คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1736 กวาดล้างศัตรู
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1736 กวาดล้างศัตรู
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่ายอดเขาที่ใหญ่มโหฬารเช่นนี้จะสามารถทำการโจมตีด้วยการเคลื่อนย้ายภายในพริบตาได้ ด้วยอารามร้อนใจก็ร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
ชั่วขณะนั้นดอกบัวสีโลหิตที่กำลังผลิกลีบข้างกายของชายร่างใหญ่พลันหุบลง ก่อนรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงสีโลหิตเป็นชั้นๆ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงสีโลหิตเจ็ดชั้น
ในเวลาเดียวกันชายร่างใหญ่ยังใช้มือหนึ่งปรบไปที่หน้าผากของตัวเอง ไอสังหารสีโลหิตกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากศีรษะของเขา กลายเป็นพยัคฆ์ยักษ์สีโลหิตที่กำลังแยกเขี้ยวตะปบเล็บตัวหนึ่ง พุ่งเข้าไปหายอดเขาที่กำลังร่อนลงมา
ยอดเขาสีดำกดลงมาพร้อมกับเสียง “ครืน” แทบจะวินาทีเดียวกันที่สัมผัสกับพยัคฆ์ยักษ์ก็ถูกพลังมหาศาลกดจนแหลกละเอียด
ยอดเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ทุบลงมาที่ม่านลำแสงสีโลหิต
ลำแสงสีดำหนักอึ้ง ส่งเสียงปริแตกดัง “ปัง” ออกมา
ม่านลำแสงสีโลหิตถูกยอดเขายักษ์ทำลายอย่างต่อเนื่องห้าชั้น ยามถึงชั้นที่หกก็เปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ ถึงได้พอฝืนให้ยอดเขาเทวะดูดปราณที่กำลังร่อนลงมาหยุดชะงักลงได้
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา มือหนึ่งตะปบไปทางขวานยักษ์ที่อยู่กลางอากาศ
ขวานยักษ์สีเงินด้ามนั้นหมุนคว้างแล้วกลายเป็นสายฟ้าสายหนึ่งสับลงมา
เป้าหมายก็คือหานลี่ที่อยู่เหนือยอดเขาสีดำ
หางตาของหานลี่กระตุก ทว่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่หลบหลีก
อากาศรอบด้านส่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา ดวงแสงเพลิงสีเงินขนาดเท่าศีรษะพุ่งออกมาจากอากาศบริเวณใกล้เคียง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปที่ขวานยักษ์ซึ่งกลายเป็นสายฟ้าอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ขวานยักษ์ก็ปรากฏคืนร่างเดิมทันที และถูกเปลวเพลิงสีเงินที่กำลังหมุนติ้วๆ กลืนกินเข้าไป
ชายร่างใหญ่พลันตกตะลึง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้ง อากาศที่แผ่นหลังพลันบิดเบี้ยว เงาสีทองสามเศียรหกกรเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น ฝ่ามือทั้งหกมีลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งหมุนคว้างไปมาไม่หยุด
นั่นคือร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของหานลี่
เมื่อมันปรากฏตัว แขนทั้งหกก็ประสานกันที่หน้าอกในเวลาเดียวกัน ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองทั้งหกพลันรวมร่างเป็นหนึ่ง กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองขนาดเท่าศีรษะ
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เศียรสีทองสองเศียรพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็บริกรรมคาถาที่แตกต่างกันสองชนิดออกมาในเวลาเดียวกัน
กลางระลอกคลื่นมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังแว่วมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยายขนาดจนมีขนาดยักษ์สองสามจั้ง
สถานการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ชายร่างใหญ่เผ่าหรงจะไม่พบได้อย่างไร ยามนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อไปด้านหลังอย่างไม่ต้องขบคิด
เส้นไหมแวววาวสีโลหิตปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขาและสั่นเทา ก่อนพากันพุ่งไปหาร่างสีทอง
ลำแสงสีโลหิตทั่วท้องฟ้าเป็นแสงสว่างวาบ ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง!
เส้นไหมสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีไปที่ร่างทอง กลับทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปไม่อาจทำร่างทองได้ราวกับเป็นร่างวัชระ
ยามนี้กลางระลอกคลื่นสีทองพลันมีพลังมหาศาลที่ไร้รูปร่างปรากฏขึ้น ชั่วครู่ก็ม้วนเอาชายร่างใหญ่เผ่าหรงที่อยู่ใกล้แค่คืบเข้าไปข้างใน
เขารู้สึกเพียงว่าอากาศรอบด้านตึงแน่น แขนขาทั้งสี่ไม่อาจขยับได้เลยสักกระผีกริ้น
“อ๊าก”
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงใจหายวาบ ในใจร้องอุทานว่าแย่แล้ว ความคิดเคลื่อนไหว หมายจะเรียกใบมีดยักษ์ที่กำลังต่อสู้พัวพันกับไม้บรรทัดเงาสีเงินจนแยกแยะไม่ออกกลับมา
แต่หานลี่ที่อยู่กลางอากาศพลันแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา ไม้บรรทัดเงาสีเงินพลันแผ่ออกไปราวกับเทพธิดาโปรยบุปผา กลายเป็นลำแสงสีเงินหมุนวนไปทางใบมีดยักษ์
แม้ว่าใบมีดยักษ์สีดำจะมีอานุภาพที่น่าตกตะลึง แต่ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ยามนั้นก็ไม่อาจถอนตัวได้เลยสักนิด
พลังแรงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ระเบิดออกมาที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่
เสียง “สวบ” ดังขึ้น เขาถูกดูดเข้าไปในระลอกคลื่นยักษ์ด้านหลังอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น
หลังจากที่ระลอกคลื่นสีทองสั่นคลอนเล็กน้อย ชั่วขณะกลิ่นอายของชายร่างใหญ่เผ่าหรงก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ร่างสีทองหยุดบริกรรมคาถา ยื่นนิ้วชี้ออกมาชี้ไปที่ระลอกคลื่นยักษ์อย่างแผ่วเบา
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็มีขนาดเท่าเดิม และสุดท้ายก็เป็นแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ยามนี้ใบมีดยักษ์สีดำที่สูญเสียเจ้านายพลันเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ฉับพลันนั้นกลายเป็นมังกรวารีสีดำตัวหนึ่ง พ่นม่านหมอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงไม้บรรทัดเงาสีเงินที่กลายเป็นเขตอาคมทับซ้อนกันหลายๆ ชั้นออกมากลางอากาศ
หานลี่กลับดูเหมือนว่าจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว ปีกทั้งสองที่แผ่นหลังกระพือเบาๆ ใบมีดยักษ์สีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศท่ามกลางเสียงฟ้าร้องราวกับภูตผี
อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมา ด้านในห่อหุ้มหม้อใบเล็กสีเขียวใบหนึ่งเอาไว้
หานลี่ชี้นิ้วไปที่หม้อใบเล็กอย่างรวดเร็ว
ฝาหม้อกระเด็นออก ด้านในมีเสียงอึกทึกดังขึ้น พ่นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งข้ามอากาศมาราวกับเคลื่อนย้ายกาย ชั่วครู่ก็รัดมังกรวารีสีดำเอาไว้แน่น
หานลี่ตบไปที่ฝาหม้อใบเล็กอีกครั้ง
เสียง “เคร้ง” ดังกังวานขึ้น เส้นไหมบนผิวของมังกรวารีรัดแน่น กลับคืนร่างเป็นใบมีดยักษ์อีกครั้งท่ามกลางลำแสงสีเขียวที่เปล่งแสงเจิดจ้า
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอีกครั้ง เส้นไหมสีเขียวหดเล็กลง ดูดใบมีดยักษ์เข้าไปในหม้อ
หม้อใบเล็กหมุนคว้าง กลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งอีกครั้ง
หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปทางนั้น ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่กลอกตาไปมา แล้วมองไปทางที่เหลือแวบหนึ่ง
ขวานยักษ์สีเงินที่ถูกเพลิงกลืนวิญญาณทำให้กลายเป็นน้ำสีเงินตั้งนานแล้ว ถูกกลืนกินทีละนิดๆ ท่ามกลางเปลวเพลิง ทันใดนั้นก็สลายหายไป
ส่วนชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคน พบว่าชายร่างใหญ่เผ่าหรงถูกหานลี่สังหาร
ทั้งสามก็หน้าถอดสีแทบจะพลิ้วกายละทิ้งคู่ต่อสู้พร้อมกันในพริบตา ร่างต่างๆ พลันเปล่งแสงหลีกหนีออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีสายหนึ่งพุ่งไปยังทางเข้าพลางหนีเตลิดไป
พวกเขาสามคนล้วนรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถสังหารชายร่างใหญ่เผ่าหรงได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนแน่ พวกเขามีแต่ต้องไปรวมตัวกับคนที่เหลือถึงจะพอสู้ได้
แต่หานลี่จะยอมปล่อยให้พวกเขาสมปรารถนาได้อย่างไร ใบหน้ามีไอสังหารฉายแวบผ่าน ปีกที่แผ่นหลังกระพือ กลายเป็นเส้นไหมลำแสงสีเขียวขาวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ
ร่างทองสามเศียรหกกรสาวเท้ายาวๆ เข้ามา ร่างกายพลิ้วไหว แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หุ่นเชิดเงาสองตัวและหุ่นเชิดสะท้านฟ้า “หวาหวา” พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศแล้วไล่ตามไปเช่นกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ด้านนอกถ้ำก็มีเสียงร้องคร่ำครวญของชายหนุ่มดังขึ้น จากนั้นกลิ่นอายของเขาก็สลายหายไป
เสียงระเบิดพลันดังขึ้น อีกทั้งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ด้านนอกถ้ำมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายชราและหญิงชราพลันกรีดร้องอย่างน่าเวทนาอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็ไม่มีสุ้มเสียงใดๆ อีก
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ห่างจากทางที่ตัดไขว้กันในถ้ำไป พลันมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น เสียงรบราฆ่าฟันดังขึ้นอีกครั้ง…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปพลันเงียบกริบไปอีกครั้ง
ด้านนอกถ้ำมีลำแสงหลีกหนีเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่เดินเข้ามาพร้อมไอสังหาร ใบหน้าไร้ซึ่งความโศกเศร้าและไร้ซึ่งความดีใจ กวาดสายตาออกไป มองที่ม่านลำแสงสีเงินที่อยู่ตรงกลางถ้ำ
การต่อสู้ด้านนอกถ้ำเมื่อครู่ เขารวมร่างทองและหุ่นเชิดเข้าด้วยกัน ใช้สังหารชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคนในอึดใจเดียว แล้วก็รีบกลับมาที่เขตอาคมตรงทางเข้าที่ตัดไขว้กันในทันที
ผลคือชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสี่คน ก็ถูกยันต์เก้าวิมานสวรรค์กักเอาไว้ข้างใน
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมเข้าไปข้างในในทันที และทำการต่อสู้กับชาวเผ่าหรงทั้งสี่คนรอบหนึ่ง
ผลลัพธ์อยู่เหนือที่เขาคาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะสังหารทั้งสามคนอย่างต่อเนื่องไปแล้ว แต่ชาวเผ่าหรงผิวสีดำสนิทคนสุดท้าย กลับถือโอกาสแค่ชั่วอึดใจ แสดงเคล็ดวิชาหลีกหนีประหลาดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ระเบิดกายเนื้อพุ่งออกไปจากเขตอาคม แล้วกลายเป็นลำแสงสีโลหิตสิบกว่าสายพุ่งเตลิดไป
แม้ว่าเขาจะไล่ตามลำแสงสีโลหิตกว่าครึ่งทันและสังหารทิ้งไปได้ แต่ก็ยังมีอีกสองสายที่หนีไปได้ค่อนข้างไกล จิตสัมผัสและเนตรวิญญาณไม่อาจไล่ตามไปได้อีก และทำได้เพียงกลับมาอย่างจนปัญญา
แม้ว่าจะปล่อยให้คนผู้นี้หนีเอาชีวิตรอดไปได้ แต่จิตวิญญาณสองสายไม่มีกายเนื้อ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกอสูรเหี้ยมอันใดกลืนกินลงไปก็เป็นได้ จึงไม่จำเป็นต้องสนใจมากนัก
และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่มีเจตนาจะรั้งอยู่ที่นี่นานนัก ขอแค่เปิดเขตอาคมตรงหน้าได้ ได้อักขระจ้วนทองส่วนสุดท้าย ก็จะจากไปในทันที
ทว่าม่านลำแสงสีเงินที่อยู่ตรงหน้าทำให้ชาวเผ่าหรงสิบกว่าคนจนปัญญาได้ เขาจะทำลายเขตอาคมได้หรือไม่ ก็ไม่มั่นใจเท่าใดนัก
หานลี่หรี่ตาลง รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แล้วเดินไปที่ม่านลำแสงอย่างช้าๆ
เขตอาคมนี้ดูเหมือนไม่ธรรมดานัก ผิวของมันดูเหมือนจะมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ในม่านลำแสงกลับมีอักขระหลากสีสันทะลักออกมาไม่หยุด ส่วนร่างที่ห่อหุ้มด้วยม่านลำแสงก็หนามาก ลำแสงรวมตัวกันไม่ยอมสลายออก ให้ความรู้สึกแวววาวราวกับของจริงก็ไม่ปาน
ทว่าชาวเผ่าหรงไม่อาจทำลายเขตอาคมนี้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ได้
เขาขมวดคิ้วมุ่น ดีดนิ้วในแขนเสื้อ กระบี่ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกไป ปรากฏอยู่บนม่านลำแสง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงดีดตัวออกมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ไม่อาจทะลวงผ่านม่านลำแสงได้
ใบหน้าของหานลี่ไม่มีสีหน้าประหลาดใจอันใด อ้าปากออกโดยไม่ปริปาก พ่นดวงแสงเพลิงสีเงินออกมา
เสียงอึกทึกดังขึ้น เพลิงกลืนวิญญาณโจมตีไปที่ม่านลำแสงแล้วไถลออก ไม่มีผลอันใดเช่นกัน
เขาไม่ได้หยุดยั้งเพราะเหตุนี้ ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้บรรทัดสั้นสีเงินปรากฏขึ้น พลิ้วไหวแล้วมีไม้บรรทัดเงาทะลักออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน…
เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปใช้อิทธิฤทธิ์และสมบัติอาคมต่างๆ อีกสองสามชนิด แต่ก็ไม่อาจทำอันใดม่านลำแสงสีเงินได้
หลังจากที่หานลี่กัดฟันแล้ว ก็ควบคุมร่างทองให้ใช้ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬครั้งหนึ่งอย่างไม่เสียดาย
กลับเริ่มถอดใจที่จะใช้พลังมหาศาลทลายเขตอาคมนี้แล้ว
แม้ว่าม่านลำแสงสีเงินจะไม่อาจต้านทานพลังของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้ แต่หลังจากที่ถูกสับออกจนเกิดช่องโหว่ ชั่วขณะนั้นกำแพงหินในม่านลำแสงพลันส่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะมีรอยแตกเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นเช่นกัน
หลังจากที่หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบถอนการโจมตีด้วยใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬออก กลับทำให้ร่างของเขาถูกแว้งกัดระลอกคลื่น จนปราณแท้เกือบจะได้รับบาดเจ็บ
เช่นนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะใช้แมลงกลืนวิญญาณ แล้วนั่งขัดสมาธิลงเสียเลย เริ่มศึกษาเขตอาคมใต้ม่านลำแสงสีเงินและอักขระที่เปล่งแสงเรืองๆ อยู่
โชคดีที่หานลี่นั้นมีความรู้ด้านเขตอาคมไม่น้อย ประกอบกับได้ยินชาวเผ่าหรงพูดคุยกันถึงแผ่นป้ายกว้างเย็น
ดังนั้นหลังจากที่เขาขบคิดอย่างหนักหนึ่งวันหนึ่งคืนอยู่ภายในถ้ำ จึงหาเค้าโครงที่พอจะทลายมันได้สองสามส่วน
หานลี่ส่งเสียงหัวเราะอย่างยินดีออกมา หลังจากที่หยัดกายลุกขึ้น ก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองและเงินพลันบินออกมา
หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็กลายเป็นแผ่นป้ายโบราณความยาวครึ่งฉื่อ ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ไหวติง