คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1938 ศิลาวิญญาณหวงเหลียน
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1938 ศิลาวิญญาณหวงเหลียน
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หลังจากผ่านไปสองสามเค่อ พลังแรงกดไร้รูปร่างที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าก็ค่อยๆ หนักขึ้นเป็นร้อยชั่ง หิมะน้ำแข็งที่เพิ่งก่อตัวกันบนยอดเขาเริ่มส่งเสียงประหลาดดัง “แกรกๆ” ออกมา
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
ระลอกคลื่นสีดำหมุนวนอยู่กลางอากาศ ประจุไฟฟ้าราวกับถังน้ำสายหนึ่งร่อนลงมาจากใจกลาง ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปไอความร้อนแผ่ออกมาทั่วอากาศ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางสับลงมาที่ระลอกคลื่นอีกลูกในหลุมยักษ์
ประจุไฟฟ้าสีเงินหนาๆ เปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย หมอกรอบๆ ระลอกคลื่นหมุนวน เสียงคำรามต่ำๆ ราวกับดังขึ้นหลุมลึก ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างไร้ที่สิ้นสุด
จากนั้นเสียงคำรามยักษ์ก็ดังออกมาจากใต้ดิน ระลอกคลื่นน่าตกตะลึงแผ่ออกมาจากหลุมยักษ์อย่างรวดเร็ว
ยอดเขาทั้งลูกเริ่มสั่นคลอน!
ชั้นผลึกน้ำแข็งหนาๆ แผ่ไปทั่วพื้นดิน แม้กระทั่งปริแตกเป็นสายๆ จำนวนนับไม่ถ้วนภายใต้ระลอกคลื่นที่หมุนวนอย่างรุนแรง
แต่ในยามนั้นเองระลอกคลื่นสีดำกลางอากาศพลันมีสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีเงินหนาๆ รวมตัวขึ้นอีกครั้ง และสับลงมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
มองเห็นประจุไฟฟ้าสีเงินสับลงมาที่หลุมยักษ์ หมอกด้านล่างก็ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงสีเหลืองนวลพ่นออกมาต้านทานประจุไฟฟ้าสีเงินเอาไว้พอดิบพอดี
ชั่วพริบตาที่ทั้งสองพัวพันเข้าด้วยกัน
เปลวเพลิงสีเหลืองที่ดูเหมือนกำลังลุกโชน กลับแผ่ไอเย็นเยียบที่น่าตกตะลึงออกมา ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงก็เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหน้าผีตนหนึ่ง ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
เสียงอึกทึกดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินและเปลวเพลิงสลายหายไปในเวลาเดียวกัน!
“เพลิงธรณีน้ำพุเหลือง? ไม่ถูก เพลิงธรณีดวงนี้น่าจะไม่ได้มีอานุภาพมากมายขนาดนั้น!” หานลี่มองเห็นฉากนี้ก็หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วขบคิดอย่างรวดเร็ว
แต่ในยามนั้นข้างหูของเขาพลันมีเสียงจุ๊ๆ ด้วยความชื่นชมของปรมาจารย์เทียนฉานดังขึ้น
“ศิลาวิญญาณหวงเหลียนคู่ควรกับที่เป็นสัตว์วิญญาณที่ฝึกฝนอยู่ในเพลิงธรณีน้ำพุเหลืองมาสองสามหมื่นปีจริงๆ มันรวมเพลิงธรณีเข้ากับไอปีศาจในร่างของมันจนกลายเป็นอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจ อีกเดี๋ยวยามที่ประสกหานปะทะกับมัน ก็ต้องระวังเพลิงปีศาจด้วย”
“ขอบพระคุณท่านปรมาจารย์ที่เตือน ข้าน้อยจะระมัดระวัง” หานลี่ใจหายวาบ เอ่ยขอบคุณกลับไป
ประจุไฟฟ้าที่ผ่าลงมากลางอากาศเป็นสายๆ เริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น แต่เพลิงปีศาจสีเหลืองที่พ่นออกมาจากก้นหลุมยักษ์กลับไม่ช้าลง ดวงเพลิงพุ่งออกไปต้านทานทั้งหมดเอาไว้ ทำให้อัสนีโจมตีไร้ผล
ทว่าการกระทำนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการทำให้บางสิ่งที่อยู่ในยมโลกโกรธเกรี้ยว
ระลอกคลื่นสีดำกลางอากาศดีดตัวไปมา ประจุไฟฟ้าหยุดลง
แต่ครู่ต่อมาระลอกคลื่นพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ดวงแสงอัสนีสีเงินขนาดเท่าศีรษะปรากฏขึ้น ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ กลางเมฆสีดำ เส้นไหมสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ มองปราดเดียวก็ทอตัวเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่ลูก
สถานการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าทำให้ศิลาวิญญาณที่อยู่ด้านล่างไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอกอย่างสบายใจได้
หลังจากเสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น หมอกสีเหลืองก็หมุนวน ของขนาดสองสามฉื่อพุ่งออกมาจากก้นหลุม จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบ ลอยอยู่กลางอากาศห่างจากก้นหลุมไปร้อยจั้งเศษ
มันลืมตามองดวงแสงอัสนีกลางอากาศ ปากก็ร้องต่ำๆ ออกมา ท่าทางพร้อมรบ
หานลี่ที่อยู่นอกยอดเขาย่อมมองเห็นอย่างละเอียด
เห็นเพียงเจ้าสิ่งนั้นมีปากใหญ่โต แขนขาทั้งสี่เรียวยาว คอสั้นๆ แทบจะเชื่อมติดกับตัว คาดไม่ถึงว่าจะคล้ายคลึงกับคางคกอยู่เจ็ดแปดส่วน ทว่ากลางหัวของมันมีดวงตาสีแดงโลหิตดวงหนึ่ง ผิวของมันเป็นสีทองเรืองรอง แขนขาทั้งสี่ไม่ได้มีพังผืดเหมือนกับคางคกทั่วๆ ไป แต่เป็นกรงเล็บแหลมคมสี่ข้าง
“เจ้าสิ่งนี้คือศิลาวิญญาณหวงเหลียน! มีเอกลักษณ์ดังคาด!” หานลี่เอ่ยชื่นชมกับตัวเอง
และในชั่วพริบตาที่ศิลาวิญญาณออกมาปรากฏตัว ดวงแสงอัสนีกลางอากาศก็ได้รับการกระตุ้น ส่งเสียงดังสนั่นแล้วเปล่งแสงสว่างวาบพลางร่อนลงมาด้านล่างอย่างไม่พร้อมเพรียงกัน
ชั่วพริบตาทั้งยอดเขาก็ถูกลำแสงอันสีห่อหุ้มเอาไว้ ราวกับกลางอากาศมีสายฟ้าลูกเห็บจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาพร้อมกัน
ศิลาวิญญาณหวงเหลียนมองเห็นสถานการณ์นั้น ดวงตาทั้งสองพลันกลอกไปมา ปากพลันหยุดร้อง พ่นดอกไม้สีเหลืองออกมา
ดอกไม้นี้เป็นสีเหลืองนวล ผิวของมันมีอักขระยันต์ห้าสีสลักอยู่ มันขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ จนมีขนาดสองสามจั้ง ปกคลุมร่างของศิลาวิญญาณเอาไว้อย่างแน่นหนา
แค่มองก็รู้แล้วว่าดอกไม้ยักษ์ไม่ใช่ของธรรมดา!
ชั่วพริบตาที่ดอกไม้ยักษ์สำแดงออกไป ดวงแสงอัสนีที่อยู่กลางอากาศพลันโจมตีไปที่ศิลาวิญญาณอย่างแม่นยำ มันปะทะเข้ากับดอกไม้ยักษ์สีเหลืองพร้อมกันสองสามลูกแม้กระทั่งสิบกว่าลูก
ดอกไม้ยักษ์หมุนคว้าง อักขระยันต์ห้าสีเปล่งแสงเจิดจ้า ดวงแสงอัสนีทั้งหมดเปล่งแสงสายฟ้าสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปข้างใน ไร้ซึ่งกลิ่นอาย ราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ ดอกไม้ยักษ์กลืนกินดวงแสงอันสี กลีบก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
หลังจากที่ระลอกคลื่นสิบกว่าสายผ่านไป ดอกไม้ยักษ์สีเหลืองก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสองสามเท่า
เช่นนี้ความเร็วของการกลืนกินดวงแสงอัสนีของดอกบัวยักษ์ก็เพิ่มขึ้น ทว่าชั่วพริบตาดวงแสงอัสนีทั่วท้องฟ้าก็ถูกดอกไม้ยักษ์กลืนไปจนเกลี้ยง
ศิลาวิญญาณหวงเหลียนที่หลบอยู่ด้านล่างดอกไม้ยักษ์ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด แม้กระทั่งเห็นสถานการณ์ของดอกไม้ยักษ์ในครั้งนี้กลับส่งเสียงร้องกังวานด้วยความดีใจ
เห็นท้องของศิลาวิญญาณพองขึ้นออกแรงดูดไปกลางอากาศอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ดอกไม้ยักษ์เหนือหัวกลายเป็นหมอกลำแสงดูดเข้าไปในท้องอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!
ผิวของศิลาวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีเงินสิบกว่าสายทะลักออกมาจากในร่าง ตัดสลับกันไปมาส่งเสียงเปรี๊ยะจากเรือนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าสีเงิน
สัตว์วิญญาณขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางลำแสงอันสี ทว่าแค่สองสามชั่วอึดใจ ก็มีขนาดเท่าลูกโค ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายก็แผ่ออกมา ดวงตาที่สามลืมขึ้น ส่งเสียงร้องประหลาดๆ อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นไม่น้อย!
ระลอกคลื่นสีดำกลางอากาศส่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้น อสรพิษสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนเริงระบำ อสรพิษสายฟ้าสีเงินสิบกว่าตัวปรากฏขึ้นรางๆ แล้วพุ่งลงมาจากระลอกคลื่น
“ยุ่งยากหน่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าศิลาวิญญาณหวงเหลียนจะมีอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนพลังอัสนีสวรรค์ที่น่าตกตะลึง ดูท่าทางแล้วหากรอให้มันฟาดเคราะห์ พลังยุทธ์น่าจะไม่ลดแต่กลับเพิ่มขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรออีก สหายหาน! ปรมาจารย์เทียนฉาน! ลงมือเถิด!” อรหันต์เฮยอวี่ถ่ายทอดเสียงมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
หานลี่ย่อมไม่มีเจตนาโต้แย้งพลันถ่ายทอดเสียงว่าเห็นด้วยทันใด
ภิกษุเทียนฉานที่อยู่อีกด้านก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
ยามนี้ในที่สุดอสรพิษอัสนีสิบกว่าตัวในเมฆสีดำพลันทยอยกันกระโจนออกมาพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ลงมือ”
ชายชราเห็นสถานการณ์นี้ ก็อ้าปากร้องคำรามต่ำๆ อย่างไม่ต้องขบคิด แล้วใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ปิดบังใดๆ
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
ร่างของเขาพลิ้วไหวกลายเป็นควันสีดำสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาบนยอดเขาสูงขึ้นไปพันจั้งเศษก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ชายชราปรากฏกายขึ้น
เขาเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา แล้วชูมือข้างหนึ่งขึ้น
ลำแสงสีเงินพุ่งออกไปพลิ้วไหวแล้วกลายเป็นระฆังยักษ์สีเงิน สูงสิบจั้งเศษ ห่อหุ้มลงมายังคางคกยักษ์ที่อยู่ด้านล่าง
ในเวลาเดียวกันบรรยากาศรอบๆ ยอดเขาก็มีเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น เสียงแหวกอากาศดังขึ้น พลางพุ่งไปยังสัตว์วิญญาณ
และกลางอากาศด้านหลังศิลาวิญญาณหวงเหลียน ดอกบัวสีขาวก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ด้านบนเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ เงาร่างคนปรากฏขึ้น
นั่นก็คือปรมาจารย์เทียนฉาน!
ภิกษุผู้นี้ขมวดคิ้วก้มหน้าลง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ของพลันบินออกมาจากแขนเสื้อ กลับเป็นไข่มุกผลึกพุทธ!
ไข่มุกพุทธพลิ้วไหว ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นดวงแสงห้าสีจำนวนยี่สิบสามสิบลูกพุ่งออกไป
ยังไม่ทันปะทะกับร่างศิลาวิญญาณ ก็ส่งเสียงฟ้าร้องออกมา ในเวลาเดียวกันก็ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ ทุกลูกมีขนาดเท่าศีรษะ
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่กะทันหัน ศิลาวิญญาณหวงเหลียนพลันตกตะลึง จากนั้นก็ส่งเสียงแหลมสูงแล้วระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา
เห็นเพียงมันอ้าปากออก พ่นดอกบัวยักษ์สีเหลืองออกมาอีกครั้ง โจมตีไปที่ระฆังยักษ์สีเงินที่ร่อนลงมาจากด้านบนอย่างพอดิบพอดี
จากนั้นร่างของมันก็รางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะหมุนคว้างอยู่ที่เดิม!
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากเรือนร่าง พลิ้วไหวอีกครั้ง แล้วพุ่งออกไปราวกับพายุฝนกระหน่ำ
เห็นเพียงลำแสงสีทองและเส้นไหมสีดำตัดสลับกันไปมา ชั่วขณะนั้นพลันส่งเสียงระเบิดเสียดแก้วหู สัตว์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ออกมารอบด้าน ลำแสงวิญญาณสองสีสะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา
เส้นไหมสีดำเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้ศิลาวิญญาณได้แม้แต่ก้าวเดียว!
ดวงแสงห้าสีและลำแสงสีทองพุ่งออกไป ยามนั้นไม่อาจเข้าใกล้ร่างของศิลาวิญญาณได้
อีกด้านเมื่อเห็นว่าระฆังสีเงินและดอกไม้ยักษ์ปะทะเข้าด้วยกัน ระฆังยักษ์พลันสั่นคลอนส่งเสียงดัง “เคร้งๆๆ” ก้องกังวานออกมา
เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และแทรกเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณขึ้นเรื่อยๆ
ฉากแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
ดอกไม้ยักษ์สีเหลืองที่เดิมเผชิญหน้ากับระฆังสีเงิน ส่งเสียงร้องสามครั้ง ฉับพลันนั้นก็ปริแตกอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน กลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนสลายหายไป
จากนั้นระฆังยักษ์พลันรางเลือน ขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า แล้วร่อนลงมาราวกับภูเขาขนาดย่อม คาดไม่ถึงว่าจะห่อหุ้มศิลาวิญญาณหวงเหลียนเอาไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ชายชราและภิกษุพลันตกตะลึง เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา อาคมในมือพลันหยุดชะงัก
ยามนี้สายฟ้าในเมฆสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ งูเหลือมอัสนีสีเงินสิบกว่าตัวพลันแยกเขี้ยวตะปบเล็บแล้วร่อนลงมา แต่เมื่อเข้าใกล้ยอดเขาลำแสงสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ ตาข่ายยักษ์สีเงินปรากฏขึ้นปกคลุมยอดเขา
หัวงูเหลือมทะลวงเข้าไปในตาข่ายสีเงิน คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันระเบิดออก กลายเป็นเส้นไหมสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตาข่ายยักษ์ดูดเข้าไปจนหมด
‘ตาข่ายอัสนีเมฆาสีเงิน’ ที่ถูกอรหันต์เฮยอวี่วางไว้ก่อนหน้า ขาดออกพร้อมกับอัสนีสวรรค์ คู่ควรกับเป็นสมบัติวิญญาณในคัมภีร์หมื่นวิญญาณจริงๆ
ชายชราพลันบริกรรมคาถา นิ้วทั้งสิบร่ายไปมา อาคมสิบกว่าสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป พลางจมหายเข้าไปในระฆังยักษ์
ระฆังยักษ์สีเงินส่งเสียงร้องออกมา ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ใกล้จะถูกอรหันต์เฮยอวี่เก็บเข้าไป
แต่ในช่วงเวลาที่ล่าช้า ในระฆังสีเงินพลันมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น
หลังจากที่ระลอกคลื่นเย็นเยียบพัดผ่านไป ระฆังยักษ์ทั้งใบก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
จากนั้นเปลวเพลิงสีเหลืองก็ทะลักออกมา ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงราวกับดาวตก พอร างเลือนฉับพลันนั้นก็หันหน้าไปหาหลุมยักษ์ด้านล่าง
ศิลาวิญญาณหวงเหลียนดูเหมือนจะรู้ถึงความร้ายกาจของศัตรูที่อยู่ตรงหน้า จึงหนีเตลิด