คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1913 สงครามเมืองอี่เทียน (7)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1913 สงครามเมืองอี่เทียน (7)
อสูรยักษ์หัวแพะกำลังพิจารณากลุ่มสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ที่กำลังต่อสู้กัน ดวงตากลอกไปมาไม่หยุด
สำหรับมันแล้วจากนี้แม้ว่ากองทัพเผ่ามนุษย์และมารจะมีสมาชิกจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ก็มีแค่สองสามคนที่พอจะทำให้มันหวาดกลัวได้
ส่วนสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์สองคนทางฝั่งมารนั้น ก็มีกลิ่นอายที่คุ้นของผู้ที่ผนึกมันไว้ในปีนั้น
ส่วนกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากจอมมารเผ่ามารสองสามคน ก็ทำให้มันรังเกียจเช่นกัน
หากเป็นก่อนหน้านี้ที่มีพลังเต็มเปี่ยม แน่นอนว่ามันย่อมไม่รังเกียจที่จะกลืนทั้งสองฝั่งเข้าไปทั้งหมด แต่ยามนี้เป็นเพราะอาการบาดเจ็บภายในยังไม่หาย ประกอบกับถูกผนึกมาหลายปี พลังปราณจึงมีไม่ถึงครึ่งในยามปกติ จึงไม่กล้าทำอันใดประมาทเช่นนั้น
อสูรตัวนี้กำลังเอ่ยพึมพำอย่างกังขาในใจ เสียงผิวปากของเซียนหลินหลวนกลับดังเข้ามาในโสต ในเวลาเดียวกันยันต์สีโลหิตในหัวก็ถูกทิ่มแทง ชั่วขณะนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่แทบจะผนึกจิตสัมผัสที่เพิ่งลิ้มลองไปก่อนหน้า ราวกับจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ นี่จึงทำให้อสูรหัวแพะร่างกายสั่นเทา จากนั้นก็อ้าปากออกอย่างไม่ลังเลอีก พายุประหลาดสีเหลืองม้วนไปยังกองทัพเผ่ามารที่กำลังโจมตีเมือง
ชั่วพริบตานั้นท้องฟ้าพลันมืดมน ฝุ่นสีเหลืองปลิวว่อน
อสูรมารที่ถูกพายุสีเหลืองม้วนเข้าไปทยอยกันถูกพลังที่น่ากลัวที่แฝงอยู่ฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย ไม่มีแรงต้านทานเลยสักนิด
ชั่วพริบตาในยามที่อสูรมารนับพันตัวและอาชามารนับร้อยตัวกำลังถูกส่งไปสู่ความตายท่ามกลางพายุบ้าคลั่งนั้น
“หึ อสูรผสานลมหายใจ คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าช่วยเผ่ามนุษย์ และเป็นปฏิปักษ์กับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็ถูกฝังไปพร้อมกับเมืองนี้เถิด” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันโกรธเกรี้ยว หลังจากแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ฉับพลันนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง โยนถุงหนังสีดำสนิทออกมา จากนั้นก็ขยับแขน ในมือมีสามง่ามสีทองความยาวสองสามชุ่นปรากฏขึ้น
เจ้าสิ่งนี้พลิ้วกายแล้วมีขนาดยักษ์ร้อยจั้ง
ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์สองมือกุมสามง่ามเอาไว้ แล้วสับลงมาที่พายุหมุนด้านล่างอย่างแรง
ใบมีดลำแสงสีเขียวร่อนลงมาด้านล่างราวกับน้ำตก เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสับลงมาที่พายุหมุนสีเหลืองด้านล่าง และส่งเสียงเจิดจ้าจนแสบตาพลางจมหายเข้าไปในพื้นดิน
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
พื้นดินทั้งหมดสั่นสะเทือน รอยแยกยักษ์ความยาวพันจั้งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
หลังจากที่สับผ่านพายุหมุน ก็สลายหายไปไม่เหลือทันที
ส่วนถุงหนังสีดำที่ถูกโยนออกไปนั้น หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ก็มีประจุไฟฟ้าสีเงินหนาๆ สองสายดีดตัวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหมาป่ายักษ์ที่มีสายฟ้าสีเงินห่อหุ้มร่างอยู่สองตัว
ทุกตัวล้วนมีความยาวสามสี่จั้ง แผ่นหลังมีปีกอัสนีสีเงินคู่หนึ่ง กระพือปีก ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงแล้วกระโจนไปหาอสูรยักษ์หัวแพะ
อสูรยักษ์ผสานลมหายใจเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้าแพะก็ฉายแววดูแคลน ฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่งตบลงไปโดยไม่ปริปาก ฝ่ามือยักษ์สีเหลืองขนาดร้อยจั้งปรากฏขึ้นเหนือหมาป่ายักษ์สองตัวราวกับภูเขาขนาดย่อม แค่ร่อนลงมาก็กดร่างของอสูรมารสองตัวที่ดูไม่ธรรมดาจนระเบิดออก
ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำพลันตกตะลึง สามง่ามยักษ์สีทองในมือสับออกไปอย่างไม่ต้องขบคิด ใบมีดลำแสงยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็ร่ายอาคมกระตุ้นในใจ ค้อนยักษ์สีดำสองด้ามกลายเป็นเงาลวงตาทุบลงมาที่อสูรยักษ์
อสูรยักษ์หัวแพะถูกชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ย่อมถือว่าเป็นการยั่วยุตน แววตาฉายแววโหดเหี้ยม ปีกค้างคาวสองข้างที่แผ่นหลังกระพือไปตรงหน้า แล้วรางเลือนไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเมฆสีเหลืองดำ กลืนร่างอันใหญ่ยักษ์เข้าไปข้างใน
ใบมีดลำแสงยักษ์และเงาค้อนหนาๆ โจมตีไปที่เมฆสีเหลือง แค่ส่งเสียงอึกทึกออกมาอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำลายการป้องกันได้เลยสักนิด
ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำ ขว้างสามง่ามสีทองในมือ ร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นเพลิงอัสนีสีเงินพลันปรากฏขึ้นรอบตัว แล้วกระตุ้นให้พุ่งไปโจมตีศัตรู
แต่ในยามนี้ฉับพลันนั้นเหนือศีรษะพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฝ่ามือยักษ์ที่มีขนปุกปุยปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วกดลงมาที่ชายร่างใหญ่
ฝ่ามือยังไม่ทันร่อนลงมา พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็ห่อหุ้มรอบกายชายร่างใหญ่
ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำรู้สึกเพียงว่าหัวไหล่หนักอึ้ง ร่างกายเชื่องช้าลงราวกับมีภูเขายักษ์กดลงมา ในเวลาเดียวกันกลางอากาศก็แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าขยับนิ้วได้ยากลำบาก
ในเมื่อชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำเป็นจอมมารระดับขั้นปลายของเผ่ามาร แน่นอนว่าไม่ว่าประสบการณ์หรือว่าอิทธิฤทธิ์ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เผ่ามารธรรมดาจะเทียบเทียมได้ ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เพลิงอัสนีที่ปรากฏรอบด้านทยอยกันระเบิดออก อากาศที่แข็งตัวรอบด้านถูกทำให้ปริแตก
ส่วนแผ่นหลังของชายร่างใหญ่พลันมีเงาลวงตาช้างยักษ์สีดำปรากฏออกมา ร้องคำรามที่จมูก กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำที่ถูกกดไว้มีลำแสงสีดำไหลวนโคจร กายเนื้อราวกับแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า คาดไม่ถึงว่าจะไม่สนใจเงาลวงตานับร้อยสายที่สร้างขึ้นจากพลังมหาศาล ซึ่งเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว พลิ้วไหวแล้วพุ่งหนีไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
แต่ฝ่ามือยักษ์กลางอากาศแค่สั่นเทาเล็กน้อย ขนาดขยายใหญ่ขึ้นแล้วร่อนลงมาราวกับสายฟ้า ระลอกคลื่นสีเหลืองม้วนออกมา
เงาลวงตากว่าครึ่งถูกม้วนเข้าไปข้างใน ชั่วพริบตาก็หายวับไป
เงาลวงตาสิบกว่าสายที่บินได้รวดเร็วที่สุด บินหนีออกมาจากสองสามร้อยจั้ง จากนั้นลำแสงก็สว่างวาบแล้วทำลายตัวเอง เหลือเพียงชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำที่ยังอยู่ที่เดิม
แต่มารตนนี้พลันหันกลับไปมองสถานการณ์อันน่ากลัวที่ฝ่ามือยักษ์ร่อนลงมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
ยามนี้เมฆสีเหลืองสองกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นค้างคาวยักษ์สองตัวอีกครั้งแล้วกลับไปที่เดิม
เงาร่างอสูรยักษ์หัวแพะปรากฏขึ้นอีกครั้ง หดขาทั้งสองข้าง หมายจะกระโจนไปที่ชายร่างใหญ่
จากร่างกายอันใหญ่โตของอสูรตัวนี้ แค่ขยับ แม้ว่าจะไม่ต้องใช้อิทธิฤทธิ์ใดๆ ก็กดลงมาราวกับภูเขายักษ์ก็ไม่ปาน
ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำใจหายวาบ และไม่กล้ารับแรงโจมตีโดยตรง แค่พลิ้วกายกลายเป็นเงาลวงตาสองสามร้อยเงา สองมือกระตุ้นเพลิงอัสนีต่อสู้ไม่หยุด
แม้ว่าจะดูเหมือนตกเป็นรอง แต่ก็ได้พบกับความเจ็บปวดอีกครั้ง
อรหันต์ชิงหลงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วใบหน้ามีสีหน้าโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน สองมือพลิกฝ่ามือ กระบี่บินสีเขียวปรากฏขึ้น เล่มหนึ่งสลักมังกรวารีสีเขียวสองตัวเอาไว้ เล่มหนึ่งสลักนกยูงสีทองตัวหนึ่งเอาไว้
สะบัดข้อมือ!
กระบี่บินสองเล่มส่งเสียงร้องอันไพเราะแล้วพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกัน หลังจากหมุนวนโคจรอยู่เหนือศีรษะของเขา เล่มหนึ่งพลันพลิ้วไหวแล้วกลายเป็นเงาลวงตามังกรวารีสีเขียวสองตัว ตัวหนึ่งเปล่งรัศมีสีทอง หงส์สีทองตัวหนึ่งบินออกมาจากเงาลวงตา
ภายใต้การกระตุ้นของอรหันต์ชิงหลง เงาลวงตาของมังกรวารีสีเขียวสองตัวและเงาลวงตานกยูงสีทองกลายเป็นรัศมีลำแสงหมื่นสายกระโจนไปหาชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำ
เห็นได้ชัดว่าอาวุโสของเมืองอี่เทียนผู้นี้ตัดสินใจอาศัยพลังความน่ากลัวของอสูรผสานลมหายใจมาสังหารชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำที่นี่
ขอแค่สังหารจอมมารที่มีพลังยุทธ์ลึกล้ำที่สุดได้ แม้ว่าจะมีจอมมารลึกลับเพิ่มขึ้นมาอีกสองตน สงครามครั้งนี้ก็ยังคงมีโอกาสชนะ
ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำเห็นฉากนี้ย่อมรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง แต่ภายใต้การคุกคามของอสูรยักษ์ ยามนั้นก็ไม่อาจทำอันใดอรหันต์ชิงหลงได้ กลับเป็นเพราะอีกฝ่ายลงมือพัวพัน จึงต้องพบกับอันตรายอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
ในยามที่อรหันต์ชิงหลงดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่ง ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำก็ถูกบีบถอยกรูดไป ปากก็ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่หยุด ทางทะเลมารพลันมีจิตสังหารสองสามพันกลุ่มพวยพุ่งขึ้นมา
ทะเลมารที่เดิมเป็นสีดำ พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต!
เสียงหวีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กองทัพเผ่ามารที่ถูกลำแสงโลหิตประหลาดห่อหุ้มเอาไว้ พลันบินออกมาจากทะเลมารอย่างร้อนรน ไอแห่งความตายที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างมีอักขระวิญญาณสีโลหิตอยู่ทั่วสรรพางค์กาย ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ร่างกายกลับรางเลือนไม่ชัดเจน ราวกับว่าไม่ใช่ร่างจริง แต่เป็นภูตสงครามที่เพิ่งเดินออกมาจากน้ำพุใต้ดินก็ไม่ปาน
“ฮ่าๆ ดูสิอสูรเหี้ยมอย่างเจ้าจะร้ายกาจแค่ไหน? ผู้พิทักษ์ยมโลกโลหิตรีบวางเขตอาคมเร็วเข้า จับอสูรผสานลมหายใจและคนผู้นั้นไว้ข้างในเขตอาคมยมโลกโลหิต มารสงครามเจียหลุน เริ่มโจมตีเมืองได้!” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำเห็นกลิ่นอายนี้เหนือกว่ากองทัพเผ่ามารธรรมดาๆ ก็อดที่จะเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาไม่ได้ แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงอันดัง
เมื่อได้ยินคำสั่งของชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำ กองทัพเผ่ามารที่มีนามว่า ‘ผู้พิทักษ์ยมโลกโลหิต’ นายพลระดับสูงที่เป็นผู้นำพลันตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะทยอยกันแผ่เมฆโลหิตออกมา กะพริบวาบๆ แล้วม้วนเอาอสูรยักษ์ อรหันต์ชิงหลง หรือแม้กระทั่งชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำเข้าไปข้างใน
พริบตานั้นด้านในพลันมีเสียงรบราฆ่าฟันเต็มไปหมด เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุด
แทบจะในเวลาเดียวกันกลางกองทัพอสูรมารที่กำลังพยายามพุ่งเข้าไปที่หัวเมือง พลันมีเสียงกรีดร้องแหลมสูงระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
อสูรมารระดับต่ำที่แต่เดิมดูธรรมดาๆ นับพันตัวพลันพุ่งออกมาจากกองทัพ กะพริบวาบๆ ทยอยกันกระโจนไปด้านนอกม่านลำแสงสีเงินที่ปกป้องเมือง จากนั้นผิวกายก็เปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันกลายเป็นเผ่ามารยักษ์สามหัวหกแขน
นั่นก็คือมารสงครามเจียหลุนที่ไม่เคยเผยโฉมหน้าออกมาตั้งแต่เริ่มสงคราม!
คาดไม่ถึงว่ามารสงครามเหล่านี้จะใช้เคล็ดวิชาลับแปลงเป็นอสูรมารระดับต่ำตั้งแต่เริ่มสงคราม ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพอสูรมาร ยามนี้พลันเข้ามาใกล้กำแพงเมืองอย่างเงียบเชียบห่างออกไปแค่คืบหนึ่ง แล้วถึงได้ปรากฏร่างเดิมแล้วทำการโจมตีเมืองท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำ!
สองในสามหัวของมารสงครามเหล่านี้พ่นดวงเพลิงและใบมีดวายุต่างๆ ออกมาโจมตี แขนทั้งหกเปลี่ยนเป็นค้อนยักษ์ กรวยแหลม และอาวุธวิเศษต่างๆ กลายเป็นดวงแสงเจิดจ้า โจมตีไปที่เขตอาคมต้องห้ามราวกับพายุฝนกระหน่ำ
แม้ว่ารัศมีลำแสงสีเงินเหล่านั้นจะมหัศจรรย์มาก ภายใต้การโจมตีของกองทัพเผ่ามารก่อนหน้าก็สั่นคลอนอย่างรุนแรงไปตั้งนานแล้ว ยามนี้ถูกมารสงครามเจียหลุนรวบรวมพลังโจมตี ในที่สุดสิบกว่าจุดก็ส่งเสียงไพเราะแล้วทยอยกันระเบิดออก
ชั่วขณะนั้นมารสงครามเจียหลุนเผยสีหน้าโหดเหี้ยมแล้วพุ่งมาถึงหัวเมือง เปิดฉากสังหารเผ่ามนุษย์ที่อยู่บนหัวเมืองทันที!
ผู้ฝึกตนและผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำเผ่ามนุษย์เหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของฝูงมารได้อย่างไร พริบตานั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นไม่หยุด แล้วทยอยกันล่าถอยไปด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงที่เป็นผู้นำจะอยากต้านทาน แต่ก็เพลี่ยงพล้ำไปในพริบตาภายใต้การล้อมโจมตีของมารสงครามเจียหลุน
หัวเมืองที่ถูกรุกรานเหล่านี้ พลันเกิดความวุ่นวายขึ้น!
ผู้พิทักษ์เผ่ามนุษย์ตรงจุดอื่นเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดที่จะขวัญผวาไม่ได้ ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา