คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1647 ศัตรูที่แข็งแกร่งไล่ตามมา
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1647 ศัตรูที่แข็งแกร่งไล่ตามมา
A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1647 ศัตรูที่แข็งแกร่งไล่ตามมา
ครู่ต่อมาตรงหน้าของหานลี่ก็มีลำแสงสีเงินดำสองกลุ่มเปล่งแสงสว่างวาบ ภูเขาน้อยสีดำและวิหคเพลิงสีเงินล้วนหดเล็กลงจนมีขนาดจิ๋ว
ถูกแขนเสื้อม้วนออกไปแล้วหายวับไปในทันที
กระบี่แสงสีเขียวร้อยกว่าสายที่แต่เดิมกำลังพัวพันกับสมบัติอาคมของชายชราแซ่เยี่ยนและพวกทั้งสองคน ก็เปล่งเสียงร้องอันไพเราะออกมาแล้วพุ่งไปด้านหลัง
เห็นเพียงมันเปล่งแสงสว่างวาบกลางอากาศ ชั่วพริบตากระบี่บินเหล่านี้ก็กลับมาอยู่ข้างกายของหานลี่ และหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าปลาตัวน้อยแล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขา
แม้กระทั่งเตาใบเล็กสีเหลืองที่สูญเสียเจ้านายจึงทำให้ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ก็ถูกตะปบดูดเข้ามาอยู่ในมือ
หลังจากที่หานลี่เก็บสมบัติเต็มท้องฟ้ามาจนเกลี้ยง ปีกที่แผ่นหลังก็กระพือ กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป แค่กะพริบวาบๆ ก็หายวับไปที่ขอบฟ้า
ไกลออกไปจึงเหลือเพียงชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิตที่กำลังมองสบตากันไปมา
หลังจากที่ทั้งสองเห็นขั้นตอนการสังหารชนต่างเผ่าผมสีเขียวของหานลี่ ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าเสี่ยงไล่ตามไปอีก
แม้ว่าสมบัติอาคมจะดีขนาดไหน ก็ต้องไปเอามาอย่างมีชีวิตถึงจะถูก
ทว่าชายชราและหญิงสาวมองสบตากันแวบหนึ่งด้วยความหวาดกลัวแล้วก็เหลือบตามองวารีสีดำและเมฆาเพลิงที่อยู่ไกลออกไป ต่างเผยสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา
หญิงสาวที่อยู่ในลำแสงสีโลหิตไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์ประหลาดนั้น ส่วนชายชรากลับมีสีหน้าเคร่งขรึมฉับพลันนั้นก็ชี้ไปที่สมบัติอาคมรูปเมฆสีขาวกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นสมบัติชิ้นนี้พลันสั่นสะเทือน กลายเป็นหมอกลำแสงสีขาวม้วนวนเขาเข้าไปข้างใน แล้วพุ่งแหวกอากาศไปอีกทาง
ความเร็วของมันคาดไม่ถึงว่าจะไม่ต่างอะไรกับหานลี่ที่ใช้เคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีนัก
เช่นนั้นที่นี่จึงเหลือเพียงหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตเพียงผู้เดียว
นางขมวดคิ้วดำขลับ จ้องเขม็งไปยังเมฆาเพลิงและวารีสีดำที่กำลังบินอยู่ไกลออกไป สีหน้าครุ่นคิดไม่ปริปากใดๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เพลิงลำแสงวารีสีดำกลางอากาศก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น แทบจะหมุนวนมาทางนี้ในเวลาเดียวกัน และหยุดลงเหนือศีรษะของหญิงสาว
“เจ้าเด็กเสี่ยอิง เห็ดเซียนตนนั้นตกอยู่ในมือของเจ้าแล้วหรือ” หลังจากที่เมฆาเพลิงหมุนวนระลอกหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็มีสิ่งของขนาดสิบจั้งเศษปรากฏออกมา นั่นก็คือหัวกบยักษ์
ในยามนี้มารอสูรตนนี้มีผิวหนังสีแดงเพลิง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ในหัวมีไข่มุกกลมขนาดเท่ากำปั้นสีเทาลูกหนึ่ง กำลังเปล่งแสงระยิบระยับ
“ท่านลุงเหล็กล้อเล่นแล้ว หลานไม่มีเห็ดเซียน ท่านมองปราดเดียวก็รู้มิใช่หรือ หากข้าได้สัตว์เทพตนนั้นมาละก็ คงหนีเตลิดไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมารอท่านลุงอยู่ที่นี่” หญิงสาวสวมชุดชาววังกลับไม่หวาดกลัว แค่ตอบกลับอย่างนอบน้อม
“หึ เจ้าเด็กนี่เหมือนกับตาเฒ่าแขนโลหิตอย่างไรอย่างนั้น ล้วนเป็นผู้ที่ดูซื่อสัตย์แต่ในใจนั้นเจ้าเล่ห์นัก หากตาเฒ่าไม่ถาม จะวางใจจากไปได้อย่างไร แต่หากเจ้าหลอกข้า น่าจะรู้ผลที่ตามมาสินะ” เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาดังออกมาจากปากของกบยักษ์ พลางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
คาดไม่ถึงว่ากบยักษ์ตัวนี้จะถูกเจ้าของของมันอย่างมารปีกเหล็กตนนั้นสิงร่างอยู่
“เอาล่ะ อย่างพล่ามไร้สาระ รีบตามเห็ดเซียนไปจะดีกว่า เจ้าตกลงกับข้าแล้ว หากช่วยเจ้าชิงของมาได้ เจ้าจะมอบไข่มุกเคลือบวารีให้ข้า” วารีสีดำที่อยู่ด้านข้างพลันหมุนวน ชั่วครู่ก็มีศีรษะอัปลักษณ์สีดำสนิทยื่นออกมา ปากของมันใหญ่และกว้าง ในปากเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคม
“มารจระเข้ เจ้าเพิ่งจะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ แม้แต่ระดับก็ยังไม่มั่นคง จะพูดอะไรก็มีมารยาทหน่อย มิเช่นนั้นแม้ว่าที่อยู่ตรงนี้จะเป็นแค่ร่างแยกที่ข้าสิงสู่ ก็เพียงพอจะทำให้เจ้าคืนร่างเดิมได้” กบยักษ์กลับตะโกนใส่สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นใหม่ด้วยความเย็นชา
“หึๆ งั้นหรือ ข้ากลับอยากทดสอบว่าตอนนี้เจ้ามีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นหรือไม่” แววตาของมารจระเข้ฉายแววโหดเ**้ยม พลางตอบกลับอย่างหัวแข็ง
กบยักษ์ได้ฟังคำนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วมีไข่มุกสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ เมฆาเพลิงรอบๆ ด้านพลันเดือดพล่านและพวยพุ่งขึ้นไป
มารจระเข้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอ้าปากออก วารีสีดำรอบด้านเดือดพล่าน ดูเหมือนพอทั้งสองพูดขัดแย้งกัน ก็ทำท่าจะลงมือในทันที
“ช่างเถิด เห็นแก่ฐานะเจ้านายในวันนั้นของเจ้า ข้าเองก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า ขอแค่ได้เห็ดเซียนนั้นมา แน่นอนว่าต้องมอบไข่มุกเคลือบวารีให้เจ้า เจ้าคงไม่ได้ไม่เชื่อคำพูดของตาเฒ่าหรอกนะ” หลังจากที่ใบหน้าของกบยักษ์บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวมารจระเข้อะไรสักอย่าง คาดไม่ถึงว่าจะฝืนระงับความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา คิดดูแล้วคงไม่มีทางกลืนคำพูดตัวเอง พวกเขาไล่ตามไปกันเถิด ทว่าในเมื่อเห็ดเซียนนั่นไม่ได้อยู่กับแม่หนูนี่ เช่นนั้นก็ต้องอยู่กับคนนอกที่หนีไป ต้องถามแม่หนูสักหน่อยหรือไม่?” ปากของมารจระเข้เปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมาขณะเอ่ย
“ถามนาง? แม้ว่าในตัวนางจะไม่มีเห็ดเซียนจริงๆ แต่เจ้าคิดว่านางและแขนโลหิตจะอยากให้สิ่งนั้นตกอยู่ในมือของตาเฒ่าหรือ? ถึงอย่างไรเสียก็แค่สองคนเท่านั้น พวกเราแยกกันลงมือเถิด ไล่ตามไปคนล่ะคนก็ได้แล้ว เช่นนั้นจะไม่มีปลาหลุดรอดแหไปได้” กบยักษ์เอ่ยอย่างราบเรียบ
“ตกลงตามนั้น ข้าจะไปตามคนทางนั้น หากได้เห็ดเซียนมา ก็ให้กลับมาแลกไข่มุกเคลือบวารีที่นี่” มารจระเข้หัวเราะฮ่าๆ ออกมา หดศีรษะเข้าไปในวารีสีดำทันที
ทันใดนั้นเสียงอึกทึกก็ดังขึ้น วารีสีดำทั่วท้องฟ้าพลันหมุนวน ไล่ตามไปยังทิศทางที่ชายชราแซ่เยี่ยนหนีไป
กบยักษ์ในเมฆสีเพลิงเองก็ไม่ได้ปริปากเช่นกัน เมฆสีเพลิงรอบๆ พลันหมุนวน ม้วนไปอีกด้าน
นั่นก็คือทิศทางที่หานลี่บินไป
ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตที่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสสลับไปมา
นางมองเมฆสีเพลิงและวารีสีดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปที่ขอบฟ้า แล้วถึงได้หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา พลางเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“คิดไม่ถึงจริงๆ คาดไม่ถึงว่ามารจระเข้ตัวนี้จะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะรีบรายงานเรื่องนี้กับท่านพ่อ ส่วนเห็ดเซียนนั้นหวังเพียงว่าคนนอกแซ่หานผู้นั้นหาสัตว์เทพหนีไปได้จริงๆ”
หลังจากเอ่ยพึมพำกับตัวเองจบหญิงสาวผู้นี้ก็กลายเป็นลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกไป
ห่างออกไปสองสามพันลี้ หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง กลายเป็นประจุไฟฟ้าพุ่งหนีออกไป
ด้านหลังห่างออกไปร้อยกว่าลี้ เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด ท้องฟ้ากว่าครึ่งถูกเพลิงสีแดงอาบย้อมเอาไว้ เมฆาเพลิงผืนนั้นไล่ตามมาทางเขา
หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เขาในตอนนี้มีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอยู่ไม่มากแล้ว ไม่อาจควบคุมปีกวายุอัสนีได้นานนัก
ทว่าดูจากท่าทางของผู้ที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เกรงว่าหากไม่จัดการคนผู้นี้ ก็ไม่อาจหนีรอดได้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดพัก วางแผนว่าหลังจากล่อผู้ที่ตามมาด้านหลังไปไกลแล้ว ค่อยลงมือ จะได้ไม่ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ
เช่นนั้นหานลี่ที่อยู่ในสายฟ้าจะบินรวดเดียวออกมาแสนลี้เศษ มาปรากฏตัวเหนือยอดเขาสูงใหญ่สองสามลูก
เขารู้สึกว่าอยู่ห่างกันพอสมควรแล้ว ก็ขมวดคิ้ว ประจุไฟฟ้าบนร่างหม่นแสง คนปรากฏกายขึ้นและหยุดอยู่ที่เดิม
หันกลับไปมองปลายขอบฟ้าที่เปล่งแสงสีแดงระยิบระยับ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ร่างกายหมุนติ้วๆ ราวกับลูกข่าง ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสลายหายไปกลางอากาศ อำพรางกายจนมองไม่เห็น
หานลี่รู้ว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังไม่ใช่คนธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะวางเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์อย่างไม่ลังเล
เมื่อมีเขตอาคมกระบี่นี้ขอแค่ผู้ที่มาไม่ได้อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ ล้วนสังหารศัตรูที่แข็งแกร่ง
ทางด้านหานลี่ที่ว่างเขตอาคมกระบี่เสร็จได้ไม่นาน ด้านหลังก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น เมฆสีเพลิงที่ดูทะมึนทึบปกคลุมกว่าครึ่งท้องฟ้า เปลวเพลิงสีแดงสดด้านในกะพริบเรืองๆ ราวกับเทพเทวะเพลิงกำลังจะลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น
“เรียกเห็ดเซียนออกมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” มีเสียงอู้อี้ดังออกมาจากเมฆาสีเพลิง ราวกับเสียงฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงสดในเมฆาก็ทะลักออกมา สิ่งมหึมาราวกับภูเขาขนาดย่อมพลันปรากฏออกมา
หานลี่กวาดตามองอย่างละเอียด แล้วอดที่จะมีสีหน้าตกตะลึงไม่ได้
สัตว์ประหลาดตัวนี้มีเรือนกายสีแดงสด ร่างกายดูคล้ายกับคางคกยักษ์ แต่แผ่นหลังกลับมีปีกยักษ์สีดำสนิทคู่หนึ่ง
บนปีกมีไอสีดำหมุนวนดูเหมือนไม่ใช่ของจริง และยิ่งไปกว่านั้นในไอสีดำยังมีอักขระสีทองอ่อนกะพริบอยู่รางๆ ทำให้ผู้คนที่มองไปรู้สึกลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
บนหัวคางคกที่มีขนาดใหญ่ราวกับหอคอย ดวงตาทั้งสองปิดสนิทอยู่ ตรงหน้าผากมีไข่มุกกลมสีเทาฝังอยู่ เปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ ราวกับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ
หานลี่มองรูปร่างของสัตว์ประหลาดที่อยู่กลางอากาศ สองตาพลันหรี่ลงเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า
“เห็ดเซียนอยู่ในมือข้าจริงๆ นายท่านอยากได้ก็ได้ เอาแกนมารของเจ้ามาแลกสิ”
“ฮ่าๆ เด็กเอ่ยเจ้าช่างกล้าพูดเช่นนี้ คำนี้ตาเฒ่าไม่ได้ยินคนผู้มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว เห็นแก่เจ้าที่ทำให้ตาเฒ่าได้เบิกบานใจ อีกเดี๋ยวข้าจะกลืนจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าลงไป จะลิ้มรสเป็นอย่างดี” เมื่อคางคกยักษ์ได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็ราวกับได้ยินสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะที่สุดในโลก ทันใดนั้นปากใหญ่ๆ ก็อ้าปากหัวเราะออกมา
แต่เสียงหัวเราะยังไม่ทันหยุดลด ปากของคางคกยักษ์ก็เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ เงาสีแดงสายหนึ่งดีดตัวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป มาปรากฏตัวตรงหน้าหานลี่ราวกับเคลื่อนย้ายกายได้ แล้วกระโจนไปหน้าอกของเขา
หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ การโจมตีที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ เกรงว่าไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็คงถูกเงาสีแดงทะลวงผ่านร่างไปในทันที
แต่หานลี่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ไม่เพียงประสบการณ์การต่อสู้จะเฟื่องฟู ลำแสงสีฟ้ายังเปล่งแสงสว่างวาบในแววตา เรียกใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณตั้งนานแล้ว
ดังนั้นในสถานการณ์ที่คนอื่นเห็นว่าแทบจะไม่มีทางใช้ตาเนื้อจับเงาสีแดงนี้ได้ เขากลับมองเห็นอย่างชัดเจน เงาสีแดงนั่นคือลิ้นยาวๆ ขนาดเท่าข้อมือในปากของคางคกยักษ์
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
เงาสีแดงสั่นเทาแล้วดีดตัวกลับมา ตรงหน้าของหานลี่มีภูเขาขนาดย่อมสีแดงที่นิ่งงันไม่ขยับเขยื้อนปรากฏขึ้น ลอยอยู่ตรงนั้นราวกับโล่อย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าลิ้นของคางคกยักษ์จะแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล แต่จะเขย่าภูเขาเทวะดูดปราณในยามนี้ได้อย่างไร
เมื่อลิ้นของคางคกยักษ์โจมตีไม่เป็นผล ก็ประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ปีกสีดำที่แผ่นหลังกระพือ
ชั่วขณะนั้นเมฆเพลิงกลางอากาศก็ได้รับการชักจูงจากพลังลึกลับบางอย่าง ค่อยๆ หมุนวนแล้วทะลักไปทางมารอสูรตัวใหญ่ยักษ์
ส่วนตัวของคางคกยักษ์ที่แต่เดิมดูเหมือนหลุมดำไร้ก้น เมฆาเพลิงก็ทะลักเข้าไปในร่างของมัน คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางราวกับไม่เป็นอะไรเลย
ทว่าหานลี่ที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาเป็นครั้งแรก