คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1927 มหาสมุทรโลหิต
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1927 มหาสมุทรโลหิต
หมอกลำแสงเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างวาบ หอคอยขนาดเล็กกลายเป็นร่างสูงใหญ่ พลังลึกลับกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มลงมาหาหม้อใบเล็กอย่างเงียบเชียบ
แต่แทบจะในเวลาเดียวกันที่ชายหนุ่มผู้นี้ลงมือ ร่างวิญญาณของหานลี่ที่เดิมยืนนิ่งอยู่กลับอ้าปากออก พ่นลำแสงสีขาวออกมา ด้านในมีสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนแหวนปรากฏขึ้นรางๆ และใช้นิ้วชี้ไปอย่างรวดเร็ว
เสียง “ปัง” ดังขึ้น เมื่อนิ้วชี้ไปที่แหวน ชั่วพริบตานั้นพลันระเบิดออก ชั่วขณะนั้นพลังห้วงเวลาที่อ่อนแอเล็กน้อยพลันซัดเข้ามา
หอคอยเล็กที่กำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์ พลันได้รับผลกระทบจากพลังกลุ่มนี้ คาดไม่ถึงว่าเอียงไปอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง พลังห้วงเวลาแฉลบผ่านด้านข้างหม้อคำพูดสีม่วงไป
หม้อใบเล็กส่งเสียงร้อง กลายเป็นลำแสงสีม่วงหนีออกไปร้อยจั้ง
ร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงที่เดิมควบคุมสมบัติชิ้นนี้พลันร้อนใจ เท้าข้างหนึ่งหยุดชะงัก กลายเป็นลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งไล่ตามไป
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าลงมือกับสมบัติวิเศษของข้า หากข้าไม่กระชากวิญญาณของเจ้าออกมา ก็ไม่คู่ควรกับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์แดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ เมื่อเห็นฉากนี้ชัดเจน ก็มีสีหน้าเขียวคล้ำ
เขาเองก็ไม่สนใจว่าชายหนุ่มอีกคนจะไล่ตามสมบัติคืนมาได้หรือไม่ สองมือพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว เงามารที่แผ่นหลังชูคอร้องคำรามเสียงดังสนั่น จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วอ้าปากพ่น
วารีโลหิตทะลักออกมา
วารีโลหิตนี้มีกลิ่นคาวคละคลุ้งอย่างหาที่เปรียบ หลังจากทะลักออกมาก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ห่อหุ้มบรรยากาศรอบๆ จนกลายเป็นมหาสมุทรโลหิต และภายใต้การร่ายอาคมกระตุ้นของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ ก็กลายเป็นระลอกคลื่นยักษ์ม้วนวนมา
หานลี่พลันใจหายวาบ ร่างที่กลายเป็นวานรยักษ์ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม วางเขตอาคมชั่วคราวลงใกล้ๆ สองสามเขต แล้วพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
เขตอาคมลำแสงทยอยกันปรากฏออกมาปกป้องเขตอาคมกระบี่เอาไว้แน่น หมอกลำแสงหลายชั้น และหมอกหลากสีสันคลี่ตัวออกไป ท่าทางจะกลืนกินร่างของวานรมารเข้าไปข้างใน
ยามนี้สำเภาลำเล็กสีโลหิตพลันลอยอยู่เหนือวารีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกันกลายเป็นมหาสมุทรโลหิต
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำซึ่งอยู่บนสำเภาเห็นสถานการณ์เตรียมการป้องกันเต็มกำลังของหานลี่ ก็หัวเราะด้วยความเย็นชา สะบัดแขนเสื้อทั้งสองสะบัดไปทางหานลี่พร้อมกัน
ชั่วขณะนั้นมหาสมุทรโลหิตใต้ร่างก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น ม้วนวนกลายเป็นระลอกคลื่นยักษ์สีโลหิตสูงยี่สิบสามสิบจั้ง ม้วนวนมาหานลี่อย่างดุดัน
เขตอาคมชั่วคราวที่ขวางอยู่ด้านหน้าพลันปะทะเข้ากับระลอกคลื่นยักษ์
ชั่วพริบตาหมอกลำแสงที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกทำลายไปราวกับพบกับดาวมฤตยู แม้กระทั่งตัวของเขตอาคมเมื่อปะทะกับวารีโลหิตก็กลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไปราวกับกระดาษ
ระลอกคลื่นยักษ์สีโลหิตมาอยู่ตรงใจกลางของเขตอาคมกระบี่ และภายใต้กระตุ้นของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำอย่างแรงก็ส่งเสียงอึกทึกออกมาพลางปะทะเข้าด้วยกัน
ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางเขตอาคมกระบี่ มันตัดสลับกันไปมา กลายเป็นกำแพงสีเขียวต้านทานอยู่เบื้องหน้าระลอกคลื่นยักษ์
ระลอกคลื่นยักษ์สีโลหิตมีระลอกคลื่นซัดเข้ามา แต่ก็ถูกต้านทานเอาไว้ตรงหน้าม่านสีเขียว
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็พลันรู้สึกตกตะลึง
เขาสร้างมหาสมุทรโลหิตขึ้นจากวารีพิษประหลาดชนิดหนึ่งในแดนมาร ปกติแล้วไม่ว่าสมบัติวิเศษหรืออสูรวิญญาณประสบเข้า ขอแค่ถูกม้วนเข้าไปก็หายไปทันที
แม้ว่าเป็นเพราะพลังปราณอิทธิฤทธิ์นี้จึงลดลง แต่ในสายตาของเขา การต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานลงมาย่อมราบรื่นไปทุกอย่าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเขตอาคมของอีกฝ่ายต้านทานเอาไว้อย่างง่ายดาย
กระบี่ลำแสงสีเขียวเหล่านั้นที่บินออกมาจากเขตอาคมกระบี่ ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ภายใต้การโจมตีของระลอกคลื่นโลหิตไหนเลยจะถูกทำลายได้ ราวกับพิษร้ายแรงของมหาสมุทรโลหิตไม่อาจมีผลกับเขาได้
แต่ในฐานะของผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายาน ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำย่อมไม่อาจมีฝีมือแค่นี้ได้ หลังจากมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่มหาสมุทรโลหิตรอบด้าน
ชั่วขณะนั้นมหาสมุทรโลหิตพลันมีระลอกคลื่นโป่งพองขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะมีโลหิตขนาดเท่ากำปั้นบินออกมาสองสามร้อยกำปั้น ภายใต้การรวมตัวกันคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นรังไหมโลหิตติดปีก กระโจนไปหาม่านกระบี่สีเขียวพร้อมกับเสียงหึ่งๆ
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้รูม่านตาพลันหดเล็กลง กระตุ้นเขตอาคมกระบี่อย่างแรง
ชั่วขณะนั้นม่านกระบี่สีเขียวตรงหน้าพลันส่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา มังกรสีเขียวห้ากรงเล็บตัวหนึ่งบินออกมาจากด้านใน แค่อ้าปากออกก็มีกระบี่ลำแสงพุ่งออกมานับไม่ถ้วน
รังไหมโลหิตติดปีกเหล่านั้นส่งเสียงประหลาดออกมา ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันถูกสับออกครึ่งหนึ่ง
ทว่าครู่ต่อมาระลอกคลื่นโลหิตร่อนลงมาจากรังไหมโลหิตที่ม้วนวน รังไหมโลหิตเหล่านั้นฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติทันที ยังคงกรูกันเข้ามา และชั่วพริบตาที่เข้าใกล้ม่านสีเขียว ก็ทยอยกันอ้าปากพ่นเส้นไหมโลหิตแวววาวออกมา
เส้นไหมโลหิตเหล่านี้บางราวกับเส้นผม แต่เมื่อสัมผัสกับม่านกระบี่ ฉับพลันนั้นพลันส่งเสียงเคร้งราวกับหยกและไข่มุกร่วงลงบนจาน
เมื่อกระบี่ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนและเส้นไหมโลหิตสัมผัสกัน ไม่เพียงจะไม่ถูกไอกระบี่ที่แหลมคมสับออกเป็นชิ้นๆ กลับเปลี่ยนเป็นเหนียวข้น คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันพันรัดราวกับมีราก
ส่วนรังไหมโลหิตที่พ่นเส้นไหมโลหิตเหล่านั้นออกมา กลับกระพือปีกทั้งสองข้างทันทีแล้วพุ่งไปด้านหลัง
เส้นไหมโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนรัดแน่น กระบี่ลำแสงส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลง
พริบตานั้นม่านลำแสงสีเขียวก็หยุดชะงัก ผนึกรวมตัวกันอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วเผยรอยแยกออกมา
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หัวเราะร่าออกมา ระลอกคลื่นยักษ์สีโลหิตพุ่งเข้ามา วารีโลหิตถือโอกาสนี้ทะลวงผ่านม่านลำแสง
แต่ในยามนั้นเองกลางม่านกระบี่สีเขียวพลันมีเสียงมังกรคำรามดังขึ้น หัวมังกรขนาดใหญ่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วยื่นออกมาจากรอยแยก อ้าปากออกแล้วพ่นเสาลำแสงหนาๆ ออกมา
วารีโลหิตและเสาลำแสงปะทะเข้าด้วยกัน ระเบิดเสียงเสียดแก้วหูออกมา ยามนั้นทั้งสองต่างยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมีสีหน้าเคร่งขรึม ปากก็ร้องเสียงต่ำๆ ออกมา มหาสมุทรโลหิตเกิดระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้งราวกับได้ยินเสียงขานรับ แล้วม้วนวนจนเกิดเป็นระลอกคลื่นยักษ์ค้ำฟ้า ม้วนวนไปทางเขตอาคมกระบี่ ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวพลันใช้มหาสมุทรโลหิตกลืนกินเขตอาคมกระบี่อย่างไรอย่างนั้น
แต่เมื่อม่านลำแสงสีเขียวแบ่งออก มังกรสีเขียวห้ากรงเล็บก็แยกเขี้ยวตะปบเล็กออกมาจากรอยแยก ดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานระลอกคลื่นโลหิตเอาไว้ ยามนั้นทั้งสองข้างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
วานรยักษ์ที่อยู่ด้านหลังม่านลำแสงสีเขียวพลันทำเหมือนไม่เห็นทุกอย่างนี้ แค่มองชายหนุ่มที่ถือหอคอยเจ็ดสีอีกคนหนึ่งอย่างเย็นชา
ความวุ่นวายของระลอกคลื่นที่อยู่ตามบรรยากาศรอบๆ พลันสลายหายไป ร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงที่ถือสมบัติสวรรค์ทมิฬอยู่ไม่อาจอยู่ด้านข้างโดยไม่ลงมือได้
เทียบกับชายหนุ่มที่เป็นผู้นำแล้ว เขาหวาดกลัวสมบัติในมือของคนผู้นี้มากกว่า
และเมื่อครู่ที่อาศัยการระเบิดตัวเองของสมบัติห้วงเวลาระดับต่ำมากระทบอานุภาพของสมบัติชิ้นนี้ ก็เป็นแค่ทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น
ครั้งต่อมาจะใช้ได้หรือไม่ ก็มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้
ดังนั้นไม่เพียงวานรยักษ์และร่างวิญญาณที่มีท่าทีถมึงทึง แม้แต่ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็มีท่าทีพร้อมรบอยู่ด้านข้าง
ดังคาดระลอกคลื่นวุ่นวายสุดท้ายท่ามกลางบรรยากาศรอบๆ พลันสลายหายไปในพริบตา ร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงที่ถือหอคอยเล็กห้าสีพลันลงมือ
ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันตบไปที่หอคอยในมือ ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงเจ็ดสีพลันม้วนวนลงมา เปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างของชายหนุ่มสลายหายไปจากสำเภาลำเล็ก
ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์พลันลืมตาขึ้น เปลวเพลิงลำแสงสีทองทะลักออกมาจากเรือนร่าง แล้วห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้
ร่างวิญญาณพลันร่ายอาคม ผิวมีเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าผิวของร่างกายจะมีเกราะสงครามสีเขียวเข้มปรากฏขึ้น
เกราะนี้ปกคลุมไปกว่าครึ่งร่าง บนผิวมีอักขระที่มีลวดลายวิจิตรงดงามสลักอยู่ แค่แนบอยู่บนร่างวิญญาณ
ทั้งสองล้วนเผยท่าทีพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูออกมา
แต่หลังจากที่ใช้หอคอยในมือ ชายหนุ่มพลันเคลื่อนย้ายมาอยู่เหนือศีรษะของทั้งสอง แค่เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือเขตอาคมกระบี่ และพลิกฝ่ามืออย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
หอคอยเจ็ดสีในมือพลิกคว่ำร่อนลงมา หอคอยเงายักษ์ปรากฏขึ้น และห่อหุ้มลงมาอย่างด้านล่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ระลอกคลื่นที่น่าขนลุกห่อหุ้มไปทั่วเขตอาคมกระบี่ และกลายเป็นหมอกลำแสงเจ็ดสีม้วนวนลงมา
ชั่วพริบตาที่ระลอกคลื่นนี้ปรากฏขึ้น หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์พลันสัมผัสได้ เงยหน้าขึ้นเห็นสถานการณ์กลางอากาศก็หน้าเปลี่ยนสี ขยับแขนอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แขนที่มีขนปกคลุมข้างหนึ่งกวักไปกลางอากาศ
กลางอากาศที่สูงยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น ลำแสงนับหมื่นสายพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน เงาลวงตาของหอคอยปรากฏขึ้น และแผ่ระลอกคลื่นออกมาพลางร่อนลงมา
อีกด้านร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์และร่างวิญญาณพลิ้วกายในเวลาเดียวกัน และต่างก็เคลื่อนไหว
ร่างวิญญาณชูมือข้างหนึ่งขึ้น ลำแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ
ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์กลับหมุนคว้าง กลายเป็นพายุสีทองสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาเหนือสำเภาลำเล็กสีโลหิตมีพายุหมุนปรากฏขึ้น ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นกลางพายุ
กรทั้งหกขยับ เศียรทั้งหกพุ่งออกมาจากลำแสงสีทองในเวลาเดียวกัน เปล่งแสงสว่างวาบ แต่กลับรวมตัวกันกลายเป็นระลอกคลื่นสีทองเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง
ระลอกคลื่นนี้แค่หมุนวน พลังมหาศาลกลุ่มนี้ก็ดูดสำเภาลำเล็กที่อยู่ด้านล่าง
สำเภาลำเล็กที่เดิมลอยอยู่บนมหาสมุทรโลหิตพลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะพาลำแสงโลหิตบินออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำเห็นเช่นนั้น มุมปากพลันกระตุกไม่เห็นว่าเขาจะทำอันใด เงามารยักษ์ที่แผ่นหลังของเขาพลันร้องคำราม ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสิ่งมหึมาขนาดร้อยจั้ง หนวดสิบกว่าเส้นพุ่งออกไปกลางอากาศพร้อมกัน
เมื่อหนวดสิบกว่าสายรวมตัวกันกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นทวนยักษ์สีเทา แล้วทะลวงเข้ามาในใจกลางของระลอกคลื่นสีทอง
เสียงอึกทึกดังสะเทือนเลื่อนลั่น!
ระลอกคลื่นสีทองหมุนวนแข็งตัว ตรงขอบกะพริบวาบๆ ไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะถูกทวนยักษ์สีเทาทะลวงผ่านใจกลาง และพุ่งไปหาร่างของร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแรง
ร่างทองเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่หลบหลีก กรทั้งหกพลิ้วไหว ตัดสลับกันไปมาแล้วสับออก ดาบลำแสงสีทองหกสายพาความเย็นเยียบของวารีเหมันตฤดูมาด้วย พลางสับลงมาทวนยักษ์
เสียง “ตึงๆ” ดังสนั่นขึ้น ดาบกระบี่หกสายถูกทวนยักษ์โจมตีจนแตกสลายในเวลาเดียวกัน แล้วกลายเป็นลำแสงเป็นดวงๆ ระเบิดออก!
จากนั้นทวนยักษ์พลันรางเลือน ปลายแหลมมาอยู่ตรงหน้าร่างทองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พาพายุคาวเปล่งแสงสว่างวาบมาด้วย คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงเข้าไปในทรวงอกของร่างทอง