คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1717 พัฒนาระดับขั้น
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1717 พัฒนาระดับขั้น
หานลี่และทารกวิญญาณที่สองสัมผัสได้ว่าร่างกายและจิตสัมผัสถูกใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกัน
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือความเจ็บปวดนี้ไม่อาจใช้พลังปราณหรืออิทธิฤทธิ์อันใดมาลดทอนพลังหรือต้านทานมันได้ ทำให้พวกเขาเหมือนกับคนธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น จึงทำได้เพียงรับความเจ็บปวดมหาศาลเอาไว้
ดังนั้นถึงแม้ว่าร่างของหานลี่จะสามารถต้านทานความร้ายกาจของกระบี่บินและมีดบินได้ แต่ความเจ็บปวดนี้มหาศาลนี้ แม้แต่พลังปราณในร่างยังไม่อาจควบคุมได้ แล้วร่อนลงมา
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น
แม้ว่าจะเจ็บปวดจนยากจะรับไว้ แต่เคล็ดวิชาพราหมณ์เที่ยงแท้มารศักดิ์สิทธิ์ในร่างจะยังไม่ได้แผ่ออกมา ความสูงแค่นี้ย่อมไม่อาจทำร้ายกายเนื้อได้เลยสักนิด พื้นกลับถูกร่างกายที่แข็งแกร่งกดลงไปจนกลายเป็นรูโบ๋ ศิลาที่แตกละเอียดเหล่านี้พลันปลิวว่อนไปทั่วทุกสารทิศ
หานลี่ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เลยสักนิด ปากก็เริ่มร้องอย่างเจ็บปวด ปากของใบหน้าด้านหลังปิดสนิทอย่างอดทน แต่สีหน้าก็ค่อยๆ เขียวคล้ำ
ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่ยากจะรับไหวจริงๆ เขาจึงทำได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งของตนพยายามต้านทานเอาไว้เท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานลี่รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองร้อนฉ่าขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะถูกความร้อนที่แปลกประหลาดห่อหุ้มเอาไว้ แม้แต่จิตวิญญาณก็ยังเหมือนถูกไฟลุกโชนอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่แค่ฝืนประคองสติสัมปชัญญะเอาไว้ ในใจยังคงตกตะลึงเป็นอย่างมาก
กัดฟัน ร่างกายของเขาพลันเคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่าจะควบคุมร่างกายให้นั่งลงไปในหลุม
นั่งขัดสมาธิเสร็จแล้ว สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นบนเรือนร่างอีกครั้ง
หลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนเรือนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะใช้ความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้มากำจัดความแปลกประหลาดบนร่างกาย
แต่ครู่ต่อมาก็ทำให้เขาตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดเหล่านั้นกลายเป็นพลังเย็นเยียบไหลไปตามชีพจร กลายเป็นพลังประหลาดที่ไม่เคยเห็น ผลักดันเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ให้โคจรอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน พลังยุทธ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด
แม้จะเทียบกับน้ำหนักทั้งหมดแล้ว จะเพิ่มขึ้นมาไม่มาก แต่ก็เพิ่มขึ้นมาจริงๆ
และยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มขึ้นของพลังยุทธ์นี้จะทำให้การโคจรของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นไม่หยุด
คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องดีเช่นนี้ นี่จะไม่ทำให้เขาทั้งตกตะลึงระคนดีใจได้อย่างไร!
หานลี่ไม่ได้คิดสาเหตุให้ละเอียดอีก พลันหลับตาลงโดยไม่พูดอันใด ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วตั้งใจฝึกฝน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกการโคจรพลังรอบหนึ่งก็เท่ากับการฝึกฝนอย่างหนักหนึ่งปี เขาไม่อาจปล่อยวาสนาใหญ่เช่นนี้ไปได้
ทว่าการเพิ่มพลังยุทธ์เช่นนี้ เทียบกับทารกวิญญาณที่สองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไปแล้ว กลับยังคงแตกต่างกันมาก
แม้ว่าทารกวิญญาณที่สองก็โคจรเคล็ดวิชาเพื่อต้านทานความเจ็บปวดบนร่างเช่นกัน แต่เป็นเพราะรับพลังมหาศาลของเสาลำแสงโดยตรง ส่วนที่สลายไปเทียบกับพลังที่ทะลักเข้ามาไม่หยุดแล้ว ช่างไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
ดังนั้นแม้ว่าความเจ็บปวดจะโคจรไปก็ยังมีความสุข และแทบจะไม่เคยเพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยสักนิด แต่พลังยุทธ์ของทารกวิญญาณที่สองที่เพิ่มขึ้นก็มากกว่าร่างของหานลี่ แทบจะมากกว่าสามสี่เท่า
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร มันก็พัฒนาจะระดับเทพแปลงขั้นต้นเป็นระดับขั้นกลาง และไม่พบกับจุดคอขวดใดๆ เช่นกัน
เวลาค่อยๆ ไหลผ่าน!
หานลี่รู้สึกเพียงว่าร่างกายสั่นเทา ความแปลกประหลาดทะลักเข้ามาในหัว หลังจากที่อยู่ในจุดคอขวดของระดับหลอมสุญตาขั้นต้นมาระยะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะทะลุไปแล้วจริงๆ เข้าสู่ระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง
ภายใต้ความดีใจอย่างบ้าคลั่งของหานลี่ ก็โคจรเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้อย่างบ้าคลั่ง
เขากลับไม่ได้สังเกตเลยว่า ในชั่วพริบตาที่เขาพัฒนาระดับขั้นมาอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง ของเหลวสีทองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของทารกวิญญาณที่สองกระโจนไปรวมตัวกัน
ชั่วพริบตาร่างทองร่างใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นในเสาลำแสง
ร่างทองใหม่มีสามเศียรหกกรเช่นกัน แต่เรือนร่างเต็มไปด้วยอักขระสีม่วงทอง ก่อตัวเป็นอักขระประหลาดที่รางเลือน อักขระสีม่วงทองเหล่านั้น ไม่เพียงจะรางเลือน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สมบูรณ์เล็กน้อยอีกด้วย
เช่นนั้นลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างของทองก็แตกต่างจากเดิมลิบลับ ลำแสงที่แผ่ออกมามีลำแสงสีม่วงแฝงอยู่รางๆ เผยความลึกลับออกมา
ใบหน้าของร่างทองหน้าที่สามที่รางเลือนไม่ชัดเจน พลันชัดเจนขึ้นหลายส่วน แม้กระทั่งสามารถมองเห็นเครื่องหน้าทั้งห้าชัดเจน แต่หน้าตาของใบหน้าที่สามยังคงไม่นับว่าชัดเจนอันใด
เมื่อทารกวิญญาณที่สองมีร่างทองร่างใหญ่ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีก็เพิ่มขึ้น ความเจ็บปวดก็ลดลงไปไม่น้อย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พลังยุทธ์ของทารกวิญญาณที่สองก็ทะลวงระดับเทพแปลงขั้นกลาง เข้าสู่ระดับเทพแปลงขั้นปลาย และพุ่งไปสู่ระดับยอดสุดของระดับขั้นปลาย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เมื่อพลังยุทธ์ของหานลี่เข้าใกล้ระดับยอดสุดของหลอมสุญตาขั้นกลาง และยามที่สะสมระดับเพื่อทะลวงจุดคอขวดนั้น ทารกวิญญาณที่สองก็ใช้เวลาทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลง เข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับหานลี่อย่างระดับหลอมสุญตา
ความเร็วในการพัฒนาระดับที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้มีอิทธิฤทธิ์ใดในแดนวิญญาณมาเห็นเข้า ก็มีเพียงต้องตกตะลึงจนตาค้างหมดคำพูดเท่านั้น
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
ดูเหมือนว่าจะสัมผัสอันใดได้ ขวานสีเงินที่ใช้ไปกลางอากาศของนักรบชุดเกราะทั้งเก้าเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกัน และยิ่งไปกว่านั้นเสาลำแสงทั้งเก้าที่พ่นออกมาจากปลายขวาน ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศเช่นกัน
เสาลำแสงสีขาวโพลนพ่นออกมาจากระลอกคลื่นสีทองแล้วสั่นเทา แขวนอยู่เพียงครู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่ง
ทารกวิญญาณที่สองในเสาลำแสง พลันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
ด้านนอกมีร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ หลอมละลายไปอีกครั้ง
ชั่วพริบตาของเหลวสีทองก็ปรากฏขึ้นในเสาลำแสงอีกครั้ง
แต่แค่ครั้งนี้ของเหลวสีทองเหล่านั้นกลับกลายเป็นเส้นไหมสีม่วง ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างอันใดกับของเหลวในครั้งก่อน
จากนี้ฉากที่เหมือนกันพลันปรากฏขึ้น
พลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในของเหลวสีทอง พลังลึกลับพลันชำระล้างและชุบลงไปในของเหลวสีทองเหล่านั้นอีกครั้ง
เส้นไหมลำแสงสีม่วงในของเหลวสีทอง ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเนื้อ
ในเวลาเดียวกันที่อานุภาพของเสาลำแสงสีขาวโพลนเพิ่มขึ้น หานลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเพียงว่าเรือนร่างและจิตสัมผัสเจ็บปวดมากขึ้นหลายส่วนเช่นกัน
ความเจ็บปวดมหาศาลจมหายเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ แทบจะทำให้เขาเกือบจะมึนหัวจนตาพร่ามัว
โชคดีที่เขาในยามนี้ ต้านทานความเจ็บปวดเช่นนี้มามากมายแล้ว ถึงได้ฝืนประคองร่างกายไม่ให้ล้มลงได้
และยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณในร่างของหานลี่ก็โคจรไปมา การดูดซับไอเย็นเยียบก็มากขึ้นกว่าก่อนหน้า ทำให้พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นหลายส่วน
……
หานลี่รู้สึกเพียงว่าร่างของตนเองราวกับตกอยู่ในสวรรค์แห่งน้ำแข็งและไฟ
พลังยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นกลางตั้งแต่ครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ และอาศัยพลังลึกลับโจมตีระดับขั้นปลายไปสิบกว่าขั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าจุดคอขวดในครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนหน้า การโจมตีอย่างต่อเนื่องสองสามครั้ง ไม่อาจมีผล
เช่นนั้นความเจ็บปวดในส่วนลึกของจิตวิญญาณและการสะสมพลังลึกลับในร่างกายใกล้จะอยู่ในขีดจำกัดที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏขึ้นแล้ว
เขาไม่อาจทะลวงจุดคอขวดนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น จิตวิญญาณที่ไม่ถูกพลังของความเจ็บปวดฉีกออก สุดท้ายก็ระเบิดออกจนตาย
นี่เป็นเพราะเขาฝึกฝนคาถาเทพขับเคลื่อนและเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ ไม่ว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่าระดับเดียวกันหลายเท่า
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาธรรมดาๆ ในยามนี้ คงต้องเพลี่ยงพล้ำไปตั้งนานแล้ว
หานลี่ดีอกดีใจจนเนื้อเต้น ทำได้เพียงรวบรวมพลังไว้ในร่างกายด้วยความตกตะลึงไม่หยุด ทะลวงจุดคอขวดครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งๆ ที่ขาดอีกเดียว แต่กลับไม่อาจบรรลุระดับหลอมสุญตาขั้นปลายได้
ในใจของเขาพลันอดที่จะร้อนใจไม่ได้
ความโชคดีที่ดูเหมือนเกี๊ยวตกมาจากสวรรค์นั้น ไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น
ตามการคาดเดาของเขา หากทะลวงอีกสามครั้งแล้วทะลวงจุดคอขวดมาได้ ก็ต้องเพลี่ยงพล้ำแล้ว
ดังนั้นหานลี่ที่มีเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้า ลำแสงสีทองบนร่างกลับเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ แทบจะทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาได้
และไม่รู้ว่าการโจมตีสองสามครั้งก่อนมีผลหรือว่าภายใต้ความวิตกกังวลนั้น เขาดันมีวาสนาจริงๆ
หลังจากทะลวงจุดคอขวดครั้งต่อมา คาดไม่ถึงว่าจะสำเร็จราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายในสายธาร
ร่างของหานลี่พลันสั่นเทา ความร้อนฉ่าไหลออกมาจากจุดตันเถียน แยกไปตามจุดชีพจรต่างๆ ของร่างกาย ในเวลาเดียวกันผิวของทารกวิญญาณก็เปล่งแสงสีทองและเขียวสองสีออกมา ใหญ่กว่าก่อนหน้าเท่าหนึ่ง
ชั่วพริบตาที่พลังปราณและพลังยุทธ์ก็เหนือกว่าระดับขั้นกลางกว่าครึ่ง
หานลี่พลันรู้สึกดีอกดีใจ แต่ครู่ต่อมาแววตากลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
เพราะชั่วพริบตาที่ร่างของเขาบรรลุระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย ของเหลวสีทองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไป ก็ก่อตัวกันกลายเป็นร่างทองอีกร่าง
อักขระบนผิวสีทองไม่เพียงจะชัดเจนกว่าก่อนหน้าหลายเท่า พลังวิญญาณคุ้มครองร่างที่แผ่ออกมาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทองอ่อนๆ
แต่ครู่ต่อมาเสาลำแสงสีขาวโพลนที่พ่นออกมาจากกลางอากาศก็เพิ่มอานุภาพขึ้น ทำให้ร่างทองสลายหายไปกลายเป็นของเหลวเช่นกัน
ส่วนพลังวิญญาณในร่างของหานลี่ก็ยังคงไม่มีท่าทีจะหยุด ไอเย็นเยียบกระตุ้นพลังยุทธ์ของเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และเร็วกว่าก่อนหน้าสองสามส่วน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมีวันที่ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนเพราะพลังปราณเพิ่มขึ้น
หานลี่รู้ดี แม้ว่าการอาศัยพลังของเสาลำแสงทะลวงจุดคอขวดนั้นยากเย็นแค่ไหน การทะลวงจุดคอขวดที่ฝืนทนเช่นนี้ จุดคอขวดของระดับผสานอินทรีย์ย่อมไม่มีทางสำเร็จได้ง่ายๆ เหมือนเขาในยามนี้แน่
การปล่อยให้พลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าย่อมหนีผลลัพธ์ที่ทำให้ร่างกายระเบิดออกจนสิ้นลมไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะไม่ทำให้ความดีใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวได้อย่างไร
สถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาควบคุมได้ มีเพียงต้องหยุดความเปลี่ยนแปลงทารกวิญญาณที่สองในลำแสงที่อยู่ไกลออกไปก่อน ถึงจะกำจัดอันตรายจากการเพลี่ยงพล้ำไปได้
แต่ทารกวิญญาณที่สองรวมทั้งร่างทองล้วนถูกทำลายไปสองครั้ง ทารกวิญญาณถูกพลังมหาศาลกดเอาไว้จนไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด ไหนเลยจะมีวิธีไปต้านทานการบรรจุเข้ามาของเสาลำแสงสีขาวโพลน
เขาเองก็ทำได้เพียงมองตนพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยความจนปัญญา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทารกวิญญาณที่สองทะลวงจุดคอขวดอย่างต่อเนื่องไปสองจุด มาอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา
แต่ความเร็วในการเพิ่มพลังยุทธ์ของทารกที่สองที่อยู่ในเสาลำแสง ย่อมไม่ใช่ที่หานลี่จะเทียบเทียมได้
ยามที่ร่างของตนอยู่ห่างจากจุดยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นปลายเท่าหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าทารกวิญญาณที่สองจะก้าวนำหน้าไปอยู่ในจุดยอดสุด และเริ่มทะลวงจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์แล้ว