คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1894 สะเทือนมาร
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1894 สะเทือนมาร
ภายใต้ผลกระทบด้วยพลังของกฎเกณฑ์ ภูเขาขนาดย่อมที่เหลือพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นฝุ่นผงแล้วกระจายออกรอบด้าน
เขตอาคมมารทั้งเขตพังทลายราวกับพายุกวาดไปก็ไม่ปาน ภายใต้ผลกระทบด้วยพลังของหลักเกณฑ์ ไอมารที่อยู่ในรัศมียี่สิบสามสิบลี้เริ่มแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว
กลางอากาศมีลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น ทะลักไปบนใบมีดสั้นสีม่วงราวกับระลอกคลื่น
ภายใต้หมอกลำแสงห้าสีที่หมุนวน ส่วนที่ชำรุดบนใบมีดสั้นสีม่วงพลันฟื้นฟูกลับมา
ใบมีดสีม่วงส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ระลอกคลื่นของพลังหลักเกณฑ์แข็งแกร่งขึ้นหลายส่วน
ดวงลำแสงห้าสีที่ยังไม่ทันได้ทะลักเข้ามา พลันสั่นเทาแล้วทยอยกันกลายเป็นอักขระยันต์ห้าสี!
ใบหน้าสีทองเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ฉับพลันนั้นใบมีดสีม่วงก็สั่นเทาเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่มารดากลางอากาศ ในเวลาเดียวหมอกลำแสงห้าสีก็บรรจุเข้าไปในใบมีดสีม่วงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสองสามเท่า
แขนที่กุมใบมีดหักสีม่วง เป็นเพราะหมอกลำแสงห้าสีจำนวนมากผ่านไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสีโปร่งใส
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายที่น่ากลัวราวกับจะแยกฟ้าดินพลันพุ่งออกมาจากใบมีดพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณฟ้าดินที่กลายเป็นลำแสงห้าสีพลันทะลักเข้ามา แล้วขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด
มารดามารที่กำลังสู้กับหานลี่ซึ่งกลายเป็นวานรยักษ์ไม่หยุดนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่ากลัวก็อดที่จะตื่นตัวไม่ได้ จิตมารแต่เดิมที่ถูกมารมาเหนี่ยวนำลดลงกว่าครึ่ง กลับมามีสติปัญญาเดิมของท่านหลันอีกครั้ง
แทบจะไม่ได้ขบคิด โครงกระดูกยักษ์โยนใบมีดกระดูกยี่สิบหกเล่มในมือออกไป จากนั้นก็ชี้ไป
ใบมีดกระดูกทั้งหมดผนึกเข้าด้วยกัน กลายเป็นใบมีดประหลาดยาวยี่สิบสามสิบจั้งหนึ่งเล่มแล้วสับลงมา
ส่วนโครงกระดูกนั้นพลันมีเปลวเพลิงมารหมุนวน ฉับพลันนั้นพลันหันกายพุ่งไปกลางอากาศ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วเคลื่อนตัวห่างออกไปร้อยจั้งเศษราวกับสายลม
แต่ในยามนั้นเอง ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้นรอบๆ โครงกระดูก มือยักษ์สีเขียวข้างหนึ่งยื่นออกมาราวกับสายฟ้า ตะปบหัวไหล่ของมารตนนี้เอาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว
มารดามารพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ฉายแววตาโหดเหี้ยม อ้าปากออกพ่นเปลวเพลิงมารออกมา
มือยักษ์สีเขียวมีไฟลุกโชน ไหม้เกรียมไปท่ามกลางเปลวเพลิงมาร แต่นิ้วทั้งห้ายังคงไม่ปล่อยมือเลยสักนิด
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ มือยักษ์ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม และยิ่งไปกว่านั้นพลังของนิ้วทั้งห้าพลันขยายใหญ่ขึ้นสองสามส่วน
มารดามารถึงได้ตกตะลึงระคนลนลาน แขนสองสามข้างโบกสะบัดไปมาพร้อมกัน แล้วกลายเป็นใบมีดกระดูกสิบกว่าเล่มสับลงไปหามือยักษ์สีเขียว
เสียง “แคว่ก” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบมีดกระดูกส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือยักษ์ขนาดสองสามฉื่อ แล้วไม่อาจยื่นเข้ามาได้อีก มือยักษ์สีเขียวทั้งแขนแข็งแกร่งกว่าสมบัติธรรมดาๆ
มารดามารทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ปากร้องคำรามออกมา ร่างกายรางเลือน กลายเป็นโครงกระดูกแล้วสลายออกในพริบตา กลายเป็นเศษกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน
แม้ว่านิ้วทั้งห้าของมือยักษ์สีเขียวจะกำแผ่นกระดูกเจ็ดแปดชิ้นเอาไว้แน่น แต่เศษกระดูกอื่นกลับปลิวว่อนไปทั่วแล้วรวมตัวกันห่างออกไปสองสามจั้ง คาดไม่ถึงว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นโครงกระดูกดังเดิม
ขาดไปสองสามแผ่น คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลกระทบต่อร่างของมารดามารเลยสักนิด
แต่มารตนนี้ล่าช้าไปชั่วครู่ ทารกวิญญาณที่สองของหานลี่ที่อยู่ด้านล่างพลันควบคุมร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับสำแดงเสร็จแล้ว ใบมีดสีม่วงในมือมีอักขระยันต์สีทองปรากฏขึ้น แล้วสะบัดของในมือไป สับไปทางมารดามาร
พลังหลักเกณฑ์แข็งแกร่งพุ่งออกมาหาใบมีด กลายเป็นระลอกคลื่นยักษ์สีดำหมุนวน เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่ตรงหน้ามารดามาแล้วห่อหุ้มลงมา
มารดามารมีสีหน้าตกตะลึง เปลวเพลิงมารที่ผิวขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ม้วนไปทางระลอกคลื่นยักษ์สีดำ ในเวลาเดียวกันโครงกระดูกก็ระเบิดออก ใบมีดกระดูกสองสามร้อยทะลักออกมาจากร่าง พุ่งออกมาแทรกเปลวเพลิงมาร
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
ไม่ว่าดูจากท่าทางน่ากลัวของเปลวเพลิงมาร หรือว่าใบมีดกระดูกยักษ์ที่หนาแน่น ชั่วพริบตาที่สัมผัสกับระลอกคลื่นยักษ์สีดำ ก็ถูกม้วนวนจนแตกเป็นเถ้าธุลี แม้แต่เสียงก็ยังไม่ทันได้เปล่งออกมา
ร่างของมารดามารพลันตกตะลึง ลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้นคิดจะพุ่งหนีไป แต่บรรยากาศรอบๆ กลับมีพลังกฎเกณฑ์ห่อหุ้มลงมา ลำแสงวิญญาณผนึกรวมตัวกัน ไม่อาจออกจากที่เดิมได้แม้เพียงครึ่ง
ภายใต้แรงกดของระลอกคลื่นยักษ์สีดำ ร่างของมารดามารพลันจมหายไป และระเหยไปในพริบตา หายวับไปจากยุทธภพอย่างไร้ร่องรอย
หัวกะโหลกทั้งสิบสามที่กำลังต่อสู้กับแมลงกลืนทองลายสีม่วง กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองพลางยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันกับดอกบัวกระดูกยักษ์ ชั่วพริบตาที่มารดามารถูกทำลาย ก็กลายเป็นควันสีดำแล้วสลายหายไป
ครู่ต่อมาพลังหลักเกณฑ์ขนาดใหญ่ก็สั่นเทา สลายหายไปจากกลางอากาศ
จากนั้นระลอกคลื่นยักษ์สีดำก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปเช่นกัน ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของใบมีดสั้นสีม่วงที่โบกสะบัดซึ่งกำลังเปล่งแสงสีทองก็หม่นแสงลงเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าการสับลงมาเมื่อครู่ทำให้ได้รับความเสียหายไปไม่น้อย
ยามนี้เงาสีเขียวรอบๆ พลันเปล่งแสงสว่างวาบ ‘หานลี่’ ผิวสีเขียวมรกตอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้น
นั่นก็คือ ‘ร่างวิญญาณ’ ของเห็ดเซียน!
ครานี้ผู้ที่ควบคุมร่างวิญญาณ แน่นอนว่าต้องเป็นโสมวิญญาณสลับฟันปลาที่แปลงกลายเป็นฉวี่เอ๋อร์
แม้ว่าแม่หญิงผู้นี้จะมีพลังยุทธ์ตื้นเขิน แต่เป็นเพราะเป็นสิ่งของพลังวิญญาณฟ้าดิน ร่างของเห็ดเซียนจึงไม่ได้รับการขัดขวางใดๆ และสามารถกระตุ้นอานุภาพของร่างวิญญาณได้ไม่น้อย
ส่วนร่างนี้ที่ผ่านการใช้ของเหลวสีเขียวลึกลับของหานลี่เร่งการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดไปสองสามร้อยปี ก็เข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นแล้ว
พลังยุทธ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ แม้ว่าร่างของเห็ดเซียนถูกฉวี่เอ๋อร์ควบคุมทำได้เพียงกระตุ้นอานุภาพส่วนหนึ่ง แต่ก็เพียงพอจะกลายเป็นพลังช่วยเหลือของหานลี่ ถึงได้พัวพันกับมารดามารได้ภายใต้การสั่งการด้วยจิตสัมผัสของหานลี่ ถึงได้ทำให้ร่างทองใช้ใบมีดชำรุดสวรรค์โจมตีจนพังทลาย
มิเช่นนั้นจากอิทธิฤทธิ์ของร่างมารดามาร ก็ไม่ใช่สิ่งที่หานลี่จะสังหารได้ในระยะเวลาอันสั้น
ร่างทองและร่างวิญญาณเห็นมารดามารถูกสังหาร ก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ร่างกายขยับกลายเป็นลำแสงสีทองและเงาสีเขียวจมหายเข้าไปในร่างของวานรยัก์ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนวานรยักษ์ขนสีทองพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็กลับคืนร่างมนุษย์ เผยหน้าเดิมของหานลี่ออกมา
หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
แต่ในยามนี้เอง ฉับพลันนั้นอีกด้านพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงสองสามกลุ่มพลันพุ่งออกไปยังทิศทางเดียวกัน ให้ความรู้สึกเย็นเยียบน่าสะอิดสะเอียน
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเปล่งประกาย หันไปมองการต่อสู้อีกด้านทันที
ยามนี้เป็นเพราะเขตอาคมพังทลาย ในที่สุดไอมารที่คลี่ตัวอยู่ทั่วบริเวณก็สลายออก ทุกอย่างกลับมาชัดเจน
เห็นเพียงรัศมีลำแสงที่กักเผ่ามารหัวโล้นและผีสวรรค์สี่ตนเอาไว้ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เผ่ามารหัวโลนและผีสวรรค์สี่ตัวกลายเป็นพายุทมิฬม้วนวนออกไปจากด้านใน กะพริบวาบๆ แล้วทยอยกันปรากฏขึ้นกลางอากาศที่เดิม
ผีสวรรค์สี่ตัวยังพอว่า นอกจากสีหน้าบ้าคลั่งแล้ว ก็มองไม่เห็นสิ่งใดอีก
เผ่ามารหัวโล้นหลุดจากพันธนาการ หลังจากที่กวาดสายตาไปทางหานลี่ ก็พบว่าเขตอาคมมารที่วางอยู่เดิมหายไป และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายท่านหลันก็หายไป สีหน้าจึงดูไม่ได้ เมื่อมองไปทางหานลี่อีกครั้ง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนสงสัย
ในเมื่อมารตัวนี้ปะทะกับท่านหลัน แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าเขาฝึกฝนมารแม่ลูกเที่ยงแท้ และรู้อานุภาพของมารแม่ลูกเที่ยงแท้ดี อิทธิฤทธิ์เหนือกว่าผีสวรรค์สี่ตนที่เขาเรียกออกมาจากประตูผีสวรรค์
ตั้งแต่ที่เขาถูกกักจนถูกปล่อยออกมานั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่ช่วงเวลานั้นท่านหลันที่ใช้มารแม่ลูกเที่ยงแท้ก็ถูกหานลี่สังหาร ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ
ชั่วพริบตาที่รัศมีลำแสงห่อหุ้มลงเซียนหยินกวงที่เดิมกระตุ้นหัวสีเงินก็อ้าปากออก กระอักโลหิตออกมาสองสามรอบ หน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับกระดาษ
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้ถูกเผ่ามารหัวโล้นกักเอาไว้ จนต้องสูญเสียของมีค่าไปจำนวนมาก ทำให้ปราณแท้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปบนเรือนร่างของเผ่ามารหัวโล้น มุมปากก็กระตุกเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา
แต่ไม่รอให้เขาหยิบของสิ่งใดหรือเคลื่อนไหวใดๆ เผ่ามารหัวโล้นที่อยู่ไกลออกไปกลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ เสียงสวบดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสายรุ้งสีดำความยาวสิบจั้งเศษพุ่งออกไป
มารตนนี้เห็นสถานการณ์ไม่ดี คาดไม่ถึงว่าจะตัดสินใจหนีเตลิด
ผีสวรรค์สี่ตัวนั้นถูกหมอกลำแสงสีดำม้วนเข้าไป ก็ถูกสายรุ้งสีดำหนีบเอาไว้ในลำแสงหลีกหนี
ส่วนประตูผีสวรรค์บานนั้น ในเวลาเดียกวันที่เผ่ามารหนีไป ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจืดจางไป ราวกับว่าเป็นแค่เงาลวงตาก็ไม่ปาน
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแค่นเสียงด้วยความเย็นชา สะบัดแขนเสื้อ มือหนึ่งร่ายอาคมไป
เสียงหึ่งๆ ดังขึ้น แมลงกลืนทองลายสีม่วงสิบสามตัวกระพือปีก กลายเป็นลำแสงสีม่วงสิบสามดวงไล่ตามไป
ในเวลาเดียวกันแผ่นหลังของหานลี่เองก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นหลังจากที่หมุนวน ก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีเงินสี่ปีกท่ามกลางประจุไฟฟ้าหนาๆ นับร้อยสาย
ในเวลาเดียวกันปีกทั้งสี่กระพือออก วิหคยักษ์ก็กลายเป็นสายฟ้าหายวับไปท่ามกลางเสียงอึกทึก
ชั่วพริบตาหานลี่ที่กลายเป็นวิหคยักษ์และสายรุ้งสีดำก็ไล่ตามไปตามลำดับ และหายวับไปจากขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
เซียนหยินกวงมองวิหคยักษ์เห็นได้ชัดว่าเร็วกว่าสายรุ้งสีดำหนึ่งส่วน จึงพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง สีหน้าผ่อนคลายลง
สตรีผู้นี้กลับรู้ตัวดี รู้ว่าจากสถานการณ์ของตนเองในยามนี้ ต่อให้ไล่ตามเผ่ามารทันก็ไม่อาจช่วยอันใด จึงมีความคิดจะหยุดรออยู่ที่นี่ไม่ตามไป
นางหยิบขวดหยกออกมาจากกำไลเก็บของอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กินยาลูกกลอนลงไปทีเดียวเจ็ดแปดเม็ด ใบหน้าก็มีสีหน้าแดงก่ำที่ไม่ค่อยปกติปรากฏขึ้น แต่ก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวา
จากนั้นสายตาของเซียนหยินกวงก็เลื่อนไป อดที่จะมองไปยังเขตอาคมมารเมื่อครู่ไม่ได้ และกวาดไปบนเศษกระดูกที่กองเป็นกองหินระเกะระกะบนภูเขาขนาดย่อม ใบหน้างดงามอดที่จะมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไม่ได้
สตรีผู้นี้แววตาเปล่งประกาย คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้าครุ่นคิดมีแผนการณ์ออกมา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ปลายฟ้าก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น สายรุ้งสีเขียวพุ่งออกมา กระพริบวาบๆ รวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเซียนหยินกวง
ลำแสงหม่นแสงลง หานลี่ปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มือข้างหนึ่งขยับ โยนก้อนกลมๆ ไปหากระดูกสีเขียว ทุบไปด้านหน้าของเซียนหยินกวงอย่างพอดิบพอดี
กลิ่นคาวคละคลุ้งของเจ้าสิ่งนี้ คือศีรษะขนาดยักษ์ที่หน้าตาอัปลักษณ์ของผีสวรรค์ตนหนึ่ง