คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1909 สงครามเมืองอี่เทียน (3)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1909 สงครามเมืองอี่เทียน (3)
ค้อนยักษ์สองด้ามขยายใหญ่จนมีขนาดร้อยจั้ง ทุกด้ามราวกับภูเขาขนาดย่อมสีดำ แต่ภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคมกลับโบกสะบัดพลิ้วไหวกลายเป็นพายุหมุนสีดำสองกลุ่ม ยามนั้นพลันกดลงมาที่เขตอาคมตรงหัวเมืองทันที
“หึ ข้าจะไปประจันหน้ากับท่านจอมมารอย่างเจ้า!” อรหันต์ชิงหลงเห็นฉากนี้ สีหน้าพลันเย็นเยียบ ทันใดนั้นก็ไม่สนใจเรียกหานลี่และพวกทั้งสาม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม พ่นเสาลำแสงสีเขียวออกมาจากร่างเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นเงาลวงตามังกรสีเขียวห้ากรงเล็บความยาวร้อยจั้งเศษตัวหนึ่ง
เงาลวงตานี้หมุนวนแล้วส่งเสียงเพรียกไพเราะออกมาพลางกระโจนลงมาด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าม้วนร่างของอรหันต์ชิงหลงเอาไว้ข้างใน จากนั้นก็แยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนไปหาชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำ
เดิมชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำมีรอยยิ้มบ้าคลั่งอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อเห็นเงาลวงตาของมังกรสีเขียวที่มีท่าทีดุดันก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา ใช้มือชี้ไปที่พายุหมุนสีดำสนิทสองสายทันที
ชั่วขณะนั้นพายุหมุนพลันเปล่งเสียงอึกทึก คาดไม่ถึงว่าจะพายุจะอ่อนกำลังลงเผยรูปทรงค้อนยักษ์เช่นเดิมออกมา
จากนั้นลำแสงพลันสว่างวาบ ทั้งสองพลิ้วไหวรวมตัวกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นสิ่งมหึมาความยาวสองสามร้อยจั้ง กดลงมาที่เงาลวงตามังกรสีเขียวอย่างดุดัน
อรหันต์ชิงหลงที่ถูกเงาลวงตาของมังกรสีเขียวห่อหุ้มร่างอยู่เห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น สะบัดแขนเสื้อ ในมือมีกระบี่เล่มเล็กสีดำปรากฏขึ้นเจ็ดเล่ม ทุกเล่มมีลำแสงมัวหม่น ไอชั่วร้ายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ฝ่ามือโบกสะบัดไปบนเรือนร่างของตนเองเล็กน้อย
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คาดไม่ถึงว่ากระบี่เล่มเล็กสีดำเจ็ดเล่มจะรางเลือนแล้วปักเข้าไปตรงทรวงอกทั้งเจ็ดจุด เผยใบมีดออกมาครึ่งท่อน
ในเวลาเดียวกันอรหันต์ชิงหลงก็ร้องตะโกนเสียงต่ำๆ ออกมา อ้าปากออกพ่นโลหิตสดๆ ออกมากลุ่มหนึ่ง ในเวลาเดียวกันนิ้วทั้งสิบก็ร่ายอาคม ปากพลันบริกรรมคาถา
ภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคม โลหิตบริสุทธิ์ส่งเสียงดังปัง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหมอกโลหิตเจ็ดกลุ่ม และทะลวงเข้ามาในตัวกระบี่สีดำเจ็ดเล่มราวกับอสรพิษวิญญาณ
ชั่วพริบตานั้นกระบี่เจ็ดเล่มพลันส่งเสียงร้องออกมา ตัวกระบี่เปล่งแสงสีโลหิตประหลาดๆ ออกมา แล้วเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในร่างของอรหันต์ชิงหลง
จากนั้นอรหันต์ชิงหลงพลันส่งเสียงผิวปากยาวๆ ออกมา ลำแสงโลหิตเจ็ดกลุ่มจมหายไปจากกระบี่เล่มเล็ก พ่นหมอกขมุกขมัวออกมา และเปล่งแสงสว่างวาบรวมร่างกับเงาลวงตาของมังกรสีเขียว
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น
เดิมเป็นแค่มังกรสีเขียวลวงตาห้ากรงเล็บ พริบตานั้นเส้นไหมโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้น และตัดสลับกันไปมาอย่างหนาแน่น
แค่หนึ่งชั่วลมหายใจ อรหันต์ชิงหลงก็หายวับไป มังกรสีเขียวเที่ยงแท้ตัวเป็นๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายอันน่ากลัวกลุ่มหนึ่งก็ทะลักออกมาจากพลังปราณฟ้าดิน ทำให้ผู้คนสัมผัสแล้วต้องก้มหน้าคารวะ!
มังกรสีเขียวยกกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้น ตะปบไปทางค้อนยักษ์ที่กำลังร่อนลงมาราวกับยอดเขาอย่างแม่นยำ
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
กรงเล็บยักษ์สีเขียวข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะรองค้อนยักษ์สีดำเอาไว้อย่างง่ายดาย ทำให้มันแค่หมุนวนอยู่กลางอากาศ แต่กลับไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด
“เคล็ดวิชาหล่อโลหิตก่อวิญญาณ! เยี่ยมๆ ข้าดูแคลนเจ้าเกินไป คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้แม้กระทั่งอิทธิฤทธิ์โบราณชนิดนี้ด้วย ทว่าข้าก็อยากเห็นว่าเจ้าจะมีโลหิตบริสุทธิ์มาพัวพันกับข้าสักเท่าไหร่ ยามที่โลหิตบริสุทธิ์หมดลง ก็คือเวลาตายของเจ้า!” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำตกตะลึงอยู่กลางอากาศ แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดได้ เผยสีหน้าน่าหวาดกลัวแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
จากนั้นเขาพลันใช้สองมือรวบรวม แล้วส่งไปทางด้านล่างอีกครั้ง เปลวเพลิงอัสนีสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักลงมาทั่วฟ้า
ในเวลาเดียวกันค้อนยักษ์สีดำด้ามนั้นพลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะแยกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด กลายเป็นค้อนสีดำขนาดเล็กแปดด้าม วนล้อมรอบมังกรสีเขียวและทุบลงมาไม่หยุด
แต่มังกรสีเขียวห้ากรงเล็บกลับแค่สะบัดหาง พลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งกวาดมาราวกับพายุหมุน ค้อนยักษ์แปดด้ามร่วงลงมาหาเพลิงอัสนีกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะถูกพลังไร้รูปร่างกลุ่มนี้สั่นไหวแล้วแยกออกมา
มังกรสีเขียวเองกลับส่งเสียง “สวบ” ออกมา หายวับไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย เผยชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำออกมา และอ้าปากออกพ่นเปลวเพลิงสีเขียวออกมา
ไม่รู้ว่าเปลวเพลิงสีเขียวมีอิทธิฤทธิ์ใด ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำหน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าจะไม่กล้าย่ำเท้าลงไปตรงๆ แค่กะพริบวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมากลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ใบมีดยักษ์สีดำสนิทเล่มหนึ่งพลันสับลงมาด้านข้างของมังกรสีเขียวอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ท่าทางดุดัน เจตนาอยากจะสับออกเป็นสองส่วน
แต่มังกรสีเขียวกลับว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ ในเวลาเดียวกับที่ใบมีดยักษ์สีดำปรากฏกาย กรงเล็บสีเขียวข้างหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วตะปบกลับไป
กรงเล็บทั้งห้าเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่ยาวสีเขียวห้าเล่ม สับลงมาที่ใบมีดยักษ์สีดำ
เสียง “เคร้ง” ดังขึ้นสะเทือนเลื่อนลั่น
แม้ว่าชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำเป็นท่านจอมมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายของเผ่ามาร แต่ภายใต้การคุกคามด้วยอิทธิฤทธิ์น่าอัศจรรย์ของมังกรสีเขียว ก็ไม่อาจทำอันใดอีกฝ่ายได้
คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะสู้กันในยามนี้ จนไม่อาจแยกแยะว่าผู้ใดเหนือกว่าหรือด้อยกว่าได้
ฉากนี้ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ไม่ว่าเซียนหยินกวง และพวกผู้บำเพ็ญเพียร หรือว่าเหล่าหญิงร่างกายอรชนอ้อนแอ้น ล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
แต่แค่ทางด้านเผ่ามนุษย์ย่อมตกตะลึงระคนดีใจ ส่วนทางเผ่ามารก็กลัดกลุ้มเล็กน้อย
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกประหลาดใจแล้วรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หากอรหันต์ชิงหลงผู้นี้ควบคุมท่านจอมมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายผู้นี้ได้จริงๆ ท่านจอมมารที่เหลือย่อมต่อกรได้
เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ก็แววตาเปล่งประกาย อดที่จะกวาดตามองท่านจอมมารเผ่ามารอีกสามคนที่เหลือแวบหนึ่งไม่ได้
ราวกับว่าสัมผัสอันใดได้ ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นพลันหันหน้าไปเล็กน้อย สายตาประสานเข้ากับหานลี่อย่างพอดิบพอดี
ชายหนุ่มหน้าซีดขาวขยับแขนเสื้อโดยไม่ปริปาก ดาบยาวสองสามชุ่นโปร่งแสงแวววาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่หว่างนิ้ว จากนั้นก็เคลื่อนไหวกลายเป็นดาบลำแสงสีสันแวววาว กระโจนเข้าไปหาหานลี่
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา เปล่งแสงสว่างวาบคิดจะกลายเป็นลำแสงหลีกหนีรับคนผู้นี้เอาไว้
แต่ในยามนี้เซียนหลินหลวนที่อยู่ด้านข้างกลับยกแขนขึ้นห้ามเขา และเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
“พี่หานคนผู้นี้ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับขั้นกลางธรรมดาๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังเชี่ยวชาญธาตุน้ำแข็ง สมบัติที่น้องหญิงควบคุมมันได้พอดี ให้ข้าต่อกรกับคนผู้นี้เถิด”
สิ้นเสียงหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่รอให้หานลี่ตอบคำถาม อีกมือหนึ่งตบไปที่บั้นเอว คาดไม่ถึงว่าจะมีน้ำเต้าหลากสีสัน ‘สีม่วง’ ‘สีดำ’ ‘สีเหลือง’ บินออกมา
ทุกผลมีขนาดสองสามชุ่น แต่ผิวมีอักขระสีเงินเป็นชั้นๆ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่สมบัติธรรมดาๆ
เสียง “ปัง” ดังขึ้นสามครั้ง น้ำเต้าทั้งสามหมุนวนรอบศีรษะของหลินหลวน แล้วเปิดฝาออก พลิ้วไหวเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะมีผึ้งเพลิงขนาดเท่าหัวแม่มือบินออกมาเป็นฝูงๆ ส่งเสียงหึ่งๆ กลายเป็นเพลิงเมฆาขนาดยักษ์สามกลุ่มพุ่งไปหาดาบลำแสง
ส่วนเซียนหลินหลวนเองก็ร่ายอาคม แผ่นหลังมีเปลวเพลิงสีแดงสดสองกลุ่มพ่นออกมา พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นปีกขนนกสีแดงเพลิงคู่หนึ่ง
ปีกเพลิงคู่นี้แค่กระพือหญิงสาวผู้นี้ก็กลายเป็นลำแสงสีแดงไล่ตามเมฆาเพลิงไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เมฆาเพลิงและดาบลำแสงแวววาวพลันปะทะเข้าด้วยกัน ชั่วพริบตานั้นไอเย็นเยียบสีขาวและเมฆาเพลิงก็ระเบิดออกพร้อมกัน พลังความร้อนระอุและเย็นเยียบคลี่ตัวไปสองสามลี้
ยามนั้นทั้งสองพลันสู้รบกัน
แววตาของหานลี่ฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นเคล็ดวิชาและสมบัติของเซียนหลินหลวนอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าจะมีพลังการควบคุมพลังเย็นเยียบนั้นจริงๆ เมื่อเผชิญหน้ากับไอเย็นเยียบที่น่าตกตะลึงที่ชายหนุ่มชุดขาวแผ่ออกมา เปลวเพลิงวิญญาณที่ห่อหุ้มผึ้งเพลิงเหล่านั้นอยู่ก็หมุนวน แล้วกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทว่าเห็นหญิงสาวผู้นี้ร่ายอาคมไม่หยุด บรรจุพลังปราณเข้าไปในน้ำเต้าทั้งสามอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่ากระตุ้นผึ้งเพลิงเหล่านี้จนสูญเสียพลังปราณแท้ไปจำนวนมากแล้ว ส่วนชายหนุ่มชุดขาวนั้นแม้ว่าจะมีอิทธิฤทธิ์กดทับ แต่ใบหน้ากลับเย็นเยียบดุจปกติ ดูเหมือนยังมีฝีมือยอดเยี่ยม
หานลี่อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้!
“พี่หานในเมื่อพี่หญิงหลินและอรหันต์สู้กับสองคนที่รับมือยากที่สุดเอาไว้ พวกเราก็รีบรับอีกสองคนนั้นเถิด หากจัดการจอมมารหนึ่งในนั้นได้ สงครามครั้งนี้ก็มีโอกาสชนะแล้ว!” เซียนหยินกวง แววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย ชูมือทั้งสองขึ้น พลันปล่อยตะขอสีเงินสองตะขอและสมบัติอื่นๆ ออกมา
หญิงสาวผู้นี้พลันกระโจนออกไป กลายเป็นสายรุ้งสีขาวสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นบนไปยอดตำหนัก หมุนวนรอบหนึ่งแล้วทะลวงผ่านรัศมีลำแสงสีเงิน กระโจนไปหาหญิงสาวร่างกายอรชนอ้อนแอ้น และทิ้งมนุษย์ยักษ์ชุดเกราะสีเพลิงเอาไว้ให้หานลี่
‘เซียนอวี่’ ของเผ่ามารย่อมไม่มีทางเผยสีหน้าหวาดกลัวอันใดออกมา ทันใดนั้นมุมปากก็เผยสีหน้าดูแคลนเล็กๆ ออกมา เรือนกายมีกลิ่นหอมแปลกประหลาดลอยฟุ้ง จากนั้นหมอกสีชมพูแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นรอบด้าน และกลายเป็นเมฆสีชมพูขนาดสองสามหมู่ พุ่งลงมาอย่างรุนแรง
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน เมฆสีชมพูก็หมุนวน สายรุ้งสีเงินห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน และกลายเป็นอสูรประหลาดหลากหลายชนิดจำนวนนับไม่ถ้วนท่ามกลางเมฆหมอก พลางแยกเขี้ยวตะปบเล็บไปที่สายรุ้งสีเงิน
เซียนหยินกวงเองก็ไม่ยอมสำแดงความอ่อนแอ หลังจากเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ไอหมอกก็หมุนวน พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและกรงล้อสีแดงปรากฏออกมา เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์แล้วแผ่ไปรอบด้าน…
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา หลังจากมองมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงแวบหนึ่ง สีหน้าโหดเหี้ยมบนใบหน้าพลันหายวับไป มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่ได้ปริปาก
แผ่นหลังมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ปีกอัสนีแวววาวปรากฏออกมา!
หลังจากที่ปีกขนนกกระพือสองสามครั้ง สายฟ้าสีเงินก็ดีดตัวออกมา ตัดสลับกันไปมาแล้วเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเขตอาคมลำแสงอัสนีขนาดสองสามจั้ง กลืนกินร่างของเขาเอาไว้ข้างใน
ไกลออกไปรูม่านตาของมนุษย์ยักษ์สวมชุดเกราะสีเพลิงมีเปลวเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้น มองมาทางหานลี่เช่นกัน เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหานลี่ก็อดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้
แต่ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนอง เหนือหัวสูงขึ้นไปเจ็ดแปดจังพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ชั่วพริบตานั้นประจุไฟฟ้าสีเงินหนาๆ พลันดีดตัวออกมา เขตอาคมอัสนีแหวกอากาศปรากฏขึ้น
ท่ามกลางเขตอาคมนั้นลำแสงอัสนีเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสีทองถูกส่งออกมา มือใหญ่โบกสะบัด ยอดเขาสีดำและเขียวสองลูกกดทับลงมา
ยอดเขายังไม่ทันกดลงมา หมอกลำแสงสีเทาและไอกระบี่ไร้รูปร่างจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากตีนเขา
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงแค่นเสียงหึที่เย็นชาจนเข้ากระดูกพลันดังขึ้นที่ข้างหูของมนุษย์ยักษ์ชุดเกราะสีเพลิง