คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1889 รบกับมารทั้งสามอย่างดุเดือด (ตอนปลาย)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1889 รบกับมารทั้งสามอย่างดุเดือด (ตอนปลาย)
ชายชราเขาเดียวได้ยินย่อมดีอกดีใจ ทันใดนั้นก็ตกปากรับคำ ทิศทางที่พุ่งออกไปเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา มารตนนี้ก็มองเห็นเงาภูเขาขนาดย่อมสองสามลูกอยู่ไกลๆ ทันใดนั้นพลันรู้สึกผ่อนคลายลงและหันหน้าไปกวาดตามองด้านหลังแวบหนึ่ง ห่างออกไปสิบกว่าลี้ลำแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งเพิ่งจะไล่ตามมาทัน
ใบหน้ามารที่อยู่ตรงกลางมีสีหน้าโหดเหี้ยม กงล้อบินใต้ฝ่าเท้ามีเปลวเพลิงมารเคลื่อนไหวแล้วกระโจนไปหาภูเขาขนาดย่อมสองสามลูก
ตรงนั้นคือที่ซ่อนตัวของมารระดับสูงอีกสองตนและยิ่งไปกว่านั้นยังวางเขตอาคมลับๆ เอาไว้
ตามความคิดของมารตนนี้แม้ว่าจะไล่ตามมาทันแค่คนเดียวขอแค่ใช้เขตอาคมนี้สังหารมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรคนนี้ก่อน คนที่เหลืออย่างหานลี่ก็ต้องถูกพวกเขาสามคนร่วมมือกันโจมตีจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
เซียนหยินกวงที่อยู่ในกระสวยสีเขียวมรกตไกลออกไปเห็นฉากนี้ก็ไม่ลังเลเลยสักนิด กระตุ้นสมบัติอาคมไล่ตามไปอย่างเต็มกำลัง
สองสามชั่วลมหายใจทั้งสองก็มาอยู่ใกล้ๆ ภูเขาขนาดย่อมตามลำดับ
มารเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าเปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปในภูเขาลูกหนึ่ง
แต่ในยามนั้นเองเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของมารเฒ่า จากนั้นสายฟ้าพลันสว่างวาบวิหคยักษ์สี่ปีกที่มีอสรพิษเงินพลันรัดทั่วร่างกายปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างโหดเหี้ยม
ปีกทั้งสี่กระพือเบาๆ ร่างของวิหคยักษ์รางเลือนกลายเป็นสายฟ้าหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมามารเฒ่ารู้สึกเพียงว่าเหนือศีรษะมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นกรงเล็บเหล็กกล้าขนาดยักษ์พุ่งแหวกอากาศมา ด้วยความเร็วที่ไม่อาจหลบหลีกได้
ภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวเขาทำได้เพียงสะบัดศีรษะหลบกรงเล็บเหล็กกล้าสองกรงเล็บที่กำลังพุ่งเข้ามาหาศีรษะ ในเวลาเดียวกันลำแสงที่ห่อหุ้มร่างก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่ากลายเป็นม่านลำแสงสีเจิดจ้าราวกับของจริง
เสียง “แคว่กๆ” ดังขึ้น ลำแสงที่ห่อหุ้มร่างถูกทะลวงออกราวกับฉีกกระดาษ
จากนั้นมารเฒ่าพลันร้องเสียงแหลม ร่วงลงมาจากกลางอากาศพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา เสาโลหิตสองกลุ่มทะลักออกมาจากหัวไหล่ของเขา ถูกกรงเล็บเหล็กกล้าทะลวงผ่านด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ทว่ามารตนนี้กลับไม่ธรรมดา ในเวลาเดียวกันที่ได้รับบาดเจ็บอย่างไม่ทันตั้งตัว เปลวเพลิงมารสองกลุ่มที่โคจรอยู่รอบกรงล้อบินใต้ฝ่าเท้ากลับส่งเสียงร้องออกมากลายเป็นดวงเพลิงสีโลหิตขนาดเท่าศีรษะสองลูกพุ่งไปยังวิหคยักษ์
ดวงเพลิงยังไม่ทันได้สัมผัสกับร่างของวิหคยักษ์ เพลิงร้อนระอุราวกับแผดเผาอากาศได้พลันหมุนวนเข้ามา
ในเวลาเดียวกันร่างของมารพลันบิดเบี้ยวกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังภูเขาขนาดย่อมที่ห่างออกไปไม่ถึงสองสามลี้
ขอแค่เข้าไปในเขตอาคมมารได้ก็พอแล้ว มีสหายร่วมวิถีสองคนนั้นคอยช่วยเหลือเขาย่อมไม่ต้องหวาดกลัวการโจมตีของวิหคยักษ์
แต่วิหคยักษ์สี่ปีกเห็นเช่นนี้กลับแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ร่างกายมีหมอกลำแสงห้าสีทะลักออกมาแล้วหมุนตัว คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นนกยูงห้าสีอันวิจิตรงดงามตัวหนึ่ง
วิหควิญญาณตนนี้สยายปีกออกรัศมีลำแสงห้าสีแผ่ออกมากลายเป็นวงแหวนลำแสงห้าสีพุ่งไปยังวงแหวนลำแสงสองวง
ส่วนนกยูงห้าสีก็สยายปีกทั้งสองออกมาแต่กลับกลายเป็นรัศมีลำแสงห้าสีดวงหนึ่งหายวับไปอีกครั้ง
ดวงเพลิงสีโลหิตสองดวงโจมตีไปที่วงแหวนลำแสงคาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงระเบิดดัง “ปังๆ” ออกมา ทะลวงผ่านสามสายนั้น แต่วงแหวนลำแสงสายที่สี่กลับแข็งตัวจนต้านทานได้
วงแหวนลำแสงสองสายด้านหลังหมุนวนห่อหุ้มดวงเพลิงสีโลหิตสองลูกเอาไว้ กลายเป็นดวงแสงขนาดยักษ์สองลูก
เสียงระเบิด “ปังๆ” ดังขึ้น ดวงแสงขนาดยักษ์สองลูกระเบิดออก รัศมีลำแสงห้าสีแผ่กระจายออกมา
ชายชราเขาเดียวที่เพิ่งหนีไปถูกรัศมีลำแสงห้าสีม้วนเข้าไป รู้สึกเพียงร่างกายหนักอึ้งบรรยากาศรอบด้านราวกับเหนียวข้นขึ้นร้อยเท่า ความเร็วจึงลดลง
“แย่แล้ว สหายทั้งสองรีบมาช่วยข้าเร็ว!” ในฐานะที่ชายชราเขาเดียวคือท่านจอมมาร ประสบการณ์ในการต่อสู้จึงเฟื่องฟูกว่าผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ
เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ส่วนร่างของมารตนนั้นสองมือพลันออกแรงร่ายอาคมผิวเปล่งแสงสีดำไหลเวียนไปมาแต่กลับมีเกราะสงครามสีดำแดงปรากฏขึ้น ผิวมีอักขระยันต์สีเงินวิจิตรงดงามปรากฏขึ้น แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
ทว่าท่านจอมมารผู้นี้ทำได้เพียงป้องกันรัศมีลำแสงห้าสีที่ม้วนเอาเขาเข้าไปไว้ข้างในก็มีกำปั้นยักษ์สีทองเรืองรองสองข้างพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของเขา
ภายใต้รัศมีลำแสงห้าสี มารเฒ่าไม่อาจหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ ทำได้เพียงพยายามบรรจุพลังปราณเข้าไปในเกราะป้องกัน
ชั่วขณะนั้นเกราะสงครามสีดำแดงก็เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์สีดำแดงก็ไม่ปาน
แต่จากเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้ของหานลี่ในยามนี้ประกอบกับพลังเทวะที่น่าตกตะลึงความร้ายกาจของกำปั้นทั้งสองจึงเทียบเท่ากับการโจมตีด้วยสมบัติอาคมเต็มกำลัง
เสียงดังสนั่นราวกับทองคำกระทบกัน!
กำปั้นสีทองกำปั้นแรกโจมตีไปที่เกราะมารอย่างรุนแรง
ทุกแห่งที่โจมตีไป สั่นเทาราวกับระลอกคลื่นแล้วบุบเข้าไปเป็นรู แต่ภายใต้การหมุนวนโคจรอักขระยันต์สีเงิน คาดไม่ถึงว่าเกราะมารจะไม่ปริแตก
แต่เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น กำปั้นอีกข้างหนึ่งโจมตีไปที่รอยบุ๋มอย่างรวดเร็ว
การโจมตีที่รุนแรงราวกับค้อนสองครั้งติดทำให้เกราะมารไม่อาจรับไหวได้อีก มันปริแตกแล้วส่งเสียงร้องคำรามออกมาเผยเกล็ดสีดำเงาออกมา
กำปั้นสีทองไม่หยุดพักเลยสักนิดมันทุบไปที่ร่างของมารท่านลี่อย่างแรง
แต่หลังจากที่เสียงอึกทึกราวกับไม้แห้งกรอบดังขึ้น ลำแสงสีทองและลำแสงสีดำก็ตัดสลับกันไปมา ร่างของมารเฒ่าแค่พลิ้วไหวกำปั้นก็ถูกเกล็ดที่ไม่สะดุดตาต้านเอาไว้
มารเฒ่าเห็นเช่นนี้ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา กรทั้งสี่ตะปบไปกลางอากาศพร้อมกันนิ้วทั้งห้ามีไอมารหมุนวนโคจรอยู่ หมอกลำแสงสีสันงดงามรอบด้านพลันบิดเบี้ยวถูกตะปบออกทันใด
ภูเขาขนาดย่อมลูกนั้นมีเสียงกรีดร้องดังยาวๆ ออกมา เงามารสองสายพุ่งออกมากลายเป็นสายรุ้งสองสายพุ่งไปยังมารเฒ่า
นั่นก็คือท่านจอมมารของเผ่ามารระดับผสานอินทรีย์อีกสองตน
แต่ในยามนั้นเองกำปั้นสีทองที่โจมตีไปบนร่างของเขากลับส่งเสียงเคร้งๆ ออกมา อสรพิษสายฟ้าสีทองที่ผ่านการเก็บสะสมมานานดีดตัวออกมาราวกับคลื่นน้ำและกลายเป็นตาข่ายยักษ์ห่อหุ้มร่างของมารเฒ่าเอาไว้
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มารเฒ่าส่งเสียงกรีดร้อง เกราะมารปริแตกออกเป็นชิ้นๆ ภายใต้การโจมตีด้วยประจุไฟฟ้าสีทองเกล็ดสีดำที่ดูเหมือนแข็งแกร่งเปลี่ยนเป็นหม่นแสงลงในเวลาเดียวกัน
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น!
กำปั้นสีทองกางนิ้วทั้งห้าออกกลายเป็นฝ่ามือทะลวงเข้าไปในทรวงอกของมารเฒ่า
จากนั้นประจุไฟฟ้าสีทองบนผิวของนิ้วทั้งห้าพลันหม่นลง เปลวเพลิงสีเงินชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นแทนภายใต้การหมุนวนชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มมารตนนี้เอาไว้ข้างใน
“ไม่”
มารเฒ่าร้องเสียงดัง พริบตานั้นก็ถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนกินกลายเป็นเถ้าธุลี แม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหนีออกมาได้
ยามนี้หมอกลำแสงห้าสีพลันหมุนวนอย่างเชี่ยวกราก เงาร่างคนสีทองปรากฏขึ้นในหมอกลำแสง
นั่นก็คือหานลี่ที่กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์
แต่แค่เขาในยามนี้มีรัศมีสีทองเรืองรองกำลังโคจรเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จนถึงขีดสุด
ยามนี้เงามารศักดิ์สิทธิ์สองสายที่อยู่ไกลออกไปที่กลายเป็นสายรุ้งก็มาถึงแทบจะในเวลาเดียวกัน
ลำแสงหลีกหนีหม่นลง เผ่ามารหัวโล้นหน้าตาโหดเหี้ยมตนหนึ่งและเผ่ามารระดับสูงที่ใบหน้ามีรอยมารสีฟ้าคนหนึ่งปรากฏร่างเดิมออกมาและใช้สายตาที่ยากจะเหลือเชื่อมองมาที่หานลี่และเปลวเพลิงสีเงินที่ยังคงแผดเผาอยู่
“พี่หาน ท่านเพิ่งฆ่าท่านจอมมารไป!”
ด้านหลังของหานลี่มีเสียงตกตะลึงของสตรีดังขึ้น เป็นเซียนหยินกวงที่กำลังขับเคลื่อนกระสวยสีมรกตมาใกล้ๆ แววตาฉายแววตกตะลึงพลางเอ่ยถาม
“แค่โชคดีเท่านั้น แต่ยามนี้ปัญหากลับดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นแล้ว!” หานลี่มองเผ่ามารระดับสูงสองตนที่เพิ่งปรากฏตัวฝั่งตรงข้าม พลางตอบกลับด้วยเสียงเคร่งขรึม
สิ้นเสียงเขาก็กวักมือหนึ่งไปตรงหน้า
เปลวเพลิงสีเงินที่กำลังลุกโชนมีเสียงวิหคไพเราะดังขึ้น
จากนั้นเปลวเพลิงสีเงินทั้งหมดก็ผนึกรวมตัวกัน กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินความยาวสองสามจั้งตัวหนึ่ง
วิหคเพลิงตัวนี้สยายปีกทั้งสองข้างออก เปล่งแสงสว่างวาบมาอยู่เหนือศีรษะของหานลี่ และหมุนตัวเริงระบำขึ้นลงอย่างคล่องแคล่ว
นี่จึงทำให้มารทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรูม่านตาหดเล็กลง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
“เยี่ยม เยี่ยม! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าสังหารท่านลี่ต่อหน้าพวกเราทั้งสอง วันนี้ต้องเอาชีวิตของเจ้าสองคนให้ได้” เผ่ามารที่มีลายสีฟ้าบนใบหน้าพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ส่วนเผ่ามารหัวโล้นอีกคนหนึ่ง หนวดใต้ริมฝีปากพลันม้วนขด มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่พูดอันใด ไอสีดำที่หมุนวนรอบกายปรากฏขึ้น จากนั้นก็แข็งตัวกลายเป็นโล่สีดำสนิทขนาดสองสามฉื่อ ต้านทานอยู่ตรงหน้ามารทั้งสอง
จากนั้นมารตนนี้ก็ใช้มือหนึ่งชูขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมา ขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นประตูยักษ์สีเขียวต้านทานอยู่กลางอากาศ
ความสูงประมาณสิบจั้ง หนาประมาณแปดฉื่อ ผิวมีสีสนิม ในเวลาเดียวกันทั้งสองฝั่งก็มีศีรษะผีแยกเขี้ยวออกมาสลักอยู่ หน้าตาดุร้ายโหดเหี้ยม
ทำให้ผู้คนเห็นแล้วอดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้!
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ใจเต้น อดที่จะพิจารณาประตูบานนั้นไม่ได้
ส่วนเผ่ามารลายสีฟ้าผู้นั้นกลับคำรามเสียงต่ำ ชูมือทั้งสองขึ้น ถุงหนังสีฟ้าครึ่งฉื่อหนึ่งใบและลำแสงสีดำสามสายพุ่งออกมา
ถุงหนังขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ จนมีขนาดสองสามจั้ง จากนั้นปากถุงก็คลายออก ด้านในมีเสียงดังออกมา ลำแสงสีฟ้าร้อยกว่าดวงพุ่งออกมาจากด้านใน หมุนวนแล้วกลายเป็นอสรพิษบินเรือนกายสีฟ้าร้อยกว่าตัว
ทุกตัวยาวสามฉื่อ ลำตัวสีแวววาว และยิ่งไปกว่านั้นแผ่นหลังยังมีปีกน้ำแข็งโปร่งใสคู่หนึ่ง ชูคอแลบลิ้นอยู่กลางอากาศไม่หยุด
เมื่อลำแสงสีดำสิบสามสายหลุดออกจากมือ เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไอสีดำหมุนวน กลายเป็นธงมารความสูงสองสามจั้งสิบกว่าด้าม
ธงเหล่านั้นมีพายุหมุนแผ่ออกมา ด้านบนมีภาพวาดของสตรีเปลือยกายครึ่งท่อนเท้าเหยียบอยู่บนกระดูกสลักอยู่ ทุกตนล้วนงดงามดุจบุปผา ดูสมจริง เผยความเย้ายวนออกมา!
“สำนักผีสวรรค์เผ่ามาร ธงมารแม่ลูกเที่ยงแท้!”
เซียนหยินกวงเห็นสมบัติที่สำแดงออกมาชัดเจน กลับร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี