คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1873
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สีหน้าหานลี่ขยับ เขาลืมตาทั้งคู่อีกครั้ง
มองจากกำแพงเมืองมหึมาตระกูลหล่งเห็นเพียงแสงสีทองลูกหนึ่งบินพุ่งฉวัดเฉวียนออกไป ชั่วครู่หนึ่ง ก็ลอยมาอยู่เหนือท้องฟ้าใกล้กับหานลี่
ในขณะที่แสงสีทองส่องไหว ทันใดนั้นเงาร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น
นั่นก็คือผู้อาวุโสตระกูลหล่งผู้นั้นซึ่งไม่ได้พบกันมานานหลายปี
ในตอนนี้เขากำลังร่อนลงมาจากที่สูง กำลังใช้สายตาคาดคะเนหานลี่ด้วยใบหน้าอันนิ่งเฉย
“คารวะพี่หล่ง!” หานลี่ลุกขึ้นยืน ประสานมือคำนับเบาๆ ไปยังท้องฟ้าด้วยท่าทีสุขุม
“ได้ยินว่าสหายหานเข้าสู่ระดับประสานอินทรีย์ช่วงปลายแล้ว เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ ตอนนี้ได้เห็นตัวจริง ถึงได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นความจริง สหายฝึกบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วเสียยิ่ง เกรงว่าทั้งในอดีตหรือภายภาคหน้าคงหาคู่เทียบเทียมด้วยไม่ได้ แม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดก็ยังไม่อ่านหาคนเทียบด้วยได้อย่างเด็ดขาด” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งพูดขึ้นด้วยสายตาประหลาดใจ
“พี่หล่งชมเกินไปแล้ว ครั้งนี้ที่ออกมาพบกันคงไม่ใช่เพียงเพราะคุยเรื่องความเร็วในการฝึกบำเพ็ญเพียรหรอกกระมัง” เมื่อได้ยินคำชมของอีกฝ่าย หานลี่ก็ได้แต่พูดออกมาเสียงเรียบ
“ย่อมไม่ใช่แน่นอน แต่เกรงว่าคงไม่จำเป็นให้ข้าต้องถามอะไรมาก ในเมื่อพี่หานเข้าสู่ระดับช่วงกลางแล้ว เห็นได้ชัดว่าคงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมเดินทางสู่แดนวิญญาณแล้ว” มุมปากผู้อาวุโสตระกูลหล่งยกขึ้น พูดขึ้นด้วยใบหน้าดูประหลาดเล็กน้อย
“ไม่เลว ครั้งนี้ข้าได้ตัดสินใจเข้าร่วมจริงๆ ทว่าเรื่องสำคัญไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นข้อแลกเปลี่ยนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะตกลงกลับท่านพี่หล่ง” หานลี่กอดอก พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“แลกเปลี่ยนอะไรหรือ” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งได้ยิงก็สะดุ้ง รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
“ได้ยินว่าตระกูลหล่งสามารถใช้โลหิตมังกรเที่ยงแท้เป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อหลอมยาชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “โอสถวิญญาณมังกร” มีประโยชน์ต่อการทะลุผ่านคอขวดในการบําเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์สำหรับข้า และสกุลของท่านยังดูเหมือนจะสร้างเรือยักษ์ค้ำสวรรค์ที่ร่ำลือกันอีกด้วย” หานลี่ไม่ได้ตอบกลับไปโดยตรง แต่ถามกลับสองเรื่องด้วยแววตาส่องประกาย
“เป็นเช่นนั้นจริง หรือว่าสหายจะสนใจของสองสิ่งนี้ น่าเสียดายจริง ของทั้งสองสิ่งนี้ ข้าไม่สามารถนำออกมาแลกเปลี่ยนกับใครได้เป็นอันขาด” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งได้ยิน ก็ยิ้มแหยแล้วพูดตอบกลับ
“แลกเปลี่ยนไม่ได้เป็นอันขาดหรือ! พี่หล่งไยต้องพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ เพียงแต่ว่าต้องดูสิ่งที่จะนำมาแลกนั้น ต้องสามารถทำให้อีกฝ่ายสนใจได้ก็เท่านั้น” หานลี่หัวเราะลั่น ท่าทีดูมีความคิดอยู่ในใจ
“อ๋อ ฟังน้ำเสียงของสหายแล้ว คงคิดว่ามีของที่จะทำให้ข้าสนใจได้สินะ” ผู้อาวุโสสกุลหล่งรู้สึกสะกิดใจ แต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉย
“ได้ยินว่าสหายหล่งอยู่ในจุดคอขวดของช่วงปลายมานานถึงหมื่นปีแล้ว ไม่รู้ว่าสหายจะรู้สึกสนใจกับสิ่งที่จะช่วยให้ทะลุผ่านจุดคอขวดช่วงปลายได้หรือไม่” หานลี่หัวเราะเสียงเบาแล้วพูดต่อ
“ยาลูกกลอนที่ช่วยทะลุผ่านช่วงปลายหรือ! สหายมีของสิ่งนั้นหรือ…แต่ว่า ต้องดูว่าเป็นยาชนิดใด หากมีฤทธิ์เพียงเล็กน้อย ก็คงไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรกับข้านัก” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งรู้สึกแปลกใจเป็นการใหญ่ แต่ชั่วพริบตาเดียว ก็กลับมาพูดตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอีกครั้ง
“สหายดูของสิ่งนี้ก่อนค่อยว่าแล้วกัน” หานลี่ยิ้มอย่างภาคภูมิ เขย่าถุงในแขนเสื้อ พริบตาเดียวขวดหยกขนาดเท่าหัวแม่โป้งขวดหนึ่งก็กระเด็นออกมา พุ่งตรงไปยังผู้อาวุโสตระกูลหล่ง
ผู้อาวุโสตระกูลหล่งหรี่ตาทั้งคู่ กวักมืออันหนาข้างหนึ่งเบาๆ แล้วดึงขวดใบเล็กนั้นไปทันที
“นี่มัน…”
เมื่อใช้ดวงจิตกวาดส่องไปยังขวดใบเล็ก ผู้อาวุโสตระกูลหล่งก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่างเข้า แต่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อรีบเปิดขวดนั้นออกอย่างรีบร้อน แล้วเอาปากขวดมาจรดจมูก สูดเข้าไปหนึ่งที
“น้ำนมทางช้างเผือกหรือ? ไม่สิ ไม่ค่อยเหมือน ดูเหมือนจะมีฤทธิ์รุนแรงกว่าน้ำนมวิญญาณที่เล่าลือกันเล็กน้อย จะดูไปก็เหมือนวารีเซียนบริสุทธิ์ แต่สีก็ไม่ค่อยจะเหมือนกันนะ” ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลหล่งที่นิ่งขึ้นในตอนแรก แสดงสีหน้ายินดีออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
“ว่าอย่างไรกัน น้ำนมวิญญาณยมโลกนี้คงมีประโยชน์กับสหายกระมัง” หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็ตอบกลับยังไม่รู้สึกแปลกใจ
“ของสิ่งนี้คือน้ำนมวิญญาณยมโลก ทำไมข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่น้ำนมวิญญาณนี้มีฤทธิ์ไม่เลวเลยทีเดียว น่าจะมีประโยชน์ต่อการทะลุผ่านจุดตันของข้าบ้างจริงๆ แต่สหายคงไม่ได้มีแค่จำนวนไม่กี่หยดในขวดนี้หรอกกระมัง หาไม่แล้ว ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ช่วยข้าได้เพียงน้อยนิด” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งปรับสีหน้าคืนสู่ปกติ แล้วถามขึ้นราวกับมีความคิดอยู่ในใจ
“แน่นอน ผู้น้อยยังมีเต็มๆ อีกหนึ่งขวด แต่ข้าต้องการแลกกับโอสถวิญญาณมังกรหนึ่งขวดในปริมาณเท่ากันและเรือยักษ์ทรงพลังอีกหนึ่งลำ” หานลี่ยิ้มบาง เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ขวดสีเขียวใบเล็กอีกขวดหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ประคองไว้เล็กน้อยแล้วพูดกับผู้อาวุโสตระกูลหล่ง
“สหายช่างตั้งราคาสูงเสียจริง โอสถวิญญาณมังกรตระกูลหล่งของพวกเราแม้ว่าจะมีฤทธิ์น้อยกว่าน้ำนมวิญญาณยมโลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนะ สหายหานยังคิดที่จะแลกกับเรือยักษ์ค้ำสวรรค์อีกลำด้วย ไม่คิดว่ามันจะเกินไปหน่อยหรือ! ” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งสีหน้าเปลี่ยน พูดขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคืองเล็กน้อย
“สำหรับเรื่องนี้ ข้ารู้ดี แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทั้งสองสิ่งนั้นต่างกันมาก น้ำนมวิญญาณยมโลกของข้า ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์มีเพียงหนึ่งขวดนี้เท่านั้น น้ำนมวิญญาณอื่นก็ล้วนถูกข้าดื่มไปหมดแล้ว หาไม่แล้วคงไม่มีระดับการบำเพ็ญเพียรมาถึงขั้นนี้ได้ หรือแม้กระทั่งทั่วทั้งดินแดนเฟิงหยวนจะมีขวดที่สองหรือเปล่ายังต้องพูดกันอีกที แต่ถ้าว่าโอสถวิญญาณมังกรของตระกูลท่านสามารถหลอมขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่ขาด หากจะพลาดน้ำนมวิญญาณหนึ่งขวดในมือข้านี้ ข้ากล้ารับประกันว่าชั่วทั้งชีวิตของสหายคงไม่มีทางที่จะได้เห็นขวดที่สองอย่างแน่นอน และแม้แต่โอสถวิญญาณมังกรนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ตระกูลหล่งไม่ขาย แต่อาจเล็ดลอดออกไป ข้าก็เพียงต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวังที่จะหามันมาได้” หานลี่พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ พี่หานช่างเจรจาต่อราคาเก่งยิ่งนัก แต่วิธีเช่นนี้นำมาใช้กับข้า สหายนับว่ามาเจอคนผิดแล้ว ต่อให้สหายจะใช้วาจาคมคายมาหว่านล้อม หากไม่มีสิ่งของมีค่าเทียมกัน ข้าก็ไม่มีวันจะทำการแลกเปลี่ยนนี้เด็ดขาด” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งแค่นเสียง ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่สักน้อย
หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วทั้งคู่ แต่ก็ปรับสีหน้ากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อสหายหล่งไม่ได้ใส่ใจน้ำนมวิญญาณยมโลกนี้ เช่นนั้นข้อแลกเปลี่ยนของข้าก็ถือว่าเป็นโมฆะเสียแล้วกัน น้ำนมวิญญาณไม่กี่หยดนั้น ถือว่าข้ามอบให้สหายเป็นของขวัญก็แล้วกัน”
หานลี่พูดจบก็ประสานมือทั้งคู่คำนับ ร่างกายเปล่งแสงวิญญาณหนึ่งที จากนั้นก็หันกายจากที่แห่งนั้นไป
“ช้าก่อน!” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งเห็นท่าทีของหานลี่ ก็สีหน้าเปลี่ยน รีบออกปากบอกให้หยุดทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมหรือ พี่หล่งเปลี่ยนความคิดแล้วหรือ!” เงาร่างหานลี่หยุดลงทันที จากนั้นก็ค่อยๆ หันกายกลับ แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าอมยิ้ม
“ฮึ ด้วยฐานะของเจ้า ไยจะต้องมาเล่นปาหี่จงใจหยอกแกล้งการเช่นนี้ด้วยเล่า น้ำนมวิญญาณยมโลกของเจ้ามีประโยชน์ต่อข้าอย่างมากจริงๆ แต่เจ้าตั้งค่าสูงตั้งแต่แรกเช่นนี้เช่นนี้จะไม่ดูเกินไปหน่อยหรือ หากคิดจะแลกกับโอสถวิญญาณมังกรของข้าและเรือยักษ์ค้ำสวรรค์อีกหนึ่งลำ ต้องเพิ่มสิ่งของที่คล้ายกันกันหรือว่าจะจ่ายเพิ่มด้วยศิลาวิญญาณจำนวนหนึ่งก็ได้ ค่าของมันยังน้อยกว่าเรือยักษ์ค้ำสวรรค์อยู่เล็กน้อย” สายตาผู้อาวุโสตระกูลหล่งเป็นประกาย เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ได้ หากเป็นเงื่อนไขเช่นนี้ ข้าก็จะลองคิดดู เอาเช่นนี้แล้วกัน นอกจากน้ำนมวิญญาณยมโลกแล้ว ข้าจะใช้วัตถุดิบจำนวนหนึ่งราคากว่าร้อยล้านศิลาวิญญาณมาแลกกับเรือยักษ์หนึ่งลำ ท่านว่าเช่นใด” หานลี่เอามือลูบคาง แล้วเสนอราคาที่ใกล้เคียงกับขั้นต่ำสุดที่จะรับได้ของตระกูลหล่งออกมา
“วัตถุดิบมีค่าร้อยล้านศิลาวิญญาณ มันคือวัตถุดิบอะไรกัน” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งแก้มกระตุก ถามต่อหนึ่งประโยค
“ข้ามีรายชื่ออยู่ม้วนหนึ่ง พี่หล่งลองดูก่อนได้” หานลี่กะพริบตา แล้วพูดขึ้นด้วยความหนักแน่น จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ แสงสีขาวลูกหนึ่งก็พุ่งออกมาทันที ทันใดนั้นก็กลายเป็นม้วนหยกเรืองแสงม้วนหนึ่ง
“สหายหานเตรียมการรอบคอบยิ่งนัก!” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งเห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก แต่ก็ได้เพียงพูดไปอย่างสุดวิสัย จากนั้นก็กวักมือ ดึงเอาม้วนหยกม้วนนั้นเข้ามาในมือ
“เอ๊ะ วัตถุดิบเหล่านี้มัน…” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งเพียงใช้ดวงจิตกวาดส่องด้านในม้วนหยก สีหน้าก็ตกตะลึงขึ้นมา เผยสีหน้าประหลาดใจ
“พี่หล่งพอใจกับวัตถุดิบเหล่านี้หรือไม่ สิ่งของเหล่านี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ตระกูลหล่งต้องการในตอนนี้กระมัง” หานลี่หรี่ตาทั้งคู่ลง แล้วพูดขึ้นอย่างมีนัยยะ
“สหายช่างเป็นคนใส่ใจยิ่งนัก แม้แต่ของขาดแคลนที่ทรงพลังที่สุดเหล่านี้ยังสามารถหามาได้ ดูแล้วสหายคงหมายตามองเรือยักษ์ค้ำสวรรค์ที่ตระกูลหล่งของพวกเราสร้างขึ้นมา สิ่งของเหล่านี้ในตอนนี้ต่อให้มีศิลาวิญญาณก็ไม่อาจหาซื้อได้ ดูท่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ข้าก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากนัก เอาล่ะ ก็ตกลงแลกเปลี่ยนตามที่คุยกันก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสสกุลหล่งสีหน้าบึ้งตึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดกับหานลี่ด้วยสีหน้าดูแปลกเล็กน้อย
“พวกเราล้วนแต่ต้องหาสิ่งที่ต้องการ การตัดสินใจครั้งนี้ของพี่หล่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด” หานลี่รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นโดยไม่ต้องปกปิด จากนั้นก็ปรบมือทั้งสองอยู่หน้าทรวงอก เมื่อแยกออก ทันใดนั้นวงแหวนสีเงินวงหนึ่งและขวดหยกสีขาวขวดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
แต่เขาก็ไม่ได้ส่งของในมือออกไป แต่ชำเลืองมองไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง
ผู้อาวุโสตระกูลหล่งรู้ความหมายของหานลี่ดี จึงสะบัดแขนเสื้อทันทีโดยไม่ลังเล แสงวิญญาณสองลูก ลูกหนึ่งสีทองลูกหนึ่งสีดำบินพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นก็กลายเป็นขวดสีทองขวดหนึ่งและเรือรบขนาดเล็กจิ๋วส่องประกายสีดำทะมึนลำหนึ่ง
ขั้วสีทองใบนั้นไม่ได้ดูพิเศษอะไร นอกเสียจากภายนอกที่ประทับลวดลายใบไม้ ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากขวดทั่วไป แต่สำหรับเรือรบเล็กจิ๋วขนาดยาวเพียงไม่กี่นิ้วนั้น กลับดูงานประณีตจนยากที่จะเชื่อสายตาได้
เรือรบลำนี้ไม่เพียงแต่ผิวภายนอกจะดำราวกับหมึก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรือใบสามเสากระโดง ลำเรือมีจำนวนมากถึงห้าชั้นอย่างน่าตื่นตา อีกทั้งตัวเรือยังประทับด้วยเขตอาคมต่างๆ อย่างมากมายแน่นหนาจนตาเนื้อไม่อาจจะมองได้อย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสตระกูลหล่งสะบัดข้อมือ แล้วโยนของทั้งสองสิ่งนั้นออกไป
ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่เป็นประกาย โยนขวดหยกและกำไลเก็บของในมือออกไปโดยไม่ลังเล จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งคว้าของสองสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเข้ามาในมือเบาๆ
เปิดฝาขวดออก ใช้ดวงจิตกวาดสำรวจโอสถสีแดงดั่งเลือดในขวดช้าๆ หานลี่จึงเผยสีหน้ายินดีออกมา
เมื่อมีโอสถขึ้นชื่อระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขวดนี้ โอกาสที่เขาจะสามารถทะลุผ่านสุดช่วงปลายก็มีมากขึ้นกว่าครึ่ง เมื่อเลื่อนสายตา ก็มองไปที่เรือบินสีดำเล็กจิ๋วลำนั้น
“นี่ก็คือเรือยักษ์ค้ำสวรรค์ ดูแล้วแตกต่างจากเรือทั่วไปจริงๆ แต่อานุภาพจริงๆนั้นจะเป็นเช่นใด คงต้องทดสอบดูสักหน่อย”
หานลี่ในใจราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง โยนเรือขนาดเพียงไม่กี่นิ้วนั้นออกไปกลางอากาศทันที จากนั้นก็ชี้นิ้วหนึ่งไปชี้กลางอากาศ