คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1714 นักรบชุดเกราะ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1714 นักรบชุดเกราะ
หลิวสุ่ยเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น แววตาก็เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา ชูมือหนึ่งขึ้นเช่นกัน ปล่อยวงแหวนทรงกลมสีเขียวมรกตออกมา
วงแหวนนี้เปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา กลายเป็นลำแสงสีเขียวมรกตดวงหนึ่งพุ่งไปยังอีกด้านของวิหาร
ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ ทำให้อาวุธและหมวกเกราะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในตัวนางเช่นกัน
เช่นนั้นทั้งวิหารนอกจากฉากกั้นห้องที่โดดเดี่ยวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หลังจากที่ทั้งสองกวาดจิตสัมผัสไปทั่วทั้งวิหารลวกๆ ไม่พบของใดๆ ซ่อนอยู่อีก
ก็รีบร้อนสาวเท้าออกนอกวิหารอย่างไม่ลังเลอีก
สำหรับพวกเขาแล้ว หานลี่อยู่ในมิติที่ไม่คุ้นเคยอาจจะมีเรื่องดีก็ได้
ถึงอย่างไรเสียด้านในก็อาจจะมีสมบัติอยู่จริงๆ แม้กระทั่งอาจจะถูกเขตอาคมที่ร้ายกาจอันใดสักอย่างขวางหรือกักเอาไว้ชั่วคราว
วิหารที่เหลือและสมบัติในหอคอยไม่มีผู้ใดแย่งชิงอีก พวกเขาจะต้องได้ประโยชน์ยกใหญ่แน่
เมื่อขบคิดเช่นนี้ สือคุนกลับรู้สึกสงบมากขึ้น ทันใดนั้นหลังจากที่ปรึกษากับหลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่ด้านนอกประตูวิหารแล้ว ก็เปลี่ยนทิศทาง เดินไปทางวิหารข้างหลังหนึ่งเพียงลำพัง
……
ภายในห้วงมิติเวลานิรนามในฉากกั้นห้อง
หานลี่เดินมาอยู่ใกล้กับประตูยักษ์แล้ว สองมือชูขึ้นพร้อมกัน เปลวเพลิงเย็นเยียบและหมอกลำแสงสีเทาทะลักออกมาจากฝ่ามือ โจมตีไปยังประตูยักษ์ตรงหน้าไม่หยุด
ส่วนอักขระยันต์สีทองเงินบนประตูพลันกลายเป็นหมอกลำแสงงดงาม ต้านทานการโจมตีทั้งสองชนิดเอาไว้อย่างมั่นคง
ลำแสงสีเทาเปลวเพลิงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านและหลอมละลายหมอกลำแสงเป็นชั้นๆ ไม่หยุด แต่อักขระยันต์ที่ทะลักออกมาจากประตูกลับดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด ทันใดนั้นก็กลายเป็นหมอกลำแสงที่มากกว่าเดิมทะลักเข้ามา
กระตุ้นอิทธิฤทธิ์ทั้งสองชนิดได้ชั่วครู่ แต่ก็ไม่มีผลกับเขตอาคมของประตูที่อยู่ตรงข้ามเลยสักนิด
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้หานลี่พลันขมวดคิ้ว ลำแสงวิญญาณบนมือหม่นแสงลง หยุดสำแดงอิทธิฤทธิ์
เปลี่ยนเป็นใช้สองมือรวบรวมเอาไว้ แล้วปล่อยไปฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าดัง ‘เปรี้ยง’ ดังสนั่นขึ้น!
ประจุไฟฟ้าสีทองสองสายพุ่งออกมาจากใจกลางจากฝ่ามือ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ทยอยกันโจมตีไปที่หมอกลำแสงบนประตูยักษ์
หลังจากเสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองก็ระเบิดออก
สายฟ้าเจิดจ้าจนแสบตากลุ่มหนึ่งกลืนกินประตูยักษ์กว่าครึ่งเอาไว้
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ สายฟ้าสีทองก็หม่นแสงลง ปรากฏขึ้นด้านในอีกครั้ง
ประตูยักษ์บานนั้นยังคงมีหมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ปลอดภัยไร้อันตราย คาดไม่ถึงว่าการโจมตีที่แหลมคมเมื่อครู่จะไม่ส่งผลกระทบต่อมันเลยสักนิด
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม
ก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ เมื่อเขาอ้อมไปด้านหลังฉากกั้นห้อง เนตรทำลายล้างภายในร่างก็เตรียมการพร้อมโจมตี จนเกือบจะสูญเสียการควบคุม
หากไม่ได้เป็นเช่นนี้ เขาก็พบทางเข้าของเขตอาคมห้วงเวลาได้ยาก
ผลคือเขาพลันใจเต้น กระตุ้นเนตรทำลายล้างให้ทำการโจมตีฉากกั้นห้อง คาดไม่ถึงว่าจะทลายเขตอาคมได้จริงๆ แล้วเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย
แม้จะไม่รู้ที่นี่อยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าด้านหลังประตูจะมีสมบัติอันใดหรือไม่ แต่แค่ตัวของเขาพระสุเมรุเอง ก็มีสมบัติมหัศจรรย์ที่หาได้ยากในแดนวิญญาณชิ้นหนึ่งแล้ว
คิดดูแล้วเซียนเหล่านั้นคงใช้ที่นี่เก็บสิ่งของหรือปกปิดความลับอันใดเอาไว้ และจะต้องเป็นของไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ดังนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่าเขตอาคมของประตูบานนี้ไม่ธรรมดา แม้กระทั่งหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนที่อยู่ด้านนอกอาจจะกระทำการอื่นแล้ว เขาก็ยังคงอยู่ที่นี่ ไม่มีเจตนาจะออกไปเลยสักนิด
ทว่าลำแสงเทวะดูดปราณตรงหน้า เปลวเพลิงเย็นเยียบระดับห้า อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายและอิทธิฤทธิ์อื่นๆ ก็ถูกสำแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจทำอันใดกับเขตอาคมบนประตูได้
นี่จึงทำให้เขารู้สึกปวดหัวมาก!
เขาครุ่นคิดในที่สุดก็อ้าปาก พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา
หลังจากที่เปลวเพลิงหมุนวน ก็กลายเป็นวิหคเพลิงกลืนวิญญาณท่ามกลางลำแสงสีเงิน
หานลี่ใช้สองมือร่ายอาคม ร่ายไปทางวิหคเพลิงสิบกว่าสายอย่างแม่นยำ
อาคมหลากสีเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของวิหคเพลิงอย่างไร้เงา
ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงพลันชูคอเปล่งเสียงไพเราะ เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้ง
วิหคยักษ์สีเงินสยายปีกทั้งสองข้างออก กระโจนมาที่ประตูใหญ่อย่างดุดัน
ยังไม่ทันมาถึงด้านบน ผิวของวิหคเพลิงก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ขนนกเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วทั้งห้องฟ้าแล้วพุ่งออกไป ทำให้หมอกลำแสงสีทองและเงินบนประตูยักษ์สั่นคลอน
เสียง “ตูม” ดังขึ้น วิหคเงินยักษ์กระโจนเข้าไปในหมอกลำแสง เปลวเพลิงสีเงินบนร่างขยายใหญ่ขึ้น
หมอกลำแสงสีทองและเงินสัมผัสกับเปลวเพลิงกลืนวิญญาณ เดือดพล่านราวกับน้ำเดือด
จุดที่เปลวเพลิงกวาดผ่านไป หมอกลำแสงทยอยกันสลายหายไป แม้ว่าอักขระจะทะลักออกมาจากประตูไม่หยุด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าประคองเอาไว้ไม่ไหว บางเบาลงอย่างรวดเร็ว
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าดีอกดีใจ
แต่จากนั้นปากพลันมีเสียงตะโกนต่ำๆ ออกมา เปลวเพลิงสีดำหมุนวนโคจร ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า รอบกายมีขนสีเหลืองทองงอกออกมา กลายเป็นวานรยักษ์สีทองมีเขี้ยวแหลมคมตัวหนึ่ง
นั่นก็คือวานรยักษ์กลายพันธุ์ที่หานลี่เคยสำแดงออกมาไม่นานนี้
มือหนึ่งแค่พลิกฝ่ามือ ภูเขาเทวะดูดปราณที่กลายเป็นยอดเขาสีดำพลันปรากฏขึ้นในมือ
แววตาของวานรยักษ์เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แขนอ่อนแรง ภูเขาน้อยขนาดสองสามจั้งระเบิดเสียงร้องออกมาแล้วบินออกมาในทันที
ชั่วพริบตาพายุหมุนกลุ่มหนึ่งก็รวมตัวกันระหว่างที่ภูเขาลูกน้อยบินเข้ามา แล้วเปล่งเสียงหวีดร้อง
จากน้ำหนักเดิมของภูเขาเทวะดูดปราณ ประกอบกับพลังเทวะของวานรยักษ์ที่อยู่ด้านใน อานุภาพในการทิ้งตัวลงมาครั้งนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
เห็นเพียงหมอกลำแสงบางๆ ชั้นหนึ่งถูกภูเขาน้อยๆ ฉีกออก แล้วทุบลงมาที่ประตูยักษ์สีดำอย่างแรง
เสียงดังสนั่นดังขึ้นราวกับภูเขาสั่นสะเทือน!
รัศมีลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมาจากประตู!
บรรยากาศใกล้เคียงบิดเบี้ยว และมีรอยสีขาวราวกับระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็ถูกรัศมีลำแสงสีดำกลืนไปจากทางด้านหลัง แล้วสลายหายไปท่ามกลางความมืดมิด
จากอิทธิฤทธิ์ของหานลี่ เมื่อเห็นการโจมตีที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ก็ใจหายวาบแล้วถอยร่นมาอย่างรวดเร็ว บนเรือนร่างเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ เกราะสีดำดุดันปรากฏขึ้นบนร่างของวานรยักษ์
นั่นก็คือเกราะมารเหนือฟ้า!
ในที่สุดรัศมีลำแสงสีดำก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่เองก็กวักมือ ดูดภูเขาเทวะดูดปราณเข้ามาอยู่ในมือ จากนั้นก็หรี่ตาทั้งสองข้างลงเพ่งมองไปตรงหน้า
ผลคือพลันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นเพียงตรงใจกลางของประตูยักษ์สีดำตรงหน้า เป็นรูบุ๋มลงไปสองสามจั้งราวกับก้นกระทะ รูปร่างไม่ต่างอันใดกับมุมของภูเขาเทวะดูดปราณเลยสักนิด
แต่ประตูบานนี้ถูกการโจมตีที่รุนแรงทำให้เป็นเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำลายจนแหลกได้ และเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางอักขระสีทองเงิน แล้วเริ่มกลับคืนร่างเดิมอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่าประตูบานนี้ใช้วัตถุดิบอันใดสร้างขึ้น มันแข็งแรงทนทานมาก! ดูแล้วมีเพียงต้องใช้วิธีการนี้แล้ว
หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง อดที่หัวเราะอย่างขมขื่นออกมาขณะครุ่นคิดไม่ได้
เขาไม่ลังเลอีก ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนร่าง กำจัดวานรยักษ์ออกไป กลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา
ผิวของมันมีเกล็ดสีทองปรากฏขึ้น ใบหน้าเองก็ถูกหมอกลำแสงสีทองห่อหุ้มเอาไว้
มือข้างหนึ่งลูบไปที่ท้ายทอยอีกครั้ง!
ชั่วขณะนั้นเงาสีทองสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบ เผยเทวรูปสีทองสามเศียรหกกรออกมา
กรทั้งหกของเทวรูปร่ายอาคมพร้อมกัน ผิวเริ่มเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า กลายเป็นร่างทองที่แท้จริง
ครู่ต่อมาแขนของร่างทองก็ตะปบไปกลางอากาศตรงหน้า ชั่วขณะนั้นใบมีดชำรุดสีทองเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ
เป็นใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬ!
หานลี่พลันบริกรรมคาถา ผิวสีทองบนร่างมีลำแสงหมุนวน อักขระหนาแน่นปรากฏออกมา ทะลักเข้าไปที่ใบมีดชำรุด
ผิวของใบมีดชำรุดเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เลือนรางไปเล็กน้อย ตัวใบมีดครึ่งหนึ่งที่แต่เดิมชำรุดสร้างภาพลวงตาขึ้น ยามแรกยังเลือนรางไม่ชัดเจน แต่จากนั้นพลันบรรจุอักขระสีทองเข้าไป ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่แตกต่างกับส่วนที่เหลือเลยสักนิด
ร่างสีทองแค่ทำให้ใบมีดสั่นระริกเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นลำแสงสีทองก็กระเพื่อมออกมาจากใบมีด ชั่วพริบตาก็กวาดบรรยากาศรอบๆ ไปกว่าครึ่ง
เห็นเพียงทุกแห่งที่ลำแสงสีทองกวาดไป ไอวิญญาณฟ้าดินในบริเวณรอบ จะมีระลอกคลื่นหมุนวนออกมา
ชั่วครู่ดวงลำแสงห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นเต็มไปหมด จากนั้นก็บินกรูกันเข้ามาที่ใบมีดสีทองอย่างรวดเร็ว ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ใบมีดสีทองเปล่งเสียงเพรียกอันไพเราะเสนาะหูออกมา
“ฟัน”
ฉับพลันนั้นปากของหานลี่พลันหยุดบริกรรมคาถา พ่นไอทมิฬจำนวนมากออกมา
เทวรูปร่างทองขวางมีดสีทองในมือทันที พลางสับลงมาที่ประตูยักษ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ใบมีดลำแสงเจิดจ้าสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา
ยามแรกมีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่หลังจากบินออกมาได้สองสามจั้ง ก็ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดสองสามจั้ง
แสงจันทร์สีทองราวกับภาพลวงตาสายหนึ่ง ใบมีดลำแสงสีทองสับลงมาที่ประตูยักษ์สีดำอย่างเงียบเชียบ
ประตูบานนี้ดูเหมือนแข็งแรงไม่อาจถูกทำลายได้ ถูกลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา ก็แยกออกเป็นสองส่วนอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังถูกสับออกเป็นสองส่วนก็ร่อนลงสู่ด้านในประตู
หานลี่รู้สึกดีใจเกินคาด เก็บเทวรูปร่างทองอย่างไม่ต้องขบคิด ร่างกายพุ่งออกไป
เงาชำรุดเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่ทะลวงผ่านประตูที่ชำรุดเข้าไปด้านใน
เมื่อเขาปรากฏตัวก็กวาดสายตาไปรอบด้าน ในเวลาเดียวกันก็แผ่จิตสัมผัสออกไป
ผลคือสีหน้าของหานลี่พลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
โลกด้านหลังประตู แค่มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ รอบด้านล้วนเป็นจัตุรัสขนาดเล็กที่มีกำแพงสีเทา นอกจากประตูบานยักษ์ที่เข้ามาแล้ว ก็ไม่มีประตูบานใดอีก
ส่วนทั้งจัตุรัสนั้นว่างเปล่า ตรงใจกลางมีแท่นทรงกลมประหลาดแท่นหนึ่ง ด้านบนมีของอันใดอยู่รางๆ
หานลี่เก็บจิตสัมผัสกลับมา รูม่านตาที่มองไปยังแท่นสูงหดเล็กลง พร้อมสาวเท้ายาวๆ เดินไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็มาอยู่ใกล้กับแท่นสูง ร่างพลิ้วไหวไปอยู่ตรงขอบของแท่น แล้วกวาดตามอง
พื้นที่บนแท่นสูงไม่นับว่าเล็กน้อย ความกว้างประมาณสามสิบกว่าจั้ง ลวดลายงดงามที่สลักอยู่บนพื้นดิน วาดเป็นรูปดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดารา และท้องฟ้า ดวงดาวขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน ดูสมจริง แทบจะเรียงตัวอยู่ทั่วทั้งแท่นสูง
ส่วนใจกลางของภาพวาด พลันมีเก้าอี้ปรมาจารย์สีเขียวมรกตตั้งอยู่ กลิ่นอายพิเศษมาก
นอกจากนี้บนแท่นสูงยังมีของสีเงินสูงเท่ามนุษย์อยู่เก้าชิ้น ตั้งตระหง่านอยู่
นั่นคือนักรบชุดเกราะสีเงินสวมหมวกเกราะและถือขวานยาวอยู่ในมือเก้าคน
นอกจากดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งของพวกมันแล้ว ก็ไม่เผยผิวพรรณออกมา มองดูแล้ว ถ้าไม่ใช่หุ่นเชิด ก็เป็นศพที่เป็นดั่งรูปปั้น
แต่ท่าทางของนักรบชุดเกราะสองสามคนนี้ดูเหมือนจะแปลกประหลาดไปเล็กน้อย ไม่ใช่ขวานที่ถืออยู่ในมือ แต่เป็นมือหนึ่งที่กำลังร่ายคาถาอยู่กลางอก มือหนึ่งตะปบไปยังขวานยาวตรงใจกลาง ใช้ปลายขวานชี้ไปกลางอากาศ