คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1980 ชิงหลงเพลี่ยงพล้ำ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1980 ชิงหลงเพลี่ยงพล้ำ
สองสามชั่วยามต่อมาอรหันต์ชิงหลงก็พาศิษย์สองคนมาปรากฏตัวในตำหนักเขตอาคมส่งตัวของเมืองเทวะสวรรค์ ผู้คุ้มกันที่รับหน้าที่ดูแลตำหนักก็เดินออกมาต้อนรับทันที
“คารวะท่านอาวุโสชิงหลง ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาทำอันใดหรือ?” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาที่เป็นผู้นำ เอ่ยกับอรหันต์ชิงหลงด้วยความเคารพนบน้อม
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้รู้ว่าอรหันต์ชิงหลงเป็นหนึ่งในอาวุโสมของเมืองเทวะสวรรค์แล้ว ถึงได้เรียกขานเช่นนี้
“เปิดเขตอาคมส่งตัวเดี๋ยวนี้ ข้ามีธุระต้องออกไป” อรหันต์ชิงหลงกวาดตามองเขตอาคมส่งตัวเหล่านั้นแวบหนึ่ง แล้วออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ
“อันใด ท่านอาวุโสคิดจะใช้เขตอาคมส่งตัว? ขอบังอาจเรียนถามว่ามีคำสั่งการหรือของแทนตนของสมาคมอาวุโสหรือไม่” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาได้ยินพลันตกตะลึง แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หึ ข้าเป็นอาวุโสของสมาคมอาวุโส ใช้เขตอาคมส่งตัวสักหน่อย ต้องยุ่งยากเพียงนี้หรือ ยังไม่รีบเปิดเขตอาคมส่งตัวให้ข้าอีก!” อรหันต์ชิงหลงหรี่ตาทั้งสองข้างลงสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านอาวุโสชิงหลง ไม่ใช่ว่าชนรุ่นหลังไม่เคารพท่าน แต่สมาคมอาวุโสเพิ่งออกคำสั่งตายเมื่อสองวันก่อน ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่คิดจะใช้เขตอาคมส่งตัวจะมีฐานะสูงส่งหรือต่ำต้อย ต้องได้รับการยินยอมจากสมาคมอาวุโส ท่านอาวุโสชิงหลงอย่าทำให้ชนรุ่นหลังและพวกลำบากใจเลย มิเช่นนั้นหลังจากที่ชนรุ่นหลังฝ่าฝืนคำสั่ง ก็จะถูกลงโทษสถานหนักอย่างหลีกเลี่ยงมิได้” ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาเอ่ยด้วยสีหน้าปั้นยาก
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ ข้าไปเอาของแทนตนจากสมาคมอาวุโสมาก็พอแล้วสินะ!” อรหันต์ชิงหลงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ก็เอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนลง
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่เมตตา ชนรุ่นหลังขอน้อมส่ง…เอ๋ ท่านอาวุโสชิงหลง ท่านจะทำอันใด!” เดิมผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตามีใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มขอโทษ แต่ครู่ต่อมาบรรยากาศรอบด้านพลันตึงแน่น ร่างทั้งร่างไม่อาจขยับได้เลยสักนิด
ไม่ใช่แค่เขาผู้บำเพ็ญเพียรรักษาการณ์คนอื่นๆ ที่ออกมาต้อนรับก็ถูกพลังไร้รูปร่างกักเอาไว้ที่เดิมเช่นกัน ใบหน้าพลันทยอยกันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา
“ไม่ต้องกังวล ข้าแค่มีเรื่องสำคัญที่ล่าช้าไม่ได้ แค่จะส่งตัวเองออกไปเท่านั้น” อรหันต์ชิงหลงถึงได้คลายอาคมในแขนเสื้อ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
จากนั้นอรหันต์ชิงหลงก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้น ในมือมีป้ายหยกสีขาวปรากฏขึ้น แล้วโบกไปทางเขตอาคมที่อยู่ด้านหลังประตูตำหนัก
ชั่วขณะนั้นเสาลำแสงสีขาวพลันพ่นออกมา ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป เขตอาคมในตำหนักพลันทยอยกันสลายหายไป
อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เผยสีหน้ายินดีเล็กๆ ออกมา ทันใดนั้นกลุ่มลูกศิษย์ก็สาวเท้ายาวๆ เข้าไปในตำหนัก และหาเขตอาคมส่งตัวขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เข้าไปยืนอยู่บนนั้น
เสียงครืดดังขึ้น!
เขตอาคมถูกกระตุ้น ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นอรหันต์ชิงหลงและศิษย์สามคนพลันหายวับไปท่ามกลางลำแสงสีขาว
ยามนี้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาผู้นี้และผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลง แล้วกลับมาเคลื่อนไหวได้
“แย่แล้ว รีบรายงานเรื่องนี้กับสมาคมอาวุโส! พวกเจ้ารีบซ่อมแซมเขตอาคมเดี๋ยวนี้!” ผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นผู้นำตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เมื่อกลับมาเคลื่อนไหวได้ก็ออกคำสั่งกับลูกน้องสองสามคนด้วยความลนลาน
ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ได้ยิน ก็รีบควักจานอาคมถ่ายทอดเสียงออกมา บ้างกลับควันธงอาคมจานอาคมต่างๆ ออกมา เริ่มฟื้นฟูเขตอาคมป้องกันที่ถูกอรหันต์ชิงหลงทำลาย
ทำให้ทั้งตำหนักวุ่นวายยกใหญ่
และในยามนั้นเองเขตอาคมส่งตัวที่เพิ่งส่งตัวอรหันต์ชิงหลงไปพลันมีเสียงร้องต่ำๆ ดังขึ้นอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระตุ้นอีกครั้ง
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนเตี้ยๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว
จากพลังยุทธ์ของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรในตำหนัก คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดมองเห็นเงาร่างนั้นได้อย่างชัดเจนว่าคือสิ่งใด
“เมื่อครู่มีอันใดถูกส่งตัวไปหรือ?” ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ผู้พิทักษ์คนหนึ่งกลืนน้ำลาย แล้วเอ่ยพึมพำถาม ท่าทางสงสัยว่าตนเองตาฝาดไปหรือไม่
ยามนี้อรหันต์ชิงหลงพาศิษย์ทั้งสองคนกำลังบินอยู่กลางทางเดินหินที่สร้างขึ้นบนเนินเขา หลังจากกะพริบวาบๆ ก็บินออกมาจากรูที่ถูกเขตอาคมต้องห้ามบดบังเอาไว้ จากนั้นก็แยกแยะทิศทาง เมื่อมั่นใจแล้วก็พุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง
และหลังจากที่อรหันต์ชิงหลงและพวกเพิ่งจะจากไปได้ชั่วครู่ ลำแสงสีทองอ่อนอีกสายหนึ่งก็บินออกมาจากรู ไล่ตามอรหันต์ชิงหลงไปติดๆ อย่างไม่หยุดพักเลยสักนิด
……
ครึ่งวันต่อมาห่างจากเมืองเทวะสวรรค์ตั้งไม่รู้กี่หมื่นลี้เหนือเนินเขารกร้างแห่งหนึ่ง ลำแสงสีเขียวหนาๆ ห่อหุ้มเงาร่างคนสามสายเอาไว้ แล้วบินแหวกอากาศไป
อรหันต์ชิงหลงที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนีมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเปล่งประกายไม่หยุด ราวกับว่ากำลังขบคิดเรื่องตึงเครียดอันใดสักอย่างอยู่
ยามนี้ขอบฟ้าด้านล่างมีลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ
คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบินออกจากแดนรกร้าง แล้วตรงไปเข้าในทะเลทรายที่ไร้ขอบเขต
และในยามนี้ด้านหลังลำแสงหลีกหนีสีเขียวห่างออกไปแค่สิบจั้งเศษพลันมีเสียงวิหคเพรียกสองเสียงดังขึ้น!
เงาสีทองอ่อนสองพุ่งแหวกอากาศมาพลิ้วไหวแล้วปรากฏอยู่ห่างจากลำแสงหลีกหนีไปแค่คืบ
กรงเล็บลำแสงส่งเสียงเหี้ยม เงากรงเล็บทั่วท้องฟ้าระเบิดออกกลางอากาศ ปกคลุมอรหันต์ชิงหลงเอาไว้จนไร้ซึ่งช่องโหว่
จุดที่กรงเล็บลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ มีรอยบากสีทองปรากฏขึ้นเป็นสายๆ อย่างหนาแน่น ตัดสลับกันไปมาจนกลายเป็นตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่ง ทำให้ผู้คนไม่อาจหลบหลีกได้
อรหันต์ชิงหลงรู้สึกตกตะลึง ใบหน้าเผยสีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งออกมา
“เจ้าเด็กน้อยหาน คาดไม่ถึงว่าเจ้าคิดจะสังหาร!”
เขาตะโกนด้วยความโกรธแค้น สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง พู่กันสีทองและเงินสองด้ามยื่นออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย อักขระยันต์สีทองและเงินทะลักออกมา กลายเป็นม่านลำแสงปกป้องเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นร่างพลันเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง เกล็ดสีเขียวปรากฏขึ้นบนแขนขาทั้งสี่และใบหน้า เมื่อขยับอีกครั้งก็กลายเป็นพายุหมุนตะปบไปยังตาข่ายกรงเล็บ
และในยามที่ร่างกายและกรงเล็บลำแสงสัมผัสกัน ก็อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมา แล้วชิงทุบไปยังกรงเล็บลำแสงก่อน
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
เมื่อตาข่ายกรงเล็บที่ดูเหมือนแหลมคมหาที่เปรียบและลำแสงปะทะกัน คาดไม่ถึงว่าจะถูกฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย
อรหันต์ชิงหลงพลันตกตะลึง จากนั้นก็ดีอกดีใจเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นพายุหมุนพุ่งออกไปจากตาข่าย ลำแสงหลีกหนีพลิ้วไหวอีกครั้ง แล้วมาปรากฏตัวกลางอากาศห่างออกไปร้อยจั้งเศษ
หัวใจที่หนักอึ้งของเขาพลันผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่ในยามนั้นเองเสียงกรีดร้องสองเสียงพลันดังขึ้นจากด้านหลัง!
“แย่แล้ว!”
อรหันต์ชิงหลงร้องอุทานในใจ แล้วรีบหันกลับไปมอง
เห็นเพียงศิษย์สองคนที่เดิมติดตามเขากลายเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็นทั่วอากาศ
พลังปราณของเขาไม่เพียงปกป้องร่างได้ แต่สมบัติอาคมกลับไม่อาจต้านทานกรงเล็บลำแสงได้เลยสักนิด ถูกระเบิดออกทันที แม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหนีออกมาได้
“เจ้าไม่ใช่เจ้าเด็กแซ่หาน เป็นผู้ใดกันแน่ อาจหาญไม่น้อย กล้าลงมือกับข้า!” อรหันต์ชิงหลงมองเงาลวงตาสีทองสองดวงอย่างละเอียดแวบหนึ่ง แล้วมองเห็นอันใดทันที ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หึๆ เอาชีวิตของเจ้ายังต้องให้คุณชายของข้าลงมือหรือ ให้ข้าลงมือก็พอแล้ว”
เสียงของหญิงสาววัยเยาว์เอ่ยขึ้นจากฝั่งตรงข้าม จากนั้นเงาลวงตาสองกลุ่มก็ผสานรวมตัวกัน กลายเป็นลำแสงสีทองอ่อนดวงหนึ่ง
ท่ามกลางลำแสงสีทองอสูรประหลาดสีทองขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่งกำลังมองอรหันต์ชิงหลงด้วยความเย็นชา นั่นก็คืออสูรมิคาทนตัวนั้น
“อสูรวิญญาณระดับผสานอินทรีย์! เจ้าคืออสูรวิญญาณของเจ้าเด็กแซ่หาน!”
อรหันต์ชิงหลงกวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของอสูรสีทอง ก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ก็น่าจะตายอย่างไร้ความกังขาได้แล้ว ข้าได้รับคำสั่งจากคุณชาย ให้เจ้าหายไปจากโลกนี้” อสูรมิคาทนแววตาฉายแววโหดเหี้ยมขณะเอ่ย
“หึ แค่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นอย่างเจ้า คิดจะเอาชีวิตตาเฒ่า เจ้าเด็กแซ่หานเพ้อฝันไปหน่อยกระมัง” แม้ว่าใบหน้าของอรหันต์ชิงหลงจะฉายแววตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนพร้อมกับสีหน้าโหดเหี้ยม
“เจ้าถูกคุณชายของข้าทำร้าย ยามนี้พลังปราณมีอยู่เจ็ดแปดส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้ว ยังกล้ามาพูดวางท่าต่อหน้าข้าอีก! รอให้ข้ากระชากทารกวิญญาณของเจ้าออกมา ดูว่าเจ้าจะกำเริบเสิบสานอย่างไรได้อีก!” อสูรมิคาทนไม่สนใจคำพูดของชิงหลง แค่เอ่ยพร้อมกับเผยสีหน้าโหดเหี้ยม
จากนั้นร่างของอสูรก็รางเลือน ชั่วขณะนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็มีลำแสงสีทองปรากฏออกมา รวมตัวกันเล็กน้อยก็กลายเป็นเงาอสูรสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วร้อยกว่าตัว
“งั้นหรือ! ข้าขาดหนังวิญญาณระดับสูงอยู่พอดี เอาเจ้ามาทำก็ได้แล้ว” อรหันต์ชิงหลงได้ยินก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว หลังจากเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ ก็ชูแขนเสื้อขึ้น สมบัติสี่ห้าชิ้นบินออกมาพร้อมกัน โคจรวนล้อมรอบเขาไปมา
ในเวลาเดียวกันก็ยกมือชี้พู่กันทั้งสองไปอีกครั้ง อักขระยันต์มากกว่าเดิมปรากฏขึ้นตรงหน้า
อสูรมิคาทนร้องคำรามต่ำๆ เงาอสูรทั้งหมดเคลื่อนไหว ลำแสงสีทองนับร้อยสายกระโจนไปฝั่งตรงข้าม
อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง กระตุ้นสมบัติทั้งหมดให้ขวางเงาอสูรเหล่านั้นเอาไว้ แต่ชั่วพริบตาที่เขาโคจรพลังปราณจำนวนมหาศาล ก็หน้าซีดขาว ไอสีดำประหลาดชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ปกคลุมใบหน้าของเขาเอาไว้
……
ห้าวันต่อมาหานลี่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลับ ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ประตูห้องลับที่เดิมปิดสนิทอยู่พลันมีลำแสงสว่างวาบ ลำแสงสีทองบินทะลุเข้ามา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็กลายเป็นอสูรน้อยสีทองขนาดสองสามฉื่อ
“อ๋อ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ออกไปนานเพียงนี้ หรือว่าการเดินทางไม่ราบรื่นหรือ?” หานลี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจางๆ
“นายท่าน เจ้าทำอันใดกับอรหันต์ชิงหลงกันแน่ คาดไม่ถึงว่าลงมือกับเขาได้ไม่นาน ก็มีท่าทีถูกพิษ ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือ ก็ถึงชีวิตอยู่แล้ว” อสูรมิคาทนถลึงตาพลางเอ่ยถามหานลี่
“หึๆ ข้าแค่ปล่อยคลื่นลำแสงวิญญาณของเพลิงกลืนวิญญาณเข้าไปในร่างของเขาเท่านั้น หากเขาไม่โคจรพลังปราณมากเกินไปก็ช่างเถิด แต่หากใช้คลื่นลำแสงก็จะกำเริบทันที จากพลังพิษประหลาดของมัน หากกำเริบ แม้ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่อาจรับไหว นอกเสียจากว่าจะนั่งสมาธิเพื่อกำจัดมัน หรือใช้พลังปราณระงับมันไว้ชั่วคราว แต่สองวิธีนี้ในสถานการณ์ที่กำลังต่อสู้กับเจ้าอย่างดุเดือด ย่อมไม่อาจทำได้สักวิธี เช่นนี้เขาย่อมมีแต่ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้น” หานลี่ไม่ได้ปิดบังอันใด พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ
“อิทธิฤทธิ์ของนายท่านยากแท้หยั่งถึง คาดไม่ถึงว่าจะลงมือกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว” อสูรมิคาทนส่งเสียงจุ๊ๆ เอ่ยชื่นชม
“หึ ไม่มีอันใด วิธีนี้ข้าก็เพิ่งเรียนรู้ได้ไม่นานเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะอรหันต์ชิงหลงไม่มีเวลาตรวจสอบร่างกายของตนเอง ก็คงไม่สำเร็จอย่าง่ายดายเช่นนี้ เอาล่ะ เจ้ายังไม่บอกผลลัพธ์อีก ชิงหลงไม่อยู่แล้วใช่หรือไม่?” หานลี่อธิบายสองคำ แล้วหรี่ตาทั้งสองข้างลงขณะเอ่ยถาม