คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1833 บ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1833 บ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์
“เข้าไปในแดนมาร! ตัวประหลาดเฒ่าหล่ง หรือว่าเจ้าเลอะเลือนไปแล้ว ต่อให้อยากตายจริงๆ ก็ไม่ต้องพาพวกเราไปด้วยสิ!” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
กลับเป็นหญิงสาวชุดขนนกที่ได้ยินแล้วดูเหมือนจะนึกอันใดได้ สีหน้าจึงบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส
หานลี่ลูบใต้คาง แล้วเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมา
“พี่หานไม่จำเป็นต้องโกรธเกรี้ยว ตาเฒ่ามีข้อเสนอ แน่นอนว่าย่อมเตรียมการเอาไว้แล้ว อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าจะถอนกำลังออกมาได้เจ็ดแปดส่วน ผู้แซ่หล่งจะลงมือพร้อมกัน จะเอาชีวิตของตนมาล้อเล่นหรือ?” ตระกูลหล่งมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ
“หึ ต่อให้เป็นเช่นนั้น! บรรพชนศักดิ์สิทธิ์มารโบราณเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวระดับไหน หากพวกเราไปพบเข้า คงไม่อาจรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมารโบราณระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนในแดนมาร ในแดนมนุษย์พวกเรายังพออาศัยพลังของเขตอาคมต่อกรกับพวกมันได้ หากเข้าไปล่ะก็ คิดอย่างไรก็ไม่มีทางรักษาชีวิตเอาไว้ได้” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงถลึงตาใส่บรรพชนตระกูลหล่งแล้วเอ่ยอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
“หากข้าน้อยบอกสหายว่ามีวิธีทำให้กลิ่นอายของพวกเราเหมือนกับมารโบราณธรรมดาๆ ได้ชั่วคราว แม้ว่าจะเป็นมารโบราณระดับผสานอินทรีย์ก็มองไม่ออก ไม่ทราบว่าพี่หลินจะคิดอย่างไร?” บรรพชนตระกูลหล่งหรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ! พี่หล่งมิได้ล้อเล่นสินะ อิทธิฤทธิ์ของมารโบราณระดับสูงของแดนมารน่าเหลือเชื่อขนาดไหน จะมีวิธีหลบซ่อนหูตาจากพวกมันได้อย่างไร” หญิงสาวสวมชุดขนนกขมวดคิ้วดำขลับ แล้วเอ่ยปากขึ้น
บรรพชนตระกูลหล่งได้ยินกลับหัวเราะหึๆ ออกมา แล้วหันไปเอ่ยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว
“สหายเชียนชิว รบกวนเจ้าสำแดงออกมาอีกครั้งเถิด”
“ไม่มีปัญหา” หญิงสาวสวมชุดสีเหลืองฉีกยิ้มสง่างาม พลิกฝ่ามือ ในมือมีไข่มุกทรงกลมสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น
ปากบางๆ เผยอออก กลืนไข่มุกเม็ดนั้นลงท้องไป
ครู่ต่อมาสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวเปล่งแสงสีดำออกมา กลืนกินร่างของนางเอาไว้ข้างใน
หมอกสีดำหมุนวน ยามนั้นพลันกลายเป็นเหมือนหนวดปลาหมึกเริงระบำ ครานั้นพลันหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีชีวิตก็ไม่ปาน
“ไอมารเที่ยงแท้!” หานลี่แค่มองแวบหนึ่ง รูม่านตาพลันหดเล็กลง ใช้น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่าพวกเขาจะเอ่ยพึมพำ แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนเป็นผู้ที่มีพลังปราณระดับสูง แน่นอนว่าย่อมฟังออก
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงและหญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ส่วนบรรพชนตระกูลหล่งกลับมองลึกไปในแววตาของหานลี่แวบหนึ่ง แล้วพลันเอ่ยขึ้น
“สหายหานมองปราดเดียวก็รู้จักไอมารเที่ยงแท้ จะต้องฝึกฝนเคล็ดวิชามารระดับสุดยอดแน่ และเทวรูปร่างทองที่สหายเผยออกมาก็คล้ายคลึงกับร่างของมารโบราณชนิดหนึ่งในแดนมาร นี่ทำให้ตาเฒ่าสับสนเล็กน้อย”
“พี่หล่งสายตาเฉียบแหลมนัก” หานลี่กลับไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอันใด แค่ฉีกยิ้มบางๆ ออกมา
คนอื่นๆ ได้ฟังคำพูดของทั้งสอง ย่อมมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป
ยามนี้ไอมารสีดำพลันมีเสียงกรีดร้องของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวดังขึ้น ไอมารเที่ยงแท้ทะลักเข้าไปที่ใจกลางพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นของเหลวสีดำ ถูกสตรีผู้นี้ดูดเข้าไปในร่าง
หลังจากที่ไอมารสลายหายไปจนหมด ร่างของหญิงสาวสวมชุดสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทว่าเมื่อมองไป หานลี่และพวกกลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวผู้นี้ไม่แตกต่างกับก่อนหน้าเลยสักนิด ราวกับว่าที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาเมื่อครู่นั้นไม่มีผล
แต่ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน หญิงสาวสวมชุดสีเหลืองกลับหัวเราะน้อยๆ ออกมา จากนั้นกลิ่นอายบนเรือนร่างก็เปลี่ยนไป ไอมารที่น่าตกตะลึงแผ่ออกมาจากเรือนร่างของนาง และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าที่เดิมเหมือนหยก พลันมีลวดลายมารสีดำปรากฏขึ้นสองสามสาย ในเวลาเดียวกันหว่างคิ้วก็เปล่งประกาย คาดไม่ถึงว่าจะมีไข่มุกทรงกลมสีดำสนิทปรากฏขึ้น
แม้ว่าไข่มุกเม็ดนี้จะถูกฝังอยู่บนหว่างคิ้วของหญิงสาวครึ่งหนึ่งแต่ดูจากรูปร่างที่ดำสนิทนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเม็ดที่กลืนลงไปก่อนหน้า
หานลี่แววตาเปล่งประกาย แผ่จิตสัมผัสไปทางหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดทันที ผลคือต่อมาใบหน้าพลันมีสีหน้าตกตะลึงปรากฏขึ้น
ไม่ว่าร่างกายของหญิงสาวหรือว่าพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง คาดไม่ถึงว่าจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายมารเที่ยงแท้ที่บริสุทธิ์ยิ่ง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเหมือนกับมารโบราณที่เขาเคยพบในแดนมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
ทว่าหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงและหญิงสาวสวมชุดขนนกแผ่จิตสัมผัสมาตรวจสอบเช่นกัน ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“มหัศจรรย์มาก ดูแล้วไม่ต่างอันใดกับมารโบราณจริงๆ ทว่าพวกเราไม่ใช่เผ่ามาร บางทีพวกเราอาจจะดูไม่ออก แต่ในสายตาของเผ่ามารนั้น…” หญิงสาวสวมชุดขนนกครุ่นคิดเล็กน้อย ยังคงเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“เซียนเยี่ยวางใจ เดิมไข่มุกมารเม็ดนี้ก็ใช้หลอมแกนมารของมารโบราณอยู่แล้ว ขอแค่ใช้เคล็ดวิชาลับกลืนเข้าไปในร่างก็ซ่อนตัวอยู่ในไอมารได้แล้ว ปกติแล้วมารโบราณระดับสูงไม่อาจมองออกได้ และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่แท้จริงของไข่มุก ยามที่ข้ากลืนไข่มุกลงไปแล้วเข้าไปในแดนมารครั้งที่แล้ว ก็ถูกเผ่าวิญญาณของพวกเราจับเป็นไปอยู่ร่วมกับมารโบราณสองสามตนเป็นเวลาหลายเดือน มารโบราณที่ถูกจับตัวไปเหล่านั้นดูฐานะของข้าไม่ออกเลยสักนิด แต่หากเผชิญหน้ากับเผ่ามารระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หรือเผ่ามารที่มีอิทธิฤทธิ์พิเศษ พวกเราย่อมต้องระวัง ทว่าในแดนมารที่กว้างใหญ่ อัตราที่จะประสบกับสิ่งมีชีวิตระดับนั้นเรียกได้ว่าน้อยมาก ถึงอย่างไรเสียในตำนาน แดนมารโบราณก็ไม่ได้เล็กไปกว่าแดนวิญญาณของพวกเราเลย” หญิงสาวสวมชุดสีเหลืองเอ่ยอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวชุดเหลือง หานลี่และพวกทั้งสามล้วนอดที่จะเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาไม่ได้
“เอาล่ะ ต่อให้วิธีนี้ใช้ได้จริงๆ แต่การที่พวกเราเข้าไปในแดนมารก็ยังคงเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ดี ทั้งสามท่านบอกเหตุผลมาเถิด หากเป็นดังที่พี่หล่งกล่าว โอกาสที่จะทำให้พวกเราพัฒนาระดับมหายาน แม้ว่าจะเหลวไหล ข้าก็อดคิดไม่ได้” หญิงสาวสวมชุดขนนกถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
เมื่อได้ยินหญิงสาวสวมชุดขนนกเอ่ยถึงระดับมหายาน บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงที่เดิมมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก็ตกตะลึง จากนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ครุ่นคิดอันใดต่อ
“หากไม่ใช่เพราะมีโอกาสบรรลุระดับมหายาน สหายทุกท่านคิดว่าข้าและสตรีศักดิ์สิทธิ์ จะทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้หรือ! สหายทั้งสาม เคยได้ยินบ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์หรือไม่?” หลังจากที่บรรพชนตระกูลหล่งหัวเราะเย็นชาออกมา ก็เอ่ยออกมา
“บ่อน้ำชำระวิญญาณ ดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์?”
ไม่ว่าบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิง หรือว่าหานลี่เมื่อได้ยินก็อดที่จะมองสบตากันแล้วเผยสีหน้าฉงนออกมาไม่ได้
กลับเป็นหญิงสาวสวมชุดขนนกที่หน้าเปลี่ยนสี จ้องเขม็งไปยังบรรพชนตระกูลหล่ง แววตาคู่งามฉายแววสว่างวาบ
“หึๆ ดูแล้วเซียนเยี่ยคงเคยได้ยินมาบ้าง ทว่านั่นก็ไม่แปลก เซียนเคยเป็นศิษย์ในนามของท่านอาวุโสมั่ว รู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่ฮุยที่นั่งอยู่ด้านข้างบรรพชนตระกูลหล่ง ฉับพลันเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม
“พี่ฮุยหมายความว่าอย่างไร? หรือว่ามีจุดใดที่ไม่พอใจท่านอาจารย์มั่ว?” หญิงสาวสวมชุดขนนกมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยถามด้วยเสียงน้ำเสียงเย็นชา
“หึๆ ข้าน้อยจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร ทว่าท่านอาวุโสมั่วคงเคยเข้าไปในแดนมารมามากกว่ารอบหนึ่งแล้ว รู้จักบ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์ของแดนมาร ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก” อาวุโสฮุยเอ่ยอย่างราบเรียบ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยคำพูดที่ไม่เคารพนบน้อมต่อสิ่งมีชีวิตระดับมหายานเพียงหนึ่งเดียวของเผ่ามนุษย์
“ข้ารู้จักทั้งสองสิ่งที่ท่านพูด มันไม่เกี่ยวข้องอันใดกับท่านอาจารย์ แต่เป็นเพราะบรรพชนของตระกูลเยี่ยของพวกเราในปีนั้นได้ข่าวนี้มาจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณมารโบราณที่ถูกโจมตีจนตายในเคราะห์มารครั้งนั้น ทว่าข่าวที่ได้มากลับเลือนรางมาก รู้เพียงว่าทั้งสองสิ่งแม้จะไม่มีประโยชน์นักในเผ่ามาร แต่สำหรับเผ่าต่างๆ ในแดนวิญญาณของพวกเราแล้ว กลับดูเหมือนว่าจะมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ” หญิงสาวสวมชุดขนนกยังคงเอ่ยอย่างเย็นชา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูแล้วคงจะเป็นผู้แซ่หล่งที่เข้าใจสหายผิด” อาวุโสฮุยหัวเราะร่าขณะเอ่ย และไม่รู้ว่าเชื่อจริงๆ หรือไม่
บรรพชนตระกูลหล่งได้ยินคำพูดของหญิงสาวสวมชุดขนนกก็เผยสีหน้าครุ่นคิดเล็กๆ ออกมา แต่ยามนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวกลับเอ่ยปากแล้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“บ่อชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์ บางทีสหายทั้งสามอาจจะไม่รู้จัก แต่หากพูดถึง ‘บ่อน้ำแปลงเซียน’ และ ‘ดอกบัวเจ็ดทวาร’ ทุกท่านก็น่าจะคุ้นหูสินะ!”
“อันใด หรือว่าพวกมันเหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ บ่อน้ำแปลงเซียนเป็นสิ่งที่มีแค่ในแดนเซียน ว่ากันว่ามีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรที่บินขึ้นมาถึงจะมีวาสนาดูดซับกระดูกในบ่อเซียนเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างของเซียนวิญญาณ และดอกบัวเจ็ดทวารเป็นบ่อแปลงเซียนที่สามารถเพิ่มพลังรากวิญญาณให้แก่สิ่งมีชีวิตฟ้าดินได้ ว่ากันว่าต่อให้กลืนกินสิ่งนี้ลงไป ก็อาจจะเปิดทวารทั้งเจ็ด ทำให้เป็นอัจฉริยะเหนือคน” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งออกมา จากนั้นก็สั่นศีรษะระรัว ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หานลี่ย่อมฟังออกว่าต้องเป็นของที่อยู่ในตำนานเท่านั้น แน่นอนว่าย่อมต้องตกใจจนสะดุ้งโหยง จ้องเขม็งไป อดที่จะจ้องมองใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวไม่ได้ ดูเหมือนว่าอยากจะตัดสินคำพูดของเขาว่าจริงหรือเท็จ
กลับเป็นหญิงสาวสวมชุดขนนกที่มีสีหน้าเคร่งขรึมไม่เอ่ยอันใด
“บ่อแปลงเซียนและดอกบัวเจ็ดทวาร แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งล้ำค่าเพียงไม่กี่ชิ้นของแดนเซียน แต่ก็ไม่รู้ว่ากี่พันหมื่นปีถึงจะสร้างร่างได้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเป็นสิ่งที่ข้าพูดได้ ทว่าแม้ว่าประสิทธิภาพของทั้งสองจะสู้อย่างหลังไม่ได้ แต่หากทำให้พวกเราเปลี่ยนกระดูกหรือเพิ่มรากวิญญาณขึ้นได้ก็เหลือเฟือแล้ว เพราะว่าก่อนที่บ่อแปลงเซียนและดอกบัวทวารทั้งเจ็ดจะก่อร่าง ก็ต้องสร้างขึ้นจากบ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัวชำระพิสุทธิ์” หญิงสาวชุดเหลืองปัดปอยผมสีเขียวตรงหน้าผาก ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาขณะเอ่ย
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ แต่ในเมื่อล้ำค่าเช่นนี้ เหตุใดแดนวิญญาณของพวกเราถึงไม่มี กลับมาปรากฏที่แดนมาร! และยิ่งไปกว่านั้นเหล่าสหายพบพวกมันอยู่ในแดนมารได้อย่างไร” ครั้งนี้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหานลี่กระตุก แล้วกลับชิงเอ่ยขึ้น
“ข่าวนี้เป็นสิ่งที่ใต้เท้าราชาวิญญาณของแดนเบื้องบนเผ่าวิญญาณแพร่งพรายออกมาด้วยตัวเอง เขาเองก็เคยเข้าไปในแดนมารและได้เห็นทั้งสองสิ่งด้วยตาของตนเอง แต่น่าเสียดายเป็นเพราะเหตุผลอื่น เขาจึงไม่ได้เข้าในไปบ่อวิญญาณ และหนีกลับมาด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นเดียวกับท่านอาวุโสมั่ว ดังนั้นข่าวนี้คงไม่เท็จแน่ ส่วนของล้ำค่าเช่นนี้มาปรากฏที่แดนมารได้อย่างไร ก็มีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ ทว่าจากการคาดเดาของหญิงสาว กว่าครึ่งคงเป็นเพราะว่าไอมารที่ปกคลุมในแดนอื่นของแดนมารผ่านการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลานานถึงได้บีบต้นกำเนิดของไอวิญญาณทั้งหมดออกมาได้ และกำเนิดเป็นบ่อวิญญาณและดอกบัววิญญาณ และเมื่อเทียบกับแดนวิญญาณของพวกเราแล้ว ไอวิญญาณก็ไม่เพียงพอ จึงไม่อาจสร้างของเหล่านี้ได้” หญิงสาวสวมชุดสีเหลืองลังเลเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยคำพูดคาดเดาความลับของติงสวี่จากเผ่าวิญญาณออกมา