คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1849 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนต้น)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1849 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนต้น)
แววตาของหานลี่เปล่งประกายเย็นเยียบ ร่างกายรางเลือนไป
เส้นไหมสีเงินนับสิบเปล่งแสงสว่างวาบทะลุผ่านเรือนร่างของเขา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนกับภาพลวงตาก็ไม่ปาน
จากนั้นแสงสีทองเปล่งประกายเหนือศีรษะของหานลี่ เงาลวงตาสีทองสามเศียรหกกรก็ปรากฏขึ้น ต่างพ่นเสาลำแสงสีทองที่ดูสมจริงออกมาจากกรทั้งหก
“ปัง” เสียงดังสนั่น!
แม้ว่าประจุไฟฟ้าสามสีจะแข็งแกร่งก็ตาม แต่เมื่อถูกโจมตีด้วยลำแสงทั้งหกอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปในเวลาไม่ช้า
และเมื่อเจ้าปีศาจในแสงอัสนีนั้นหมายจะโจมตีอีกครั้ง หานลี่ก็กระพือปีกของเขาและหายตัวไปโดยพลัน
ชั่วอึดใจ ห่างออกไปยี่สิบกว่าจั้ง ก็มีเสียงสายฟ้าดังขึ้น และเงาร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หานลี่ในยามนี้ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้ม แววตากลับฉายแววเย็นเยียบ
“ดูแล้วนายท่านคงคิดจะลงมือจริงๆ เช่นนั้นก็ดี ข้าจะส่งสหายไปเอง นับว่าเป็นการสะสางความแค้นระหว่างเจ้ากับข้า!”
สิ้นเสียง เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งแสงสีทองเรืองรอง ชั่วพริบตาก็ผนึกร่างทองออกมา
หานลี่ปรบมือไปที่ศีรษะอย่างรวดเร็ว หน้าผากเปิดออก ทารกวิญญาณสีดำตนหนึ่งบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นไอสีดำจมหายเข้าไปในร่างทอง
ดวงตาทั้งหกของร่างทองลืมตาขึ้นพร้อมกัน แขนทั้งหกโบกสะบัดไปมา ใบมีดยักษ์สีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นตรงใจกลางฝ่ามือทั้งหกแล้วโบกสะบัดพร้อมกัน เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ไอกระบี่สีทองพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นร่างทองพลันเคลื่อนไหว ร่างเดิมกลายเป็นลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งกระโจนไปหาอสูรประหลาดกลางอากาศ
อสูรประหลาดในลำแสงอัสนีเห็นเช่นนั้นก็ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงแสงอัสนีสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นนอกกาย ในเวลาเดียวกันก็กระพือปีกทั้งสองอีกครั้ง ขนนกจำนวนมากพุ่งออกมาราวห่าธนูกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีฟ้าสับลงมา
แม้ว่าดวงแสงอัสนีและประจุไฟฟ้าสีฟ้าจะมีท่าทางที่น่าตกตะลึง แต่ไอกระบี่สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงมา ชั่วพริบตาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างทองเปล่งแสงสว่างวาบ มาอยู่ตรงหน้าอสูรประหลาด ใบมีดทั้งหกพลิ้วไหว กลายเป็นลำแสงสีทองราวกับล้อรถทั้งหก ห่อหุ้มลงมา
อสูรประหลาดในลำแสงอันสีเห็นสายฟ้าอัสนีไร้ผล แววตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม แขนสองข้างเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นค้อนและกรวย
จากนั้นเสียงกรีดร้องพลันดังสนั่นขึ้น ค้อนและกรวยเริงระบำ มีลำแสงสีทองสดแผ่ออกมา ประจุไฟฟ้าสีทองดีดตัวออกมาพันรัดเขา คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปหาลำแสงสีทองทั้งหกอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
ชั่วพริบตาไอกระบี่ก็ตัดสลับกับสายฟ้า คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะต่อสู้กันไปมา จนไม่อาจแยกแยะได้ในเวลาสั้นๆ
เจ้าของร้านอวี๋ที่อยู่อีกด้าน เห็นอสูรอัสนีไม่อาจทำอันใดหานลี่ได้ ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
แม้ผู้อื่นไม่รู้ แต่เขารู้จักความร้ายกาจของอสูรอัสนีตัวนี้ของตนดี
อย่ามองแค่ว่าสายฟ้าที่อสูรตัวนี้ปล่อยออกมาดูธรรมดา แต่ความจริงแล้วทุกๆ สายล้วนเพียงพอที่จะสังหารผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาคนหนึ่งได้
ยามที่อยู่ในชั้นที่สามของหุบเหวลึก ผู้คุ้มกันที่โชคไม่ดีไล่ตามเขาทัน ก็ถูกอสูรอัสนีตัวนี้ใช้การโจมตีนี้สังหาร
ทว่าแม้ว่าเขาจะตกตะลึง แต่ก็มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กลับกลอกตาไปมาเล็กน้อย ซ่อนฝ่ามือข้างหนึ่งเอาไว้ในแขนเสื้อแล้วร่ายอาคม ในเวลาเดียวกันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แผ่นหลังมีเสียงอึกทึกดังขึ้น แสงห้าสีทะลักออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นเงาลวงตานกยูงขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง!
“เจ้าคือคนของเผ่าห้าสี!” หานลี่มองเห็นฉากนี้ก็มีท่าทีประหลาดใจ
“หึๆ ใช่หรือไม่ สหายทดสอบดูก็รู้” เจ้าของร้านอวี๋หัวเราะอย่างเย็นชา เงาลวงตานกยูงหมุนคว้าง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นทะเลลำแสงห้าสีสีสันงดงาม แล้วม้วนไปยังจุดที่ไกลออกไปด้วยเสียงอันดัง
ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มมืดมัว ราวกับว่าทั้งท้องฟ้าจะพังทลายลงมาก็ไม่ปาน ท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
แทบจะในเวลาเดียวกันเข็มบางๆ สีสันแวววาวสิบกว่าเล่มที่เดิมพุ่งอยู่กลางอากาศ ก็สั่นเทาแล้วพุ่งออกมาอีกครั้ง และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาทั้งสองเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ บนเรือนร่างมีลำแสงสีม่วงปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะแบ่งร่างแยกออกเป็นสีเขียวมรกต ต้านทานอยู่เบื้องหลังของเขาอย่างพอดิบพอดี
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เส้นไหมสีเงินสิบกว่าสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมาจากกลางอากาศ และพุ่งเข้าไปหาเงาลวงตาสีเขียวอย่างเนืองแน่น แต่ราวกับปักไปบนท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น
ยามนี้เงาสีเขียวพลันหม่นแสง ถึงได้มองเห็นใบหน้าของมันอย่างชัดเจน เป็น ‘หานลี่’ อีกคนหนึ่งที่มีผิวสีเขียวมรกต ลวดลายสีม่วง
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็น ‘ร่างวิญญาณ’ ที่หานลี่หลอมขึ้นจากเห็ดเซียน
ร่างวิญญาณนี้ถูกหานลี่ใช้ของเหลวสีเขียวลึกลับบรรจุเข้าไปในร่างเป็นเวลานาน จึงมีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในระดับขั้นต้นที่เต็มเปี่ยมแล้ว ใกล้จะเข้าสู่ระดับขั้นกลาง และเป็นเพราะร่างวิญญาณทำมาจากเห็ดเซียน หลังจากที่บรรลุระดับผสานอินทรีย์แล้ว ก็มีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่อหลายชนิด แม้กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสังหารของหานลี่
หานลี่แบ่งจิตสัมผัสส่วนหนึ่งไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด และใช้โอกาสนี้ทดสอบประสิทธิภาพการรบ
ยามนี้หลังจากที่ร่างวิญญาณตนนี้เปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางเส้นไหมสีเงิน ตรงหน้าอกก็มีลำแสงสีเงินสว่างวาบ เข็มสีเงินสิบกว่าเล่มปักอยู่บนร่างของมันครึ่งเล่ม
แต่สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงก็คือ ผิวสีดำทุกแห่งที่พวกมันปักลงไป จะมีกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งโชยมา
คาดไม่ถึงว่าเข็มสีเงินเหล่านี้จะมีพิษประหลาด และยิ่งไปกว่านั้นพอลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ มันก็บิดเบี้ยวไปมาหมายจะทะลวงเข้าไปในทรวงอกต่อ
แต่ ‘หานลี่’ ผิวสีเขียวกลับแค่นเสียงหึด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทรวงอกมีลายปีศาจสีม่วงปรากฏขึ้น ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเทาขาว เข็มสีเงินเหล่านั้นราวกับปักไปที่เหล็กกล้า ไม่อาจทิ่มเข้าไปได้เลยสักนิด
ไม่ใช่แค่นั้น ‘หานลี่’ ผิวสีเขียวยังก้มหน้าลงเป่าตรงทรวงอก หมู่เมฆสีเขียวมรกตและกลิ่นหอมประหลาดๆ พัดผ่านมา
สถานการณ์ที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!
ทุกแห่งที่หมอกสีเขียวมรกตกวาดผ่านไป ตรงทรวงอกเดิมที่เป็นสีดำสนิทหายวับไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเข็มสีเงินสิบกว่าเล่มพลันสั่นเทา และถูกหมอกลำแสงดึงออก อันหนึ่งกลับหัวบินกลับไปโดยมีลำแสงห่อหุ้มอยู่ ถูก ‘หานลี่’ ผิวสีเขียวกลืนลงไป
เจ้าของร้านอวี๋ที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจแต่ก็ตกตะลึง
ทว่าหลังจากที่เขามีแววตาลนลานฉายวาบผ่าน กลับกัดฟัน ไม่เพียงไม่ได้มีเจตนาจะเก็บเคล็ดวิชา กลับใช้สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว พลังปราณในร่างทะลักออกมา
หมอกห้าสีที่เดิมมีท่าทีน่าตกตะลึง ก็ส่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และหมุนวนจนกลายเป็นเขตอาคมลึกลับ ทั่วทั้งท้องฟ้าจนมาถึงเหนือศีรษะของหานลี่
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าพลันมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน
เขาฝึกฝนคาถาตื่นจากจำศีล และมีโลหิตของนกยูงห้าสีเช่นกัน แน่นอนว่าจึงเข้าใจอิทธิฤทธิ์ของลำแสงเทวะห้าสีของเผ่าห้าสีเป็นอย่างดี
แต่ความน่ากลัวของทะเลลำแสงห้าสีตรงหน้าไม่เหมือนกับลำแสงเทวะที่เขาเข้าใจ อานุภาพดูเหมือนจะมากกว่าหลายเท่า
หากไม่ใช่เพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนกยูงห้าสีที่คุ้นเคยในทะเลลำแสง จนแทบคิดว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ไม่แตกต่างกัน
มิน่าล่ะบุรุษร่างกายผ่ายผอมเผชิญหน้ากับเขาที่ระดับสูงกว่าขั้นหนึ่ง จึงได้ลงมืออย่างไม่ลังเล แค่ความน่ากลัวของลำแสงเทวะห้าสี เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางทั่วๆ ไปคงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว
หากผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ปกติถูกทะเลหมอกวาดไป แล้วถูกกักเอาไว้ในเขตอาคม คงไม่อาจหลุดพ้นออกมาง่ายๆ
แต่หานลี่ก็เงยหน้าขึ้นมองทะเลลำแสงห้าสีตรงหน้าด้วยแววตาที่เปล่งประกาย หลังจากที่สีหน้าตกตะลึงสลายหายไป กลับเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ร่างที่อยู่ข้างกายเปล่งแสงสว่างวาบ ผสานร่างที่แยกออกมาอีกครั้งราวกับภาพลวงตา
ส่วนร่างของหานลี่เดิมกลับหมุนวนอยู่บนพื้น ผิวเปล่งแสงห้าสีสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นนกยูงห้าสีความยาวสองสามจั้งตัวหนึ่ง
จากนั้นทะเลลำแสงห้าสีก็ส่งเสียงอึกทึกแล้วร่อนลงมา กลืนกินหานลี่ที่กลายเป็นนกยูงห้าสีเข้าไป
แต่ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะยาวๆ ก็ดังออกมาจากทะเลลำแสงห้าสี จากนั้นนกยูงห้าสีก็กระพือปีก คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งออกมาจากทะเลลำแสง เขตอาคมที่ผสมอยู่ในทะเลลำแสงห้าสี ดูเหมือนจะไม่มีผลต่อเขาเลยสักนิด
แม้ว่าเขาจะแปลงกายเป็นนกยูงห้าสีก็ไม่อาจปล่อยลำแสงเทวะห้าสีที่ร้ายกาจเท่าอีกฝ่ายแม้เพียงครึ่ง แต่ภายใต้อิทธิฤทธิ์เดียวกัน ใช้ลำแสงเทวะปกป้องร่างกาย กลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
“ห้าสีแปลงกาย! เจ้าก็เป็นคนของเผ่าห้าสี? ไม่สิ หากเป็นคนของเผ่าห้าสีจริง สิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร! หรือว่าคือ…เยี่ยมๆ ไม่ว่าเจ้าจะใช่คนที่เจ้าพวกนั้นส่งมาหรือไม่ ต่อให้ข้าต้องเสียพลังปราณไปร้อยกว่าปี ก็ต้องสังหารเจ้าให้ได้” เจ้าของร้านอวี๋ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่หลังจากเอ่ยพึมพำ ก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นดูไม่ได้ แม้กระทั่งค่อยๆ โหดเหี้ยมน่าหวาดกลัว ดูเหมือนจะนึกอันใดที่ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังได้
สิ้นเสียงบุรุษร่างกายผ่ายผอมก็ยกมือขึ้น ชี้ไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างชั่วร้าย
ทะเลลำแสงห้าสีที่แต่เดิมกำลังมุ่งวนส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นออกมา มีหมอกสีสันงดงามม้วนวนไปหาใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นดวงแสงห้าสีขนาดยักษ์ แต่ทันใดนั้นดวงแสงนี้ก็หมุนคว้าง กลายเป็นเงาลวงตาของนกยูงความยาวร้อยจั้งตัวหนึ่ง
แต่เทียบกับเงาลวงตาของนกยูงห้าของหานลี่แล้ว ร่างกายย่อมดูแตกต่างกันมาก
แต่เงาลวงตานกยูงยักษ์กลับไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีหานลี่ กลับกระพือปีกทั้งสองข้าง คาดไม่ถึงว่าจะเคลื่อนย้ายกายหายไปในพริบตา แต่ครู่ต่อมาหมอกลำแสงห้าสีใต้ฝ่าเท้าของเจ้าของร้านอวี๋ก็หมุนวน เงาลวงตาของนกยูงปรากฏขึ้น
จากนั้นสองเท้าของบุรุษก็แตะไปที่เงาลวงตาใต้ฝ่าเท้าเบาๆ ฉับพลันนั้นนิ้วทั้งสิบก็ร่ายไปทางตนอย่างต่อเนื่อง ลำแสงประหลาดสิบกว่าสายเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขา
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ใต้ฝ่าเท้าของบุรุษร่างกายผ่ายผอมเริ่มละลายไป พริบตาร่างทั้งร่างก็จมเข้าสู่นกยูงด้านล่าง และนกยูงที่เดิมเป็นแค่ภาพลวงตา ก็ส่งเสียงเพรียกสดใส อักขระห้าสีก่อตัวขึ้นเป็นเขตอาคม พยายามทะลักเข้ามาในร่าง ร่างกายมหึมากลายเป็นของจริงในพริบตา
ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายที่น่ากลัวของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายก็ทะลักออกมาจากร่างของนกยูงยักษ์อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว
พลังปราณฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้พุ่งเข้ามาภายใต้กลิ่นอายนี้ คาดไม่ถึงว่าพายุหมุนจะหมุนวนกลายเป็นเส้นไหมลำแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ทยอยกันบรรจุเข้าไปในร่างของนกยูงยักษ์
กลิ่นอายในร่างของนกยูงยักษ์ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในสภาวะสูงสุดของระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ปีกทั้งสองแค่กระพือ ก็ทำให้บรรยากาศรอบๆ รางเลือน ในเวลาเดียวกันอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศรอบๆ ท่าทางมีอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้