คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1798 ร่างแยกของราชาหมาป่า
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1798 ร่างแยกของราชาหมาป่า
หานลี่มองไปยังพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตในมือของชายชรา หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
หลังจากที่มีประสบการณ์จากงานประมูลครั้งยิ่งใหญ่ของชนต่างเผ่า ยามนี้สิ่งที่ทำให้เขาสนใจได้ในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจก็มีอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นจึงคิดไม่ถึงว่างานประมูลนี้จะหยิบสินค้าที่ทำให้เขาใจเต้นออกมาได้
หากมีหุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์อยู่ด้วย จากที่ไม่อาจต้านทานการถูกล้อมโจมตีที่ถึงชีวิตได้ ก็มีความหวังว่าจะแก้ไขได้แล้ว
ทว่าวัตถุดิบชนิดนี้มีแค่ในเผ่าวิญญาณ หรือว่ามีคนต่างเผ่าเข้าร่วมงานหมื่นสมบัติครั้งนี้จริงๆ
คนต่างเผ่าเหล่านั้นก็คือเผ่าวิญญาณ!
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ยามนี้เทียนเหยียนจื่อที่อยู่บนแท่นสูงพลันโคจรพลังปราณในร่าง กระตุ้นพลังปราณส่วนหนึ่งมาอยู่ที่พฤกษาสีดำแดง
ก็เห็นพฤกษาโลหิตที่เดิมเล็กๆ บางๆ เปล่งแสงสีโลหิตเจิดจ้าออกมา ขยายใหญ่ขึ้น ชั่วครู่ก็กลายเป็นกระบองไม้ที่มีความหนาเท่าแขน ความยางสองสามจั้ง
ผิวของกระบองไม้มีลวดลายสีดำแดงขนาดใหญ่เท่าเหรียญทองแดงปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็บิดไปมาอยู่ในมือของชายชรา ราวกับอสรพิษที่มีชีวิต และส่งเสียงภูตผีคร่ำครวญออกมาเป็นระลอกๆ ทำให้ผู้คนที่ได้ยิน รู้สึกเย็นยะเยือก และรู้สึกไม่มีสมาธิ
มองเห็นฉากนี้กลุ่มคนที่เดิมมีใจสงสัย ย่อมหายสงสัยเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อชายชราพ่นราคาเปิดประมูลสูงลิบลิ่วอย่างยี่สิบล้านออกมา ก็กระตุ้นให้ราคาเพิ่มขึ้นไม่หยุดทันที
“ยี่สิบสองล้าน”
“ยี่สิบห้าล้าน”
“สามสิบล้าน”
ราคาที่สูงลิบเช่นนี้ทำให้คนกว่าครึ่งในตำหนักที่เอ่ยปากอย่างฮึกเหิมล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างไร้เงา
แม้ว่าพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตจะดีแค่ไหน แต่ตระกูลของผู้ที่อยู่ในระดับเทพแปลงและหลอมสุญตานั้นมีจำกัด หากต้องควักเงินหมดตระกูลเพื่อซื่อวัตถุดิบชิ้นหนึ่งล่ะก็ เกรงว่าคงจะเป็นคนขาดสติปัญญาไปเสียหมด
ราคาสูงลิบเช่นนี้ แน่นอนว่าควรเลือกสมบัติป้องกันที่พึงพอใจหรือยาลูกกลอนในการพัฒนาพลังยุทธ์ทะลวงจุดคอขวดจะมีประโยชน์มากกว่า
แต่สิ่งมีชีวิตระดับสูงที่รู้ว่าเคราะห์มารใกล้จะปะทุแล้ว ย่อมมีความคิดไม่เหมือนกัน
เผ่าปีศาจที่มีรูปร่างภายนอกจำนวนไม่น้อยและผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ใช้วิธีการต่างๆ ซ่อนใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง ต่างล้วนจะไม่มีทางเลิกแย่งชิงง่ายๆ
ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปไม่หยุด กระทั่งราคาสี่สิบล้านถึงจะเริ่มช้าลง แต่เช่นนั้นก็ยังค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นห้าสิบล้าน
ราคาเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ เกรงว่าก็คงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ส่วนผู้ที่เสนอราคานี้ไหนเลยจะไม่ใช่ตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ คาดไม่ถึงว่าจะยังมีเผ่าปีศาจหมาป่าสีดำที่ปกปิดใบหน้าของตัวเองอยู่ด้วย
เช่นนั้นสองเผ่าที่อยู่ใกล้เคียง จึงใช้สายตาไม่อยากจะเชื่อมองมาอย่างอดไม่ได้
จิตสัมผัสของชั้นสามก็กวาดไปที่นั่นไม่หยุดเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดของทั้งสองเผ่าเหล่านี้ล้วนรู้สึกฉงนสงสัยเช่นกัน
แต่เมื่ออยู่ในการถูกจับจ้องด้วยจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เผ่าปีศาจหมาป่าสีดำตัวนั้นกลับยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนว่าจะไม่กลัวว่าจะล่วงเกินผู้ที่มีพลังยุทธ์เหนือกว่าตนเลยสักนิด
“เอ๋! ข้าก็ว่าผู้ใด ที่แท้ก็หนึ่งในร่างแยกทั้งหกของพี่ราชาหมาป่า ตอนแรกข้ายังสัมผัสไม่ได้ว่าเป็นร่างแยกหมาป่าสีดำของสหายเทียนขุย” เสียงร้องอุทานว่า “เอ๋” ดังออกมาจากห้องหนึ่งของชั้นสาม จากนั้นเสียงของหญิงสาวหัวเราะคิกคักก็ดังก้องในตำหนัก
ครานี้ทั้งห้องโถงไม่ว่าชั้นหนึ่งหรือว่าชั้นสองชั้นสามล้วนเกิดความวุ่นวายขึ้น คนจำนวนไม่น้อยได้ยินชื่อเสียงของราชาหมาป่าเทียนขุยก็หน้าเปลี่ยนสี
แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
แววตาของหานลี่เองก็เปล่งประกาย
“สหายเสี่ยว เจ้ามองไม่ผิดสินะ ราชาหมาป่าไม่ได้กักตนบำเพ็ญเพียรอยู่หรือ เหตุใดถึงมีเวลาส่งร่างแยกหมาป่าดำมาที่นี่ จากที่ข้ารู้ร่างแยกทั้งห้าของสหายเทียนขุยไม่เหมือนกับร่างแยกทั่วๆ ไป ทุกตัวล้วนฝึกฝนเคล็ดวิชาเสริมที่มีประสิทธิภาพน่าเหลือเชื่อ จะส่งมาอยู่ห่างกายง่ายๆ ได้อย่างไร” เสียงอันดังของบุรุษดังออกมาจากอีกห้องหนึ่ง
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ฟังออกว่าคนพูดคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน
“ตัวข้าไม่มา แต่ส่งร่างแยกมา ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รายงานกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และสหายเสี่ยวก่อน หากสหายทั้งสองก็อยากได้พฤกษาโลหิต ก็เสนอราคามาเลย ข้าจะไม่ขัดขวางอันใด” ร่างแยกหมาป่าสีดำของราชาหมาป่าเทียนขุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ไร้ซึ่งความรู้สึก ทำให้ผู้ที่ได้ยินยากที่จะลืมเลือน
“หึๆ นั่นมันก็ใช่! เรื่องสหายเทียนขุย ข้าจะมีคุณสมบัติไปยุ่งได้อย่างไร คำพูดเมื่อครู่ถึงว่าเทียนหยวนบุ่มบ่ามแล้ว ส่วนพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิต ในเมื่อราชาหมาป่าอยากได้ ข้าก็จะไม่แย่งชิง” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนกลับเอ่ยอย่างราบเรียบ จากนั้นก็ไม่ถ่ายทอดเสียงอีก
ส่วนราชาหงส์ดำที่จำร่างแยกของราชาหมาป่าเทียนขุยได้ ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา ไม่ได้เอ่ยอันใดเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวราชาหมาป่าเทียนขุยอยู่เล็กน้อย
ส่วนสองเผ่าที่อยู่ด้านล่างแท่น ก็ยิ่งมีสีหน้าเคารพนบน้อม ยามนั้นทั้งห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
“หากไม่มีผู้ใดเสนอราคา พฤกษาโลหิตท่อนนี้ควรจะประกาศเจ้าของแล้วหรือไม่” สายตาของราชาหมาป่าเทียนขุยมองไปยังแท่นสูงอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังนัก แต่ทุกคนในนั้นย่อมได้ยินอย่างชัดเจน
ชายชราชุดขาวได้ยินคำนี้ก็ใจหายวาบ ความคิดเดิมที่จะยืดเวลาออกไปพลันหายวับไป ทันใดนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“พฤกษาโลหิตท่อนนี้ขายออกในราคาห้าสิบล้าน หากไม่มีผู้ใดเสนอราคาหลังจากประกาศสามครั้ง ก็จะตกเป็นของท่านอาวุโสเทียนขุย”
“ครั้งที่หนึ่ง”
……
“หกสิบล้าน!”
เทียนเหยียนจื่อเพิ่งตะโกนออกไป ก็มีเสียงแก่ชราดังขึ้นจากชั้นสาม
เสียงนี้ย่อมทำให้ทั้งตำหนักเกิดความวุ่นวายขึ้น
“หกสิบสองล้าน” ราชาหมาป่าเทียนขุยเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก
“หกสิบห้าล้าน” เสียงแก่ชราเสนอราคาต่ออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ครานี้ร่างแยกหมาป่าสีดำของราชาหมาป่าเทียนขุยไม่ได้เสนอราคาในทันที กลับแววตาเปล่งประกายเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
“ต้งเทียน เจ้าจะแย่งพฤกษาโลหิตกับข้าหรือ? ดูแล้วกรงเล็บหมาป่าสวรรค์ที่ถูกข้าข่วนไป คงไม่มีอุปสรรคแล้ว”
“หึ แค่กรงเล็บหมาป่าสวรรค์จะทำอันใดข้าน้อยได้ กลับเป็นรสชาติของกรวยต้งเทียนของข้าน้อยที่ไม่ค่อยน่าภิรมย์สินะ” เสียงแก่ชราแค่นเสียงหึ แล้วตอบกลับอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เจ้าของเสียงนี้คาดไม่ถึงว่าจะเป็นราชาหนูต้งเทียนที่ลึกลับที่สุดในเจ็ดราชาปีศาจ! ฟังดูแล้วเหมือนกับไม่ลงรอยกับเทียนขุย และเคยประมือกันอย่างไรอย่างนั้น
พอได้ยินความลับนี้อย่างไม่มีสาเหตุ ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจ และซุบซิบกันเป็นระลอกๆ ดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ได้มางานประมูลครั้งนี้อย่างเปล่าประโยชน์
ร่างแยกหมาป่าสีดำของราชาหมาป่าเทียนขุยแววตาเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ แล้วกลับเอ่ยปากตอบเช่นนี้
“หกสิบห้าล้าน นี่คือราคาที่เหมาะสมของพฤกษาโลหิต ข้าน้อยจะยอมให้สหายต้งเทียน ไม่ทราบว่าสหายเสียศิลาวิญญาณไปมากเพียงนี้ จะแย่งสิ่งอื่นกับผู้อื่นอีกหรือไม่”
เอ่ยจบร่างแยกของหมาป่าสีดำก็หลับตาทั้งสองข้าง คาดไม่ถึงว่าจะไม่เรียกราคาอีก
ส่วนราชาหนูต้งเทียนได้ยินคำพูดนี้พลันรู้สึกอยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่หลังจากแค่นเสียงหึ ก็ไม่ได้เอ่ยปากอันใด
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่เหลือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นพฤกษาโลหิตแล้วเชื่อมโยงกับบุญคุณของราชาปีศาจทั้งสองหรือว่ารอคอยสินค้าชิ้นสุดท้ายอื่นๆ จึงไม่มีผู้ใดเรียกราคาออกมา
ครั้งนี้เทียนเหยียนจื่อผู้นั้นก็ไม่ได้ลังเลอันใดอีก ร้องตะโกนเรียกราคาอย่างต่อเนื่องสองครั้ง แล้วตัดสินว่าพฤกษาโลหิตท่อนนี้เป็นของผู้ใด
แต่ในยามนี้หานลี่ที่นั่งนิ่งอยู่บนชั้นสาม ก็ชี้นิ้วไปที่จานอาคมบนโต๊ะตรงหน้าเบาๆ
ชั่วขณะนั้นราคาบนม่านลำแสงเหนือแท่นสูงก็เปลี่ยนจากหกสิบล้านเป็นเจ็ดสิบล้าน!”
“หกสิบ…เจ็ดสิบล้านครั้ง…ที่หนึ่ง!” ราคาเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ทำให้เทียนเหยียนจื่อที่นึกว่าตัดสินแล้วว่าพฤกษาโลหิตเป็นของผู้ใดก็ทำอันใดไม่ถูก รีบเปลี่ยนคำพูดทันที
ทั้งสองเผ่าที่อยู่ในตำหนักเห็นฉากนี้ คนจำนวนไม่น้อยล้วนตกตะลึง
ไม่ทราบว่าผู้ใดที่ไม่รู้จักวางตัว คาดไม่ถึงว่าจะเรียกราคาที่สูงลิบเช่นนี้แย่งชิงพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตกับราชาหนูต้งเทียน
แม้ว่าจนถึงยามนี้คนผู้นี้จะยังไม่เอ่ยปาก ใครต่างก็ไม่รู้ว่าผู้ใดซื้อสิ่งนี้ไป แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่ากฎในการรักษาความลับของงานประมูลที่เปิดเผยนี้ ย่อมไม่อาจเข้มงวดมากได้
ขอแค่มีคนอยากซักถาม ก็ค่อยหาฐานะของผู้ที่ประมูลได้หลังจากจบเรื่อง
แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคนย่อมปรากฏขึ้น!
ราชาหนูต้งเทียนผู้นั้นไม่เรียกราคาต่อ คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้พฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตเป็นของหานลี่
บางทีศิลาวิญญาณเจ็ดสิบล้าน ก็เป็นมูลค่าที่แท้จริงของพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตกระมัง
หลังจากประกาศราคาสามครั้ง ไม่มีผู้ใดแย่งชิงของสิ่งนี้ ก็ทำให้พฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตตกอยู่ในมือของหานลี่
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอันใด
ฟังจากคำพูดของร่างแยกราชาหมาป่าเทียนขุยเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าสามจักรพรรดิและราชาปีศาจแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์คนอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ก็ได้รับข่าวสารนี้และมาเพื่อสินค้าชิ้นสุดท้ายในงานประมูลครั้งนี้ ดังนั้นแม้ว่าพฤกษาโลหิตท่อนนี้จะล้ำค่า แต่แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย
สำหรับพวกเขาแล้วหากไม่อาจประมูลพฤกษาโลหิตด้วยราคาต่ำได้ ก็เหลือศิลาวิญญาณไปประมูลสินค้าชิ้นสุดท้ายชิ้นอื่นๆ ถึงจะเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด
ยามที่เขากำลังขบคิดนั้น พฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตท่อนนี้ก็ถูกผู้คุ้มกันกลุ่มเล็กๆ ร่วมมือกันคุ้มกันมาส่งที่ห้อง
หานลี่จ่ายศิลาวิญญาณ แล้วไล่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นไป
เขาพิจารณาพฤกษาโลหิตอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แล้วเก็บเข้าไปอย่างระมัดระวัง แล้วลูบไปที่กำไลเก็บของที่ว่างเปล่า มุมปากอดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้
แม้ว่าจะประมูลพฤกษาโลหิตได้ แต่ก็เหลือศิลาวิญญาณไม่ถึงครึ่ง แม้ว่าสินค้าชิ้นอื่นๆ จะดีขนาดไหน เดาว่าก็ไม่มีกำลังจะแย่งชิงกับผู้อื่นได้
ทว่าหานลี่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ
วัตถุดิบต่างๆ และสมบัติในร่างของเขานั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่อัตราการพบสิ่งที่เหมาะสมเช่นพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตนั้นไม่สูงนักจริงๆ ต่อให้จากนี้มีสิ่งอื่นที่เหมาะกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ เดาว่าก็คงถูกผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ จ้องตาเป็นมัน
สามจักรพรรดิและราชาปีศาจมีศิลาวิญญาณมากมาย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจเทียบเทียมได้
และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังให้ความสำคัญกับวัตถุดิบของอสูรปีศาจ และรอคอยงานแลกเปลี่ยนแดนทมิฬที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
ดังนั้นงานประมูลต่อจากนี้ หานลี่จึงทำแค่เพียงพิงกายมาด้านหลัง หลับตานั่งพิงหลังอยู่กับเก้าอี้ ฟังชายชราชุดขาวแนะนำสินค้าประมูลอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนมีสีหน้าราบเรียบ