คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1789 สุราเซียนและราชาวิมานหนู
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1789 สุราเซียนและราชาวิมานหนู
ปีนั้นเซียนฮัวของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มีชื่อเสียงโดดเด่นมากในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เคยดูดซับไออาทิตย์เที่ยงแท้จาก ‘บุรุษวัยเยาว์’ เผ่าปีศาจไปนับไม่ถ้วนในรวดเดียว แม้กระทั่งถูกราชาจิ้งจอกสวรรค์ไล่สังหารระยะหนึ่ง และยังคงหนีเอาชีวิตรอดมาได้
ไหนเลยที่นักพรตชราจะกล้าให้ผู้อื่นรู้ความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวผู้นี้ง่ายๆ
“เอาละ ในเมื่อเพิ่งได้สัมผัสกับสหายหานเป็นครั้งแรก สองสามวันนี้อาตมาจะกักตนก่อน ช่วงนี้เพิ่งได้ประสบการณ์ในการฝึกบำเพ็ญเพียรมาก จึงอยากจะเรียนรู้สึกหน่อย ข้าจึงไม่สะดวกที่จะให้เซียนพักอยู่ที่นี่ ขอส่งแขกก่อนแล้วกัน” นักพรตชราเอ่ยกับหญิงสาวอย่างส่งๆ สองสามประโยค แล้วก็เอ่ยส่งแขก
“นักพรตชราอย่างเจ้าช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก! รู้อยู่ว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะลงมือกับลูกศิษย์ของเจ้า ยังจะมาพูดว่าไม่สะดวกให้เข้าพัก สถานที่กว้างใหญ่เช่นนี้ หรือว่าเซียนพักอยู่คนเดียวก็เต็มไปแล้ว ทว่าจะว่าไปแล้วศิษย์ในสำนักที่เจ้าพามาด้วยมีคุณสมบัติไม่เลว ได้ยินว่ามีลูกๆ หลานๆ ที่สหายว่านกู่ชอบที่สุดอยู่ด้วย สหายว่านกู่ต้องดูให้ดีล่ะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักออกมา ร่างกายพลิ้วไหว แล้วสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาเขตอาคมส่งตัวก็เปล่งแสงสว่างวาบ หญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นตรงนั้น
ทว่ายามนี้ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นใบหน้าของสนมคนโปรดของอรหันต์ว่านกู่
นักพรตชราได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย สีหน้าก็อดที่จะซีดขาวขึ้นหลายส่วนมิได้ รีบยกมือข้างหนึ่งขึ้น แผ่นป้ายสีเงินปรากฏขึ้นในมือ และสะบัดไปทางเขตอาคม
เขตอาคมส่งตัวเปล่งเป็นเสียงอึกทึกขึ้น ชั่วพริบตาก็ส่งตัวหญิงสาวออกไปอย่างไร้ร่องรอย
อรหันต์ว่านกู่พลันสั่นศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น แล้วหันกายกลับไป
ในเวลาเดียวกัน หานลี่ที่กลับมายังที่พักของตัวเอง ก็นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลักในตำหนักใหญ่อยู่เพียงลำพัง กำลังขบคิดอันใดอยู่
อรหันต์ว่านกู่ผู้นี้มีเจตนาอันใดกันแน่
หากจะบอกว่าถูกชะตาเขาตั้งแต่แรกเห็น ถึงได้มีเจตนาจะคบค้าสมาคมด้วย เขาย่อมไม่เชื่อเลยสักนิด
และยิ่งไปกว่านั้นสนมคนโปรดที่อยู่ในอ้อมอกของนักพรตชราก็สำแดงเคล็ดวิชาลวงตาขั้นสูงมาปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตนเอาไว้ นั้นยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่
ทว่าเขากลับสัมผัสเจตนาร้ายจากอีกฝ่ายไม่ได้ นี่ถึงได้พูดคุยกับนักพรตชราอย่างวางใจเป็นเวลานานแล้วถึงได้จากมา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการอันใดกับเขา จากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้ ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายก็สู้ไหว แน่นอนว่าจึงไม่ได้หวาดกลัวอันใด
กลับเป็นงานแลกเปลี่ยนแดนทมิฬนั้น หากลึกลับอย่างที่อีกฝ่ายบอก ก็ต้องเข้าร่วมสักหน่อย
ถึงอย่างไรเสียเดิมเขาก็ไม่หวังว่าจะได้ประโยชน์อันใดจากงานหมื่นสมบัติอยู่แล้ว
ที่เขามาที่นี่ในครั้งนี้ ครึ่งหนึ่งเพราะว่านัดกับหญิงสาวเผ่าปีศาจนิรนามของเมืองเทวะสวรรค์เอาไว้ อีกครึ่งหนึ่งก็อยากถือโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันสักหน่อย ได้เปิดประสบการณ์เกี่ยวกับสามจักรพรรดิและเจ็ดราชาปีศาจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับไหน!
แข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รู้จักของชนต่างเผ่า
แต่หากซื้อวัตถุดิบอสูรปีศาจจำนวนมากได้จากหญิงสาวเผ่าปีศาจ งานแลกเปลี่ยนแดนทมิฬก็คงได้ประโยชน์อีก วัตถุดิบเสริมในการหลอมภูเขาลูกที่สอง ก็น่าจะมีหวังว่าจะรวบรวมได้ครบแล้ว
เช่นนั้นหลังจากที่หานลี่หลอมไปรอบหนึ่ง ก็จะมีสมบัติประจำกายเพิ่มขึ้นอีกชิ้นทันที
ส่วนหากมีภูเขาลูกที่สองอยู่กับตัว การต่อกรกับเคราะห์สวรรค์สองสามครา ก็เป็นเรื่องที่ผ่อนคลายสบายๆ แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าการหาภูเขาลูกที่สามพบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง ทว่าต้องใช้ความอดทนรอดูอีกหลายปี ว่าศิษย์ในนามที่รับมาใหม่จะฝึกฝนวิญญาณแก่นน้ำแข็งยะเยือกสำเร็จหรือไม่
วัตถุดิบของภูเขาผสมปราณทั้งห้า นั่นก็คือภูเขาวิญญาณจันทรายะเยือก
ศิลาจันทราที่ใช้สร้างภูเขานี้ไม่เหมือนกับหยกทมิฬ แม้ว่ามันจะอยู่ในแดนเย็นเยียบ แต่กลิ่นอายเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจะมีความพิเศษ หลังจากที่ถูกคนกระตุ้นถึงจะสำแดงไอวิญญาณยะเยือกที่เย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบออกมาได้
ปกติแล้วสิ่งนี้จะอยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกลงไปสองสามหมื่นจั้ง เป็นเพราะรอบด้านมีไอเย็นเยียบหมื่นจั้งปกคลุมอยู่ กวาดจิตสัมผัสไปจึงไม่อาจพบร่องรอยอันใดได้
วิธีเดียวที่จะค้นหาก็คือผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์วิญญาณยะเยือกเช่นเดียวกัน ถึงจะอาศัยวิญญาณยะเยือกในร่างสัมผัสศิลาจันทราได้
ส่วนระยะและขอบเขตของการสัมผัส ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของศิลาจันทรา รวมทั้งอานุภาพของวิญญาณยะเยือกของผู้ฝึกฝน
ภูเขาวิญญาณจันทรายะเยือกที่เขาตามหาย่อมมีขนาดใหญ่มหึมา ขอแค่ฝึกฝนอิทธิฤทธิ์วิญญาณยะเยือกสำเร็จ การสัมผัสได้ในรัศมีสองสามหมื่นจั้งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่าจะหาภูเขาลูกนี้พบอย่างราบรื่นหรือไม่ หานลี่ก็ไม่แน่ใจ โชคดีที่เขารู้ว่าแดนยะเยือกนี้ แค่ในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจก็มีอยู่ไม่น้อยแล้ว
เทียบกับภูเขาชนิดอื่นๆ กลับเป็นวัตถุดิบภูเขาที่หาง่ายมากที่สุด
แต่จะหาภูเขาวิญญาณจันทรายะเยือกได้จริงๆ หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของสวรรค์แล้ว
ทว่าหลังจากคิดถึงเคราะห์สวรรค์หลังจากนี้ หานลี่ก็ไม่อาจปล่อยความหวังใดๆ ไปได้
นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาพบว่าไป๋กั่วเอ๋อร์มีร่างวิญญาณแก่นน้ำแข็ง จึงลงมือช่วยอย่างไม่ลังเล
มิเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมียาลูกกลอนจำนวนมากขนาดไหน การช่วยแม่หนูผู้นี้ก็ไม่ได้เสียเวลาฝึกฝนยาวนานอย่างผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น แต่ต้องเสียเวลาการฝึกฝนอย่างหนักไปร้อยกว่าปีเท่านั้น
ส่วนถ้าหากเขาหลอมภูเขาวิญญาณยะเยือกอีกครั้ง หลังจากที่พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้น ก็จะหาวิธีทลายเขตแดนให้ร่างแยกกดพลังปราณ แล้วกลับไปที่แดนมนุษย์ ยามที่เขาบรรลุขึ้นมาจากแดนมนุษย์ ก็มีอยู่สองที่ ที่มีร่องรอยของลำแสงปราณทิศเหนือสุด ที่จะมีโอกาสหาภูเขาปราณทิศเหนือสุดพบมากที่สุด
เช่นนั้นนอกจากภูเขาลูกสุดท้ายแล้ว ก็หวังว่าจะรวบรวมภูเขาทั้งสี่ลูกได้ครบ
หากโชคดีหาวัตถุดิบของภูเขาลูกสุดท้ายพบ แล้วหลอมภูเขาผสมปราณทั้งห้าได้ เดาว่าเคราะห์สวรรค์ก็ไม่อาจทำอันใดกับเขาได้ระยะยาวแล้ว
ส่วนหากมีเวลาเพียงพอ เขาก็มั่นใจว่าไม่ว่าทะลวงระดับมหาย่าน หรือว่าเดินไปให้ถึงขั้นสุดท้าย ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ใบหน้าของหานลี่ราบเรียบ แต่ในหัวกลับมีความคิดหมุนวนไปมา
หลังจากที่ผ่านไปอีกชั่วครู่ เขาก็ลุกขึ้นยืนจากตำแหน่งที่นั่งหลัก แล้วเดินไปที่ประตูด้านข้าง
สองวันนี้เขาคิดจะไปฝึกฝนต่อ หลังจากนั้นค่อยวิ่งไปหาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน เพื่อขอวัตถุดิบเสริมในการหมักสุราเซียนตาข่ายแดง
ในเมื่อคิดจะเข้าร่วมงานแดนสีดำ หากหมักสุราเซียนตาข่ายแดงให้ได้สักสองไห การไปพบกับผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นผีสุราจะมีมูลค่าขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว
มิเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมีสมบัติสมุนไพรติดตัวอยู่จำนวนมาก แต่ก็มีอยู่ไม่มากที่เอาออกมาได้ แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณหมื่นปีจะล้ำค่า แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์แล้วก็ไม่ได้ล้ำค่าอันใดมากนัก แต่สมบัติวิเศษอื่นๆ กลับมีประโยชน์มากกว่า จึงไม่ควรนำออกมาแลกเปลี่ยน
เช่นนั้นจนถึงยามเย็น ไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อถึงได้กลับมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
หานลี่สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนมาปรากฏตัวที่เขตอาคมส่งตัวตรงชั้นหนึ่ง จึงสะบัดแผ่นป้ายควบคุมเขตอาคมเล็กน้อย แล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเข้ามา พลางออกคำสั่งอย่างราบเรียบสองสามคำ
แม้ว่าทั้งสองมีเรื่องจะเล่าอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ทำได้เพียงกลับไปยังที่พักตนเองก่อนอย่างเชื่อฟัง
สองวันต่อมาหานลี่ก็ไปเยี่ยมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนที่วังต้อนรับเซียนอีกแห่งหนึ่งเพียงลำพัง และเอาวัตถุดิบในการหมักสุราเซียนจากเขามาเป็นจำนวนมาก
แต่น่าเสียดายเล็กน้อย ได้ยินว่าสองราชาปีศาจ ‘ราชาพายุทมิฬ’ ‘มังกรวารีลี้เพลิง’ ที่มาถึงก่อนมีธุระด่วน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้อยู่ในภูเขาเก้าเซียน
แต่เดาว่าวันที่งานหมื่นสมบัติเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พวกเขาจะกลับมา
หานลี่ย่อมรู้สึกเสียดายเล็กๆ แต่เพราะว่าต้องรีบหมักสุราเซียน จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก
เขาไม่ได้รั้งรออยู่ที่พำนักของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนนานนัก บอกล่าอย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปยังที่พักของตัวเอง
หานลี่เตรียมห้องลับไว้ในตำหนักเรียบร้อยแล้ว แล้วเอาผลตาข่ายแดงจำนวนมากออกมาหมักสุราเซียนตาข่ายแดงตามบันทึกในตำราโบราณ
การเข้าไปของเขาครั้งนี้ใช้เวลาอยู่ครึ่งเดือนโดยไม่ออกจากห้องลับเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ผลตาข่ายแดงจำนวนมากเพียงนี้ เขาย่อมไม่อาจหมักทีเดียวได้
นอกจากสองไหที่ตกลงกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนแล้ว หานลี่ก็หมักเพิ่มอีกเจ็ดแปดไหเท่านั้น
หานลี่ย่อมรู้ดี
แม้ว่าสุราเซียนตาข่ายแดงจะไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในแดนวิญญาณมาก่อน แต่สุราวิญญาณของแดนเซียน หากทำออกมาทีเดียวจำนวนมาก ราคากลับจะยิ่งถูกลดทอนลง
และเป็นเพราะสุราเซียนตาข่ายแดงมีผลในการบำรุงร่างกาย อายุขัยให้เพิ่มมากขึ้น หานลี่เองก็คิดจะค่อยๆ ดื่มไปทีละนิดๆ
หลังจากที่หมักสุราเซียนเสร็จแล้ว ในที่สุดหานลี่ก็กำจัดเรื่องกังวลใจไปได้ เวลาต่อมาแม้ว่าจะยังคงนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในตำหนัก บางครั้งก็ออกไปทำความรู้จักกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันที่มาถึงก่อนเวลาเช่นกัน
ในบรรดาคนที่เขาทำความรู้จักมีอยู่สองสามคนที่คุยกันถูกคอ จนเกิดเป็นมิตรภาพขึ้น
ส่วนอรหันต์ว่านกู่นั้นก็มีท่าทางเป็นมิตรกับหานลี่มาโดยตลอด แม้กระทั่งเชิญให้หานลี่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนส่วนตัวเล็กๆ ที่ระดับหลอมสุญตาขึ้นไปถึงจะเข้าร่วมได้ ทำให้หานลี่ได้แลกเปลี่ยนวัตถุดิบที่ต้องการมาอีกสองสามชนิด
นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกอรหันต์ว่านกู่เป็นผู้ที่มีนิสัยไม่เลวเลยคนหนึ่ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป แน่นอนว่าตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ที่มาเข้าในวังต้อนรับเซียนค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
รอจนถึงวันที่งานชุมนุมหมื่นสมบัติจะจัดขึ้นในอีกสองสามเดือน คาดไม่ถึงว่าวังต้อนรับเซียนสองสามแห่งจะเต็มไปแล้วกว่าครึ่ง
หนึ่งในนั้นมีอาวุโสของขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และมีสิ่งมีชีวิตระดับราชาอยู่ด้วย ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษที่เหมือนกับหานลี่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน
แต่แค่ในบรรดาสามจักรพรรดิเจ็ดราชาปีศาจ นอกจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนแล้ว กลับมีแค่ราชาวิมานหนูหนึ่งในเจ็ดราชาปีศาจที่มา
แต่แค่ราชาวิมารหนูเข้ามาในภูเขาเก้าเซียน ก็กักตนบำเพ็ญเพียรทันที ผู้ใดก็ไม่ได้พบหน้า ดูลึกลับมาก
ทว่าจะว่าไปแล้วเดิมราชาวิมานหนูผู้นี้ก็เป็นผู้ที่ลึกลับที่สุดในเจ็ดราชาปีศาจแล้ว ว่ากันว่าใช้วิชาลับอำพรางตัวเป็นเวลานาน เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน
สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือราชาหนูผู้นี้มีอิทธิฤทธิ์ใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่ามีอยู่แค่ไม่กี่คนที่พอจะพูดถึงได้
ดูเหมือนว่าราชาปีศาจผู้นี้จะไม่เคยประมือกับคนอื่นๆ ที่ภายนอก แต่ก่อนหน้านี้ได้ไปล่วงเกินสิ่งมีชีวิตระดับสูง แต่กลับค่อยๆ หายสาบสูญไปจากทั้งสองเผ่า
ทำให้ผู้คนไม่อาจยืนยันได้ว่าราชาวิมานหนูผู้นี้ลงมือในที่มืดจริงหรือไม่
ดังนั้นแม้ว่าราชาวิมานหนูผู้นี้จะไม่ได้มีชื่อเสียงมากที่สุดในเจ็ดราชาปีศาจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินง่ายๆ