คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1696 เก็บภูเขา
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1696 เก็บภูเขา
เห็นเพียงผิวของยอดเขามีอักขระสีเงินปรากฏออกมา บินวนล้อมรอบยอดเขาสีดำอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหลุมดำเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งสองสามหลุม
ด้านในมีหมอกลำแสงสีเทาหมุนวน พลังแรงสูบยักษ์ปรากฏขึ้น
เม็ดทรายสีเหลืองรอบด้านถูกลำแสงสีเทาม้วนเข้าไป หมุนติ้วๆ อย่างไม่เป็นตัวเอง แล้วกลับคืนร่างเดิมพลางทะลักเข้ามาในหลุมดำเหล่านั้น
เม็ดทรายยักษ์รอบด้านถูกกวาดไปจนเกลี้ยง
อักขระบนแผ่นป้ายยักษ์เปล่งแสงวาบๆ แต่กลับสั่นเทา ลำแสงสีเทาหนาๆ สายหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนปลาย
ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ใช้แผ่นป้ายเป็นด้าม ใช้ลำแสงเทวะดูดปราณเป็นใบมีด คาดไม่ถึงว่าจะมีกระบี่ลำแสงสีเทาขนาดเจ็ดแปดจั้งปรากฏขึ้น
กระบี่ลำแสงกวาดผ่านไป ชั่วขณะนั้นบรรยากาศรอบด้านพลันบิดเบี้ยว เม็ดทรายขนาดยักษ์รอบด้านทยอยกันปริแตกแล้วสลายหายไป
คาดไม่ถึงว่าอานุภาพของกระบี่ลำแสงร้ายกาจเพียงนี้!
แม้ว่าเม็ดทรายสีเหลืองจะมีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน แต่สมบัติทั้งสองชิ้นก็สำแดงอานุภาพออกมาพร้อมกัน กว่าครึ่งล้วนถูกภูเขาเทวะดูดปราณดูดซับไป ส่วนน้อยถูกกระบี่ลำแสงสับลงสลายหายไป
ในที่สุดเขตอาคมระดับที่สิบก็ถูกทะลวงออก เขตอาคมระดับสุดท้ายพลันปรากฏขึ้น
ม่านลำแสงสีเขียวก่อตัวกันเป็นรูปภาพยักษ์ ปรากฏขึ้นจากด้านล่าง
ยอดเขาสีเขียวมรกตในม้วนภาพวาด มีวิหควิญญาณบินวนอยู่นับไม่ถ้วน เรียงกันเป็นตั้งๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
แทบจะในเวลาเดียวกันยอดเขาสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในภาพวาดก็เปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงวิญญาณทอตัวไปทั่วภาพม้วนแล้วระเบิดออก
เงาวิหคห้าหกสีกลับมามีชีวิตในลำแสงสีเขียว บ้างก็กระพือปีกทั้งสอง บ้างก็ชูคอร้องเพรียก ทยอยกันพุ่งออกมาจากม้วนภาพวาด
ในบรรดาวิหคเหล่านั้นบ้างก็อ้าปากพ่นดวงแสงเพลิงสีแดงสดออกมา บ้างก็กระพือปีกทั้งสองข้าง พายุใบมีดสีขาวพุ่งออกมา และยังมีเสียงเพรียกอัสนีออกมาจากกรงเล็บ ประจุไฟฟ้าสีเงินดีดออกมาจากกรงเล็บ
ยามนั้นการโจมตีหนาแน่นนั้นราวกับเขื่อนแตกอย่างไรอย่างนั้น กรูทะลักเข้ามาจากด้านล่าง
นอกจากนี้ยอดเขาสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเงาลวงตาที่ตาเนื้อไม่อาจมองเห็นได้ พุ่งเข้าไปหายอดเขาสีดำและกระบี่ลำแสงสีเทา
จำนวนของลำแสงเขียวไท่อี่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขตอาคมสองสามระดับแรกจะเทียบเทียมได้ ภายใต้ภูเขาเทวะดูดปราณและภาพลวงตาจากกระบี่ลำแสงที่พุ่งเข้ามา คาดไม่ถึงว่าหมอกลำแสงสีเทาจะหม่นหมองลงหลายส่วน ท่าทางเหมือนถูกขัดขวางไว้
“ลำแสงเขียวไท่อี่!”
หานลี่ไม่ได้ตกตะลึงแต่กลับดีใจ แทบจะไม่ต้องใช้การคาดเดาใดๆ ก็รู้ว่ายอดเขาที่เปล่งแสงสว่างวาบในม้วนภาพนั้นเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันถึง
ทว่าเห็นได้ชัดว่าภูเขาลูกนี้ถูกนำไปหลอมเป็นวัตถุดิบหลักของม้วนภาพแล้ว และด้วยความช่วยเหลือของม้วนภาพ อานุภาพของมันก็ดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าหลายส่วน
เขาขบคิดเช่นนั้นในใจ กระบี่ลำแสงสีเทาเล่มนั้นสับลงมาอีกครั้งภายใต้เสียงคำรามของสือคุน
ทุกแห่งที่กระบี่ลำแสงกวาดผ่านไป การโจมตีจากดวงแสงเพลิงและใบมีดวายุเหล่านั้นก็สลายหายไปราวกับหิมะน้ำแข็ง สับลงมาที่ฝูงวิหคที่ปรากฏขึ้นในม้วนภาพ
กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เงาวิหคจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสับลงมาในทันที
แต่เงาวิหคจำนวนมากกลับเคลื่อนไหว กลายเป็นเปลวเพลิงห้าสีพุ่งกระโจนมาหากระบี่ลำแสง
เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยามแรกลำแสงกว่าครึ่งล้วนถูกกระบี่ลำแสงดีดออกไป แต่หลังจากที่เปลวเพลิงห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ ในที่สุดกระบี่ลำแสงขนาดยักษ์ก็ไม่อาจต้านทานลำแสงที่หม่นหมองได้ กลับคืนร่างแผ่นป้ายอีกครั้ง และเสียงร้องคร่ำครวญก็ถูกเปลวลำแสงม้วนเข้าไป ร่อนลงมาภาพม้วนภาพด้านล่าง
เปลวเพลิงลำแสงห้าสีที่เหลือเปล่งแสงเจิดจ้า หมุนไปทางยอดเขากลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
หานลี่ใจหายวาบ มือหนึ่งพลันร่ายอาคมโดยไม่ได้ขบคิด ชี้ไปทางยอดเขาเทวะดูดปราณด้านล่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เสียงอึกทึกดังขึ้นราวกับเสียงระฆังบนยอดเขา ขยายขนาดใหญ่ขึ้นท่ามกลางลำแสงสีเทา
แค่พลิ้วไหวสองสามคราก็มีขนาดยักษ์สองสามร้อยจั้งท่ามกลางหมอกสีเทา ผิวของมันมีอักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และพาระลอกคลื่นลำแสงสีเทากดลงมาด้วย
แม้ว่าอานุภาพของกระบี่ยักษ์สีเทาเมื่อครู่จะน่าตกตะลึง และแหลมคมไม่น้อย แต่หากพูดถึงจำนวนของลำแสงเทวะดูดปราณกลับไม่อาจเทียบกับภูเขาเทวะดูดปราณที่ยิ่งใหญ่ได้
เปลวเพลิงห้าสีที่กระโจนขึ้นมาด้านล่างถูกกดทับเอาไว้ราวกับภูเขาไท่ซานอย่างไรอย่างนั้น ไม่ทันได้สัมผัสกับภูเขาลูกนี้ ก็ทยอยกันถูกระลอกคลื่นลำแสงสีเทาทำลายจนหายวับไป
ยอดเขายักษ์ร่วงลงมาด้านล่างอย่างต่อเนื่อง แล้วทุบลงไปที่ม้วนภาพ
ในยามนั้นเองยอดเขาในม้วนภาพพลันเปล่งเสียงร้องยาวๆ ฉากต่างๆ ในภาพที่เดิมสะท้อนภาพต่างๆ ไม่ว่าวิหควิญญาณต้นไม้ใบหญ้าหรือหมู่แมลงก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวอ่อนทะลักเข้าไปในยอดเขาทั้งหมด
ชั่วพริบตานั้นยอดเขาก็เปล่งแสงสีเขียวมรกต และทยอยกันม้วนวนออกมาจากภาพวาด และยิ่งไปกว่านั้นตัวมันยังสั่นเทา ปล่อยลำแสงสีเขียวออกมากลายเป็นเส้นไหมสีเขียวมรกต
ลำแสงเขียวไท่อี่ถูกภูเขากระตุ้น ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และตัดสลับกันไปมา กลายเป็นตาข่ายสีเขียวมรกตพุ่งไปกลางอากาศ
คลื่นลำแสงสีเทาและตาข่ายลำแสงสีเขียวมรกตโจมตีเข้าหากันภายในพริบตา คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเป็นเสียงแหลมสูงราวกับทองคำเสียดสีกัน ยอดเขาทั้งสองลูกสั่นคลอนพร้อมกันอย่างต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นพลันหรี่ตาทั้งสองข้างลง พลังปราณโคจรอยู่ภายในร่างอย่างรวดเร็ว คิดจะบรรจุเข้าไปในยอดเขาเทวะดูดปราณ ทำให้อานุภาพของมันเพิ่มมากขึ้น
แต่ในยามนั้นเองกลางอากาศกลับมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จากนั้นสายฟ้าสีเทาขนาดเท่าปากชามก็ร่วงลงมา โจมตีไปบนตาข่ายสีเขียวมรกตอย่างแรง
คาดไม่ถึงว่าลำแสงเขียวไท่อี่ที่กลายเป็นตาข่ายยักษ์จะพลิ้วไหวไปมาไม่หยุด
หานลี่พลันรู้สึกดีใจ กวาดสายตาไปมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนในทันที คาดไม่ถึงว่าสายฟ้าสีเทาจะร่วงลงมาจากธงด้านหน้าหลิวสุ่ยเอ๋อร์
หญิงสาวผู้นี้เห็นเขตอาคมระดับสุดยอด ใช้สมบัติของหานลี่และสือคุนจัดการไม่ได้ง่ายๆ ในที่สุดก็กระตุ้นสมบัติตรงหน้าของตนเอง เข้ามาช่วยเสริมอีกแรง
ทว่ายอดเขาสีเขียวนั้นสุดยอดมาก ทั้งๆ ที่ปล่อยลำแสงเขียวไท่อี่ออกมาแล้วไม่อาจต้านทานการผสานการโจมตีของยอดเขาเทวะดูดปราณและสายฟ้าสีเทาได้ แต่กลับปล่อยเส้นไหมสีเขียวมรกตออกมาจากยอดเขาไม่หยุด พลางชดเชยตาข่ายที่สลายหายไปไม่หยุด
คาดไม่ถึงว่าจะแค่ตกเป็นรอง แต่กลับไม่ได้ทำให้ตาข่ายนี้แตกสลายไปในทันที
เช่นนั้นแม้ว่าหานลี่และพวกทั้งสองจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่กลับไม่อาจทลายเขตอาคมต้องห้ามระดับที่สิบไปได้
ช่วงเวลาที่ล่าช้านี้หากถูกเขตอาคมที่ถูกทำลายไปแล้วฟื้นฟูกลับมาดังเก่า ครานี้ก็ยุ่งยากใหญ่แล้ว
แน่นอนว่าหานลี่และหลิวสุ่ยเอ๋อร์ย่อมรู้เหตุผล จึงเริ่มกระตุ้นสมบัติ แต่จากการโจมตีของคลื่นลำแสงสีเทาและสายฟ้าที่เปรียบดั่งพายุฝน ตาข่ายสีเขียวมรกตที่มีลำแสงเขียวไท่อี่คอยสนับสนุนอยู่ กลับเผยความแข็งแกร่งที่ยากจะเหลือเชื่อออกมา ไม่อาจโจมตีให้แตกกระเจิงได้เลยสักนิด
หานลี่และพวกทั้งสองพลันหน้าเปลี่ยนสี
แต่ในยามนี้สือคุนกลับเคลื่อนไหว
เห็นเพียงชายร่างใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น จนมีความสูงสองสามจั้ง แขนยักษ์สองข้างกำหมัดโจมตีไปที่ทรวงอก ร่างกายเปล่งแสงสีเทาออกมา
จากนั้นก็เห็นแขนทั้งสองข้างของเขาโบกสะบัด เงากำปั้นปรากฏขึ้นทันที มันสั่นเทา แล้วกลายเป็นดวงแสงสีเทาโจมตีลงมา
ลำแสงเทวะดูดปราณเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วเข้าร่วมการโจมตี ในที่สุดก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้ตาข่ายสีเขียวมรกต
ภายใต้การร่วมมือกันของภูเขาเทวะดูดปราณและสายฟ้าสีเทา โจมตีตาข่ายลำแสง สุดท้ายก็เกิดเสียงอึกทึกดังขึ้น พลังเทวะดูดปราณทั้งสามประสานกัน กลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไป
หมอกลำแสงสีเทา สายฟ้า ดวงแสงทะลักลงมา ล้วนโจมตีไปที่ยอดเขาสีเขียวและม้วนภาพด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นม้วนภาพพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายก็สว่างวาบแล้วหายวับไป
เขตอาคมระดับที่หนึ่งพังทลายลง!
กลางอากาศด้านล่าง ม้วนภาพหายไปตั้งนานแล้ว เผยรูขนาดยักษ์ออกมา เส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งเศษลอยอยู่กลางอากาศ ตรงขอบแผ่ลำแสงสีขาวอ่อนออกมา
เห็นได้ชัดว่าเป็นทางเข้าแห่งหนึ่ง
ทว่าสายตาของหานลี่กลับไม่เหมือนกับหลิวสุ่ยเอ๋อร์และพวกทั้งสองที่ใช้สายตาร้อนแรงจ้องเขม็งไปที่รูนั่น แต่สายตาเขากลับเครียดเขม็ง จ้องไปยังอีกสิ่งหนึ่ง
นั่นก็คือภูเขาน้อยสีเขียวที่ยังคงลอยอยู่ด้านล่างรูทั้งๆ ที่ทั้งสามร่วมมือกันโจมตีไปแล้ว
ม้วนภาพสูญเสียพลังไป พลังเขียวไท่อี่ในยามนี้มีความสูงแค่สองสามจั้ง ผิวของมันเป็นสีอ่อนๆ ท่าทางน่าอนาถมาก
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น แล้วชี้ไปที่ยอดเขาเทวะดูดปราณด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นยอดเขาสีดำพลันพลิ้วไหว สลายหายไปท่ามกลางอากาศในจุดที่ไกลออกไป
ครู่ต่อมาภูเขาสีเขียวก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น ภูเขาเทวะดูดปราณขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
หลังจากลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบที่ตีนเขา ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเทาก็ม้วนออกมา ห่อหุ้มภูเขาสีเขียวเอาไว้
ภูเขาเขียวไท่อี่เปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ผิวของมันเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับ หมายจะต้านทานพลังของลำแสงเทวะดูดปราณ
แต่เห็นได้ชัดว่าภูเขาที่สูญเสียปราณแท้ไปแล้วจะต้านทานพลังการโจมตีเต็มอัตราของภูเขาเทวะดูดปราณของหานลี่ได้อย่างไร
ท่ามกลางหมอกลำแสงสีเทามีอักขระสีเงินอ่อนปรากฏขึ้น วนล้อมรอบภูเขา แค่กะพริบวาบก็ติดลงไปราวกับแมลงวันติดกระดูก
หลังจากภูเขาเขียวไท่อี่ร้องคร่ำครวญออกมาอย่างจนปัญญาแล้ว ก็หมุนวนไปทางตีนเขาเทวะดูดปราณท่ามกลางอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนที่ห่อหุ้มอยู่ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ถูกภูเขาเทวะดูดปราณสูบเข้าไปในสันเขา
หานลี่หยักมุมปากขึ้นด้วยความดีใจ มือหนึ่งกวักเรียก ภูเขาเทวะดูดปราณเปล่งแสงสีเทาสว่างวาบแล้วหดเล็กลง ในที่สุดก็กลายเป็นภูเขาขนาดจิ๋วพุ่งมาจากกลางอากาศ
แค่กะพริบวาบ ภูเขาสีดำก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย
หานลี่ยกสมบัติขึ้นอย่างรวดเร็ว
รอจนหลิวสุ่ยเอ๋อร์และพวกทั้งสองมีปฏิกิริยาตอบสนอง ภูเขาเขียวไท่อี่ก็ตกลงมาในมือของเขา
นี่จึงทำให้หลิวสุ่ยเอ่อร์และสือคุนตกตะลึง อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของทั้งสอง แน่นอนว่าย่อมเดาประวัติความเป็นมาของภูเขาเขียวไท่อี่ออก หากบอกว่าในใจไม่มีความคิดอันใดเกี่ยวกับสมบัติชิ้นนี้ก็เป็นไปไม่ได้
แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่า หานลี่จะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้ แทบจะทลายเขตอาคมได้ในพริบตา แล้วเก็บสมบัติชิ้นนี้กลับมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ทั้งสองล้วนมีสีหน้าแปลกประหลาดใจ!
“สมบัติชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อผู้แซ่หาน จากนี้ยังมีสมบัติอีกมาก คิดดูแล้วสหายทั้งสองน่าจะไม่รังเกียจที่ข้าน้อยเอาสมบัติชิ้นนี้ไปก่อนกระมัง” แววตาของหานลี่เปล่งประกายวาวโรจน์ พลางเอ่ยกับสือคุนและพวกทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“หึๆ ในเมื่อสมบัติชิ้นนี้มีประโยชน์กับพี่หาน เช่นนั้นก็เอาไปเถิด น้องหญิงไม่มีความเห็นอันใด” หลิวสุ่ยเอ๋อร์กลับมามีสีหน้าปกติได้อย่างรวดเร็ว และฉีกยิ้มเบิกบาน
“แม้ว่าผู้แซ่สือจะสนใจของสิ่งนี้ แต่ในเมื่อพี่หานได้ไปก่อน ข้าน้อยก็ไม่มีอันใดจะกล่าว” สือคุนหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครา แล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา