คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1706 อับจนหนทาง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1706 อับจนหนทาง
ร่างของฉวี่เอ๋อร์ขยับอีกครั้ง ก็หายวับไปทันที ก่อนปรากฏตัวเหนือสวนสมุนไพรอีกสวน แล้วทยอยถอนสมุนไพรเหล่านั้นออก
ยามนี้หานลี่เดินมาอยู่ใกล้กับสวนสมุนไพรอีกสองสวนที่เหลือ สมุนไพรที่ปลูกอยู่ในสวนเหล่านี้ล้วนมีจำนวนประมาณห้าหกต้นไปจนถึงสิบกว่าต้น
ในบรรดาสมุนไพรเหล่านั้นมีแค่ครึ่งเดียวที่พอจะวิเคราะห์ได้
สมุนไพรที่เหลือกว่าครึ่งนั้น ไม่ว่าตำราของแดนมนุษย์หรือแดนวิญญาณก็ไม่เคยบันทึกเอาไว้
แต่สมุนไพรส่วนน้อยที่รู้จักนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่อันใด
บ้างก็เหมือนกับผลพิษกร่อน เป็นสิ่งที่สูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณตั้งนานแล้ว บ้างกลับเป็นสมุนไพรที่หายากเช่นกันในแดนวิญญาณ
หนึ่งในนั้นคาดไม่ถึงว่าจะมีสมุนไพรสำคัญสองสามชนิดที่ชิงหยวนจื่อให้เขาเก็บรวบรวมมาไม่น้อย
เช่นนั้นขอแค่เขาหาสมุนไพรที่เหลือมาก็ง่ายดายกว่าหาสมุนไพรจำนวนมากขึ้นเยอะ คาดไม่ถึงว่าอาจจะรวบรวมสมุนไพรที่ชิงหยวนจื่อต้องการได้ครบ
หานลี่ฝืนระงับความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ ทันใดนั้นก็ค้อมตัวลง เริ่มเด็ดสมุนไพรที่มีจำนวนค่อนข้างน้อยด้วยตนเอง และนำมันไปเก็บแยกไว้ในกล่องหยกอย่างระมัดระวัง
เมื่อเขาเด็ดสมุนไพรวิญญาณในสวนสมุนไพรทั้งสองสวนจนว่างเปล่า ฉวี่เอ๋อร์ก็กลับมายืนอย่างน่าเอ็นดูอยู่ด้านข้างตั้งนานแล้ว
สมุนไพรวิญญาณสามชนิดนั้นล้วนถูกเด็กสาวผู้นี้เก็บเสร็จแล้ว และถูกเก็บไว้ในกล่องหยกอย่างครบครัน
มุมปากของหานลี่หยักรอยยิ้มบางๆ ออกมา ชื่นชมเด็กสาวผู้นี้ด้วยสีหน้ายินดีปรีดา
ชั่วขณะนั้นดวงตาทั้งสองข้างของฉวี่เอ๋อร์พลันเปลี่ยนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสองดวง ฉีกยิ้มจนตาหยี
แม้ว่าเด็กสาวผู้นี้เพิ่งจะแปลงกลายเป็นมนุษย์ได้ไม่นาน แต่ก็ติดตามหานลี่อยู่ในร่างของกระต่ายขาวมาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว ดังนั้นยามนี้ที่อยู่กับหานลี่จึงไม่มีความรู้สึกแปลกหน้าเลยสักนิด กลับเผยท่าทีสนิทชิดเชื้อออกมา
หลังจากจัดการสมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ในสวนสมุนไพรแล้ว ในที่สุดหานลี่ถึงได้มองยังอีกด้านของสวนสมุนไพร
ตรงนั้นมีสวนยาที่แตกต่างกันอยู่สิบกว่าสวน ทุกสวนล้วนมีรั้วที่สร้างขึ้นจากต้นไม้สูงสองสามฉื่อล้อมเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้กลายเป็นพื้นดินที่เป็นเอกเทศสิบกว่าแห่ง
และสมุนไพรที่ปลูกอยู่ในสวนเหล่านี้ บ้างก็เป็นต้นไม้วิญญาณสูงสองสามจั้ง บ้างก็เป็นดอกไม้วิญญาณสูงสองสามฉื่อ และยังมีอีกที่หนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะล้อมน้ำพุวิญญาณขนาดเจ็ดแปดจั้งเอาไว้ ในน้ำพุมีดอกบัวขนาดเล็กสีเงินระยิบระยับ ดูพิเศษมาก
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง สาวเท้าก้าวออกไป เริ่มพิจารณาสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น
แต่ครู่ต่อมา ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่นของความจนปัญญา
ทั้งๆ ที่รู้ว่าสมุนไพรเหล่านี้ถูกเจ้าของสวนปลูกเอาไว้เดี่ยวๆ จะต้องมีมูลค่ามากกว่าผลตาข่ายแดงและพืชพิษกร่อนก่อนหน้านี้
แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้จักเลยสักชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลสีเขียวมรกตขนาดเท่ากำปั้นของต้นไม้วิญญาณ หรือดอกวิญญาณที่ออกดอกพร้อมกันสิบสามสี
ดูแล้วสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้คงไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในแดนวิญญาณ น่าจะเป็นสมุนไพรที่มีอยู่แค่ในแดนเซียน
เช่นนั้นพวกมันมีประโยชน์ด้านใด ก็ทำได้เพียงค่อยๆ ทดสอบไปอย่างช้าๆ ในภายหลังแล้ว
หากรู้ประโยชน์ของสมุนไพรสักสองสามต้นในนั้น นั่นก็คงได้ประโยชน์มากมายแล้ว
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่กลับไม่ลังเลอีก มือหนึ่งตะปบไปทางพื้นดินที่ไกลออกไป ชั่วขณะนั้นกล่องหยกสีขาวพลันบินขึ้น กลายเป็นลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งร่อนลงมาในมือของเขา
แต่เมื่อกลอกตาไปมองต้นไม้วิญญาณที่มีผลสีเขียวมรกตเต็มไปหมดแวบหนึ่ง ก็พลิกฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง พลั่วเล็กๆ สีเขียวมรกตปรากฏขึ้น
เมื่อชูมือขึ้น พลั่วเล็กๆ กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบบนพื้นดินในสวนแล้วพุ่งไป
ลำแสงเสียวเปล่งแสงสว่างวาบ เสียง “เคร๊ง” ดังก้องกังวาน พลั่วเล็กๆ ราวกับสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าอย่างไรอย่างนั้น มันดีดตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจตักดินได้เลยสักนิด
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จึงกระตุ้นพลังปราณอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นพลั่วหยกพลันหมุนวนโคจร ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมาแล้วโจมตีไปในสวนยาอีกครั้ง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนเดิม พลั่วหยกยังคงถูกดีดออกมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
หางตาของหานลี่อดที่จะกระตุกไม่ได้!
เมื่อครู่เขาสังเกตได้ว่าบนต้นสมุนไพร ไม่ได้สนใจว่าดินใต้ร่างจะมีความผิดปกติอันใดหรือไม่เลย
ทันใดนั้นรูม่านตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดตามองไปยังดินด้านล่าง
ใบหน้าพลันมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน
รากของต้นไม้วิญญาณจมอยู่ในดินสองสามจั้ง คาดไม่ถึงว่าจะมีเส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนผสมอยู่ ล้อมใต้ดินของสวนยาเอาไว้อย่างแน่นหนา
และเส้นไหมสีทองเหล่านี้ก็คือไอวิญญาณทองคำบริสุทธิ์ที่มารวมตัวกัน
แต่แค่ไม่รู้ว่าการปลูกต้นไม้วิญญาณชนิดนี้ต้องการไอวิญญาณสีทอง หรือว่าเจ้าของสวนให้ความสำคัญกับต้นไม้เหล่านี้กันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะวางเขตอาคมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
หานลี่เลิกคิ้วขึ้น ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่กลับเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
ฝ่ามือสีดำสนิทยื่นออกมาจากแขนเสื้อ แล้วตบไปด้านล่างเบาๆ
หมอกลำแสงสีเทากลุ่มหนึ่งพ่นออกมาจากฝ่ามือ หลังจากหมุนวนบนพื้นดินแล้ว ก็จมหายเข้าไปใต้รากในดินของต้นไม้วิญญาณอย่างเงียบเชียบ
ลำแสงเทวะดูดปราณมีพลังควบคุมธาตุทั้งห้า น่าจะต่อกรกับพลังวิญญาณสีทองที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมคิดเช่นกัน
แต่ฉากต่อจากนี้กลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขา!
หลังจากที่หมอกลำแสงสีเทากวาดลงไป ไอวิญญาณสีทองเหล่านั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นเส้นไหมบางๆ และไม่ได้ถูกกวาดไปจนเกลี้ยงเหมือนที่จินตนาการเอาไว้ แต่กลับตัดสลับกันไปมาใต้ดิน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตาข่ายเส้นไหมสีทองผืนหนึ่ง เปล่งแสงสีทองออกมาพยายามต้านทานการโจมตีของหมอกลำแสงสีเทาอย่างสุดฤทธิ์
และแม้ว่าลำแสงเทวะดูดปราณจะไม่หยุดหมุนวนไปมา แต่ยามนี้ก็ไม่อาจโจมตีให้พวกมันแหลกสลายไปได้
สีหน้าของหานลี่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
แต่หลังจากที่ขบคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือสีดำสนิทก็ค่อยๆ ขยับ เงาลวงตาภูเขาลูกเล็กปรากฏขึ้น ห่อหุ้มฝ่ามือเอาไว้
ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเทาใจกลางฝ่ามือพลันแข็งค้าง พ่นหมอกลำแสงสีเทาที่เปลี่ยนรูปเป็นของเหลวเหนียวหนืดออกมา
คาดไม่ถึงว่าเขาจะอาศัยพลังของภูเขาเทวะดูดปราณ ทำให้ลำแสงเทวะดูดปราณเพิ่มพลานุภาพขึ้นจนถึงขีดสุด
ในที่สุดไอวิญญาณสีทองในดินก็ไม่อาจต้านทานพลังควบคุมที่รุนแรงเช่นนี้ได้ หลังจากที่ไอสีเทาท่าทางดุดันม้วนวนอีกครั้ง ก็ทยอยกันสลายหายไป
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลง หลังจากที่ฝ่ามือสีดำสนิทสลายหายไป ชั่วขณะนั้นเงาภูเขาลวงตาก็สลายหายไป ในเวลาเดียวกันผิวบนฝ่ามือก็กลับเป็นดังเดิม
พลันมือนี้ชี้ไปกลางอากาศ พลั่วเล็กสีเขียวมรกตด้ามนั้นก็พุ่งลงไปพร้อมกับเสียงก้องกังวาน วนล้อมรอบพื้นดินใต้ต้นไม้วิญญาณเอาไว้แล้วตวัดออกเป็นวงกลม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินกลับมา จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่
ชั่วขณะนั้นจุดที่พลั่วหยกตวัดไป กลับมีหมอกลำแสงสีเขียวทะลักออกมา ห่อหุ้มต้นไม้วิญญาณเอาไว้ข้างใน
หานลี่เห็นเช่นนั้น มือหนึ่งพลันร่ายอาคม โจมตีไปที่ต้นไม้วิญญาณ
เมื่ออาคมเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปบนต้นไม้วิญญาณนั้น ชั่วขณะนั้นต้นไม้วิญญาณพลันสั่นคลอน คาดไม่ถึงว่าถูกถอนออกจากใต้ดินอย่างเชื่องช้า!
แววตาของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบ ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้ายินดีออกมาไม่ได้
แต่ชั่วพริบตาที่ต้นไม้วิญญาณเพิ่งจะถอนออกจากดินนั้น ฉับพลันนั้นพลันมีเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ผิวของต้นไม้วิญญาณทั้งต้นปรากฏเปลวเพลิงสีเขียวขึ้นมาชั้นหนึ่ง
เปลวเพลิงสีเขียวนี้แค่กะพริบวาบๆ ต้นไม้วิญญาณทั้งต้นรวมทั้งผลที่ประดับอยู่เต็มต้น ก็กลายเป็นควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่อ้าปากออกเล็กน้อย ตกตะลึงจนตาค้าง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง มองไปยังสวนยาที่ว่างเปล่าตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
ในเมื่อต้นไม้วิญญาณชี้ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ เขาก็ต้องยอมเสียใจว่ามันไม่มีประโยชน์แล้ว
ทันใดนั้นก็หันกาย เดินตรงไปที่ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกสูงสามฉื่อที่อยู่อีกสวน
ใต้ดินของดอกไม้ดอกนี้ไม่มีเขตอาคมป้องกันใดๆ พลั่วหยกตวัดพื้นดินออกได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อดอกไม้ประหลาดนิรนามนี้ถูกขุดออกจากดิน ผิวของมันก็สั่นเทา กลายเป็นของเหลวสีเขียวราวกับหิมะละลายในวสันตฤดู จมหายเข้าไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย
ครั้งนี้หานลี่พลันตกตะลึงจนตาค้างไปเสียแล้ว
คาดไม่ถึงว่าจะพบกับสมุนไพรวิญญาณที่ ‘เปราะบาง’ สองต้นติดกัน นี่กล่าวได้ว่าดวงของเขาย่ำแย่มาก
มองไปยังของเหลวที่สลายหายไปบนพื้นอย่างไม่ยินยอม หานลี่แค่นเสียงหึๆ อย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงเดินไปที่สวนยาต่อไปอย่างจนปัญญา
ยามที่รากของสมุนไพรวิญญาณที่เหลืออีกสามชนิดออกห่างจากพื้นดินนั้น ต้นหนึ่งก็เหี่ยวเฉา ต้นหนึ่งก็ระเบิดกลายเป็นผุยผง ต้นสุดท้ายผิวพลันมีเส้นไหมสายฟ้าปรากฏขึ้น แล้วทำให้ตัวของมันหายวับไป
สมุนไพรวิญญาณห้าต้นเกิดปลิดชีพตนอย่างต่อเนื่อง ต่อให้หานลี่โง่เขลาเพียงไหน ก็รู้ว่ามีลับลมคมในแล้ว
นี่ไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้แน่ เกรงว่าคงถูกเจ้าของสวนทำอันใดไว้ มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเกิดเรื่องผิดปกติเช่นนี้
ดังนั้นหานลี่ในยามนี้จึงยืนอยู่ด้านหน้าดอกไม้วิญญาณขนาดเท่ากำปั้นมีสีสันงดงามสิบสามสี แล้วเริ่มตรวจสอบต้นของมันอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในเมื่อก่อนหน้านี้ตรวจสอบไม่พบอันใด แน่นอนว่าก็เหลือเพียงต้องอาศัยเนตรวิญญาณวารีกระจ่างตรวจสอบมันแล้ว
สองตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ สายตาของหานลี่กวาดมองยอดของดอกไม้วิญญาณไปจนถึงรากของมันอย่างละเอียด
แต่ตรวจสอบดูเจ็ดแปดรอบ ก็ยังคงไม่มีข้อพิรุธใดๆ
เช่นนั้นเขาจึงอดที่จะรู้สึกหัวเสียไม่ได้
เมื่อแต่เขตอาคมที่เจ้าของสวนวางเอาไว้ก็มองไม่เห็น แน่นอนว่าย่อมไม่อาจทำลายอันใดได้
แต่เขาก็มองสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากที่ไม่มีอยู่ในแดนวิญญาณตาปริบๆ และหากไม่สนใจไยดีมัน เขาย่อมยอมไม่ได้
หานลี่ยืนเอามือกอดอกอยู่ที่เดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา หลังจากที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็เอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า
“พอรากออกจากดินก็จะสลายหายไป เช่นนั้นเขตอาคมน่าจะอยู่ที่รากของพวกมัน ดูแล้วมีเพียงต้องทำเช่นนี้! ในเมื่อไม่มีวิธีย้ายมัน แต่เก็บเมล็ดและผลของมันไป ก็น่าจะเป็นไปได้”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็มองไปยังต้นไม้วิเศษที่งดงามตรงหน้าทันที
แววตาเคร่งขรึม โยนกล่องหยกออกมา ชั่วขณะนั้นพลันลอยอยู่ด้านล่างดอกไม้ดอกนั้น
จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว ปากแขนเสื้ออีกข้างมีฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกยื่นออกมา
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมกระบี่แหลมคมสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา แฉลบผ่านก้านรากใต้ดอกไม้ไป ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงห้าสีก็หมุนวน
ดอกไม้วิเศษถูกสับจนร่วง ถูกเปลวเพลิงลำแสงม้วนเอาไว้ กลายเป็นก้อนน้ำแข็งโปร่งใสแวววาวก้อนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะถูกแช่แข็งในพริบตา
หลังจากเสียงดังขึ้นเบาๆ ก้อนน้ำแข็งก็ร่วงลงในกล่องหยกอย่างแม่นยำ