คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1767 เขตอาคมภาพลวงตา
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1767 เขตอาคมภาพลวงตา
“ท่านอาวุโส ถึงตระกูลสวี่แล้ว ข้าจะไปรายงานในเผ่าก่อน ให้ท่านพ่อมาต้อนรับท่านอาวุโส” หลังจากรถเหาะบินโคจรอยู่แถวๆ เทือกเขา สวี่เชียนอวี่ที่อยู่ในรถก็ขอรับสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา
“ตระกูลสวี่หาสถานที่ได้ดีจริงๆ ข้าจะรออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยวก็แล้วกัน” หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปในเทือกเขา หลังจากมีสีหน้าแปลกประหลาดแล้วก็พยักหน้าอย่างช้าๆ
เพราะรถเหาะหยุดอยู่กลางอากาศอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าย่อมถูกผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่ที่คอยเฝ้าระวังด้านล่างพบเห็นแล้ว
ทันใดนั้นหลังจากที่ระลอกคลื่นเขตอาคมปรากฏขึ้น ตามจุดต่างๆ ของยอดเขาก็มีลำแสงหลีกหนีสิบกว่าสายบินเข้ามา ท่าทางไม่เป็นมิตร
แต่หลังจากที่สวี่เชียนอวี่ได้รับคำอนุญาตของหานลี่ ก็ไม่ลังเลอันใดอีก กลายเป็นลำแสงหลีกหนีสายรุ้งสีขาวพุ่งไปหาผู้บำเพ็ญเพียรของตระกูลตน
หลังจากกะพริบวาบๆ สองสามครั้ง ทั้งสองก็รวมตัวกัน
เห็นได้ชัดว่าผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่รู้จักคุณหนูของตระกูลตน ลำแสงหม่นแสงลงแล้วทยอยกันปรากฏตัว
หนึ่งในนั้นมีทั้งคนชราและคนหนุ่มสาว มีทั้งบุรุษและสตรี ล้วนมีสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจ
เซียนสวี่เชียนอวี่แค่อมยิ้มแล้วเอ่ยอันใดกับคนเหล่านั้นสองสามคน แล้วพากลุ่มคนลงไปที่ยอดเขาด้านล่างทันที
หานลี่ยืนนิ่งอยู่บนรถเหาะ รอคอยอย่างไม่รีบร้อน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ในเทือกเขาก็มีเสียงเพลงดังขึ้นเป็นระยะๆ
หญิงสาววัยดรุณีสวมชุดชาววังสีขาวและแดงสองสีบินออกมาจากยอดเขาเป็นสองกลุ่ม
แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้จะมีพลังยุทธ์แค่ระดับจิตวิญญาณสีทองและระหว่างสร้างปราณ แต่ทุกคนล้วนมีใบหน้างดงาม ท่าทางเคารพนบน้อม
และด้านหลังของสตรีสวมชุดชาววังเหล่านี้ ก็มีคนบินตามออกมาติดๆ อีกสามคน
หนึ่งในนั้นก็คือสวี่เชียนอวี่ที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน ตรงกลางคือบุรุษสวมชุดสีขาวหน้าตาผู้คงแก่เรียน คนสุดท้ายกลับเป็นชายร่างกายสูงใหญ่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา แววตาดุจระฆังทองแดงก็ไม่ปาน
หญิงสาวสวมชุดชาววังสองกลุ่มบินอยู่ห่างจากรถเหาะได้ยี่สิบสามสิบจั้ง ก็หยุดลงอย่างเงียบเชียบ
บุรุษชุดขาวและพวกทั้งสามคนกลับไม่หยุด บินมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ภายในอึดใจเดียวแล้วหยุดลง
“ชนรุ่นหลังสวี่เจียว คารวะท่านอาวุโสหาน ตระกูลสวี่ไม่ได้มาต้อนรับแต่ไกล หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
บุรุษสวมชุดสีขาวดูท่าทางมีอายุไม่ถึงสามสิบปี หน้าตาธรรมดาๆ แต่พลังยุทธ์ระดับเทพแปลงขั้นปลายกลับไม่อ่อนแอเลย ยามที่เขาเผชิญหน้ากับหานลี่ ก็รีบร้อนค้อมตัวคารวะ เผยท่าทีเคารพนบน้อมออกมา
“ชนรุ่นหลังสวี่หลู คารวะท่านอาวุโส” ชายร่างใหญ่ที่มีพลังยุทธ์ระดับเทพแปลงขั้นกลางเองก็คารวะตามมารยาทเช่นกัน
“สหายสวี่เจียวคือผู้ดูแลตระกูลสวี่สินะ?” แววตาของหานลี่กวาดไปบนเรือนร่างของบุรุษสวมชุดสีขาว แล้วพลันเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“ขอรับ ท่านอาวุโส! ชนรุ่นหลังรับตำแหน่งผู้นำตระกูลสวี่มาพันปีแล้ว” บุรุษสวมชุดสีขาวตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
“เช่นนั้นจุดประสงค์ที่ข้ามาในคราวนี้ สหายเชียนอวี่คงจะเอ่ยกับผู้นำตระกูลสวี่แล้วสินะ” หานลี่พยักหน้าพลางเอ่ยถาม
“บุตรสาวของข้าบอกแล้วขอรับ คาดไม่ถึงว่าท่านอาวุโสจะมาเพราะท่านบรรพชน ช่างทำให้ตระกูลสวี่ของพวกเราซาบซึ้งจริงๆ ทว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดคุยกัน เชิญท่านอาวุโสตามชนรุ่นหลังเข้าไปคุยในเผ่าเถิด” บุรุษสวมชุดสีขาวเอ่ยอย่างเคารพและรอบคอบ
“ได้ นำทางเถอะ” หานลี่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธอันใด พลันพยักหน้าทันที
ดังนั้นหานลี่จึงเก็บรถเหาะภายใต้การต้อนรับของหญิงสาวสวมชุดชาววังสองกลุ่ม แล้วร่อนลงจากกลางอากาศ
บุรุษสวมชุดสีขาวและชายร่างใหญ่ผู้นั้นพลันขนาบข้างอยู่ทั้งซ้ายและขวา
กลับเป็นสวี่เชียนอวี่ที่ล้าหลังอยู่ครึ่งก้าว ตามทั้งสามคนอยู่ด้านหลัง
เมื่อเข้าไปในเทือกเขาสวี่เจียวก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แผ่นป้ายสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นในมือ
ตวัดออกไปกลางอากาศไกลออกไป
กลางอากาศต่ำๆ ของเทือกเขาพลันมีระลอกที่คลื่นรุนแรงปรากฏขึ้น
เดิมที่มองเห็นยอดเขาสิบกว่าลูก พลันบิดเบี้ยวไปราวกับผิวน้ำ ทัศนียภาพเปลี่ยนแปลงไป
ยอดเขายังคงเป็นยอดเขาดังเดิม แต่จุดที่พวกมันอยู่กลับรางเลือน ไม่เหมือนกับเมื่อครู่
ยอดเขาสูงต่ำสิบกว่าลูกแทบจะทอดยาวไปสองสามลี้ ตั้งอยู่คนละตำแหน่งของยอดเขา
หากมีศัตรูใช้อิทธิฤทธิ์โจมตียอดเขาเหล่านี้ของตระกูลสวี่ คิดดูแล้วคงต้องโจมตีผิดพลาด ไม่อาจโจมตีสิ่งปลูกสร้างบนยอดเขาได้แน่
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยว่า
“เขตอาคมลวงตา! คิดไม่ถึงว่าตระกูลสวี่จะวางเขตอาคมโบราณในตำนานได้”
“หึๆ ทำให้ท่านอาวุโสเห็นเรื่องขบขันแล้ว หมื่นปีก่อนตระกูลสวี่ของพวกเราเคยมีปรมาจารย์ด้านเขตอาคมที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง ทำงานหนักมาทั้งชีวิตถึงได้เลียนแบบเขตอาคมลวงตาโบราณได้เจ็ดแปดส่วน น่าเสียดายที่พลังยุทธ์ของคนผู้นี้ไม่สูงนัก มิเช่นนั้นหากอายุขัยยืนยาวสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างเขตอาคมโบราณนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่” สวี่เจียวเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา ดูเหมือนว่าจะภูมิใจในเขตอาคมคุ้มครองตระกูลสวี่ของตนเป็นอย่างมาก
“ไม่ผิด มีเขตอาคมนี้คอยคุ้มกัน ตระกูลสวี่ไม่มีทางสาบสูญไปแน่” หานลี่ฉีกยิ้มจางๆ และจะไม่เอ่ยอันใดอีก
สวี่เจียวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กลับรู้สึกผิดหวังอยู่สองสามส่วน
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนหนึ่งได้มาเห็นเขตอาคมคุ้มกันตระกูลของตนอย่างหาได้ยาก แน่นอนว่าย่อมอยากให้อีกฝ่ายวิจารณ์สักหน่อย
“ท่านอาวุโส ท่านคิดว่าเขตอาคมนี้จะต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ได้หรือไม่ขอรับ” ชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะชื่อหลูหม่าง กลับเอ่ยถามด้วยเสียงอันดัง
“ระดับผสานอินทรีย์หรือ? หึๆ…” หานลี่มองชายร่างใหญ่แวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ กลับเผยท่าทีอมยิ้มออกมา
“ความหมายของใต้เท้าคือเขตอาคมนี้ไม่มีผลกับท่านอาวุโสระดับผสานอินทรีย์สินะขอรับ” บุรุษสวมชุดสีขาวเอ่ยถามอย่างลังเล
“มีผลหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้ แต่เขตอาคมนี้มีจุดอ่อนอยู่สองสามจุดจริงๆ คิดดูแล้วเป็นเพราะไม่อาจเติมเต็มเขตอาคมโบราณทั้งหมดได้ หากเป็นสหายที่มีความสามารถด้านเขตอาคมยอดแย่ยังพอว่า การทำลายเขตอาคมนี้ต้องเสียเวลาเล็กน้อย แต่หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่เชี่ยวชาญด้านเขตอาคม เกรงว่าเขตอาคมลวงตาที่ไม่สมบูรณ์ของเจ้าคงไม่อาจพึ่งพาอันใดได้” หลังจากที่หานลี่เงียบขรึมไปเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยอย่างราบเรียบ และชี้ไปที่จุดที่สร้างอาคมสองสามจุด
“ท่านอาวุโสมองข้อบกพร่องออก?” บุรุษสวมชุดสีขาวพลันตกตะลึง
สวี่เชียนอวี่และชายร่างใหญ่มองสบตากันแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“ไม่มีอันใด ข้าเคยอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับเขตอาคมนี้มาบ้างจึงดูออก แน่นอนว่าย่อมไม่มีค่าอันใด” หานลี่หยักมุมปาก ตอบกลับอย่างราบเรียบออกมา
คำนี้เขากลับไม่ตั้งใจจะต่อกรกับเจตนาของอีกฝ่าย
เขตอาคมลวงตาของเขตอาคมโบราณ แม้ว่าจะหายสาบสูญไปจากเผ่ามนุษย์เนิ่นนานแล้ว แต่ระหว่างทางที่เขากลับมาจากแผ่นดินใหญ่เทียนหยวน กลับพบตำราคัมภีร์โบราณของเผ่ามนุษย์ในย่านร้านค้าของเผ่าประหลาดต่างๆ
เพราะว่าคัมภีร์เหล่านี้ใช้ตัวอักษรโบราณของเผ่ามนุษย์ ประกอบกับตัวชนต่างเผ่าเองก็ไม่ให้ความสำคัญกับเขตอาคม ดังนั้นจึงถูกโยนอยู่ในร้านค้าเบ็ดเตล็ด ไม่มีผู้ใดสนใจ
และไม่รู้ว่าตอนแรกคัมภีร์โบราณเหล่านี้ถูกผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ในอดีตนำออกไปและเร่ร่อนอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่ปล่อยเรื่องดีๆ เช่นนี้ไป เสียเงินไปเพียงเล็กน้อยราวกับได้มาโดยให้เปล่า ซื้อคัมภีร์เขตอาคมโบราณเหล่านี้และนำมาเรียนรู้ระหว่างทาง
เรื่องเช่นนี้ยามที่หานลี่เดินทางผ่านชนต่างเผ่าต่างๆ ก็ได้พบอีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจมากนัก
แต่ยามนี้แค่เห็นเขตอาคมป้องกันเผ่าของตระกูลสวี่ พอเทียบกับเขตอาคมสมบูรณ์แบบในคัมภีร์ ย่อมมองเห็นช่องโหว่ได้ในปราดเดียว
สวี่เจียวผู้นำตระกูลสวี่ผู้นี้ย่อมไม่รู้ว่ามีเรื่องซับซ้อนเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินหานลี่ดูเหมือนจะมีวิธีการวางเขตอาคมลวงตาที่สมบูรณ์แบบ ย่อมหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ‘ท่านอาวุโสหาน’ ผู้นี้ได้อ่านคัมภีร์เขตอาคมโบราณที่หายสาบสูญไปแล้วหลายปีมาจากไหน แต่หากมีจริงๆ ล่ะก็ จะไม่ได้หมายความว่าเขตอาคมคุ้มกันตระกูลของตระกูลสวี่เป็นแค่ของไร้ค่าในสายตาของอีกฝ่ายหรือ
และเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเอ่ยชี้จุดต่างๆ สองสามประโยค ซึ่งดูไม่เหมือนกับพูดจาส่งเดช
แม้ว่าใบหน้าของบุรุษสวมชุดสีขาวยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ยามนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่ฝืนทนมาก
หานลี่กลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แค่บินไปด้านหน้าต่ออย่างไม่รีบร้อน
ภายใต้การนำทางของหญิงสาวสวมชุดชาววังสองกลุ่ม ในที่สุดกลุ่มของหานลี่ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าวิหารขนาดยักษ์ตรงใจกลางของเทือกเขา
ตรงนั้นมีชายชราเคราสีดอกเลาอีกสองคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันรออยู่
“ท่านอาวุโสหาน ข้าจะแนะนำท่านให้รู้จัก สองท่านนี้คือท่านปู่น้อยของชนรุ่นหลัง เดิมอยู่ในการกักตน ได้ยินว่าท่านอาวุโสมาเยือน จึงมาต้อนรับด้วยตัวเอง” สวี่เจียวก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วแนะนำชายชราทั้งสองให้หานลี่ได้รู้จัก
“ชนรุ่นหลังสวี่หั่วและสวี่เหยียนคารวะท่านอาวุโสหาน!” ชายชราสองคนนี้ไม่กล้าดูแคลน รีบร้อนคารวะพลางเอ่ยทักทายปราศรัย เป็นผู้มีพลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาขั้นต้น และระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง
พลังยุทธ์เช่นนี้มาปรากฏตัวในตระกูลเซียนธรรมดาๆ นับว่าน่าตกตะลึงมาก ถึงอย่างไรเสียตระกูลที่ค่อนข้างเล็กมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงคนหนึ่งนั่งบัญชาการอยู่ ก็นับว่ามีความสามารถแล้ว
ดูแล้วตระกูลสวี่ที่สวี่เชียนอวี่พูดถึงว่ามีชื่อเสียงมากในเขตเทียนหยวน น่าจะเป็นความจริง
“สหายทั้งสองไม่ต้องมากพิธี ผู้แซ่หานมาในครั้งนี้ก็เพราะได้รับไหว้วานมาเท่านั้น” หานลี่โบกมือ ค่อนข้างพอใจในผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงของตระกูลสวี่ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
ส่วนชายชราทั้งสองคนก็เอ่ยปากว่ามิกล้าเป็นพัลวัน พลางเชิญหานลี่เข้าไปในวิหารขนาดยักษ์
หลังจากที่แยกกันนั่งตรงตำแหน่งหลักและรองแล้ว ก็ให้หญิงสาวระดับฝึกปราณที่แต่งกายด้วยชุดหญิงรับใช้ ยกชาวิญญาณเข้ามาให้หานลี่และพวก
จากนั้นสวี่เจียวถึงได้เอ่ยปากอย่างจริงจัง
“เป็นเพราะเวลาก่อนหน้านี้บุตรสาวของข้าจึงได้แค่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับท่านอาวุโสให้ชนรุ่นหลังฟังแค่สองสามประโยคเท่านั้น ได้ยินว่าท่านอาวุโสมาที่นี่เพราะต้องมอบของสิ่งหนึ่งให้กับเซียนวิญญาณน้ำแข็งหรือไม่ก็ทายาทสายตรงของนาง ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?”
“ใช่แล้ว ผู้แซ่หานเคยได้รับน้ำใจมาไม่น้อย ถึงได้ตอบรับว่าจะวิ่งมาที่นี่ ทว่าได้ยินว่าสหายเชียนอวี่บอกว่าชนรุ่นหลังของเซียนวิญญาณน้ำแข็งไม่ได้มีแค่ตระกูลสวี่ ดังนั้นจึงต้องให้สหายพิสูจน์สักหน่อย ผู้แซ่หานถึงจะมอบของให้ได้” หานลี่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“พิสูจน์? ท่านอาวุโสคิดจะพิสูจน์อย่างไร ตระกูลสวี่ของพวกเราสืบทอดเชื้อสายมาจากท่านบรรพชน ตระกูลอื่นที่อยู่ในละแวกนี้น่าจะรู้กันหมด” ชายชรานามว่าสวี่หั่วกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างลำบากใจ
“มันคงไม่ยากกระมัง ตัวอย่างเช่นพูดถึงเคล็ดวิชาที่สหายวิญญาณน้ำแข็งฝึกฝนในตอนนั้น หรือไม่ก็ของที่นางพกติดตัวที่ตกทอดมา ล้วนสามารถพิสูจน์ฐานะของตระกูลสวี่ได้” หานลี่แววตาเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ