คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1673 สำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1673 สำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ
A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1673 สำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ
หนวดเหล่านั้นไม่เพียงมีลวดลายสีดำเขียว ผิวของมันยังมีติ่งเนื้อขนาดใหญ่เท่าล้อรถหลายแห่ง ท่าทางน่ากลัว
สือคุนเห็นเช่นนี้กลับใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปบนพื้นโดยไม่ได้ปริปากใดๆ ร่างกายพุ่งออกไปราวกับลูกธนูยักษ์ แค่กะพริบวาบ ก็มาอยู่ตรงหน้าหนวดเส้นหนึ่ง แขนโบกสะบัด
มีดลำแสงสายหนึ่งที่ดูเหมือนลำแสงสีเหลือง ความยาวสิบจั้งเศษ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา
เสียง “ฉับๆ” ดังขึ้น มีดลำแสงสีเหลืองราวกับแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่าหนวดจะถูกสับออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย ของเหลวโลหิตสีเขียวพ่นออกมาจากปากแผล ท้องฟ้ารอบๆ มีฝนโลหิตสีเขียวสาดลงมา
สือคุนเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างพึงพอใจ ร่างกายพลิ้วไหว หมายจะกระโจนไปหาหนวดอีกเส้น
แต่ในยามนั้นด้านล่างเกาะเล็กพลันมีเสียงคำรามราวกับฟ้าผ่าดังสนั่น สั่นสะเทือนบรรยากาศรอบๆ จนเกิดเป็นเสียงดังหึ่งๆ
ร่างของชายร่างใหญ่หยุดชะงัก สีหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
หนวดครึ่งเส้นที่เดิมถูกตัดออกพลันสะบัด โลหิตสีเขียวที่ปากแผลหยุดลง กลับพ่นไอสีเขียวเข้มออกมา กลิ่นคาวคละคลุ้ง
สือคุนเองก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย จึงถอยออกไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จนอยู่ห่างออกมาสามสิบจั้งเศษ
เพื่อกันไม่ให้ไอสีเขียวเหล่านี้เกิดความผิดปกติอันใด
แต่การเคลื่อนไหวนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดแล้ว
ไอสีเขียวเหล่านั้นพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหนวดปลาหมึกอันสมบูรณ์แบบที่เหมือนกันกับก่อนหน้าทุกกระเบียดนิ้ว
สือคุนมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่พลันพลิกฝ่ามืออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ใบมีดลำแสงยาวสองสามจั้งสับลงมา
แต่ครั้งนี้ติ่งเนื้อบนผิวของหนวดเส้นไหมพลันทยอยกันหดเล็กลงและขยายใหญ่ขึ้น พ่นม่านลำแสงสีดำออกมาเป็นกลุ่มๆ
ใบมีดลำแสงสีเหลืองสับลงไป คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงแหลมสูงราวกับทองคำเสียดสีกันดังออกมา แม้ว่าทลายลำแสงสีดำได้ส่วนหนึ่ง แต่สุดท้ายเมื่อใบมีดลำแสงอยู่ห่างจากหนวดไปแค่คืบก็หายวับไป
ยามนี้เสียงคำรามด้านล่างเกาะพลันแหลมสูงขึ้นเรื่อยๆ หนวดเส้นนั้นร่อนลงมาด้านล่าง กดทับสือคุนราวกับภูเขาไท่ซานอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รอให้ตกลงมาจริงๆ พายุหมุนกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้คนที่อยู่ท่ามกลางพายุหมุนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
สือคุนมีสีหน้าเคร่งขรึม ปากพลันร้องตะโกนออกมา โบกสะบัดแขน กำปั้นสีเหลืองข้างหนึ่งโจมตีออกไป
ครั้งนี้หานลี่และหลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันมองเห็นอย่างชัดเจน
ชั่วพริบตาที่กำปั้นของสือคุนโจมตีออกไป พลันขยายใหญ่ขึ้นราวกับลูกโป่ง ใหญ่กว่าเดิมห้าหกเท่า และยิ่งไปกว่านั้นอักขระสีเหลืองสองสามตัวพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนกำปั้นยักษ์ หมุนวนแล้วระเบิดออก
รัศมีลำแสงสีเหลืองเข้มพลันปรากฏขึ้น และมีลวดลายลำแสงรูปทรงเหมือนระลอกคลื่นแผ่ออกมา
เมื่อหนวดยักษ์สัมผัสกับลำแสงสีเหลือง ผิวของมันก็บิดเบี้ยว ราวกับถูกพลังไร้รูปร่างกวนเข้าด้วยกัน เริ่มปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนโลหิตสีเขียวและผิวหนังที่ร่อนลงมาก็ถูกระลอกคลื่นลำแสงม้วนวน แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายก็สลายหายไปจากกลางอากาศ
กำปั้นนี้ของสือคุนดูเหมือนว่าจะมีอานุภาพเหนือกว่าการโจมตีบนเกาะก่อนหน้า
ครั้งนี้แม้แต่หางตาของหานลี่ก็กระตุก
แต่การกระทำครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วโมโหอสูรทะเลนิรนามที่อยู่ใต้เกาะแห่งนี้ มันคำรามอย่างบ้าคลั่ง หนวดที่เหลือเริงระบำพร้อมกัน กลายเป็นเงาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งไปหาสือคุนเต็มไปหมด
หนวดเหล่านี้มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ มันโบกสะบัดไป พายุหมุนสีดำพลันก่อตัวขึ้น ม้วนเอาเกาะทั้งเกาะเอาไว้ข้างใน
ยามนั้นพายุหมุนเงาสีดำพลันตัดสลับกันไปมา กลืนกินสือคุนเอาไว้ข้างใน
“ดูแล้วไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือ สหายสือคนเดียวก็เพียงพอจะจัดการอสูรทะเลตัวนี้ได้” เมื่อเห็นเหตุการณ์ด้านล่าง หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็พ่นลมหายใจออกมาแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ กายเนื้อของพี่สือแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าอสูรทะเลตัวนี้จะมีอิทธิฤทธิ์อยู่หลายส่วน แต่สุดท้ายก็ต้องเพลี่ยงพล้ำ ทว่าอสูรตัวนี้ดูเหมือนว่าจะมีอิทธิฤทธิ์อมตะ พวกเรารีบซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำแล้วจัดการร่างที่แท้จริงของมันเถิด ถึงอย่างไรเสียหากผ่านไปนานเข้า ย่อมไม่ใช่เรื่องดี” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ตอบกลับเช่นนี้ออกมา
“นับว่ามีเหตุผล โชคดีข้าฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุน้ำมาพอดี อสูรตัวนี้มอบให้ข้าจัดการเถิด” หญิงสวมงอบครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้าขณะเอ่ย
“ในเมื่อท่านเซียนกล่าวเช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะไม่แย่งชิงแล้ว” หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มแล้วตอบตกลง
หลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก หลังจากที่มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าพุ่งไปด้านล่าง แค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็จมหายเข้าไปในผืนทะเลอย่างไร้ร่องรอย
แทบจะในเวลาเดียวกันเกาะขนาดเล็กที่ถูกพายุและหนวดที่กลายเป็นเงาสีดำห่อหุ้มอยู่กลับระเบิดออกต่อเนื่องอีกครั้ง
หานลี่อดที่จะมองไปไม่ได้
ลำแสงสีเหลืองบนเกาะฉีกทึ้งพายุหมุนจนเผยตัวออกมา ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายร้อนฉ่าก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แต่เขตอาคมสองชั้นที่ถูกวางอยู่รอบๆ ก็ถูกกระทบจนสั่นคลอนเบาๆ
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เสียงหัวเราะสือคุนกลับมั่นคงขึ้นราวกับกำลังตื่นเต้นดีใจ
“ผู้นี้คงไม่ใช่นักสู้ในตำนานหรอกกระมัง ก่อนหน้าก็เคยได้ยินมาบ้าง ทว่ายามนี้กลับได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศ
หมอกลำแสงม้วนวนออกไปชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในม่านลำแสงสีขาวโพลน
เขตอาคมที่แต่เดิมสั่นไหวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน
เช่นนั้นสือคุนก็สำแดงอานุภาพบนเกาะโจมตีหนวดเหล่านั้นจนแหลกกระจายไม่หยุด แต่หนวดเหล่านั้นก็พ่นไอสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วกลับคืนเป็นดังเดิมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ยามนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสียงคำรามของอสูรด้านล่างเกาะก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดขึ้น
ผืนทะเลบริเวณรอบหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ระลอกคลื่นยักษ์สูงร้อยจั้งเศษปรากฏขึ้นกลางอากาศบริเวณผืนน้ำ และหมุนวนไปทางเกาะขนาดเล็กจากทั้งสี่ทิศแปดด้าน
หากระลอกคลื่นที่น่าตกตะลึงเช่นนี้โจมตีไปบนเกาะ เกรงว่าทั้งเกาะคงต้องถูกจมลงไปกว่าครึ่ง
หานลี่ที่อยู่กลางอากาศเห็นฉากนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหยกสีขาวบริสุทธิ์ยื่นออกมาจากแขนเสื้ออย่างไม่ต้องขบคิด นิ้วทั้งห้ากางออกแล้วตะปบไปยังอากาศด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น เปลวเพลิงเย็นเยียบหลากสีสันพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบบรรจุเข้าไปในม่านลำแสงสีขาวที่ห่อหุ้มทั้งเกาะเอาไว้แต่เดิม
ม่านลำแสงพลิ้วไหว ลำแสงเปลี่ยนสีไปกลายเป็นสีจางๆ
ยามนี้ระลอกคลื่นยักษ์พลันม้วนวนทยอยกันโจมตีไปยังม่านลำแสงอย่างดุเดือด
ม่านลำแสงที่ดูเหมือนเบาบางที่ราวกับถูกโจมก็พังทลายพลันมีลำแสงห้าสีไหลวนโคจร น้ำทะเลสั่นไหวชั่วขณะนั้นพลันผนึกรวมตัวกันกลายเป็นผลึกน้ำแข็งโปร่งใส
เช่นนั้นฉากที่ลำแสงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุดบนม่านลำแสงพลันปรากฏขึ้น
รอบด้านเกาะมีกำแพงน้ำสีฟ้าอ่อนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น ต้านทานน้ำทะเลที่อยู่ด้านหลังไว้ด้านนอกไม่หยุด
ส่วนเกาะเล็กๆ กลับปลอดภัยไร้กังวล
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วหดมือกลับมา
คลื่นยักษ์โจมตีไปที่กำแพงน้ำแข็งสองสามครั้งแล้วสลายหายไปอย่างแปลกประหลาด แม้กระทั่งระลอกคลื่นบนผืนน้ำก็สลายตัวออก พายุหมุนบนผิวน้ำกลับมาเงียบสงบ
ในยามที่แววตาของหานลี่เปล่งประกายเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ฉับพลันนั้นมีเสียงดังสนั่นขึ้น เงาร่างสายหนึ่งกระโจนออกมาจากเกาะ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วลอยออกมากลางอากาศ
“นี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดอสูรทะเลตัวนี้จึงไม่โจมตี เอ๋ หรือว่าสหายหลิวเองก็ลงมือแล้ว”
เงาร่างคนผู้นั้นก็คือสือคุน
เขากวาดสายตาไปทางหานลี่แล้วเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
หานลี่ได้ยินพลันหัวเราะยามที่คิดจะเอ่ยอันใดนั้น ผืนทะเลด้านข้างเกาะก็มีระลอกคลื่นยักษ์สีดำทะมึนปรากฏขึ้น น้ำทะเลที่ล้อมรอบระลอกคลื่นนี้ม้วนวน ซากอสูรสีดำราวกับภูเขาขนาดย่อมปรากฏขึ้นด้านใน
กลับเป็นปลาหมึกยักษ์สีดำสนิทตัวหนึ่ง
ทว่าปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ไม่เพียงแต่จะมีร่างกายใหญ่โต คาดไม่ถึงว่าส่วนหัวจะดูเหมือนกับบุรุษหน้าตาโหดเหี้ยมคนหนึ่ง
แม้กระทั่งด้านข้างทั้งสองฝั่งของร่างของมัน นอกจากหนวดขนาดยักษ์เหล่านั้นแล้วก็ยังมีแขนอวบใหญ่สองแขน แต่ละแขนต่างถือใบมีดที่มีลักษณะเหมือนทวนยาวสีแดงสดเอาไว้
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านข้างซากอสูรทะเล หลังจากหมุนวนกลางอากาศก็ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับหานลี่
ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลง ในลำแสงเผยเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ออกมา
“เป็นท่านเซียนหลิวที่ลงมือcmoข้า จุ๊ๆ ท่านเซียนมีฝีมือดีจริงๆ จัดการร่างของอสูรตัวนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น” ใบหน้าของสือคุนฉายแววประหลาดใจขณะเอ่ย
“ไม่มีอันใดหรอก หากไม่ใช่เพราะพี่สือดึงดูดความสนใจกว่าครึ่งของอสูรตัวนี้ไป ข้าจะจัดการมันได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร กลับเป็นสหายหานที่มีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าจะทำให้น้ำทะเลแข็งตัวราวกับธารน้ำแข็ง” หญิงสวมงอบเอ่ยอย่างคร่าวๆ สายตามองไปยังกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่ปิดล้อมเกาะแห่งนั้นเอาไว้สองแวบ
“หึหึ เหตุใดสหายทั้งสองจะต้องถ่อมตัวด้วย ในเมื่อสังหารอสูรตัวนี้ได้แล้วพวกเราก็รีบถอนเขตอาคมขึ้นไปบนเกาะกันเถิด” หานลี่กับหัวเราะฮ่าๆ ขณะเอ่ย
เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ สือคุนและพวกทั้งสองย่อมไม่มีความคิดเห็นใดๆ อีก
ทันใดนั้นสือคุนก็ร่อนลงบนเกาะ ส่วนหานลี่และหญิงสวมงอบก็ยกมือขึ้นสลายเขตอาคมกลางอากาศออก
“พี่หานกำแพงน้ำแข็งเหล่านี้ไม่อาจปล่อยไว้ตรงนี้ได้ นี่มันสะดุดตาเกินไป” หลิวสุ่ยเอ๋อร์ชี้ไปยังด้านล่างพลางเอ่ยกับหานลี่
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะทำลายมันเดี๋ยวนี้” หานลี่ดูเหมือนว่าจะขบคิดเรื่องนี้เอาไว้ตั้งนานแล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
จากนั้นเขาพลันอ้าปากออกพ่นดวงแสงสีเงินออกมา
เปลวเพลิงสีเงินนี้หมุนคว้าง ลำแสงสีเงินขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามฉื่อตัวหนึ่ง
“ไป” หานลี่สะบัดแขนไปทางวิหคเพลิงสีเงิน ปากก็คำรามต่ำๆ ออกมา
ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงพลันสยายปีกทั้งสองข้างออก พุ่งลงไปด้านล่าง เสียงหวีดร้องดังขึ้นพลางกระโจนเข้าไปในกำแพงน้ำแข็ง
สถานการณ์ที่แปลกประหลาดดังขึ้น
กำแพงน้ำแข็งที่ผนึกรวมตัวกันเป็นดั่งหินเริ่มจางหายไปตั้งแต่ที่วิหคเพลิงกระโจนเข้าไป กลายเป็นน้ำทะเลหมุนวนอีกครั้งแล้วกลับไปยังด้านล่างดังเดิม
แค่เวลาหนึ่งถ้วนน้ำชากำแพงน้ำแข็งทั้งหมดก็สลายหายไป
หานลี่ถึงได้ยกมือขึ้นกวักเรียกไปทางด้านล่าง
วิหคเพลิงสีเงินบินออกมาทันที หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
“คาดไม่ถึงว่าสหายหานจะมีอิทธิฤทธิ์น้ำแข็งและเพลิงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ!” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เห็นฉากนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ดวงตาสดใสพลันเปล่งประกายวาวโรจน์ มีท่าทีตกตะลึงไปเล็กน้อย