คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1659 ประนีประนอม
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1659 ประนีประนอม
ตอนที่ 1659 ประนีประนอม
“ข้าไม่มีทางเลือก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสนอเงื่อนไขเลยสักนิด!” สายตาของเห็ดเซียนเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างแช่มช้า
“นายท่านมีเงื่อนไขอันใด ลองพูดมาให้ฟังสิ” หานลี่ฉีกยิ้ม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจ
“ง่ายมาก เนื้อหาตามที่เจ้าบอก ข้าบอกความลับเกี่ยวกับพลังปราณในร่างของเจ้าได้ ข้าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าให้สลายหาย ให้มันได้เข้าสู่วัฏสงสาร หากมีชาติหน้าล่ะก็ ก็มีโอกาสกลายเป็นมนุษย์อย่างพวกเจ้า แต่วิธีการแลกเปลี่ยนกลับต้องทำตามวิธีของข้า มิเช่นนั้นข้ายอมตายไปพร้อมกับร่างวิญญาณนี้ และจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างให้ผู้อื่นควบคุมแล้ว” เห็ดเซียนดูเหมือนว่าจะขบคิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว จึงเอ่ยเช่นนี้ออกมารวดเดียว
“รูปแบบอันใด?” หานลี่เอ่ยถามตรงๆ
“ข้าจะใช้เคล็ดวิชาลับพรสวรรค์ แยกจิตวิญญาณเที่ยงแท้ออกเป็นสองส่วน ในนั้นจะมีจิตสัมผัสหลักของข้าผสมอยู่เกือบครึ่ง ส่วนน้อยจะเป็นความทรงจำของข้า เจ้าต้องปล่อยจิตวิญญาณส่วนใหญ่ของข้าไปก่อน ขอแค่เจ้าทำตามสัญญาจิตวิญญาณส่วนที่เหลือของข้าก็จะบอกความลับกับเจ้า จากนั้นหลังจากที่เจ้าได้ของมาแล้ว ค่อยส่งเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณข้าเข้าสู่วัฏสงสาร หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใดๆ แล้ว ข้าเองก็วางใจจะบอกเรื่องราวกับเจ้าแล้ว” เซียนเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ
“ไม่มีอันใดต้องกังวล ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้น! เจ้าไปโดยทิ้งจิตวิญญาณดั้งเดิมไว้กว่าครึ่ง หากหลังจากนี้มีอันใดเสียใจภายหลังจนไม่บอกข้า ข้าจะไม่เสียเปรียบหรือ” หานลี่ใจเต้น แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับเป็นเพียงส่ายหน้า
“ยามที่เจ้าจับข้า เดิมข้าก็มีแผลอยู่แล้ว ยามนี้ต่อให้ไม่ตกอยู่ในมือเจ้า ก็ต้องถูกผู้อื่นจับเป็นไปในอีกไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นจึงไม่มีความแค้นอันใดกับเจ้า ข้าไม่มีทางเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมส่วนเล็กๆ ของตนเองมาล้อเล่นกับร่างที่ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงอย่างไรเสียผู้ใดจะรู้ว่าหากจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดเข้าสู่วัฏสงสาร จะเกิดปัญหาอันใดหรือไม่” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
หานลี่ลูบใต้คางไปมา แล้วพิจารณาเห็ดเซียนตรงหน้าสองสามแวบ ฉับพลันนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “เยี่ยม เอาตามที่เจ้าว่า ทำเช่นนั้นเถิด”
“เจ้าจะตอบรับง่ายๆ เช่นนี้หรือ?” เห็นหานลี่ตอบรับอย่างสบายใจ เห็ดเซียนกลับตกตะลึง แล้วเห็ดสีหน้าประหลาดใจออกมา
“อันใด สหายมีวิธีที่ดีกว่าหรือ?” มุมปากของหานลี่เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา
“ไม่มี ข้ายังนึกว่าแม้ว่านายท่านจะตอบรับเรื่องนี้ก็ยังต้องขบคิดอีกนาน” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างแช่มช้า
“มีอันใดให้คิดมาก ความจริงแล้วจับนายท่านได้ เดิมก็เป็นเรื่องน่าตกตะลึงแล้ว เหตุใดข้าต้องขบคิดให้มากมายด้วย” หานลี่เอ่ยอย่างมีเลศนัยเมื่อได้ยินคำนี้ของหานลี่ เห็ดเซียนก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
“เอาละ เจ้าสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมต้องใช้เวลาเท่าใด อย่าบอกข้าว่าต้องใช้เวลายี่สิบสามสิบปีหรือแม้กระทั่งร้อยปีหรอกนะ” หานลี่เอ่ยถามอีกครั้ง
“แน่นอนว่าไม่อาจใช้เวลานานขนาดนั้นได้ แต่เวลาที่เสียไปก็ไม่สั้นนัก น่าจะภายในเวลาหนึ่งปีถึงจะสำแดงเคล็ดวิชาลับนี้สำเร็จ แต่ในระยะเวลานี้เจ้าจำต้องถอนเขตอาคมในร่างข้าออกส่วนหนึ่ง” เห็ดเซียนมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“หนึ่งปี ได้ ให้เวลาเจ้าได้ และจะถอนอาคมในร่างเจ้าครึ่งหนึ่ง แต่นายท่านอย่าคิดเรื่องอื่นจะดีกว่า ข้าทำเช่นนี้เขตอาคมที่เหลืออยู่ก็จะลึกลับมากขึ้น หากเจ้าหนีได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะยอมรับว่าโชคร้ายเอง” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“ก่อนข้าถูกจับ บาดแผลในร่างยังไม่ถ่ายดี ยามนี้จึงไม่อาจฝืนระงับมันได้มากนัก ไหนเลยจะมีแรงหนีอีก” เห็ดเซียนได้ยินกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
หานลี่ได้ฟังคำนี้พลันหัวเราะหึๆ ออกมาไม่ได้เอ่ยอันใด แต่นิ้วพลันร่ายอาคม ลูกไฟสีทองและเงินสองลูกบินออกมาจากแขนเสื้อ
เห็ดเซียนเห็นเช่นนั้น รูม่านตาพลันเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ จ้องเขม็งไปด้วยความฉงนสงสัย
เห็นเพียงลูกไฟสองลูกเป็นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินขนาดจิ๋ว
ทั้งสองมีขนาดเท่าหัวแม่มือ เปล่งแสงระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำและเงินบริสุทธิ์
“แมลงกลืนทอง”
วิหคเพลิงสีเงินนั้นก็ช่างเถิด เห็ดเซียนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแมลงเกราะสีทอง พลันหน้าถอดสี
“อ๋อ นายท่านเองก็รู้จักแมลงวิญญาณชนิดนี้ เช่นนั้นละก็ยิ่งดีใหญ่ สหายรู้จักความร้ายกาจของแมลงตัวเอง คิดดูแล้วก็น่าจะไม่มีความคิดอันใดอีก” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา ยกมือขึ้นชี้ไปที่แมลงกลืนทองและวิหคเพลิงสีเงิน
ชั่วขณะนั้นทั้งสองลอยไปหาเห็ดเซียน
สีหน้าของเห็ดเซียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง
ความร้ายกาจของแมลงกลืนทอง มันจะไม่รู้ได้อย่างไร ตัวที่ยังไม่โตเต็มวัยตรงหน้า หากไม่ถูกกักไว้ในร่าง เกรงว่ามันคงคิดหนีไปตั้งนานแล้ว
แม้ว่าอีกฝ่ายจะทลายวิหคเพลิงสีเงินที่กลายเป็นเปลวเพลิงอีกลูกหนึ่งได้ แต่ปล่อยออกมาพร้อมกับแมลงกลืนทองได้ คิดดูแล้วแม้ว่าระดับความน่ากลัวจะเทียบไม่ได้ แต่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดแน่
ทว่ามองเห็นทั้งสองสิ่งมาอยู่ที่มุมปาก เห็ดเซียนแค่ขบคิดเล็กน้อยก็กัดฟันอ้าปากออก
ชั่วขณะนั้นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในปากของเขาพร้อมกัน
หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ มือหนึ่งตะปบไปทางร่างของเห็ดเซียน
เสียงแหวกอากาศดัง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีเงินยี่สิบสามสิบสายบินออกมาจากร่างของเห็ดเซียน แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็จมหายไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาพลันดังขึ้น หมอกลำแสงหลากสีสันพวยพุ่งออกมาจากร่างของเห็ดเซียน กลายเป็นยันต์วิเศษห้าสีสลายหายไปกลางอากาศ
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแววตาของเห็ดเซียนพลันมีลำแสงสีเงินไหลวนโคจร ลำแสงสีม่วงที่ผิวเจิดจรัสขึ้นมาในพริบตา และสีเขียวมรกตบนใบหน้าก็อ่อนแสงลงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นหนวดสีม่วงตรงแขนขาทั้งสี่ก็พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแขนขาเหมือนคนธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น
“จุ๊ๆ คู่ควรกับที่เป็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินจริงๆ แม้ว่าก่อนหน้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนั้น ยามนี้ก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เองถึงขั้นนี้” หานลี่หัวเราะร่าออกมา
“ที่นี่มีสวนสมุนไพรสินะ ข้าจะฝังรากลงไปในสวนสมุนไพรของเจ้าก่อน เช่นนั้นละก็จะได้อาศัยยืมไอวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมได้เร็วขึ้นสักหน่อย” เห็ดเซียนกลับเอ่ยซักถามขึ้นมาตรงๆ เสียเลย
“สวนสมุนไพรนั้นแน่นอนว่ามีอยู่แล้ว สหายตามข้ามาเถิด” คำพูดของเห็ดเซียนกลับอยู่ในความคิดของหานลี่ ทันใดนั้นจึงตอบพร้อมกับพยักหน้า
หากเห็ดเซียนตัวนั้นอาศัยอยู่ในสวนสมุนไพร แน่นอนว่าย่อมสามารถออกคำสั่งให้ ‘หวาหวา’ คอยจับตาดูอยู่ข้างๆ ได้ ถึงอย่างไรเสียพลังของเห็ดเซียนก็ไม่ได้สูงมากนัก ประกอบกับได้รับบาดเจ็บและถูกร่ายอาคมกักไว้ในถ้ำพำนัก จากพลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาขั้นต้นของหวาหวา ย่อมดูแลได้แน่
เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็หยัดกายลุกขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นพลันโบกมือ ลำแสงสีเขียวม้วนวนพุ่งออกมา เก็บขวดและกระป๋องด้านหน้าไปจนเกลี้ยง
ในเวลาเดียวกันพื้นผิวของประตูหินของห้องลับพลันเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ แล้วค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นหานลี่พลันสาวเท้ายาวๆ ล่วงหน้าออกไป
หลังจากเห็ดเซียนครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตามไป
เมื่อเดินออกจากประตูหิน ด้านนอกด้านหนึ่งกลับมีหญิงสาวที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกยืนอยู่เงียบๆ คนหนึ่ง มีไอเย็นเยือกแผ่ออกมาจางๆ นั่นคือหุ่นเชิดสะท้านฟ้าที่ถูกหานลี่ใช้จิตสัมผัสเรียกออกมา ‘หวาหวา’
เมื่อเห็นหานลี่ออกมาหญิงสาวก็ค้อมตัวลงในทันใดและหยัดตัวขึ้นด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
หานลี่พยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็สาวเท้าตรงไปยังสวนสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า
จากระดับความน้อยนิดของถ้ำพำนักในเมืองเมฆาแน่นอนว่าสวนสมุนไพรของหานลี่จึงไม่ใหญ่นัก มีขนาดแค่สองสามร้อยจั้งเท่านั้น
แต่เมื่อเห็ดเซียนเดินตามหานลี่มาถึงประตูสวน กลับเอ่ยด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
“ไม่เลว! แม้ว่าที่นี่จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีไอวิญญาณเข้มข้น สหายเลือกสถานที่ดีจริงๆ”
“หึๆ ข้าไม่ได้เลือกสถานที่ดีอันใดหรอก แต่ไอวิญญาณของภูเขาวิญญาณทั้งลูกนั้นไม่เลวต่างหาก นายท่านหาที่ฝังรากลงเถิด” หานลี่กลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” เห็ดเซียนพยักหน้าทันที ร่างกายพลิ้วไหวชิงมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่และเดินไปยังส่วนลึกของสวนสมุนไพรอย่างตามอำเภอใจ
มุมปากของหานลี่กระตุกแล้วเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน หวาหวาเองก็ตามอยู่ด้านหลังเองอย่างเงียบเชียบ
เห็ดเซียนเดินไปพลาง สายตาก็กวาดไปมองส่วนต่างๆ ของสวนสมุนไพรไม่หยุดไปพลาง ผลคือแค่ผ่านไปชั่วครู่ใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
สมุนไพรวิญญาณเต็มสวนนี้ไม่ต้องพูดถึงระดับความหายากของมัน คาดไม่ถึงว่ากว่าครึ่งในนั้นล้วนมีอายุหมื่นปีขึ้นไป ส่วนที่เหลือพันปี สองสามร้อยปีก็มีอยู่มากมาย
ทั้งสวนสมุนไพรกลับมีกลิ่นยาเข้มข้น หากคนธรรมดาลอยอยู่ในสวนสมุนไพรนี้ชั่วครู่ แม้ว่าจะไม่อาจพูดได้ว่าอายุขัยจะเพิ่มขึ้นทันที แต่ก็อาจจะรักษาโรคได้สารพัดโรค
เห็ดเซียนตกตะลึงไปเล็กน้อยในใจมีความคิดอยากสำรวจทั้งสวนสมุนไพรรอบหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าจะผ่านใจกลางของสวนสมุนไพรมาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้อยู่ด้านหลัง แค่ตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ
สวนสมุนไพรเล็กเช่นนี้ หลังจากผ่านไปชั่วครู่เห็ดเซียนก็เดินไปตามทางเล็กๆ ตรงกลางและมาถึงสุดอีกด้านของสวนสมุนไพร
แต่ในยามนั้นเงาสีขาวพลันเปล่งแสงสว่างวาบของขนาดครึ่งฉื่อกระโดดออกมาจากสมุนไพรด้านข้าง
จากนั้นพลันบิดกายกระโดดเข้าไปในถนนเล็กๆ อีกด้านของสวนสมุนไพร
เป็นกระต่ายหยกสีขาวบริสุทธิ์
นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิมของโสมวิญญาณสลับฟันปลาที่แปลงเป็นกระต่ายขาวต้นนั้น
“นี่คือ?” เห็ดเซียนเห็นกระต่ายหยกตัวนี้ชัดเจน ร่างกายสั่นเทา ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ
“เหตุใดสหายถึงตกใจเพียงนี้หรือก่อนหน้านี้ไม่เคยพบผู้ที่แปลงกายได้เช่นเดียวกันหรือ?” หานลี่กลับประหลาดใจไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจอยู่ด้านหลัง
“แน่นอนว่าเปล่า ปกติแล้วพวกเราจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่รกร้างและอันตราย” ในเวลาเดียวกันก็พบจุดที่โสมวิญญาณสลับฟันปลาฝังร่างเอาไว้ จิตวิญญาณดั้งเดิมของมันกลายเป็นกระต่ายขาวกำลังหมอบแทะรากที่มาจากส่วนใดของสวนสมุนไพรก็สุดจะรู้ได้ พลางกัดไปคำใหญ่เมื่อมันเห็นหานลี่และพวกมาก็แค่กวาดสายตาที่ดูเหมือนศิลาสีแดงไปแวบหนึ่งอย่างไม่สนใจ แล้วกัดกินสิ่งที่อยู่ในปากต่อท่าทางเหมือนไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น
ท่าทางหวาดกลัวดุจหนูที่เคยแสดงออกต่อหน้าหานลี่ในยามนี้ไม่พบเห็นเลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ลูบหน้าผากอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้