คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1915 สงครามเมืองอี่เทียน (9)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1915 สงครามเมืองอี่เทียน (9)
ครู่ต่อมาผิวของหานลี่พลันมีลำแสงสีทองสว่างวาบ ปากพลันร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ขนสีทองงอกออกมาจากผิวหนัง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นวานรยักษ์สีทอง!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะสำแดงคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้งแล้วกลายเป็นวานรยักษ์ภูเขา!
วานรยักษ์โบกมือทั้งสองไปมาโดยไม่ปริปาก ภูเขาสองลูกในมือระเบิดเสียงร้องออกมาแล้วพุ่งแหวกอากาศไป เปล่งแสงสว่างวาบมาอยู่ตรงหน้าประตูหิน แล้วทุบลงมาอย่างแรง
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังสนั่นขึ้น
ประตูหินมีลำแสงสีทองปรากฏขึ้น จากนั้นลำแสงเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์สองดวงพลันระเบิดออก
ลำแสงสีทองที่กลายเป็นเขตอาคมต้องห้ามแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา
ภายใต้อานุภาพที่น่ากลัวของประตูหิน พลันกลายเป็นผุยผงอย่างเงียบเชียบ
หานลี่มีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่จิตสัมผัสนับว่าไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้นในมือยังมีรัศมีสีทองม้วนวนออกมา
เขตอาคมที่ดูเหมือนลึกลับ พลันสลายหายไปภายใต้พลังมหาศาลของวานรยักษ์และภูเขาสองลูกขนาดใหญ่
วานรยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้ สองเท้าก็ย่ำพื้น ร่างทั้งร่างกลายเป็นพายุหมุนกระโจนเข้าไปในประตูหิน
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น กำปั้นสีเงินขนาดใหญ่เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ และโจมตีไปอย่างรุนแรง
ยังไม่ทันได้โจมตีวานรยักษ์ พลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งก็แผ่ตัวห่อหุ้มลงมา
หานลี่ที่ยังไม่ทันได้ทำให้ร่างกายมั่นคงพลันตกตะลึง แต่ก็ร้องคำรามอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น มือยักษ์ที่มีขนปกคลุมข้างหนึ่งตะปบออกไป
ปลายนิ้วทั้งห้ามีลำแสงสีทองปรากฏขึ้น ชั่วพริบตานั้นฝ่ามือทั้งฝ่ามือพลันเปลี่ยนเป็นทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ปาน
เสียง “เคร้ง” ดังขึ้น กำปั้นสีเงินและทองปะทะเข้าด้วยกัน
กำปั้นสีเงินส่งเสียงเคร้ง ผิวมีรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะถูกกำปั้นวานรยักษ์ทำให้แตกละเอียด!
แต่ในยามนี้เหนือหัวของวานรยักษ์พลันมีพายุหมุนปรากฏขึ้น แล้วมีกรงเล็บสีเงินข้างหนึ่งตะปบลงมา
วานรยักษ์ขยับแขนอีกข้างหนึ่งโดยไม่ปริปาก ฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งตบลงไปเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันกรงเล็บสีเงินก็ระเบิดเสียงอึกทึกออกแล้วแตกละเอียด
วานรยักษ์ที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วกลับไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด ดวงตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออก พ่นเสาลำแสงสีเขียวออกมา
เปล่งแสงสว่างวาบ ทะลวงผ่านไปสิบกว่าจั้ง
เสียงอึกทึกดังขึ้นเงาสีเงินสายหนึ่งร่อนลงมาจากกลางอากาศ
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหุ่นเชิดสีเงินที่แขนขาดตัวหนึ่ง
สูงสองจั้ง รอบกายมีอักขระยันต์สีดำลึกลับสลักอยู่!
มือของวานรยักษ์ตะปบไปที่หุ่นเชิด เสียงแหวกอากาศ “ฟิ้วๆ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีเขียวสิบสายตัดสลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว
หุ่นเชิดสีเงินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา!
และในยามนั้นเองบรรยากาศรอบด้านพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เสียง “สวบๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบ หุ่นเชิดสีเงินที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วเจ็ดถึงแปดตัวปรากฏขึ้น
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย หุ่นเชิดเหล่านี้กลับขยับกายอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แล้วกลายเป็นลำแสงสีเงินเจ็ดแปดดวงกระโจนเข้าไป
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม วานรยักษ์ขนสีทองพลันส่งเสียงกรีดร้องยาวๆ ยอดเขาสูงสองสามจั้งสองลูกในมือพุ่งออกไปพร้อมกัน
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้นสองครั้ง หุ่นเชิดสีเงินสองตัวถูกโจมตีจนระเบิดออก
ภูเขาสองลูกพลิ้วไหวหายวับไปจากที่เดิม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏตัวอีกครั้งในมือของวานรยักษ์ พลิกฝ่ามือแล้วสลายหายไป
อีกด้านแมลงเกราะลายสีม่วงสิบกว่าตัวพลันบินวนล้อมรอบหุ่นเชิดอีกสองสามตัว
เหล่าหุ่นเชิดสีเงินเองก็ร่อนลงมาโดยไม่ส่งเสียงต่อต้าน ชั่วพริบตาก็ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
วานรยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ลำแสงสีทองบนผิวกายหม่นแสงลง แล้วหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง
บนหินสีเขียวที่พื้นด้านล่างล้นเต็มไปด้วยซากของหุ่นเชิดสีเงิน มีมากกว่ายี่สิบตัว
หานลี่กวาดสายตาไปแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเลื่อนสายตาไปยังจุดที่ไกลออกไป แววตาฉายแววเคร่งขรึม
หุ่นเชิดสีเงินเหล่านั้น แม้ว่าพละกำลังจะแค่ระดับเทพแปลงขั้นต้น แต่จำนวนชั้นก็ไม่น้อยจริงๆ
ชั้นแรกของหอคอยนี้มองจากภายนอกดูเหมือนจะไม่มากนัก แต่เขากลับบินบุกเข้าเนิ่นนานถึงจะออกมาได้
และระหว่างทางที่เขาผ่านมา ก็สังหารหุ่นเชิดสีเงินไปร้อยตัว
หากไม่ใช่ว่าเขากลายเป็นวานรยักษ์ภูเขา หุ่นเชิดสีเงินคงไม่อาจรับพลังการโจมตีมหาศาลได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังใช้แมลงวิญญาณสามตัว หากจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยจริงๆ
แต่เช่นนี้ก็ทำให้หานลี่ไม่มีเจตนาดูแคลนอันใดอีก
ถึงอย่างไรเสียนี่ก็แค่ขั้นแรกเท่านั้น!
เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ แววตาของหานลี่ก็กวาดไปยังที่สูงแวบหนึ่ง
ห่างจากพื้นดินไปไม่ถึงหกสิบเจ็ดสิบจั้ง ไอหมอกสีเทาพลันปกคลุมทุกอย่างเอาไว้
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทดสอบทางลัดอย่างการใช้พลังโจมตีกำแพงกั้นไปที่ชั้นสองตรงๆ แต่เป็นเพราะกังวลว่าหากฝืนทลายไปจะส่งผลต่อห้วงเวลาที่ซ่อนอยู่ จึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนี้
หากห้วงมิติเวลาสัมผัสกับเขตอาคมของหอคอยสมบัติ แล้วทำโดยประมาทเลินเล่อ ก็จะเสียเปรียบไม่น้อย
หานลี่ขบคิดในใจ แต่คนกลับไม่ได้ลังเลอยู่ที่เดิม ลำแสงหลีกหนีพุ่งไปยังตีนบันไดด้านหน้า
แมลงเกราะสีม่วงสิบสามตัวส่งเสียงหึ่งๆ พลางไล่ตามมา
แค่กะพริบวาบๆ สายรุ้งสีเขียวก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อากาศที่ดูเหมือนว่างเปล่าไร้ผู้คนพลันมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เงาร่างอรชนอ้อนแอ้นปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เงาร่างคนสวมชุดชาววังสีชมพู ดวงตาทั้งสองดุจสายธาร นั่นก็คือหญิงงามวัยกลางคนหนึ่งในมือสังหารหยินหยาง
สตรีผู้นี้มองจุดที่หานลี่สลายหายไปตรงตีนบันได ใบหน้ากลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
“คนผู้นี้มีฝีมือดังคาด คาดไม่ถึงว่าจะรู้วิชาการแปลงกายเป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้และสามารถควบคุมแมลงวิญญาณที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้! โชคดีที่ตามมามิเช่นนั้นจากอิทธิฤทธิ์ของคนผู้นี้ก็อาจจะไม่มีวิธีห้ามไม่ให้เขาหนีไปได้ๆ” หญิงงามเอ่ยพึมพำ ชูฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น จานอาคมสีเงินปรากฏขึ้น และหมุนเคว้งอยู่ตรงใจกลางฝ่ามือ หมอกสีเงินม้วนวนลงมา
ท่ามกลางลำแสงสีเงิน เงาร่างของหญิงงามก็เลือนรางไปกลายเป็นพายุหมุนแล้วหายวับไป
ชั้นที่สองกระบี่ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ!
หุ่นเชิดสีเงินสองตัวที่ตัวใหญ่กว่าชั้นแรกถูกกระบี่ลำแสงหมุนวนม้วนเข้าไปข้างใน แล้วกลายเป็นเศษเหล็กปลิวว่อนไปทั่ว
ภายนอกของหุ่นเชิดเหล่านี้ไม่ต่างอันใดจากชั้นหนึ่ง แต่พละกำลังกลับไม่แตกต่างกับมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นกลาง
หานลี่ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ในใจ พาแมลงวิญญาณสิบสามตัวหยุดอยู่เต็มซากโครงกระดูก แล้วบินไปตรงหน้าต่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
……
ชั้นที่สามตรงตีนบันไดมีหุ่นเชิดระดับเทพแปลงขั้นปลายสิบกว่าตัวล้อมหานลี่ไว้อีกครั้ง ทุกตนล้วนกระโจนเข้ามาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ชั้นที่สี่…
ชั้นที่หกหานลี่สาวเท้ายาวๆ ลอยไปด้านหน้า ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
ชั้นที่สี่หุ่นเชิดที่ปรากฏขึ้นเปลี่ยนเป็นสีทอง ทุกตัวล้วนมีอิทธิฤทธิ์ระดับหลอมสุญตาขั้นต้น แต่จำนวนน้อยลงมาก
หุ่นเชิดสีทองของชั้นที่ห้า ชั้นที่หกพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็นระดับหลอมสุญตาขั้นกลางและขั้นปลายตามลำดับ
หุ่นเชิดสีทองชั้นที่หกรับมือยากกว่าชั้นก่อนหน้าเป็นอย่างมากแม้ว่าเขาจะเสียขั้นตอนไปมาก ใช้อิทธิฤทธิ์สองสามชนิด ถึงจะสังหารที่ชั้นนี้ได้
หากตามกฎก่อนหน้า หุ่นเชิดที่คุ้มกันชั้นนี้น่าจะมีพละกำลังระดับผสานอินทรีย์ถึงจะถูก
นี่จึงทำให้หานลี่มีชีวิตชีวาขึ้น แล้วเตรียมรับมือกับมัน
ผลคือเมื่อเข้ามาถึงชั้นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวเลยสักนิด และไม่ได้รับการขัดขวางใดๆ
นี่จึงทำให้เขาแปลกใจในเวลาเดียวกัน ในใจพลันรู้สึกระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
แต่โชคดีที่มีเคล็ดวิชาลับดึงดูดเนตรทำลายล้าง จึงมั่นใจว่าชั้นที่เจ็ดของห้วงมิติเวลานั้นน่าจะอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก
นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกดีใจขึ้นมาหลายส่วน
ฉับพลันนั้นแมลงวิญญาณสิบสามตัวที่อยู่ด้านหลัง ก็ส่งเสียงกรีดร้องยาวๆ ออกมาพร้อมกัน และวนล้อมรอบไปมาไม่หยุด
หานลี่พลันใจหายวาบ ร่างกายหยุดชะงัก หยุดอยู่ที่เดิม
ในเวลาเดียวกันดวงตาทั้งสองก็มีลำแสงสีฟ้าสว่างวาบ แล้วจ้องเขม็งไปยังจุดหนึ่ง
รัศมีลำแสงที่อยู่กลางอากาศพลันหมุนวน ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีสองสายเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นสองสายเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้น เรือนกายมีลำแสงเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหุ่นเชิดสองตัวที่แทบจะโปร่งแสงราวกับกระจกก็ไม่ปาน!
หุ่นเชิดโปร่งใสสองตัวนี้ร่างกายไม่ต่างจากคนทั่วไป แต่หน้าตารางเลือน ผิวมีลำแสงไหลวนโคจร ชั่วพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นก็ให้พลังแรงกดที่น่าหวาดกลัวสำหรับหานลี่
“น่าสนใจดังคาด แต่หุ่นเชิดระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นสองตนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ คิดจะใช้พวกมันขวางทางข้า ก็เพ้อฝันเกินไปหน่อยแล้ว!” ชั่วพริบตานั้นหานลี่พลันพิจารณาหุ่นเชิดสองตัวขึ้นลง แววตาหม่นแสงลง แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ โยนภูเขาสองลูกออกไป แมลงเกราะลายสีม่วงที่กำลังเริงระบำอยู่รอบๆ สยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วทยอยกันพุ่งไปหาหุ่นเชิดทั้งสองตัว
จากนั้นมือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามือ ไม้บรรทัดสีเงินปรากฏออกมา และสะบัดข้อมือพุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นลำแสงสีเงินยาวสิบจั้งเศษ แล้วม้วนมาอย่างรุนแรง
แม้ว่าหานลี่จะพูดเหมือนดูแคลน แต่เมื่อลงมือกลับโหดเหี้ยม ไม่คิดจะเสียเวลากับหุ่นเชิดสองตัว
หุ่นเชิดโปร่งแสงส่องตัวเห็นการโจมตีราวกับสายฟ้า ดวงตาทั้งสี่พลันมีลำแสงวิญญาณเจ็ดสีกลอกไปมา ร่างกายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยับเข้ามาใกล้ ยิ่งไปกว่านั้นแขนทั้งสี่ก็รางเลือน ฝ่ามือทั้งสี่ต้านทานไว้
เสียง “ตูม” ดังขึ้น!
ลำแสงเจ็ดสีสองกลุ่มระเบิดออกมาระหว่างฝ่ามือทั้งสี่ มันบิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นดวงแสงเจ็ดสีดวงหนึ่ง พลางขยายใหญ่ขึ้น
ยามแรกมีขนาดเท่าศีรษะ หลังจากกะพริบวาบๆ กลับกลายเป็นรัศมีลำแสงเจ็ดสีชั้นหนึ่ง!
รัศมีลำแสงอันงดงามกลืนกินร่างทั้งหมดเข้าไปข้างใน และระเบิดเสียงร้องทุ้มต่ำออกมา
รัศมีลำแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงโดยไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ในเวลาเดียวกันอักขระยันต์ขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมา แผ่ลำแสงงดงามออกมา
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ลำแสงสีเงินกลับมาอยู่กลางอากาศด้วยความเร็วเกินจะจินตนาการได้ และสับลงมาอย่างแรง
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
แทบจะอยู่ห่างจากม่านลำแสงไปไม่ถึงครึ่งฉื่อ รัศมีลำแสงที่อยู่รอบๆ ก็รางเลือน ลำแสงสีเงินสั่นเทาไม่อาจขยับเข้ามาใกล้ได้แม้เพียงสองสามชุ่น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ลำแสงก็ปรากฏร่างเดิมพร้อมกับส่งเสียงร้องคร่ำครวญ แล้วดีดตัวออก!