คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1648 กระบี่ดั้งเดิมปรากฏตัวอีกครั้ง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1648 กระบี่ดั้งเดิมปรากฏตัวอีกครั้ง
ตอนที่ 1648 กระบี่ดั้งเดิมปรากฏตัวอีกครั้ง
เมื่อเมฆาเพลิงทั่วท้องฟ้ารวมทั้งเปลวเพลิงสีแดงสลายหายไป ท้องฟ้าพลันเปล่งเสียงไพเราะออกมา คางคกยักษ์กลายเป็นสิ่งประหลาดสีแดงสดราวกับหัวแร้งอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายกึ่งโปร่งใสเปล่งลำแสงสีเพลิงเจิดจ้าออกมา
ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับดวงอาทิตย์สีแดงเพลิงอย่างไรอย่างนั้น อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้ทุกอย่างในรัศมีสองสามลี้เหมือนตกอยู่ในเตาหลอม
หานลี่ที่อยู่ด้านล่าง อุณหภูมิยิ่งสูงจนน่าตกตะลึง แม้แต่อากาศก็ยังเปล่งเสียงหึ่งๆ ดูขมุกขมัว!
หากผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำทั่วๆ ไปตกอยู่ในอุณหภูมิเช่นนี้ เกรงว่ากายเนื้อคงถูกความร้อนแผดเผา จนลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน จนแม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้
ทว่าหานลี่ที่อยู่ในอุณหภูมิสูงปรี๊ดเช่นนี้ แค่ขมวดคิ้ว ตบไปที่หน้าผากของตนเอง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เหนือศีรษะตลอดไปจนใต้ฝ่าเท้า ห่อหุ้มเรือนร่างเอาไว้ข้างใน
อุณหภูมิความร้อนรอบด้าน ราวกับถูกพลังแรงดูดมหาศาลดูดไว้อย่างไรอย่างนั้น มันทะลักเข้ามาในเปลวเพลิงสีเงิน
อากาศรอบตัวหานลี่ในระยะสิบจั้งเศษ เปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น
หานลี่ใช้สองมือกอดอกลอยตัวอยู่ที่เดิมเงยหน้ามองคางคกยักษ์สีแดงเพลิงกลางอากาศด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ สีหน้าเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงแล้วเขากลับเอ่ยพึมพำอยู่ในใจ
พลังปราณธาตุเพลิงเดิมทีก็มีพลังในการขับไล่สังหารมารอยู่แล้ว ดังนั้นในบรรดามารอสูรที่มีอิทธิฤทธิ์ธาตุบริสุทธิ์ชนิดนี้ ย่อมพบเห็นได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งไม่ต้องพูดมารอสูรระดับสูงตัวนี้ที่ควบคุมพลังเพลิงได้จนถึงขั้นที่น่าตกตะลึงเช่นนี้
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มารตนนี้คิดจริงๆ หรือว่าอิทธิฤทธิ์แค่นี้จะสังหารเขาได้!
หานลี่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจ และถูมือทั้งสองข้างไปมา แล้วแยกออกจากกัน
เสียง “ฟิ้วๆ” ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองชั้นหนึ่งปรากฏออกมา วนล้อมรอบเขาไปมา และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พลางแผ่ออกไปรอบทิศทาง
ท่ามกลางลำแสงอัสนีที่น่าตกตะลึง ตาข่ายไฟฟ้ายักษ์ทรงกลมปรากฏขึ้น ห่อหุ้มเขาเอาไว้ข้างใน
ในเวลาเดียวกันสองมือของหานลี่ก็พลิกฝ่ามือไปทางนั้น อักขระสีทองเรืองรองทะลักออกมาจากฝ่ามือ ทยอยกันจมหายเข้าไปในประจุไฟฟ้ารอบด้านแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจพลันปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตาที่อักขระจมหายเข้าไปในประจุไฟฟ้าสีทอง ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากที่ลำแสงสีทองระเบิดออกเป็นกลุ่มๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโรมรันเข้าด้วยกัน
ชั่วพริบตารัศมีลำแสงสีทองเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งก็ปรากฏออกมา
หานลี่ที่อยู่ในรัศมีลำแสง ร่างกายรางเลือน แต่กลับมีเสียงบริกรรมคาถาดังออกมา
ภายใต้รัศมีลำแสงที่หมุนวน อักขระหมุนวนไปมาไม่แน่นอน เปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา และค่อยๆ แสบแก้วหูขึ้นเรื่อยๆ!
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หานลี่ก็เผยร่างที่กำลังร่ายอาคมออกมา
นิ้วทั้งห้าอีกมือหนึ่งชี้ไปด้านบน ดวงแสงทรงกลมสีทองเรืองรองลอยเหนือขึ้นไปสองสามฉื่อ
ผิวของดวงแสงเว้าโค้ง เปล่งแสงหม่นแสง ราวกับอาวุธธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง
“อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย เคล็ดวิชาอัญเชิญอัสนี!”
อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายกลายเป็นดวงแสงทรงกลม แล้วถูกคางคกยักษ์ที่อยู่กลางอากาศรู้จักด้วยความตกตะลึง
หานลี่หัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบาออกมา นิ้วทั้งห้าถือดวงแสงสีทองเอาไว้ ดวงแสงทรงกลมหมุนติ้วๆ อยู่ในมือ ดูเหมือนว่าจะถูกสำแดงออกมาในทันที
เดิมคางคกยักษ์เสียแรงในการเตรียมเคล็ดวิชาลับที่ร้ายกาจไปเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก แทบจะเคลื่อนไหวกายอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นเสาเพลิงลุกโชนบินม้วนลงมา
หานลี่เห็นเช่นนั้นมุมปากพลันกระตุกเล็กน้อย ดวงแสงสีทองในมือกระโดดออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ตัวของเขาเองก็ถอยร่นไปด้านหลัง
อากาศที่ดูเหมือนไม่มีอะไรด้านหลัง จู่ๆ พลันมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า ดอกบัวสีเขียวปรากฏขึ้นหลายดอก
หานลี่ที่ดูเหมือนถอยหลังไปตามอำเภอใจ หายวับไปท่ามกลางดอกบัวสีเขียว
เสาเพลิงเปล่งเสียงอึกทึก โจมตีไปยังดอกบัวสีเขียวด้านล่าง
ดอกบัวทั่วทั้งท้องฟ้ากลับกลายเป็นลำแสงสีเขียวแล้วสลายหายไปราวกับกระดาษ
แต่เมื่อเปลวเพลิงสีแดงกระโจนเข้าไปในลำแสงสีเขียว กลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร
ชั่วขณะนั้นเสาเพลิงพลันระเบิดออก กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดสองสามหมู่ ในนั้นเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ ร่างของคางคกยักษ์ปรากฏออกมา ยังคงหลับตาทั้งสองข้างสนิท แต่ยังมองมาทางลำแสงสีเขียวเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทว่าครู่ต่อมารอบด้านก็มีเสียงของหานลี่ดังขึ้น
“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าคิดหนีเลย ลิ้มลองเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ของข้าหน่อยเป็นไง!”
เมื่อสิ้นเสียงกลางอากาศในรัศมีวงกลมร้อยจั้งก็มีลำแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่งปรากฏออกมา ห่อหุ้มทะเลเพลิงทั้งหมดเอาไว้
คางคกยักษ์ที่แต่เดิมรู้สึกผิดปกติอยู่ในใจ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งเสียงร้องคำราม อ้าปากออก พ่นเสาลำแสงสีแดงสายหนึ่งออกมา
เสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้น
เสาลำแสงโจมตีไปยังม่านลำแสงสีเขียว ทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่จากนั้นก็จมหายเข้าไปอย่างไร้เงา
คางคกยักษ์เห็นเช่นนั้น ไข่มุกตรงหว่างคิ้วพลันมีลำแสงสีเทาหมุนวนโคจรไปมา ยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้น ตบไปยังจุดที่ไกลออกไป
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น หมอกลำแสงสีแดงม้วนวนออกมาจากทรวงอกของมารอสูร จากนั้นก็ผนึกรวมตัวกันกลายเป็นกรงเล็บยักษ์สีแดงเพลิงข้างหนึ่ง ตะปบไปทางม่านลำแสงเบื้องหน้าอย่างแรง
กรงเล็บนี้ไม่เหมือนกับเคล็ดวิชาทมิฬ ไม่ทันได้จับได้จริงๆ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น ลำแสงสีแดงยาวสองสามฉื่อก็เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็ทะลักออกมาจากกรงเล็บยักษ์
เสียง “แควก” ดังขึ้น กรงเล็บยักษ์สีแดงสดตะปบม่านลำแสงสีเขียวจนทลายออก
แต่ด้านหลังม่านลำแสงกลับมีอากาศสีแดงสนิทปรากฏออกมา ท่าทางลึกล้ำยากจะคาดเดา
กรงเล็บยักษ์สีแดงสดโบกสะบัดอีกครั้งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กรงเล็บลำแสงสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมากลางอากาศในทันที
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กลางอากาศที่แต่เดิมไร้สิ่งของ ฉับพลันนั้นพลันมีดอกบัวสีเขียวปรากฏขึ้นทีละดอกๆ จนหนาแน่นไปหมด แค่กะพริบวาบๆ ก็เรียงตัวเต็มท้องฟ้า
ลำแสงสีแดงสับลงมา ชั่วขณะนั้นพลันถูกปกคลุมเข้าไปข้างใน
คางคกยักษ์เห็นฉากนี้ใบหน้าพลันมีสีหน้าตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ร่ายคาถา
ชั่วขณะนั้นกรงเล็บยักษ์สีแดงสดข้างหนึ่งพลันขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกออก
รัศมีลำแสงสีแดงฉานปรากฏออกมา และมีเสียงดังสนั่นแผดออกมาราวกับเสียงฟ้าคำราม ชั่วพริบตาก็มีขนาดยักษ์สิบกว่าจั้ง
เมื่อดอกบัวสีเขียวรอบๆ สัมผัสกับลำแสงนั้น คาดไม่ถึงจะทยอยกันกลายเป็นควันสีเขียวแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คาดไม่ถึงว่ารัศมีสีแดงจะโหดเ**้ยมไร้ความปรานี มันหมุนคว้างแล้วบินไปด้านหน้า พลางทำลายดอกบัวสีเขียวไปจนหมด
แต่ในยามนั้นเองเปลวเพลิงสีเงินที่อยู่ในรัศมีสีแดงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ วิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามฉื่อตัวหนึ่งปรากฏขึ้น พลางสยายปีกทั้งสองข้าง แล้วกระโจนเข้าไปในลำแสงสีแดงด้านล่าง
รัศมีสีแดงพลันสั่นเทา เสียง “เปรี๊ยะๆ” ประหลาดดังออกจากด้านใน จากนั้นรัศมีลำแสงก็หดเล็กลงด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่รัศมีลำแสงก็หดเล็กลงจนมีขนาดสองสามฉื่อ สุดท้ายลำแสงสีแดงก็สลายออก กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวนั้นอีกครั้ง
วิหคเพลิงตัวนี้ดูดซับลำแสงสีแดงที่เหลือเข้าไปด้านใน แล้วชูคอขึ้นเปล่งเสียงร้องด้วยความพึงพอใจ แต่ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินแล้วสลายหายไป
คางคกยักษ์ที่อยู่ด้านล่างเห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา หลังจากที่ปากเปล่งเสียงร้องคำรามออกมาอีกครั้ง ปีกสีดำสนิทที่แผ่นหลังก็กระพือ
ชั่วขณะนั้นวายุมารสีดำกลุ่มนั้นก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และวนล้อมรอบมารอสูรตัวนั้นเอาไว้ แค่กะพริบวาบๆ สองสามครั้งก็กลายเป็นพายุหมุนแล้วระเบิดออก
แทบจะในเวลาเดียวกันปากของคางคกยักษ์ก็บริกรรมคาถา เปลวเพลิงหมุนวนปรากฏขึ้นบนร่าง
พายุอาศัยเพลิงไหม้ เพลิงไหม้อาศัยพลังพายุ คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะรวมร่างกัน กลายเป็นเสาพายุเพลิงสีดำแดงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
คางคกยักษ์ไม่ได้ทำแค่นั้น เสียงบริกรรมคาถาจากปากพลันหยุดลง ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกพ่นกระบี่บินสีม่วงออกมาเล่มหนึ่ง
กระบี่บินเล่มนี้แค่พลิ้วไหว ก็กลายเป็นใบมีดบางๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเสาพายุ
ชั่วขณะนั้นเสาพายุพลันเปล่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา ผิวของมันมีลำแสงสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
ดูเหมือนว่าทุกๆ วินาที เสาเพลิงวายุก็จะหน้าขึ้นเท่าหนึ่ง
ท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
ทว่าในตอนนั้นเองทางด้านหานลี่กลับมีสถานการณ์อีกแบบหนึ่งเกิดขึ้น
เห็นเพียงเขาใช้มือหนึ่งร่ายอาคม กระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ทั้งเขต
ส่วนด้านนอกเขตอาคมกระบี่มีลำแสงห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอย่างหนาแน่น และพยายามทะลักเข้ามาในม่านลำแสงสีเขียวอย่างสุดชีวิต
บรรยากาศรอบๆ ไอวิญญาณฟ้าดินที่กลายเป็นลำแสงห้าสีแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า มองปราดเดียวไม่อาจเห็นสุดเขตแดนของมันได้
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะพยายามรวบรวมพลังปราณฟ้าดินรอบๆ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และในยามนี้ดวงตาของเขาก็เปล่งแสงเย็นเยียบ พลางกระตุ้นเขตอาคมกระบี่
ในเขตอาคมกระบี่ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงม่านลำแสงบนท้องฟ้ารางเลือน พืชที่มีลักษณะคล้ายเถาวัลย์กลับหัวทะลักออกมา
พืชชนิดนี้เพิ่งจะปรากฏตัว ทว่ามีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่ชั่วครู่ก็ขยายใหญ่จนมีความยาวสองสามจั้ง และยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์ยังบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว เริ่มผลิดอกออกผล ผนึกเป็นน้ำเต้าขนาดเล็กสีเขียวมรกตลูกหนึ่ง
และในยามนั้นเองในม่านลำแสงรอบด้านพลันมีลำแสงโคจรอยู่ กลายเป็นดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน
ในเวลาเดียวกันที่ดอกบัวบานออก ก็สั่นเทาแล้วพ่นเงากระบี่ยาวสองสามชุ่นออกมาเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบทยอยกันจมหายเข้าไปในน้ำเต้าแล้วหายวับไป
ผิวของน้ำเต้ามีรอยกระบี่สีเขียวปรากฏขึ้นสายหนึ่ง มันบางเบาอย่างหาที่เปรียบ แต่ทันใดนั้นลำแสงห้าสีจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากม่านลำแสง และม้วนวนไปทางเถาวัลย์ด้านล่าง ทยอยกันจมหายเข้าไปในน้ำเต้า
รอยกระบี่เปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น และเปล่งแสงสว่างวาบไปทางลำแสงห้าสี
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเครื่องสังหารของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ กระบี่ปราณแท้
อิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จำต้องรวบรวมพลังปราณฟ้าดินจำนวนมากถึงจะพอสำแดงออกมาได้
ดังนั้นตอนแรกเขาจึงไม่ได้กระตุ้นเคล็ดวิชาลวงตาของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ แต่ตั้งใจควบคุมพลังปราณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ เพื่อนำมาใช้
แต่เดิมเขาคิดเอาไว้ดีแล้ว ถูกอีกฝ่ายแย่งชิงอำนาจในการควบคุมพลังปราณฟ้าดินส่วนหนึ่งไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะจดจ่ออยู่แค่อิทธิฤทธิ์ของตนเอง ไม่ได้ลงมือด้วยเหตุนี้
เช่นนั้นกระบี่ปราณแท้จึงผนึกรวมตัวกันอย่างราบรื่น และยังคงดูดซับพลังปราณฟ้าดินจากภายนอกไม่หยุด เพื่อรับประกันว่าอานุภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คางคกยักษ์สัมผัสได้ถึงพลังปราณฟ้าดินนอกเขตอาคมกระบี่ที่หนาแน่น และมองเห็นฉากประหลาดที่เกิดขึ้นกลางอากาศ ในใจจึงรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย!
ทว่ามันอาศัยโอกาสนี้เตรียมเคล็ดวิชาลับให้เรียบร้อย ดังนั้นจึงตะโกนออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง และชี้ไปกลางอากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึมล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง
แต่ในยามนั้นฉับพลันนั้นกลางอากาศก็มีเสียงราบเรียบของหานลี่ดังขึ้น
“สับ”
น้ำเต้าเทปากขวดลง ลำแสงในปากขวดหมุนวน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นกระบี่ลำแสงออกมาเล่มหนึ่ง
ยาวสองสามฉื่อ ลำแสงวิญญาณห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด!