คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1711 น้ำเต้าทองและสมุนไพรวิญญาณแปลงกาย
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1711 น้ำเต้าทองและสมุนไพรวิญญาณแปลงกาย
“หม้อใบนี้ใช่สิ่งที่พี่สือพูดถึงหรือไม่ ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก อาจจะใช่กระมัง หรือบางทีก็อาจจะไม่ใช่ ทว่านั่นมันไม่สำคัญ! ยามนี้สิ่งที่สำคัญก็คือต้องดูว่าสมบัติที่พบมีสิ่งที่ท่านอาวุโสทั้งสองต้องการหรือไม่” หานลี่ฉีกยิ้มขณะเอ่ย
เมื่อเห็นหานลี่มีท่าทีไม่อยากพูดมาก สือคุนจึงไม่ได้เอ่ยอันใดอีก เขาพยักเพียงแค่หน้าไม่ซักถามต่อ
ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ตั้งแต่ต้นจนจบดวงตาคู่งามก็จับจ้องอยู่บนหม้อนภาสูญ นางได้ยินหานลี่และพวกทั้งสองสนทนากันจบ ทันใดนั้นปากบางก็เผยอออกแล้วเอ่ยว่า
“พี่หาน เจ้าเก็บสมบัติออกไปเถิด ยาลูกกลอนวิญญาณสูญสังเกตได้ง่ายมาก ข้าสองคนไม่มีทางจำผิดแน่” หญิงสาวผู้นี้เป็นห่วงสมบัติในหม้อ ดูเหมือนว่าจะชนะชายร่างใหญ่ไปขั้นหนึ่ง
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่มีความเห็นใด สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นธงอาคมสองสามสายพลันกลายเป็นลำแสงประหลาดหลากสีสันพุ่งออกมา แล้วจมหายไปกลางอากาศ
ชั่วพริบตาม่านลำแสงสีขาวพลันปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มลงมาในรัศมีวงกลมสิบจั้งเศษ
นั่นก็คือเขตอาคมต้องห้ามง่ายๆ ชนิดหนึ่ง
แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นการป้องกันตัวของหานลี่ เพราะกลัวว่ายามที่ตรวจสอบสมบัติอาจจะเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้นจึงจงใจวางเขตอาคมไป
หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนกวาดสายตาไปบนม่านลำแสง ก็ไม่ได้ใส่ใจอันใด
สำหรับพวกเขาแล้วสามารถทำลายเขตอาคมชนิดนี้ได้อย่างง่ายดาย และไม่ได้สงสัยอันใดในตัวหานลี่
เมื่อวางเขตอาคมเสร็จสิ้น หานลี่ก็มองไปยังหม้อกลางอากาศแวบหนึ่ง เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วอ้าปากออก พ่นหมอกลำแสงสีเขียวออกมา
หมอกลำแสงสีเขียวม้วนออกมาจากหม้อ ฝาหม้อเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไปอย่างแปลกประหลาด
เสียงอึกทึกดังออกมาจากในหม้อ ในเวลาเดียวกันลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
หลิวสุ่ยเอ๋อร์และชายร่างใหญ่เห็นเช่นนั้นต่างก็เผลอกลั้นลมหายใจ
หานลี่กลับฉีกยิ้มเบิกบาน ยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปที่หม้อใบเล็กสีเขียว
หม้อใบเล็กที่เปล่งแสงสีเขียวเดิมมีขนาดแค่สองสามฉื่อ หลังจากหมุนคว้างก็มีขนาดสูงใหญ่สองสามจั้ง
จากนั้นหานลี่ก็ใช้อีกมือหนึ่งร่ายอาคม
เสียงอึกทึกดังขึ้น! ชั่วขณะนั้นในหม้อพลันมีดวงแสงขนาดเท่ากำปั้นบินออกมา แต่กลับถูกเส้นไหมสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา ผิวของมันขยายใหญ่และหดเล็กลงไม่หยุด
“เปิด”
หานลี่ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำออกมา ชูมือข้างหนึ่งขึ้น อาคมสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปในดวงแสง
ครู่ต่อมาเส้นไหมสีเขียวบนผิวของดวงแสงพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวแล้วสลายหายไป
เส้นไหมสีเขียวสลายหายไป ด้านในมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ของสิ่งหนึ่งบินออกมาจากด้านใน
แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ มือข้างหนึ่งตะปบออกไปตั้งนานแล้ว
เสียงแหวกอากาศ “พรึ่บๆ” ดังขึ้น พลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มลงมา ของสิ่งนั้นหยุดชะงักกลางอากาศไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด
หานลี่เพ่งพินิจมอง ก็มองเห็นอย่างชัดเจน
เป็นน้ำเต้าสีทองเรืองรองผลหนึ่ง ผิวของมันมีอักขระซับซ้อน ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ
หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนมองสิ่งนี้ สีหน้าแปลกประหลาดใจ แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ ฝ่ามือตะปบออกไปกลางอากาศแล้วดึงกลับมา
เสียง “สวบ” ดังขึ้น!
น้ำเต้าสีทองพุ่งมาหาหานลี่ทันที และร่อนลงในมือ
น้ำเต้าผลนี้ดูเหมือนจะมีสติสัมปชัญญะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังสั่นเทาไม่หยุดอยู่ในฝ่ามือของเขา ท่าทางดิ้นรน
หานลี่เลิกคิ้วขึ้น แขนข้างหนึ่งปัดไปบนน้ำเต้า
ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตานั้นยันต์สีขาวสายหนึ่งพลันแปะอยู่ด้านบน
ภายใต้พลังต้องห้ามสีขาว ของสิ่งนั้นที่ยังสั่นไม่หยุดก็หม่นแสงลง ไม่มีความผิดปกติใดๆ อีก
หานลี่ชูมือขึ้นด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน เอาน้ำเต้ามาพิจารณาในระดับสายตา
ในเวลาเดียวกันนั้นแววตาของเขาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ จิตสัมผัสเสี้ยวหนึ่งกวาดไปบนสมบัติชิ้นนี้
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยน้ำชา ลำแสงในแววตาของหานลี่หายวับไป โยนน้ำเต้าไปฝั่งตรงข้ามโดยไม่ปริปาก
สิ่งนี้กลายเป็นลำแสงสีทองบินออกมา และหยุดอยู่กลางอากาศระหว่างหลิวสุ่ยเอ๋อร์และพวกทั้งสองคน แล้วลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
“นี่ไม่ใช่ยุทธภัณฑ์บรรจุสมุนไพรวิญญาณ แต่เป็นสมบัติธาตุทองที่หาได้ยากชุดหนึ่ง นอกจากตัวน้ำเต้าที่ดูเหมือนมหัศจรรย์แล้ว ด้านในมีกระบี่บินนิรนามถูกบ่มเพาะอยู่สองสามเล่ม ไม่รู้ว่าอานุภาพเป็นอย่างไร” หานลี่เอ่ยอย่างแช่มช้า
“เช่นนั้นคงเป็น ‘กระบี่ในน้ำเต้า’ ในอดีตสินะ ว่ากันว่าวิธีการหลอมสมบัติชนิดนี้หายสาบสูญไปจากแผ่นดินใหญ่ต่างๆ ตั้งนานแล้ว น้องหญิงได้เปิดโลกแล้ว สหายสือ! น้องหญิงจะตรวจสอบสมบัติชิ้นนี้สักหน่อย เจ้าไม่มีความเห็นอันใดสินะ” หลิวสุ่ยเอ๋อร์ฟังจบก็ฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ยกับสือคุน
“หึๆ ผู้แซ่สือจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เซียนดูก่อนเถิด” ชายร่างใหญ่หัวเราะฮ่าๆ ออกมา ท่าทางไม่ค่อยใส่ใจ
หลิวสุ่ยเอ๋อร์ฉีกยิ้มน้อยๆ มือเรียวกวักเรียกกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นน้ำเต้าสีทองก็ร่อนลงมาอย่างเชื่องช้า ถูกหญิงสาวผู้นี้ตะปบเอาไว้กลางฝ่ามือ
หญิงสาวแผ่จิตสัมผัสออกไป และเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด
ภายในระยะเวลาอันสั้น แค่ชั่วครู่นางก็สั่นศีรษะ โยนสมบัติชิ้นนี้ไปให้สือคุนเช่นกัน
ชายร่างใหญ่เห็นการกระทำของหญิงสาว ใบหน้าพลันเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา แต่ก็รับน้ำเต้านั้นไปอย่างไม่เต็มใจนัก แววตาที่มองไปเปล่งประกาย
“เป็นสมบัติธาตุทองชิ้นหนึ่งดังคาด สิ่งนี้วางอยู่ในหม้อทองได้ เกรงว่าอานุภาพคงไม่ด้อยเท่าไหร่แน่ สหายทั้งสองคิดว่า ควรจะจัดการกับของสิ่งนี้อย่างไร” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สือคุนก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยความเสียดาย
หลิวสุ่ยเอ๋อร์เหลือบตามองตำแหน่งของหานลี่แวบหนึ่ง แล้วหัวเราะแผ่วเบาออกมา
“ในเมื่อสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านอาจารย์และท่านอาวุโสต้วนต้องการ ไม่สู้มอบให้พี่หานเก็บรักษาเอาไว้ชั่วคราว รอจนได้สมบัติครบแล้ว ค่อยตัดสินใจว่าจะเป็นของผู้ใด”
สือคุนครุ่นคิดด้วยแววตาที่เปล่งประกาย แล้วพยักหน้า สะบัดข้อมือโยนน้ำเต้ากลับคืนให้หานลี่อีกครั้งแล้วเอ่ยว่า
“ในเมื่อเซียนหลิวกล่าวเช่นนี้ ผู้แซ่สือก็คิดเช่นเดียวกัน ในเมื่อสมบัติที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการ ก็เก็บไว้กับพี่หานก่อน สุดท้ายค่อยแบ่งกันอย่างยุติธรรมเถิด”
“ในเมื่อสหายทั้งสองล้วนมีเจตนาเช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะเก็บสมบัติชิ้นนี้ไปก่อน” หานลี่เองก็ไม่ได้เกรงใจอันใด สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวม้วนวนออกมากลางอากาศ
น้ำเต้าสีทองสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งร่ายอาคมกระตุ้นหม้อสมบัตินภาสูญอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเขียวด้านในพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งบินออกมาจากด้านใน
หลังจากที่ถูกหานลี่สำแดงออกมาเช่นนั้น เส้นไหมสีเขียวก็กระจายตัวออก ด้านในเผยสมบัติอีกชิ้นหนึ่งออกมา
เป็นกล่องหยกสีเขียวที่ผิวมีอักขระยันต์สีทองเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
กล่องหยกใบนี้ถูกหานลี่ยกมือขึ้นแล้วดูดเข้ามา พลางร่อนลงมาในมือของเขา
เมื่อเห็นกล่องหยก หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนที่อยู่ตรงข้ามก็มีชีวิตชีวาขึ้น จ้องเขม็งไปที่มันด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
หานลี่ไม่ได้หลอกลวงอันใด เป่าไอวิญญาณไปที่กล่องหยกต่อหน้าทั้งสองคน
ฝากล่องเปิดออกโดยอัตโนมัติ
หลังจากกวาดสายตาไปในกล่องหยกเล็กน้อย หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสี
คาดไม่ถึงว่าด้านในจะมีม้าตัวเล็กสีเขียวมรกตที่รูปร่างเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว ขนาดเท่าไข่ไก่ แผ่กลิ่นหอมของยาที่เข้มข้นออกมา
แค่ดมไปเล็กน้อย ก็สัมผัสได้ถึงพลังไอวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตรงเข้าสู่ปอด
แต่ม้าตัวน้อยสองตัวนิ่งงันอยู่ในกล่องหยก หลับตาทั้งสองข้างสนิท ไม่มีท่าทีของการมีชีวิตตั้งนานแล้ว
แววตาของเขาหดเล็กลง แต่ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ แต่ฝ่ามือที่ถือกล่องหยกเอาไว้พลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ
ม้าน้อยในกล่องหยกทั้งสองตัวสั่นเทาแล้วบินออกมาจากด้านใน แยกออกเป็นซ้ายและขวาพุ่งมาหาหานลี่และพวกทั้งสองคน
ในเวลาเดียวกันปากของเขาก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า
“สมุนไพรวิญญาณสองต้นนี้ น่าจะเป็นหญ้าเขียวมรกตที่ท่านอาวุโสทั้งสองเอ่ยถึง คิดไม่ถึงว่ามันจะแปลงกายได้แล้ว คิดดูแล้วต้องมีประโยชน์กับท่านอาวุโสทั้งสองมากแน่ หากมีสองตัวล่ะก็ ทั้งสองท่านก็เก็บไว้กันคนละตัว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ แล้วมองเห็นม้าตัวเล็กสองตัวที่ดูสมจริง หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนก็อดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้ แต่ในใจก็รู้สึกผิดหวัง
แต่ไม่ว่าจะพูดอันใด ทั้งสองคนเห็นหานลี่มอบสมุนไพรที่หายากให้อย่างไม่ลังเล ความกังวลสุดท้ายในใจต่อหานลี่พลันสลายหายไป
สือคุนหัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยขอบคุณ มือหนึ่งตะปบออกไป แล้วสูบม้าน้อยสีเขียวมรกตเข้าไปในมือ มองอย่างคร่าวๆ รอบหนึ่ง แล้วหยิบกล่องหยกออกมาโดยอัตโนมัติ วางสมุนไพรวิญญาณลงไปอย่างระมัดระวัง
หลิวสุ่ยเอ๋อร์หญิงสาวผู้นี้เองพิจารณาสมุนไพรวิญญาณของในมือเสร็จ ก็เอ่ยขอบคุณหานลี่อย่างซาบซึ้ง เก็บสมุนไพรวิญญาณเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็โยนกล่องหยกในมือลงบนพื้น ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามมองเห็นว่าด้านในกล่องนั้นว่างเปล่า หลังจากไม่มีสมุนไพรวิญญาณแปลงกายต้นที่สาม ถึงได้กระตุ้นหม้อนภาสูญต่อ
ด้านล่างหม้อพลันมีของสองสิ่งพ่นออกมา กลับเป็นจานอาคมหกเหลี่ยม รวมทั้งสมบัติหอคอยสีทองเรืองรอง
ของสองสิ่งนี้แค่ดูก็รู้ว่ามีอานุภาพลึกล้ำยากจะคาดเดา สมบัติทั้งสองชิ้นนี้ถูกหานลี่เก็บไว้ชั่วคราวเช่นกัน รอให้ถึงยามสุดท้ายค่อยแบ่งกับพวกเขา
แต่ในหม้อพลันมีสมบัติชิ้นต่อไปออกมา เป็นวัตถุดิบหายากที่ไฉ่หลิวอิงและต้วนเทียนเริ่นระบุถึง หลังจากถูกหานลี่แบ่งกับอีกสองคนอย่างยุติธรรมแล้ว หลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันแววตาเปล่งประกาย มีสีหน้าร้อนรนขึ้น
ใบหน้าของสือคุนเองก็เคร่งขรึมไปเล็กน้อย
ลำแสงสีทองที่ถูกหานลี่เก็บเข้าไปในหม้อเมื่อครู่ เขาสองคนเห็นชัดเจน จำนวนไม่มากนัก
และในยามนี้ก็ยังไม่เห็นเงาของยาลูกกลอนวิญญาณสูญ จะไม่ทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่สบายใจได้อย่างไร
ต่อให้ได้สมบัติอื่นๆ มากขนาดไหน หากเอายาลูกกลอนวิญญาณสูญที่สำคัญที่สุดมาไม่ได้ การเดินทางครั้งนี้ก็นับว่าล้มเหลว
ยามนี้หม้อยักษ์สีเขียวพลันเปล่งเสียงร้องต่ำๆ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นสมบัติที่ถูกห่อหุ้มด้วยเส้นไหมสีเขียวออกมา
หลังจากเส้นไหมสีเขียวสลายหายไป ด้านพลันเผยขวดเล็กสีม่วงทองออกมา ขนาดสองสามชุ่น แต่ผิวเกลี้ยงใสราวกับกระจก และมีไอสีขาววนล้อมรอบขวดอยู่
เมื่อสัมผัสได้ถึงไอวิญญาณที่น่าตกตะลึงที่แผ่ออกมาจากในขวด สือคุนพลันมีสีหน้ายินดี แววตางดงามของหลิวสุ่ยเอ๋อร์เผยความแปลกประหลาดใจออกมา
หานลี่มองขวดสีม่วงทองที่ค่อยๆ หมุนวนกลางอากาศ ไม่แสดงสีหน้าอันใดออกมา แต่พลันลูบใต้คาง มุมปากหยักรอยยิ้มเล็กๆ
ฉับพลันนั้นเขาพลันยกแขนขึ้น ชี้นิ้วไปกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นเสียง “พรึ่บ” พลันดังขึ้น ฝาขวดสีม่วงทองพลันบินหายไป จากนั้นฝาขวดก็เทออกมา พ่นเปลวเพลิงสีเหลืองทองออกมาจากด้านใน
ในเปลวเพลิงมีเสียงเพรียกของวิหคดังออกมา เปลวเพลิงสีทองทั้งหมดม้วนวนไปยังทิศทางเดียวกัน คาดไม่ถึงว่าจะหมุนคว้างกลายเป็นวิหคเพลิงสีเหลืองทองตัวหนึ่ง