คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1735 สู้รบกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างดุเดือด
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1735 สู้รบกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างดุเดือด
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม เงาสีขาวบินออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นหญิงสาวสวมชุดสีขาว แต่แค่พลิ้วไหว ก็จมหายไปกลางอากาศ
เขาทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง แล้วถึงได้สำแดงยันต์ชำระพิสุทธิ์ออกมา ร่างกายมีอักขระยันต์สีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป
ร่างล่องหนบินไปยังทางเดินสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก
หักเลี้ยวที่ทางเลี้ยงตรงทางเดินสองสามครั้ง ในที่สุดสุดทางเดินถ้ำหินสีขาวนวลก็ปรากฏขึ้น
กลิ่นอายจางๆ ทั้งสี่แผ่ออกมาจากในถ้ำ
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ร่างกายกลับลอยนิ่งไม่ขยับเลยสักนิด
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็มาอยู่ใกล้ทางเข้าถ้ำ แล้วกวาดสายตาไปด้านใน
ถ้ำแห่งนี้ใหญ่มโหฬารเป็นพิเศษ มีขนาดร้อยกว่าจั้งราวกับจัตุรัสเล็กๆ สองสามแห่งก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ตรงใจกลางจัตุรัสม่านมีแสงครึ่งวงกลมสีเงินราวกับชามใบยักษ์คว่ำอยู่ ด้านในมีกำแพงหินอักขระจ้วนทองเหมือนกับก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
สี่มุมของจัตุรัสกลับมีชาวเผ่าหรงนั่งสมาธิอยู่
พวกเขานั่งกันเป็นมุมแหลม บ้างก็ก้มหน้าลงครุ่นคิด
บ้างก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น จ้องเขม็งไปยังม่านลำแสงสีเงินนิ่ง…
ทว่าที่ทำให้หานลี่กวาดตามองแล้วใจหายวาบกลับเป็นชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงที่นั่งเอามือวางอยู่บนหัวเข่าหลับตาทั้งสองข้างสนิท สีหน้าเขียวคล้ำเล็กน้อย
ชายร่างใหญ่ผู้นั้นสวมชุดคลุมยาวสีเทาธรรมดาๆ แต่กลับสะพายดาบยักษ์นิรนามเอาไว้เล่มหนึ่ง
ตัวดาบถูกหนังอสูรสีเหลืองห่อหุ้มเอาไว้ แค่เผยด้ามสีดำสนิทหนาๆ ออกมา
ส่วนทั้งดาบยักษ์นั้นดูเหมือนว่าจะสูงกว่าร่างของชายร่างใหญ่เท่าหนึ่ง ดูแล้วสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ทำให้หานลี่มองอีกฝ่ายอีกสองสามครากลับเป็นลำแสงโลหิตจางๆ ที่แผ่ออกมาราวกับมีของอยู่
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกลิ่นอายสังหารที่หนาแน่นมาก
ชาวเผ่าหรงอีกสามคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มสวมชุดเกราะหนังสีเขียวเปิดไหล่ อีกสองคนกลับเป็นชายชราและหญิงชราผมสีดอกเลา
นอกจากบนเรือนร่างของชนต่างเผ่าทั้งสี่จะมีขนยาวๆ แล้ว ศีรษะกลับแตกต่างกับชาวเผ่าหรงที่อยู่ด้านนอก คาดไม่ถึงว่าจะคล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ
หานลี่แววตาเปล่งประกายเย็นชา ลอยไปยังตำแหน่งที่ชายร่างใหญ่อยู่อย่างไม่ต้องขบคิด
เห็นได้ชัดว่าชนต่างเผ่าผู้นี้จัดการได้ยากกว่าที่เหลืออีกสามคนมาก เขาคิดจะสังหารอีกฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยจัดการกับคนที่เหลืออีกสามคน
ร่างล่องหนที่ดูเหมือนอากาศธาตุ อยู่ห่างจากชายร่างใหญ่ไปไม่ถึงยี่สิบจั้งเศษ ก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้
ชายร่างใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่พบดาวสังหารที่กำลังเข้ามาประชิดเลยสักนิด
สีหน้าของหานลี่ค่อยๆ เย็นชาขึ้น พลังปราณในร่างเริ่มหมุนวนโคจรไม่หยุด
แต่ในยามนั้นเองเรื่องที่คิดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น
เมื่อหานลี่อยู่ห่างจากชายร่างใหญ่ไปได้สิบจั้งเศษ ดาบยักษ์ที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่ก็สั่นเทาแล้วส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังนัก แต่ที่นี่เดิมทีก็เงียบสงัดอยู่แล้ว แน่นอนว่าเสียงนี้จึงดังเสียดแก้วหูนัก
ชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคนพลันตกตะลึง เสียง “สวบ” ดังขึ้น สายตามองไปที่ชายร่างใหญ่เป็นตาเดียว
ชายร่างใหญ่เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น รูม่านตาเปล่งแสงสีเหลืองทองสว่างวาบ ตะปบไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
มีดยักษ์ปรากฏขึ้นในมือเพราะเหตุใดก็ไม่รู้ มันสั่นเทา ผิวอสูรปริแตกออกเป็นชิ้นๆ
ส่วนใบมีดยักษ์พลันกลายเป็นพายุหมุนสีดำ กวาดไปด้านหน้า
พายุสีดำเกิดเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ราวกับห่อหุ้มอสูรประหลาดที่แยกเขี้ยวตะปบเล็บเอาไว้ ท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ร้องว่าซวยแล้วในใจ คาดไม่ถึงว่าจะพบกับสมบัติวิญญาณที่มีการเตือนภัยโดยอัตโนมัติที่หาได้ยาก ใบมีดยักษ์คงจะเป็นหนึ่งในสมบัติหุ้นตุ้น
ผิวเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้น
มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีไม้สั้นสีเงินปรากฏขึ้น มันพลิ้วไหวแล้วลอยมาที่พายุหมุนสีดำ
เงาไม้จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามา แล้วเปล่งแสงสว่างวาบ รวมตัวกันกลายเป็นเงาไม้ขนาดยักษ์ เปล่งเสียงฟ้าผ่าดังออกมาเป็นระลอกๆ
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น
ลำแสงสีเงินและพายุสีดำระเบิดออกในเวลาเดียวกัน ไอคลื่นสาดกระเซ็นไปรอบด้าน ไม้สีเงินและใบมีดยักษ์ราวกับบานประตูปะทะเข้าด้วยกันในพริบตา
ผิวของทั้งสองมีอักขระยันต์กะพริบวาบๆ แผ่พลังแรงกดที่น่าตกตะลึงออกมา และเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมาเป็นระยะๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
หานลี่ใช้อีกมือหนึ่ง ตบไปกลางอากาศ
สำแดงภูเขาสีดำออกมา หลังจากกะพริบวาบ ก็จมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาเหนือศีรษะของชายร่างใหญ่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาสีดำสูงสองสามจั้งปรากฏขึ้น และทุบลงมาอย่างรุนแรง
“เอ๋”
เสียงตกตะลึงดังขึ้นเบาๆ ในที่สุดชายร่างใหญ่เผ่าหรงก็มีสีหน้าตกตะลึง ทว่ามุมปากพลันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา มือหนึ่งร่ายอาคม ไอสังหารสีโลหิตหนาๆ ทะลักออกมาจากเรือนร่าง
ไอสังหารเหล่านี้พวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากรวมตัวกันก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีแดงโลหิตข้างหนึ่ง นิ้วทั้งห้ากางออกพลางรองภูเขาเล็กๆ สีดำเอาไว้
เสียงอึกทึกพลันดังขึ้น!
นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือใหญ่สัมผัสกับตีนยอดเขา ฉับพลันนั้นพลันหนักอึ้ง มีท่าทีต้านทานไว้ไม่อยู่
เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของภูเขาเทวะดูดปราณเหนือกว่าที่ชายร่างใหญ่เผ่าหรงคาดการณ์เอาไว้
ชายร่างใหญ่หน้าเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้นพลันยืนขึ้น ต่อยไปที่เหนือหัวอย่างแรงโดยไม่พูดอันใด
เสาลำแสงสีโลหิตทะลักออกมาจากกำปั้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปจมหายเข้าไปในฝ่ามือยักษ์สีโลหิต
ชั่วขณะนั้นผิวของฝ่ามือสีโลหิตพลันเปล่งแสงระยิบระยับ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า นิ้วทั้งห้าออกแรง ปลายนิ้วมีดอกบัวสีโลหิตปรากฏขึ้น
ดอกบัวห้าดอกหมุนคว้างกลางอากาศ อักขระยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ผสมกับฝ่ามือสีโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะรองยอดเขาสีดำเอาไว้ ทำให้มันไม่อาจร่อนลงมาได้อีก
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ แววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ชั่วขณะนั้นพลันมีปีกสีสันแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา
ปีกทั้งสองสยายออก คนหายวับไปหลังเสียงฟ้าผ่า
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง อ้าปากออก พ่นลำแสงสีทองออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปวับจากกลางอากาศ
หลังจากเสียงระเบิดทุ้มต่ำดังขึ้น หานลี่ก็โซซัดโซเซ ร่างกายมาปรากฏตัวขึ้นตรงนั้น
ฝ่ามือหยกสีขาวบริสุทธิ์ เปลวเพลิงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบ ตะปบไปที่อสรพิษสีทองที่มีปีกที่แผ่นหลัง
อสรพิษตัวนี้ยังคงแลบลิ้นออกมาท่ามกลางเปลวเพลิงลำแสง สะบัดหัวสะบัดหางไปมาไม่หยุด ท่าทางจะต่อสู้ดิ้นรนในทันใด
หลังจากที่หานลี่แค่นเสียง‘หึ’ออกมา ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงลำแสงห้าสีก็เปล่งแสงสว่างวาบในฝ่ามือ แล้วเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง
อสรพิษบินสีทองที่ติดอยู่ด้านใน พลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา แต่ครู่ต่อมาความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นบนตัวของอสรพิษ
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันพุ่งออกมากลายเป็นน้ำแข็งแกะสลักห้าสี
อานุภาพของเปลวเพลิงห้าสีเพิ่มขึ้นตามพลังยุทธ์ของเขา แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกับในวันวานแล้ว
สองมือถูกันไปมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองดีดตัวออกมาจากฝ่ามือ
น้ำแข็งแกะสลักแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผลึกลำแสงแล้วสลายหายไป
ชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงเห็นเช่นนั้น ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมาไม่ได้
เขาเลี้ยงดู ‘อสรพิษล่องหน’ ตัวนี้มาหลายปี เชี่ยวชาญอิทธิฤทธิ์ล่องหนโดยธรรมชาติ และยิ่งไปกว่านั้นร่างก็แข็งแกร่งมาก สมบัติอาคมไม่อาจทำอันตรายได้
คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ปล่อยออกมา แม้จะทำลายเคล็ดวิชาหลีกหนีของอีกฝ่ายได้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสังหารไปอย่างง่ายดาย
ชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาในทันที ตะปบมือไปกลางอากาศ ในมือมีฉาบทรงกลมปรากฏขึ้น
ผิวของมันมีอักขระยักษ์วิจิตรงดงาม ตรงขอบแหลมคม มีลำแสงสีโลหิตแผ่ออกมา
สะบัดข้อมือ ฉาบทรงกลมเปล่งเสียงกรีดร้องแล้วพุ่งออกมา
เสียงแหวกอากาศดัง “สวบๆ” คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นใบมีดโลหิตเกลื่อนท้องฟ้า สับลงมาหาหานลี่
หานลี่มองใบมีดโลหิตเหล่านี้ ใบหน้ากลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่หลบหลีก แต่กลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม
ไอสีดำหมุนวนทั่วเรือนร่าง เกราะสงครามสีดำสนิทปรากฏขึ้น
เมื่อลำแสงสีโลหิตเหล่านั้นสัมผัสกับด้านหน้าของหานลี่ห่างออกไปสองสามจั้ง ก็ถูกอักขระยันต์สีดำที่แผ่ออกมาจากเกราะสงครามต้านทานเอาไว้ ไม่อาจเข้าประชิดได้เพียงนิด
และหานลี่จึงถือโอกาสนี้สยายปีกทั้งสองข้าง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ชายร่างใหญ่มีสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายน้ำ ร่างกายหมุนคว้างอย่างไม่ต้องขบคิด กลิ่นอายโลหิตแผ่ออกไปรอบด้าน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นดอกบัวสีโลหิตยักษ์ คุ้มครองเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทว่าชายร่างใหญ่เองก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา จึงถือโอกาสนี้มองไปที่สหายร่วมวิถีอย่างรวดเร็ว ในใจพลันรู้สึกประหลาดใจ เหตุใดจนถึงยามนี้ก็ยังไม่เห็นกองกำลังสนับสนุนคนอื่นๆ
ผลคือเมื่อมองไป ชายร่างใหญ่พลันใจหายวาบ
เห็นเพียงชายหนุ่มสวมเกราะหนังผู้นั้นรวมทั้งชายชราและหญิงชราทั้งสามคน กำลังต่อสู้กับเงาสีขาวหนึ่งสายและสีเงินสองสายที่ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ แม้ว่าจะดูเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กลับไม่อาจหนีออกมาได้ในยามนี้
เงาสีขาวและเงาสีเงินย่อมเป็นหุ่นเชิดสะท้านฟ้าและหุ่นเชิดเงาที่สร้างขึ้นจากยันต์เกราะปราณสองแผ่นที่แอบตามหานลี่เข้ามา
พอพลังยุทธ์ของหานลี่เพิ่มขึ้นสองขั้น หุ่นเชิดเงาที่ลอกเลียนแบบมาก็มีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น นี่ถึงได้พัวพันกับสิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาขั้นปลายสองคนได้ มิเช่นนั้นตามหุ่นเชิดเงาเดิม เกรงว่าพบหน้าสองสามครา ก็ถูกชายชราและหญิงชราที่พวกมันกำลังต่อสู้ใช้สมบัติทำลายจนพังย่อยยับแล้ว
ส่วนหญิงสาวชุดขาว “หวาหวา” พลันใช้มือถือพัด ลำแสงสีฟ้าทะลักออกมาจากพัด อีกมือหนึ่งกลับโบกสะบัดแขนเสื้อ ไอเย็นเยียบกลายเป็นเส้นไหมสีขาวพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง และรัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น
ชายร่างใหญ่พลันรู้สึกตกตะลึง ไม่ทันได้ขบคิดอันใด เหนือศีรษะกลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาสีดำ และใช้เท้าข้างหนึ่งแตะลงไป
ภูเขาขนาดย่อมเปล่งแสงสีเทาเจิดจ้า ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดสิบจั้งเศษ อักขระยันต์สีเงินเคลื่อนไหว เสียง “ตูม” ดังขึ้น ทำให้ฝ่ามือสีโลหิตด้านล่างแตกออกเป็นชิ้นๆ
ยอดเขาสีดำเปล่งเสียงกรีดร้อง
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงหน้าเปลี่ยนสี พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องขบคิด
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ขวานเล็กๆ สีเงินขนาดสองสามชุ่นปรากฏขึ้นในมือ และสะบัดออกสำแดงออกไปกลางอากาศ
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
ขวานยักษ์ความยาวสองสามจั้ง ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกลำแสงสีเงิน และเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับว่าสายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมาที่ยอดเขาสีดำ
รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง ในใจพลันร่ายคาถากระตุ้น
ยอดเขาเทวะดูดปราณพลันรางเลือน พลิ้วไหวแล้วหายวับไป
ขวานยักษ์สับลงมากลางอากาศ
แต่ทันใดนั้นเสียง “พรึ่บ” พลันดังขึ้นเบาๆ
ร่างของหานลี่และยอดเขาสีดำปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายร่างใหญ่เผ่าหรง กดลงมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด