คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1946 สกัดกั้น
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1946 สกัดกั้น
เงาโลหิตนี้ กลับเป็นชายหนุ่มหน้าใสในชุดสีโลหิต
“อย่าด่วนดีใจไป! อย่าลืมเงื่อนไขที่หยวนซาให้เราไว้แต่แรก” เงาโลหิตหน้าตามีเอกลักษณ์เหมือนกันอีกเงาหนึ่งกลับพูดเสียงเบา
“เหอะ ในเมื่อเป้าหมายที่หยวนซาไล่ล่าคือเป้าหมายเดียวกับข้า เงื่อนไขในตอนแรกย่อมต้องเปลี่ยนเล็กน้อย ตัวคนให้นางได้ แต่ของวิเศษบนร่างคน เราไม่ได้รับปากว่าจะให้หยวนซาด้วยนี่” ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางแค่นเสียงเย็นชา ก่อนตอบอย่างไม่ลังเลใจ
แต่เงาโลหิตที่เอ่ยปากทีหลังกลับส่ายหน้าแล้วว่า
“ถ้าเป็นเช่นนี้ หยวนซาอาจไม่ยอมรามือ ของวิเศษให้นางได้ส่วนหนึ่ง แต่ป้อมผนึกมารกับหม้อคำพูดสีม่วง เราจำเป็นต้องเอากลับมาก่อน”
ชายหนุ่มตรงกลางเบ้ปากแล้วว่า “แบ่งให้นางครึ่งหนึ่ง! มนุษย์ผู้นี้พกสมบัติล้ำค่าติดตัวเห็นๆ พวกเจ้าไม่เสียดายรึ”
เงาโลหิตอีกเงากลับยิ้มเย็นชาพลางว่า “เสียดายแล้วจะทำอย่างไรได้ อย่าลืมนะว่า หยวนซามีลิ่วจี๋หนุนหลังอยู่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตอแยกับพวกเขา!”
“จริงด้วย ลิ่วจี๋อาจเป็นปัญหาใหญ่!” ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เผยท่าทีเกรงกลัวอยู่บ้างออกมา
“เอาละ! พวกเจ้าอย่าคิดให้เสียเปล่าไปเลย! ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครั้งนี้จะจับคนผู้นี้ได้สมใจหรือไม่ เขาเหมือนพบการดำรงอยู่ของเราแล้ว คิดซุ่มโจมตีเขา เป็นไปไม่ได้มากกว่าครึ่ง”
เงาโลหิตเงาสุดท้ายเอ่ยปาก พร้อมสีหน้าท่าทางค่อนข้างเคร่งขรึม
“พบข้ารึ ไม่น่าเป็นไปได้ พวกเราใช้ถาดจักรวาลบดบังไว้หมดแล้วนี่ นอกจากเขาจะบำเพ็ญเพียรในระดับมหายาน มิฉะนั้นตรวจจับอะไรได้ยากยิ่ง อย่างดีที่สุดก็สงสัยนิดหน่อยแค่นั้น! หยวนซายังจี้ตามหลังเขามาติดๆ เขาไม่มีทางอยู่กับที่แน่ๆ” ชายหนุ่มตรงกลางหน้าเครียด พูดพลางมองดูภาพในกำแพงแก้วอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เช่นนั้นรึ ข้ากลับรู้สึกว่า…แย่แล้ว เขากำลังจะทำอันใด” เงาสุดท้ายเพิ่งส่ายศีรษะ กำลังจะพูดอะไร แต่พลันตกใจจนพูดไม่ออก
พอเงาอีกสองเงาเห็นการกระทำของหานลี่อย่างชัดเจนจากภาพในกำแพงแก้วก็หน้าถอดสีเช่นกัน!
วิหคยักษ์ที่หานลี่แปลงกายพลันอ้าปาก พ่นดวงแสงอัสนีสีทองเจิดจ้าออกมาดวงหนึ่ง กะพริบวาบ ดวงแสงขยายใหญ่เกือบจั้ง
วิหคยักษ์คล้ายแสยะยิ้มให้คนทั้งสาม แล้วดวงแสงอัสนีก็กลายเป็นประกายไฟสีทองเจิดจ้าพุ่งมา
เสียงสายฟ้าฟาด!
หน้าจอกำแพงแก้วล้อมรอบไปด้วยประกายไฟสีทอง หลังจากเสียงดังกรอบแกรบ ปริแตกทีละน้อย พลันกลายเป็นเศษแก้วธรรมดาหายไปในอากาศ
“เขาพบถาดจักรวาลแล้วจริงๆ ในเมื่อไม่มีวิธีล่อให้เขามา งั้นก็ลงมือสกัดกั้นซึ่งๆ หน้ากันไปเลย!” ชายหนุ่มตรงกลางตวาดขึ้น
เงาที่เหลืออีกสองไม่มีความเห็นอื่น จึงทยอยกันร่ายอาคมขึ้นมา
เสียงท่องคาถาที่เข้าใจยากพลันสะท้อนไปมาในอากาศ!
ขณะนั้น ดวงแสงอัสนีได้กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ เคลื่อนไปคลุมที่ว่างด้านหน้า ท่ามกลางฟ้าแลบแปลบปลาบ สิ่งของสีขาวขุ่นชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
สิ่งของชิ้นนี้มีขนาดใหญ่ราวร้อยกว่าจั้ง เปล่งประกายระยิบระยับไปทั่ว รูปทรงกลม คล้ายแผ่นหยกขนาดใหญ่วางตามแนวนอนอยู่ตรงที่ว่าง
ด้านล่างที่แสงสีขาวขุ่นส่องถึง เผยให้เห็นค่ายกลคาถาน้อยใหญ่เงียบๆ กินพื้นที่ราวหนึ่งลี้
ถ้าก่อนหน้านี้หานลี่ไม่หยุดเรืองแสง เกรงว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วน ต้องกระโจนเข้าไปในเขตต้องห้ามนี้แน่
แม้เขาสงบนิ่งเสมอมา แต่พอเห็นภาพนี้กับตา ก็ใจหายวาบเหมือนกัน!
แล้วถาดหยกยักษ์ก็หมุนอย่างรวดเร็ว
ม่านแสงสีขาวอย่างหนาหนึ่งชั้นพลันม้วนตัวขึ้นจากถาด หลังจากกะพริบแสงไม่กี่ครั้ง ก็กลายเป็นกำแพงแสงที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ปิดกั้นหนทางข้างหน้าอย่างสิ้นเชิง
แต่หานลี่ในร่างวิหคยักษ์ กลับร่อนลงพื้นดินและกลิ้งตัวทันที
ภายใต้หมอกลำแสง วิหคยักษ์สีเงินหายวับไป กลับปรากฏวิหคยักษ์ที่มีมงกุฎบนศีรษะและมีขนยาวปกคลุมทั่วร่างตัวหนึ่งมา
ลักษณะคล้ายวิญญาณจริงของหงส์ฟ้าในตำนานอยู่บ้าง!
นี่คือการร่ายคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายของหานลี่ โดยแปลงเป็นหงส์ฟ้า
ทันทีที่วิหคชนิดนี้ปรากฏขึ้น ก็ได้ยินเสียงกระพือปีกทั้งสองข้าง
พร้อมกับการผันผวนของที่ว่างที่อยู่ตรงหน้า รอยแตกสีขาวปรากฏ
พอหงส์ฟ้าขยับตัว ก็วาบเข้าไป หายวับไปกับตา
ครู่ต่อมา ด้านหลังม่านแสงสีขาว วาบรอยแตกปรากฏเช่นกัน แล้ววิหคยักษ์ก็พุ่งออกมาจากในนั้นราวกับภูตพรายก็มิปาน ก่อนกลิ้งตัวอีกรอบ
ประกายไฟสีเงินกะพริบผสาน!
หานลี่กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีเงินอีกครั้ง
วิหคยักษ์เพียงกระพือปีกทั้งสี่เล็กน้อย จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิด แล้วมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดในสถานที่ซึ่งห่างออกไปหลายร้อยจั้ง ประกายไฟสีเขียวขุ่นเพียงวาบ วิหคยักษ์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พอขยับร่างก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งหนีต่อ
ตั้งแต่ถาดหยกขนาดใหญ่เปล่งม่านแสงออกมา จนถึงหานลี่แปลงกายเป็นหงส์ฟ้า เจาะทะลุที่ว่างแล้วหนีออกไปตรงๆ อาจดูเป็นภาพตื่นตาตื่นใจ แต่ความจริงทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะ
ร่างแยกทั้งสามของบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่เซวี่ยกวงในถาดหยก ได้แต่เบิกตาอ้าปากค้างจ้องมองเหตุการณ์นี้
“เป็นไปไม่ได้! ภายใต้เขตต้องห้ามของถาดจักรวาล เหตุใดเขาถึงเคลื่อนย้ายส่งตัวหนีออกไปได้สบายๆ เช่นนี้ ต้องมีอันใดผิดพลาดแน่ๆ! หรือในตัวเขามีของวิเศษที่ยับยั้งถาดจักรวาลได้” พอเงาโลหิตเงาหนึ่งได้สติ ก็ค่อนข้างร้อนใจและหงุดหงิดขึ้นทันที
“ไม่ใช่หรอก มีสาเหตุมาจากการแปลงกายของเขาเมื่อครู่ พวกเจ้าลืมแล้วหรือ แม้ถาดจักรวาลลึกลับเป็นอย่างยิ่งในท้องฟ้าต้องห้าม แต่กลับไม่สามารถห้ามวิหควิญญาณชนิดเดียวหงส์ฟ้าทะลุทะลวงท้องฟ้าตามพรสวรรค์ที่มี คาถาที่หมอนั่นร่ายเมื่อครู่ ชัดเจนว่าคือวิชาแปลงกายเป็นหงส์ฟ้าชนิดหนึ่ง” ชายหนุ่มตรงกลางกลับวิเคราะห์อย่างใจเย็น
“แม้เป็นเช่นนี้ วิชาแปลงกายของมนุษย์นี่ก็ล้ำเกินไปอยู่บ้าง แม้เราร่วมมือกับหยวนซา เกรงว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับกุมเขา!” ร่างแยกสุดท้ายของเซวี่ยกวงกลับมีสีหน้ามืดมนผิดปกติ
และในตอนนี้เอง ท้องฟ้าด้านหลังก็เกิดแสงสีขาวขึ้นสว่างวาบ ตำหนักศิลาที่ดูสง่างามหลังหนึ่งปรากฏขึ้น ท่ามกลางแสงวิญญาณ จากการบึ่งตามมาทางนี้อย่างดุดัน
“ไป เราไล่ตามไปก่อนค่อยว่ากัน!” ชายหนุ่มตรงกลางหรี่ม่านตาลงเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างไม่ลังเลใจ
“ปล่อยให้มนุษย์นี่หนีไปไม่ได้จริงๆ มิเช่นนั้นครั้งหน้าก็ไม่แน่ว่าจะสกัดกั้นเขาได้ พวกเราไป!” อีกสองร่างแยกผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
และแล้วร่างแยกทั้งสามของเซวี่ยกวงก็สว่างวาบ รวมร่างเป็นหนึ่งในพริบตาเดียว แล้วส่งพลังยุทธ์ตลอดทั้งร่างเข้าไปในถาดหยกขนาดใหญ่ทันที
ถาดหยกส่งเสียงดังกระหึ่ม อักขระด้านบนไหลเวียนไม่หยุด กลายเป็นแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งไล่กวดไป
ห่างจากพวกเขาหลายสิบลี้ หยวนซานั่งอยู่บนเก้าอี้ศิลา มองดูเหตุการณ์ที่อยู่ไกลออกไปทั้งหมด ใบหน้าขาวเนียนดุจหยกดูไม่ได้สุดๆ !
“สวะจริงๆ! สามร่างแยกร่วมมือกันซุ่มโจมตี ก็ยังสกัดกั้นเจ้าหนุ่มแซ่หานไม่ได้! เห็นทีข้าต้องลงมือเองเสียแล้ว”
สตรีพูดเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด ก่อนสั่งการให้รีบกระตุ้นตำหนักศิลาอีก แล้วไล่ตามไปทันที
ด้านหานลี่ที่เร่งรุดไปข้างหน้า ก็แอบคร่ำครวญในใจ
แม้ศัตรูในถาดหยกประหลาดนั่นยังไม่เผยโฉมหน้าให้เห็น แต่จากเมื่อครู่ที่ฝ่ายตรงข้ามปลุกเสกของวิเศษชิ้นนั้นแล้วคลับคล้ายมีแสงโลหิตเปล่งออกมา ทำให้เขาพลันนึกขึ้นได้ถึงคู่ต่อสู้ที่เพิ่งประมือกันเมื่อไม่นานมานี้
ด้วยเหตุนี้ สองมารตัวฉกาจทั้งเก่าใหม่จึงมาหาเขาพร้อมๆ กัน ซึ่งหานลี่ย่อมไม่มีกะใจที่จะประมือกับฝ่ายตรงข้ามเลย จึงได้แต่ร่ายอาคมในทีเดียว ให้วิหคยักษ์ที่แปลงกายอยู่ร่อนไปให้ไกลๆ
…..
สองวันต่อมา วิหคยักษ์สีเงินก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของมารระดับกลางหลายสิบตน
มารเหล่านี้ แต่ละตนสวมชุดเกราะต่างสีกัน ปากพ่นไอมาร กวัดแกว่งอาวุธ พุ่งเข้าจู่โจมวิหคยักษ์ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่คิดชีวิต
แต่ครู่ต่อมา หลังจากวิหคยักษ์ส่งเสียงแหลมร้อง ประกายไฟสีทองชั้นหนึ่งก็ดีดพุ่งออกจากร่าง
พอเสียงฟ้าดังลั่นผ่านพ้น มารทุกตนก็ถูกกำจัดด้วยการจู่โจมเพียงครั้งเดียว กลายเป็นกองเถ้าธุลี หายไปในอากาศ
วิหคยักษ์ไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย กระตุ้นปีกทั้งสี่แล้วบินหนีไปอีกครั้ง
ครู่เดียวหลังจากนั้น ถาดหยกกับตำหนักศิลาก็ส่งเสียงดังหวีดหวิว โฉบผ่านที่นี่ไปตามลำดับก่อนหลัง เร่งตามไปอย่างไม่หยุดพักแต่อย่างใด
…..
ห้าวันต่อมา มารร้อยกว่าตนต้อนอสูรมารชั้นต่ำพันตัวขึ้นไปมาสกัดกั้นวิหคยักษ์สีเงินอยู่ตรงหน้า
ครั้งนี้วิหคยักษ์ไม่รีรอ พุ่งศีรษะเข้าไปในฝูงอสูร แสงสีเขียวบนร่างสว่างวาบ พ่นไอกระบี่สีเขียวอันหนาแน่นออกมาอย่างดุเดือด!
ไม่ว่าจะเป็นมารหรืออสูรชั้นต่ำ พริบตาเดียวก็ถูกไอกระบี่ปั่นจนเป็นผุยผง
วิหคยักษ์ขยับคราวเดียว พุ่งผ่านกลุ่มหมอกโลหิตออกไปตรงๆ อย่างวางโต
ซึ่งขณะนั้น ถาดหยกกับตำหนักศิลาอยู่ห่างออกไปพันกว่าลี้แล้ว
…..
สิบวันต่อมา บนท้องฟ้าของเทือกเขาสีเทาหม่น วานรยักษ์ขนทองสูงร้อยกว่าจั้งตัวหนึ่งกำลังใช้มือเปล่าต่อยเข้าไปในกองทัพสกัดกั้นขนาดใหญ่ที่มีมารชั้นเยี่ยมหลายร้อยตัว รวมอยู่กับยอดอสูรยักษ์สิบกว่าตัว
ภายใต้การวาดสองมือใหญ่ของวานรยักษ์เข้าจับอย่างคลุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นมารหรือยอดอสูร แทบทั้งหมดล้วนสลายหายไปกับแสงสีทองในพริบตาเดียว ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นได้สักรอบ
ที่แปลกก็คือ มารเหล่านี้เหมือนได้รับคำสั่งอันใดที่เคร่งครัดมา แม้เหลือกำลังพลเพียงน้อยนิด ขณะผ่านไปสักพัก ก็ยังพัวพันกับวานรยักษ์ไม่เลิก อย่างไม่เสียดายชีวิตแม้แต่น้อย
อีกด้านหนึ่ง พอเสียงหึ่งๆ ดัง แสงสีขาวสองกลุ่มก็ปรากฏขึ้นเกือบพร้อมกัน ก่อนพุ่งเข้าหาพวกที่ต่อสู้กันอยู่!
วานรยักษ์ขนทองคำราม แล้วอ้าปากพ่นคลื่นเสียงสีทองอ่อนๆ ออกมาเป็นระลอก ทำให้ช่องว่างที่อยู่ใกล้เคียงบิดเบี้ยวและเลือนรางไปหมด
สักพัก มารและอสูรมารที่เข้าร่วมทั้งหมดก็ทยอยกันระเบิดตายภายใต้คลื่นเสียงที่ม้วนตัว
วานรยักษ์ขนทองพลันกระทืบเท้า กลายเป็นแสงสีทองกลุ่มหนึ่งพุ่งสู่ท้องฟ้า แต่ขณะอยู่กลางอากาศ บนร่างเกิดเสียงดังสนั่น กลายเป็นวิหคยักษ์สีเงินกระพือปีกบินจากไป
…..
ครึ่งเดือนต่อมา หานลี่คืนสู่ร่างมนุษย์ ลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเลสาบไม่ทราบชื่อในระดับต่ำ กำลังจ้องเขม็งมายังหัวหน้ามารท่าทีแปลกๆ สองตนที่อยู่ตรงหน้า
ตนหนึ่งผมดำหัวดำ สองมือมีพังผืด ใต้รักแร้ข้างหนึ่งมีหนวดสัมผัสที่ทั้งใหญ่และหยาบจำนวนหนึ่งโบกไปมาไม่หยุด ส่วนอีกคนสองตาดุจตะเกียง มือถือส้อมเหล็ก บนร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียวแวววาวชั้นหนึ่ง
หลังจากหานลี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองมือก็คว้าจับที่ว่าง หลังเกิดเสียงดังกึกก้องสองครั้ง ยอดเขาสองลูก สีเขียวและสีดำก็ปรากฏบนท้องฟ้า พอเขาโบกมือ มารสองตนก็พุ่งไปที่นั่นทันที
จากระดับต่ำเหนือผิวน้ำทะเลสาบห่างออกมาหมื่นกว่าลี้ ถาดหยกกับตำหนักศิลา หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง กำลังห้อตะบึงมายังสถานที่ที่หานลี่อยู่อย่างไร้สุ้มเสียง
…..
สองเดือนต่อมา เหนือหนองน้ำประหลาดที่มีไอร้อนลอยอบอวล วิหคยักษ์สีเงินถูกมารเปล่งแสงโลหิตตลอดร่างสิบกว่าตนต่อสู้พันพัวโดยทำอะไรไม่ได้
ไม่ว่าวิหคยักษ์ปล่อยประกายไฟสีเงินจู่โจมเข้าใส่ไม่ยั้ง หรือใช้กรงเล็บฉีกร่างพวกมันตรงๆ เงาโลหิตเหล่านี้คล้ายร่างอมตะ คืนสู่สภาพปกติได้ทันที จากนั้นก็ยิ้มชั่วร้าย แล้วเข้ามาต่อสู้พันพัวอีก!
บนท้องฟ้าห่างออกไปพันลี้ ถาดหยกกับตำหนักศิลาเปล่งแสงวาบ ก่อนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!