คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1856 การเปลี่ยนแปลง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1856 การเปลี่ยนแปลง
“หากพี่หานมาเพื่อสิ่งนี้จริงละก็เกรงว่าคงยาก” หยวนเหยากลับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“แม่หญิงหยวนหมายถึงอันใดหรือว่าท่านอาวุโสเจียงเปลี่ยนจุดประสงค์ในนมเทวะแม่น้ำยมโลก!” หานลี่ได้ยินก็ตกตะลึง
“ท่านพ่อบุญธรรมเป็นคนระดับใด เรื่องที่ตอบรับตั้งแต่แรกย่อมไม่มีทางเสียใจในภายหลัง แต่แค่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป แม้แต่ท่านพ่อบุญธรรมก็ไม่อาจควบคุมได้ หากจะกล่าวให้ละเอียดก็ต้องรอกลับไปที่พัก ท่านพ่อบุญธรรมย่อมอธิบายให้พี่หานฟังแน่ น้องหญิงจะไม่พูดมาก ทว่าพี่หานเองจะไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ใช่ว่าจะปรึกษากันไม่ได้” น้ำเสียงของหยวนเหยาเปลี่ยนไปพลางเอ่ยอย่างมีเลศนัย
หานลี่ฟังมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกงุนงง หลังจากพยักหน้าก็ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปโดยไม่พูดอันใดอีก
หยวนเหยารู้ว่าหานลี่กำลังขบคิดถึงคำพูดของตัวเอง จึงไม่เอ่ยปากรบกวนหานลี่อีกอย่างรู้จักวางตัว แค่ส่งยิ้มน้อยๆ คอยอยู่เคียงข้างหานลี่
ส่วนชิงหยวนจื่อก็บินอยู่ข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง
ดังนั้นลำแสงหลีกหนีทั้งสามจึงหายวับไปที่ขอบฟ้า
จุดที่หานลี่และเจ้าของร้านอวี๋ต่อสู้กันจึงว่างเปล่า!
ครึ่งวันต่อมาในที่สุดทั้งสามคนก็กลับมาถึงที่พักของชิงหยวนจื่อ
หานลี่ตามเข้าไปในถ้ำพำนักและมาถึงห้องโถงที่คุ้นเคย
ยามนี้คนตัวเล็กสีเขียวกำลังบิดขี้เกียจฉับพลันนั้นผิวก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบกลายเป็นคนที่มีรูปร่างเท่าคนทั่วไป จากนั้นก็นั่งลงบนตำแหน่งหลักอย่างสง่าผ่าเผยและเอ่ยกับหานลี่อย่างราบเรียบ
“ยามนี้เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีก นั่งลงเถอะ”
“ขอบพระคุณท่านอาวุโส!” หานลี่คารวะอย่างมิกล้าดูแคลนแล้วจึงนั่งลง
กลับเป็นหยวนเหยาที่พลิ้วกายมายืนอยู่ด้านหลังชิงหยวนจื่ออย่างคล่องแคล่ว
ยามนี้หญิงสาวชุดขาวใบหน้ากลมมนอีกคนหนึ่งก็ถือชาวิญญาณสองสามถ้วยเข้ามา วางถ้วยชาลงตรงหน้าของหานลี่แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย “คารวะพี่หาน คิดไม่ถึงว่าพี่หานจะกลับมาเร็วเช่นนี้!”
สตรีผู้นี้ก็คือเหยียนลี่!
“ที่แท้ก็เซียนเหยียน ไม่พบกันหลายปีเซียนยังคงงดงามเหมือนเก่า!” หานลี่มองเหยียนลี่แวบหนึ่งแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“น้องหญิงมีร่างครึ่งภูติหน้าตาย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เอ๋ กลับเป็นสหายที่ดูเหมือนจะมีพลังยุทธ์ลึกล้ำขึ้น คาดไม่ถึงว่าน้องหญิงจะมองระดับพลังไม่ออก หรือว่าพี่หานบรรลุระดับผสานอินทรีย์แล้ว?” เหยียนลี่อมยิ้มพร้อมตอบกลับพิจารณาหานลี่อย่างละเอียดสองแวบแล้วก็เอ่ยถามด้วยหน้าถอดสี
ยามนี้ระดับพลังยุทธ์ของเหยียนลี่ก็อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นต้นแล้ว แต่อาศัยแค่จิตสัมผัสแล้วจะมองระดับผสานอินทรีย์ของหานลี่ออกย่อมเป็นไปไม่ได้
“ข้าน้อยโชคดีพัฒนาระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางแล้ว!” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ระดับผสานอินทรีย์แถมยังอยู่ระดับขั้นกลางแล้ว!”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของหานลี่พลันตกตะลึง
“เอาล่ะ เหยียนลี่! หากอยากคุยเล่นรอให้ตาเฒ่ากับเจ้าเด็กแซ่หานคุยกันเสร็จค่อยคุยนานเท่าใดก็ได้” ชิงหยวนจื่อกลับเอ่ยอย่างหมดความอดทน
“เจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์เสียกิริยาไปหน่อย” ในที่สุดเหยียนลี่ก็ได้สติกลับคืนมาแล้วรีบร้อนทำความเคารพ จากนั้นก็ส่งชาวิญญาณอีกถ้วยในมือให้กับชิงหยวนจื่อ ส่วนคนก็ไปยืนอยู่ด้านข้างหยวนเหยา
“หานลี่ ตาเฒ่าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาปรากฏตัวในยามนี้ ดังนั้นทารกวิญญาณหลักจึงยังคงกักตนเรียนรู้อิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ ไม่อาจใช้ร่างจริงมาพบเจ้าได้” ชิงหยวนจื่อพลันเอ่ยกับหานลี่
“มิกล้า ท่านอาวุโสกำลังฝึกฝนอยู่ในช่วงสำคัญ ใช้ร่างแยกทารกวิญญาณมาพบก็เป็นเกียรติแก่ชนรุ่นหลังแล้ว” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ ชิงหยวนจื่อก็พยักหน้าจากนั้นกลับเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา
“ในเมื่อเจ้าใช้อาวุธที่ข้ามอบให้กลับมาที่แม่น้ำยมโลก ดูแล้วก็น่าจะรวบรวมวัตถุดิบที่ข้าต้องการได้ไม่น้อยแล้ว มีเท่าไหร่ล่ะ? ขอแค่เจ้ารวบรวมได้สองในสามส่วน ตาเฒ่าก็จะนับว่าเจ้าทำภารกิจสำเร็จ”
“รายงานท่านอาวุโสเจียง นี่คือวัตถุดิบที่ชนรุ่นหลังรวบรวมมาได้ทั้งหมด มันอยู่ในกำไลเก็บของวงนี้ เชิญท่านอาวุโสตรวจสอบด้วยตนเองขอรับ” หานลี่ไม่ได้ตอบคำถามโดยตรงแต่พลิกฝ่ามือหยิบกำไลเก็บของสีเขียวมรกตออกมาพลางยืนขึ้นส่งให้ชายชรา
“หึๆ สหายหานมั่นใจมาก ดูแล้วคงรวบรวมได้ไม่น้อย เช่นนั้นก็เอามาให้ตาเฒ่าดูแล้วค่อยว่ากัน” ชิงหยวนจื่อเห็นท่าทางของหานลี่ไม่เพียงแต่ไม่โกรธแต่กลับยินดี ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาและตะปบมือข้างหนึ่งออกไปอย่างไม่เกรงใจคว้ากำไลเก็บของเอาไว้
ดังนั้นสิ่งมีชีวิตระดับมหายานผู้นี้จึงหลับตาทั้งสองข้างลงเริ่มใช้จิตสัมผัสตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในกำไลเก็บของอย่างละเอียดต่อหน้าหานลี่
เมื่อเห็นการกระทำของชิงหยวนจื่อ หยวนเหยาและเหยียนลี่ก็อดที่จะมองไปพร้อมกันไม่ได้
แม้ว่าพวกนางจะไม่อาจใช้จิตสัมผัสตรวจสอบวัตถุดิบในกำไลเก็บของแต่จากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชิงหยวนจื่อก็ดูออกว่าวัตถุดิบเหล่านี้ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับมหายานผู้นี้พึงพอใจ
กลับเป็นหานลี่ที่มีสีหน้าราบเรียบมาก ท่าทางเยือกเย็น
จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ของชิงหยวนจื่อ วัตถุดิบในกำไลเก็บของมากแค่ไหนก็ไม่มีทางใช้เวลามากมายได้
เห็นเพียงยามแรกเขามีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีสีหน้าตกตะลึง
สุดท้ายเมื่อเวลาไหลผ่านไป ในที่สุดชายชราก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา
หยวนเหยาเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลง แต่ในเวลาเดียวกันก็หันหน้าไปมองหานลี่ด้วยความสนใจ
ยามนี้นางมีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมของชิงหยวนจื่อ นางจึงรู้รายการวัตถุดิบที่มอบให้หานลี่อยู่บ้าง
วัตถุดิบส่วนใหญ่ในรายการนั้นเป็นของล้ำค่าที่ทำให้นางตกตะลึงอยู่นานและกังวลว่าหานลี่จะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ
แต่ยามนี้ดูจากท่าทางของชิงหยวนจื่อ หานลี่ย่อมรวบรวมวัตถุดิบในรายการมาได้กว่าครึ่งแน่ มิเช่นนั้นคงไม่อาจทำให้เขาเสียกิริยาเช่นนี้ได้
ถึงอย่างไรเสียรายการที่ท่านพ่อบุญธรรมมอบให้หานลี่ก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก ความจริงแล้วก็ไม่ได้หวังว่าหานลี่จะทำสำเร็จ แค่โอบกอดความหวังเอาไว้เท่านั้น
และวัตถุดิบเหล่านี้มีความสำคัญต่อชิงหยวนจื่อที่ไม่อาจออกจากแม่น้ำยมโลกแค่ไหน แค่คิดก็รู้แล้ว
เหยียนลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างหยวนเหยาก็มองหานลี่ด้วยความตกตะลึงเช่นกัน แววตามีความสับสนอยู่รางๆ
“เยี่ยม เยี่ยมมาก นอกจากวัตถุดิบสองสามชนิดที่แม้แต่ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะหาได้ เจ้ากลับรวบรวมวัตถุดิบที่ข้าต้องการมาได้จนครบ ช่างทำให้ตาเฒ่าประหลาดใจเสียยิ่งกระไร เช่นนี้เคราะห์อัสนีหลังจากนี้ตาเฒ่าก็มั่นใจว่าจะผ่านไปได้มากขึ้นสองส่วนแล้ว” ชิงหยวนจื่อลืมตาทั้งสองข้างขึ้นแล้วเอ่ยกับหานลี่ด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“วัตถุดิบเหล่านี้ทำให้ท่านอาวุโสเพิ่มอัตราการผ่านเคราะห์อัสนีได้แค่สองส่วนหรือ?” หานลี่ได้ฟังกลับเอ่ยถามด้วยความตกใจ
ต้องเข้าใจด้วยว่าวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่หายากในแดนวิญญาณ และหนึ่งในนั้นยังมีสิ่งที่รวบรวมได้แค่ในสวนสมุนไพรต้องห้ามของแดนกว้างเย็นอยู่ด้วย หานลี่รู้สึกแม้กระทั่งว่าวัตถุดิบจำนวนไม่น้อยเหล่านี้น่าจะสูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณแล้ว
“หึๆ สหายหานไม่รู้อันใด ผู้ที่มาถึงจุดเดียวกันกับข้าขั้นตอนการต้านทานเคราะห์อัสนีธรรมดาย่อมไม่มีผล ผู้ที่จะยืมพลังภายนอกมาใช้ได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน วัตถุดิบเหล่านี้เพิ่มอัตราการผ่านเคราะห์อัสนีให้ข้าได้สองส่วนก็เป็นผลจากการคำนวณมามากมายของตาเฒ่าแล้ว เอาล่ะเรื่องนี้พักเอาไว้ก่อน เรื่องที่ตาเฒ่าเคยตอบรับเจ้า ขอแค่เจ้านำวัตถุดิบมาส่งตาเฒ่าได้ ตาเฒ่าย่อมจะมอบนมของแม่น้ำยมโลกให้เจ้าเป็นการตอบแทน สหายยามนี้คิดหาวัตถุดิบอื่นมาแทนที่นมแม่น้ำยมโลกได้หรือไม่? หากสหายมีใจ ตาเฒ่าย่อมใช้ของที่มีมูลค่าไม่น้อยไปกว่ากันมาแลกเปลี่ยนให้ได้” ชิงหยวนจื่อเก็บกำไลเก็บของอย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาวุโสน่าจะรู้ หลังจากที่บรรลุระดับผสานอินทรีย์ นมวิญญาณเหล่านี้ย่อมมีความสำคัญในการบรรลุระดับขั้นของชนรุ่นหลัง นมแม่น้ำยมโลกเป็นสิ่งชนรุ่นหลังต้องเอามาให้ได้” เพราะว่าก่อนหน้านี้หยวนเหยาได้ส่งสัญญาณลับๆ ให้แล้ว ดังนั้นเมื่อหานลี่ได้ยินคำพูดของชายชราก็ใจหายวาบแต่ก็ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“อ๋อ หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าคงต้องเสียเวลาหน่อย” ชิงหยวนจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ปฏิเสธแต่เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา กำลังขบคิดอันใดอยู่
“ดูเหมือนท่านอาวุโสกำลังจะลำบากใจ มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ บอกชนรุ่นหลังได้หรือไม่? ข้าจำได้ว่าในมือของท่านอาวุโสมีนมของแม่น้ำยมโลกอยู่ตั้งนานแล้วมิใช่หรือ!” หานลี่แววตาเปล่งประกายแล้วเอ่ยถามไปตรงๆ
“อืม จะว่าไปแล้วหากสหายหานมาเร็วกว่านี้สักร้อยปี หรือช้ากว่านี้สักสองสามร้อยปีตาเฒ่าก็จะไม่ลำบากใจเช่นนี้ นมวิญญาณในมือของตาเฒ่าถูกคนอื่นยืมไปใช้แล้ว หากรออีกสองสามร้อยปีตาเฒ่าอาจจะเอากลับมาได้” หลังจากที่ชิงหยวนจื่อกระแอมไอออกมาเบาๆ ก็เอ่ยออกมาอย่างจนปัญญา
“ถูกคนอื่นยืมไป?” หานลี่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี
“ใช่แล้ว ผู้ที่ยืมไปคืออาวุโสของเผ่าแมลงเม่าที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตาเฒ่า ตอนแรกที่ตาเฒ่าแอบเข้ามาในนี้ได้ก็เพราะเขาออกหน้าช่วย ดังนั้นยามที่ยืมนมของแม่น้ำยมโลกในตอนแรกตาเฒ่าจึงไม่อาจปฏิเสธได้” ชิงหยวนจื่อเอ่ยอย่างแช่มช้า
หานลี่ได้ฟังย่อมมีสีหน้าลำบากใจ
“ทว่าสหายหานโปรดวางใจ ในเมื่อเจ้าอยากได้นมของแม่น้ำยมโลกก็ไม่ใช่ว่าจะเอามาไม่ได้” ชิงหยวนจื่อพลันเอ่ยอีกครั้งด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ท่านอาวุโสหมายความว่าอย่างไร? ยังมีที่อื่นที่จะเอานมวิญญาณมาได้หรือ?” หานลี่มีสีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยถามด้วยความดีใจ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่านมวิญญาณของแม่น้ำยมโลกจะล้ำค่าทุกครั้งที่ผลิตออกมาตาเฒ่าจะแบ่งออกมา แต่แดนนี้ยังมีผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์อาศัยอยู่อีกสองสามคน พวกเขาก็ต้องแบ่งไปเช่นกันโดยพื้นฐานแล้วนมวิญญาณทั้งหมดครึ่งหนึ่งจะถูกคนของเผ่าแมลงเม่าเอาไป อีกครึ่งจะถูกพวกเราแบ่งกันอย่างเท่าเทียม แต่แค่คนเหล่านี้มีนิสัยแปลกประหลาดชาญฉลาดไม่น้อยกว่าตาเฒ่า จึงไม่ค่อยคบค้ากับตาเฒ่า ข้าทำได้เพียงต้องไปหาถึงที่ถึงจะรู้ว่าจะขอนมวิญญาณมาได้หรือไม่ ทว่าสหายโปรดวางใจแม้ว่าจะไม่อาจเอานมวิญญาณมาได้ตาเฒ่าก็จะจ่ายค่าตอบแทนที่สหายพึงพอใจไม่มีทางที่จะทำให้สหายเสียเปรียบแน่” ชิงหยวนจื่อเอ่ยอย่างมีแผนการ