนึ่ง ชั่วครู่ก็กลืนเขตอาคมลำแสงทั้งเขตเข้าไปข้างใน
หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง นิ้วทั้งสิบร่ายไทปางเขตอาคมลำแสงในเวลาเดียวกัน
เสียง “ฟิ้วๆ” แหวกอากาศดังขึ้น เส้นไหมผลึกบางๆ เป็นสายๆ พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงตรงหน้า
นิ้วทั้งสิบของหานลี่ขดงอเล็กน้อย
เส้นไหมผลึกกลายเป็นเส้นตรงอย่างน่าอัศจรรย์!
ปากพลันบริกรรมคาถา ชั่วพริบตานั้นผิวของเส้นไหมผลึกพลันมีลำแสงประหลาดไหลวนโคจรไปมา ราวกับว่ากำลังมีอะไรสักอย่างส่งมาทางเขตอาคมลำแสง
หานลี่จ้องเขม็งไปยังเส้นไหมผลึกนั้นด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
ตอนนี้สิ่งที่เขาสำแดงก็คือเคล็ดวิชาลับเฉพาะที่เทพขับเคลื่อนทิ้งเอาไว้ สามารถผนึกพลังของจิตสัมผัสและความชาญฉลาดของเขตอาคมเข้าด้วยกันได้
เคล็ดวิชาลับนี้นอกจากจะสามารถปล่อยพลังจิตสัมผัสไว้ในเขตอาคมได้จำนวนมาก ยังมีประสิทธิภาพที่น่าเหลือเชื่ออย่างการทดสอบประสิทธิภาพของสิ่งของในเขตอาคมด้วย
พลังจิตสัมผัสที่นิ้วทั้งสิบกลายเป็นเส้นไหมผลึก หานลี่กระตุ้นมันอย่างเงียบๆ ตอนแรกมันแค่สั่นเทาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันผิวของเส้นไหมผลึกเหล่านี้ก็มีลำแสงประหลาดเปล่งแสงเรืองๆ
ยามนี้หากมีคนสามารถมองทะลุผ่านม่านลำแสงห้าสีในเขตอาคมได้ ก็จะมองเห็นมันอย่างชัดเจน
ตรงใจกลางของเขตอาคม ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์กำลังหมุนติ้วๆ อยู่อย่างรวดเร็ว
และใกล้กันนั้นอักขระน้อยใหญ่ไม่เท่ากันจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังพยายามโถมเข้าไปในของเหลวเพลิง และในเวลาเดียวกันก็มีอักขระอื่นๆ ทะลักออกมาจากของเหลวเพลิง
การเข้าและออกนี้ทำให้ผิวของของเหลวเพลิงมีลำแสงสีแดงไหลเวียนอยู่ ราวกับว่ากำลังเดือดปุดๆ อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะได้ผลลัพธ์อะไรบางอย่าง แต่หลังจากลังเลไปเล็กน้อย นิ้วทั้งสิบพลันสั่นเทา เส้นไหมผลึกสิบเส้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเดียวกัน
จากนั้นหานลี่พลันใช้มือหนึ่งร่ายอาคม
เขตอาคมลำแสงเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา!
ม่านลำแสงห้าสีหมุนวนระลอกหนึ่ง ของเหลวเพลิงอีกกลุ่มที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมเป็นอย่างมาก พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วบินออกมาจากม่านลำแสง
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม พลางชี้ไปทางของเหลวเพลิงกลุ่มนั้น!
วิหคเพลิงกลืนวิญญาณที่แต่เดิมวนเวียนอยู่รอบๆ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาปรากฏใกล้กับของเหลวเพลิง และอ้าปากแล้วกลืนมันลงไปในท้อง
วิหคเพลิงเปล่งเสียงร้องด้วยความสุข หันกายบินมาหาหานลี่ จากนั้นก็กลายเป็นลูกบอลเพลิงกลุ่มหนึ่ง จมหายเข้าไปในร่างของหานลี่
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือข้างหนึ่งสะบัดไปเบื้องหน้า
ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวพลันม้วนวนบินออกมา
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น จุดที่ม่านลำแสงสีเขียวพุ่งผ่านไป ม่านลำแสงห้าสีพลันสลายออก เผยด้านในของเขตอาคมลำแสงออกมา
หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียกไปทางเขตอาคมลำแสงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หลังจากที่เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น ลำแสงวิญญาณสองสามสายก็พุ่งออกมาจากเขตอาคมลำแสง มาอยู่ตรงหน้าหานลี่ แล้วถึงหยุดชะงักอีกครั้งแล้วกลายเป็นธงเขตอาคมสองสามด้ามลอยพลิ้วลงมาด้านล่าง
สะบัดแขนเสื้อออกไป ธงอาคมเหล่านี้หายวับไปท่ามกลางลำแสงที่สว่างวาบ
เขตอาคมลำแสงที่อยู่ไกลออกไปหายวับไปอย่างเงียบเชียบด้วยความรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ที่เดิมที่เหลือเพียงของเหลวขนาดเท่ากำปั้นก็ลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ
หานลี่กวักมือไปทางของเหลวเพลิง ขวดหยกสีขาวนวลเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่เหนือเขา
ปากของขวดหยกเทลง พ่นม่านลำแสงออกมา ดูดของเหลวเพลิงนั้นเข้าไปข้างใน
หลังจากที่เก็บขวดใบนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หานลี่กลับหลับตาทั้งสองข้างลง นั่งสมาธิอยู่บนพื้นไม่ไหวติง
มองดูเขาในตอนนี้ที่ขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสไปมา ก็ดูเหมือนว่าจะคิดวิธีดีๆ ในการแก้ไขปัญหาออกแล้ว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาถึงได้ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าราบเรียบ และเอียงศีรษะยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกไป
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลูกบอลเพลิงสีเงินปรากฏขึ้น
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบในเปลวเพลิงสีเงิน เพลิงลูกไฟสีแดงขนาดเล็กปรากฏขึ้น
หลังจากมองลึกเข้าไปแวบหนึ่ง หานลี่พลันอ้าปากออก พ่นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตาที่เปลวเพลิงสีเงินที่เดิมมีขนาดเท่ากำปั้นสัมผัสกับลำแสงสีเขียวก็ระเบิด
จากนั้นก็หม่นแสงลง ลูกบอลเพลิงสีเงินที่ใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าพลันปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้หานลี่พลันพยักหน้าจากนั้นพลันอ้าปากออกสูดเข้าไป
ชั่วขณะนั้นลูกบอลเพลิงยักษ์พลันกลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่ง ถูกดูดเข้าไปจนเกลี้ยง
“ดูแล้วคงไม่ได้หลอกลวง ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ยังมีประสิทธิภาพหลักอยู่จริงๆ ของมีตำหนิแต่ก็ยังมีทุกอย่างครบจริงๆ ปัญหาเดียวก็คือด้านในดูเหมือนจะผสมสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์อะไรสักอย่างเอาไว้ และไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ จะทำให้คนผู้นั้นพอใจได้หรือไม่? แต่หากกลืนสิ่งนั้นลงไป เพลิงกลืนวิญญาณที่มีความสามารถในการอาศัยไอวิญญาณบริสุทธิ์เพิ่มพลังให้ตนเองได้ชั่วคราว ก็มีพลังพอแล้ว ตอนที่ต่อกรกับศัตรู ก็สามารถเพิ่มพลังขึ้นได้หลายเท่าในพริบตา” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตนเองสองสามประโยค
เวลาต่อมา หานลี่ก็นั่งสมาธิต่ออีกชั่วครู่ ขบคิดถึงเรื่องที่ได้เห็นและได้ฟังมาในงานประมูลสี่เผ่า รู้ว่าตนเองไม่ได้อะไรผิด แล้วถึงได้พ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง
เขาควักขวดยาออกมาจากอกเสื้อ และเทยาลูกกลอนมังกรทะยานออกมากินเม็ดหนึ่ง
จากนั้นหานลี่ก็เริ่มนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญเพียร!
เวลาที่แดนกว้างเย็นจะเปิดขึ้นนั้นไม่แน่นอน อาจจะยาวหน่อยก็ร้อยปี และอาจจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามปีนี้
แน่นอนว่าเขาต้องรีบถือโอกาสฝึกฝนเอาไว้
ต่อให้เขาไม่อาศัยไอวิญญาณของแดนกว้างเย็นทะลวงจุดคอขวด การเพิ่มพลังยุทธ์ให้ได้ก่อนจะเข้าไปในแดนกว้างเย็นก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น
สามเดือนผ่านไป ยังคงอยู่ในห้องลับห้องเดิม ลายเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของหานลี่ สองมือพลางร่ายอาคมฝึกฝนอะไรสักอย่างอยู่
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฉับพลันนั้นเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ลำแสงสีทองที่ผิวหม่นแสง คิดไม่ถึงว่าจะเก็บวรยุทธ์ไป
เขาสะบัดแขนเสื้อ ของที่มีรูปทรงคล้ายแผ่นป้ายหยกพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ร่อนลงมาตรงใจกลางฝ่าของเขา
นั่นคือยันต์หมื่นลี้! ผิวของมันเปล่งแสงสว่างวาบ กำลังปรากฏตัวอักขระขนาดเท่ามดขึ้นหลายแถว
หานลี่คว้ามันไว้ตรงหน้า กวาดสายตาไปแวบหนึ่ง แววตาเปล่งประกาย
“คิดไม่ถึงว่าจะเปิดใช้งานแล้ว! ดูแล้วคงต้องไปดูสักหน่อย”
จากนั้นหานลี่ก็เก็บยันต์หมื่นลี้ ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากห้องลับ
หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยาม หานลี่ก็ลงมาจากรถอสูรคันหนึ่ง ปรากฏตัวบนถนนที่เคยมาแล้วอีกครั้ง
เขากวาดสายตาไปเดินไปยังร้านค้าร้านหนึ่งทันที
ที่น่าแปลกก็คือคิดไม่ถึงว่าร้านค้าร้านนี้จะปิดประตูอยู่ ไม่ได้เปิดรับลูกค้า
หานลี่กลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด เดินไปถึงหน้าประตูก็ชูมือขึ้น อาคมสายหนึ่งทะลุผ่านประตูร้านเข้าไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ประตูร้านก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ
หานลี่สาวเท้าเข้าไปข้างใน
หลังจากเข้าประตูมาแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งก็ยืนหน้าตาน่ารักอยู่ตรงนั้น ตรงหว่างคิ้วมีผลึกศิลาเปล่งลำแสงสีขาวอ่อนออกมา
นั่นก็คือหญิงสาวเผ่าผลึกที่มีนามว่า ‘เซียนเซียน’
“คารวะท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังคิดไม่ถึงว่าท่านอาวุโสจะมาอย่างรวดเร็วเพียงนี้ จึงไม่ได้ออกไปต้อนรับ หวังว่าท่านอาวุโสจะให้อภัย” เซียนเซียนที่เผชิญหน้ากับหานลี่คารวะตามพิธีด้วยรอยยิ้ม
“หึๆ ไปต้อนรับหรือไม่นั้นไม่สำคัญ! เหตุใดผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราถึงต้องมีพิธีรีตองมากขนาดนี้ ผู้แซ่หานได้รับข่าวจากสหาย ก็ออกมาในทันที” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมาขณะเอ่ย
“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมในการพูดคุย ไปคุยกับในห้องลับของชนรุ่นหลังเถิด ที่นั่นยังมีสหายอีกท่านรออยู่ ชนรุ่นหลังจะแนะนำให้ท่านอาวุโสได้รู้จัก” เซียนเซียนฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ย
หานลี่ได้ฟังพลันชักสีหน้า แต่ก็พยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไร
จากนั้นก็เห็นหญิงสาวปิดประตูร้านลงอีกครั้ง มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ หว่างนิ้วทั้งห้ามีจานอาคมชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
นางร่ายอาคมด้วยมือมือหนึ่ง ปากเริ่มบริกรรมคาถา และชี้ไปทางจานอาคม
ชั่วขณะนั้นจานอาคมพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงห้าสีม้วนวนไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
หญิงสาวผู้นี้และหานลี่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยม่านลำแสงนี้ และหลังจากที่ม่านลำแสงหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นเขตอาคมลำแสงห้าสี
ครู่ต่อมาหานลี่ก็รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศรอบด้านรางเลือน อยู่ในชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีเทาขมุกขมัว
นั่นก็คือห้วงมิติเวลาที่หญิงสาวเผ่าผลึกเปิดใช้ขึ้นส่วนตัว
หานลี่กวาดสายตาไปมองเห็นเงาร่างคนยืนตัวตรงแน่วอยู่ใกล้ๆ ทันที
“คารวะท่านอาวุโสหาน” เงาร่างคนผู้นั้นประสานกำปั้นให้หานลี่อยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท
หานลี่ได้ฟัง สองตาพลันหรี่ลงพลางพิจารณา
เห็นเพียงคนผู้นั้นมีร่างกายกำยำ สวมชุดคลุมหนังสีดำ ใบหน้ามีรอยบากสีม่วงอ่อนสองสามสาย ดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย ทั่วทั้งสรรพางค์กายเผยกลิ่นอายอาจหาญออกมา
หลังจากกวาดจิตสัมผัสออกไปแล้ว คนผู้นี้มีพลังยุทธ์อยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง
“สหายมีนามเรียกขานว่าอย่างไร?” หานลี่เดินออกจากเขตอาคมส่งตัว แล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“ชนรุ่นหลังเย่ว์จง!” บุรุษหน้าบากตอบกลับ
“พี่เย่ว์เป็นนักล่ามารอสูรที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูเขามารสีทอง! การเข้าออกภูเขาลูกนั้นให้ราบรื่นในครั้งนี้ต้องอาศัยอิทธิฤทธิ์ของสหายเย่ว์แล้ว” เซียนเซียนที่ถูกส่งตัวมาเช่นกัน อธิบายให้หานลี่ฟัง