คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1972 ปัญหาที่คาดไม่ถึง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1972 ปัญหาที่คาดไม่ถึง
ยามนี้หานลี่เดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัว แล้วเดินไปที่ประตูอย่างทระนงองอาจ
ส่วนในเขตอาคมส่งตัวพลันมีลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เงาร่างคนอีกสองสายปรากฏขึ้น คือชายชราเคราขาวและหญิงชราหน้าตาอัปลักษณ์
ผู้พิทักษ์ทองสองสามคนจึงเป็นแกนนำเข้ามาต้อนรับทันที
หานลี่ไม่สนใจทุกอย่างนี้ ออกจากมาตำหนักก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ แล้วตรงไปยังที่พักของตน
ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี เขาบินห้อตะบึงไปพลางแผ่จิตสัมผัสออกมาไปพลาง พลางกวาดมองรอบๆ ไม่หยุด
เมืองเทวะสวรรค์ในยามนี้เงียบสงบกว่าตอนแรกที่เขาออกมามาก ตามถนนหนทางในเมืองนอกจากผู้พิทักษ์ที่คอยลาดตระเวนแล้ว ก็พบผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ ที่สัญจรไปมาบนถนนน้อยมาก
และเห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้มีจำนวนมากกว่าเดิมหลายเท่า และยิ่งไปกว่านั้นยังคอยซักถามผู้บำเพ็ญเพียรต่างๆ ถึงจะปล่อยให้ผ่านทางไปได้
ทั้งเมืองเทวะสวรรค์จึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการเข่นฆ่าตลบอบอวล
แต่กลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างของหานลี่ ย่อมไม่มีผู้พิทักษ์กลุ่มไหนกล้าเข้ามาขัดขวางอย่างไม่รู้จักวางตัว ทำให้เขามาถึงหอคอยหินสูงใหญ่ที่เป็นที่พักของตนเองได้อย่างราบรื่น และเมื่อลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลงเข้าไปในชั้นที่สูงที่สุดแล้ว ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงที่ไม่ใหญ่โตนัก
หลังจากที่กวาดสายตาไป มุมปากของหานลี่ก็เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา
ทุกอย่างนี้คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับยามที่เขาจากไปอย่างไรอย่างนั้น ทว่าบนพื้นในห้องโถงไม่มีฝุ่นผง เห็นได้ชัดว่ามักจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดอยู่เสมอๆ
ดูแล้วศิษย์ทั้งสองคนของเขาจะใส่ใจไม่น้อย
เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ก็นั่งลงตรงที่นั่งตรงใจกลางของห้องโถง ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อไปด้านนอก
ยันต์วิเศษสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นเพลิงลำแสงสองกลุ่มจมหายไปกลางอากาศ
จากนั้นหานลี่ก็นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ นิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ด้านนอกประตูก็มีลำแสงหลีกหนีเปล่งประกาย เงาร่างสองสายปรากฏขึ้นในห้องโถง
คนหนึ่งสวมชุดคลุมสีฟ้า หน้าตาสง่างาม คนหนึ่งสวมชุดนักพรต กลับมีสีหน้ายินดียิ่ง
นั่นก็คือศิษย์ทั้งสองของหานลี่ ไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อ
ทั้งสองเห็นหานลี่ก็มีสีหน้ายินดี รีบชิงสาวเท้าเข้ามาคารวะด้านหน้า
“ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว เยี่ยมจริงๆ!”
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์ที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย!”
“อันใด ฟังจากน้ำเสียงของพวกเจ้า หรือคิดว่าข้าเป็นอันใดไปแล้ว?” หานลี่โบกมือให้ทั้งสองยืนขึ้น และเอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม
“ท่านอาจารย์ไม่ได้กลับมาเมืองเทวะสวรรค์นานขนาดนี้ ในเมืองย่อมมีข่าวลือที่ไม่ดีนัก บอกว่าท่านอาจารย์อาจจะเพลี่ยงพล้ำด้วยน้ำมือของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามาร ทว่ายามนี้เห็นว่าท่านอาจารย์ไม่เป็นอันใด แน่นอนว่าย่อมเป็นแค่ข่าวลือมั่วๆ เท่านั้น” ไห่ต้าเซ่าเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ชี่หลิงจื่อที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้ารัวๆ ท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน
“ก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวลือทั้งหมด ครั้งนี้ที่ข้าออกไปพบกับความยุ่งยากจริงๆ และได้ประมือกับร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามารที่อันตรายมาก” หานลี่ได้ฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของชี่หลิงและจื่อและพวกทั้งสองก็อดที่จะเหือดหายไปไม่ได้
“ทว่านี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ข้ากลับมาแล้วมิใช่หรือ และยิ่งไปกว่านั้นการออกไปครั้งนี้อาจารย์ก็นับว่าโชคดีบนโชคร้าย มีวาสนาอีกขั้นหนึ่ง ที่กลับมาก็เพราะจะเตรียมทะลวงจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายแล้ว” หานลี่เอ่ยแล้วฉีกยิ้มอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์จะทะลวงระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายแล้ว! นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เช่นนั้นวันเวลาที่ท่านอาจารย์จะกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอันดับหนึ่งของเมืองเทวะสวรรค์ก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว”
“ศิษย์ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์ล่วงหน้า จากอิทธิฤทธิ์ของท่านอาจารย์ หลังจากที่พัฒนาระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายแล้ว คิดดูแล้วก็คงสังหารแม้แต่ร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ได้แค่เพียงยกมือ”
ชี่หลิงจื่อและไห่ต้าเซ่าดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ทยอยกันเอ่ยคำแสดงความยินดี ท่าทางประจบสอพลอหานลี่
หานลี่หัวเราะด้วยเสียงแหบแห้ง หลังจากสั่นศีรษะให้ทั้งสอง กลับเอ่ยถามหาอีกคนหนึ่ง
“ท่านอาจารย์อาเฟิงของพวกเจ้าสบายดีหรือ เมื่อครู่ข้าเพิ่งกวาดจิตสัมผัสไป ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในหอคอย”
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์อาเฟิงถูกเชิญให้เข้าร่วมการประชุม” เมื่อได้ยินหานลี่ถามเช่นนี้ ไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อก็มีสีหน้าแปลกประหลาด หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ถึงได้ตอบกลับด้วยความลังเลเล็กน้อย
“พวกเจ้าสองคนมีอันใดปิดบังข้า?” หานลี่เป็นผู้ที่อยู่ในระดับใด แววตาพลันเปล่งประกาย น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น
“ศิษย์จะกล้าปิดบังท่านอาจารย์ได้อย่างไร แค่ไม่รู้ว่าจะบอกท่านอาจารย์อย่างไรดีเท่านั้น ท่านอาจารย์อาเฟิงออกไปเข้าร่วมการประชุมที่ภายนอกในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเจตนาเดิมของนาง” ชี่หลิงจื่อพลันใจหายวาบ รีบตอบกลับทันที
“ไม่ใช่เจตนาของนาง หรือว่าถูกผู้ใดบังคับไป?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจ เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ดูเหมือนว่าร่างที่แท้จริงของท่านอาจารย์อาเฟิงจะถูกผู้อื่นล่วงรู้เข้า คนผู้นั้นจึงเอาแต่พัวพันกับท่านอาจารย์อาเฟิงไม่หยุดยามที่ท่านอาจารย์หายตัวไป เพราะว่าท่านอาจารย์ไม่อยู่ ท่านอาจารย์อาจึงทำได้เพียงแสร้งทำดีรับมือกับคนผู้นั้นเท่านั้น” ครั้งนี้ไห่ต้าเซ่าเอ่ยปากอย่างโกรธแค้นใจ
“หงส์น้ำแข็งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา คนทั่วไปจะกล้ายุ่งกับนางได้อย่างไร โดยเฉพาะยามนี้ทั้งสองเผ่ากำลังร่วมมือกันต่อกรกับเคราะห์มาร ฐานะเผ่าปีศาจน่าจะไม่ใช่ปัญหาอันใด ฐานะของคนผู้นี้น่าจะไม่ธรรมดาสินะ ข้าต่างรู้จักอาวุโสในเมืองทั้งหมด แม้ว่าข้าจะไม่อยู่ในเมืองชั่วคราว ก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ฉีกหน้ากันเช่นนี้ หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่เพิ่งเข้ามาในเมืองเทวะสวรรค์ช่วงนี้?” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ท่านอาจารย์ดวงตาเฉียบแหลมนัก! ฟังจากที่ท่านอาจารย์อากล่าวคนผู้นี้เป็นอาวุโสของเมืองอี่เทียนที่เพิ่งเข้ามา ยามนั้นท่านอาจารย์เสี่ยงอันตรายไปช่วยเมืองนี้ พวกเขากลับมาทำกับท่านอาจารย์อาเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย” ชี่หลิงจื่อเผยสีหน้าโกรธแค้นออกมาขณะเอ่ย
“เมืองอี่เทียน น่าสนใจนัก ยามนั้นข้าและบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารทำสงครามกัน พวกเขาก็พาลูกศิษย์หัวกะทิในสำนักหนีมาที่เมืองเทวะสวรรค์ ทว่าอาวุโสระดับผสานอินทรีย์สองท่านของเมืองอี่เทียน ข้าล้วนเคยพบหน้าครั้งหนึ่ง ไม่ทราบว่าผู้ใดที่เป็นผู้กระทำเรื่องนี้” หานลี่ลูบใต้คางแล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ก็อรหันต์ชิงหลงของพรรคเก้าดาราผู้นั้น!” ไห่ต้าเซ่าตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด
“อรหันต์ชิงหลง เป็นเขาดังคาด เขายุ่งวุ่นวายกับท่านอาจารย์อาของเจ้าเพราะเหตุใด ในเมื่อรู้ว่าท่านอาจารย์อาเฟิงของเจ้าเกี่ยวข้องกับข้า ยังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ หากไม่มีผลประโยชน์มหาศาล คงไม่กล้าทำเช่นนี้แน่” หานลี่เลิกคิ้ว เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงมาก่อน แต่ศิษย์พอได้ยินมาว่าอรหันต์ชิงหลงอยากให้ท่านอาจารย์อาเป็นคู่บำเพ็ญเพียร ดูเหมือนว่าจะยอมมอบชื่อเสียงให้ด้วย” ไห่ต้าเซ่าครุ่นคิดแล้วเอ่ยตอบ
“คู่บำเพ็ญเพียร! หึๆ เจ้านี้ความคิดดีนัก” หานลี่ฟังจนมาถึงยามนี้ ก็ขบคิดอย่างรวดเร็ว และเข้าใจเหตุผลแปดเก้าส่วน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหงส์น้ำแข็งถูกอรหันต์ชิงหลงรู้ร่างที่แท้จริงได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าอาวุโสของพรรคเก้าดาราผู้นี้จะรู้วิธีใช้ประโยชน์จากไอหยินเที่ยงแท้ของหงส์น้ำแข็ง ถึงได้อยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับหงส์น้ำแข็งโดยไม่สนใจสิ่งใด
ส่วนยามนี้ที่ยังไม่สำเร็จ ประการหนึ่งก็เพราะหงส์น้ำแข็งไม่ยินยอม อีกประการหนึ่งก็เพราะเดาว่าหานลี่ยังหายตัวไปไม่นาน ที่เขาเพิ่งเข้ามาในเมืองเทวะสวรรค์ก็ไม่สนใจความเห็นของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนอื่นๆ แน่นอนว่าสาเหตุสำคัญก็คืออรหันต์ชิงหลงคิดว่าเขาน่าจะเพลี่ยงพล้ำไปแล้ว ถึงได้กระทำการที่ไร้ยางอายเช่นนี้
“ท่านอาจารย์อาหงส์น้ำแข็งของพวกเจ้ามีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ ไม่อยากตกลงปลงใจจริงๆ หรือ?” หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสชั่วครู่ แล้วพลันเอ่ยถาม
“ท่านอาจารย์อาเฟิงย่อมไม่ตกลง ตอนแรกก็แอบอยู่ในหอคอย ไม่ยอมพบหน้ากับอรหันต์ชิงหลง แต่ต่อมาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีการอันใด คาดไม่ถึงว่าจะบีบให้ท่านอาจารย์บางจำใจต้องออกมาพบหน้าเขาเป็นครั้งคราว แต่ท่านอาจารย์ก็ระมัดระวังตัวมาก ยามที่พบหน้ากับอีกฝ่ายต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะๆ ถึงจะออกไปรับมือ แต่ข้าได้ยินว่าอรหันต์ชิงหลงผู้นี้ดูเหมือนทนไม่ไหว หลายครั้งที่ให้คนมาข่มขู่ท่านอาจารย์อา ศิษย์อย่างเราสองคนก็ได้แต่กังวลใจ และไม่รู้ว่าหากทำเช่นนี้อาวุโสคนอื่นๆ ในเมืองจะออกหน้าห้ามปรามหรือไม่ ข้าคิดว่าอรหันต์ชิงหลงคงจะกังวลจุดนี้ ดังนั้นถึงได้ยืดเยื้อจนมาถึงทุกวันนี้” เห็นได้ชัดว่าสมองของชี่หลิงจื่อดีกว่าไห่ต้าเซ่า ตอบหานลี่ไปพลาง ก็เอ่ยสิ่งที่ตนเองคาดเดาไปพลาง
“อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง ทว่าท่านอาจารย์อาของเจ้าไปประชุมที่ใด พวกเจ้ารู้หรือไม่” หานลี่พยักหน้าอย่างราบเรียบ ใบหน้าเผยจิตสังหารออกมาพลางเอ่ยถาม
“ได้ยินว่าที่หอคอยโตวหยวน ดูเหมือนว่าจะเป็นการประชุมลับเล็กๆ ทว่ามีแค่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขึ้นไปที่เข้าร่วมได้ มิเช่นนั้นเราสองคนคงต้องไปเป็นเพื่อนท่านอาจารย์อาแน่” ไห่ต้าเซ่าเอ่ยอย่างจนปัญญาเล็กๆ
“เจ้าสองคนมีพลังยุทธ์แค่นี้ ต่อให้ไปก็ทำอันใดไม่ได้ ข้าจะไปรับท่านอาจารย์อาของพวกเจ้ากลับมาเอง” หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างราบเรียบ แล้วพลันยืนขึ้น
จากนั้นเขาพลันกลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งยาวสีเขียวพุ่งออกไปจากตำหนัก
ชี่หลิงจื่อและไห่ต้าเซ่าดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าหานลี่จะไปทั้งอย่างนี้ ถึงได้รีบร้อนค้อมตัวลงน้อมส่งอย่างเคารพนบน้อม
แต่รอให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ด้านนอกประตูก็ว่างเปล่า ไหนเลยจะมองเห็นลำแสงหลีกหนีของหานลี่แม้เพียงนิด
ทั้งสองอดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้!
“ปกติแล้วความสัมพันธ์ของท่านอาจารย์และท่านอาจารย์อาดูเหมือนจะไม่สนิทกันมากนัก แต่คิดไม่ถึงว่าท่านอาจารย์จะสนใจท่านอาจารย์อาเฟิงเพียงนี้ เจ้าว่าท่านอาจารย์อาเขาถูกใจท่านอาจารย์อานานแล้วหรือไม่ หลังจากอาจะกลายเป็นท่านอาจารย์หญิงของพวกเราในอีกไม่นานหรือไม่” ไห่ต้าเซ่ากะพริบตาปริบๆ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยกับชี่หลิงจื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
“หึๆ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ เรื่องของท่านอาวุโส พวกเราอย่าพูดถึงเลยจะดีกว่า ทว่าข้าว่าก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้” ชี่หลิงจื่อเอ่ยอย่างจริงจัง แต่ใบหน้าพลันเผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นออกมา
ไห่ต้าเซ่าเห็นเช่นนี้ย่อมค้อนปะหลักปะเหลือกส่งไปวงหนึ่ง
……
ยามนี้หานลี่กลับอยู่กลางอากาศห่างออกไปยี่สิบสามสิบลี้ และกำลังบินไปยังตำแหน่งที่แน่นอน
เขานับว่าอยู่ในเมืองเทวะสวรรค์มาระยะหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมรู้จัก ‘หอคอยโตวหยวน’ ที่มีชื่อเสียงไม่น้อย แม้กระทั่งเคยไปมาแล้วสองสามครั้ง
ที่นี่อยู่ห่างจากที่พักของเขาค่อนข้างไกล และเขาก็ไม่อาจบินด้วยความเร็วเต็มอัตราเมื่ออยู่ในเมืองได้ เดาว่ารีบไปก็ต้องใช้เวลาเล็กน้อย
ดังนั้นในเวลาเดียวกันที่ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนี แววตาของเขาก็เปล่งประกายไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะกำลังครุ่นคิดเรื่องอันใดอยู่