คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1984 ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย (3)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1984 ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย (3)
เงาร่างคนที่นั่งสมาธิอยู่บนพื้น ก็คือผู้ที่กักตนมาเนิ่นนานโดยไม่ยอมออกไปไหน หานลี่
เขาในยามนี้หลับตาทั้งสองข้าง นั่งสมาธิอยู่บนพื้นไม่ไหวติง แต่สีหน้ากลับดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
ลำแสงประหลาดที่อยู่ในบริเวณนั้นหมุนวนไปมา ฉับพลันนั้นพลันรวมตัวกันฉับพลันนั้นพลันสลายออกจากกัน บางครั้งก็กลายเป็นอสูรเหี้ยมและภูตอัปลักษณ์ บางครั้งก็รวมตัวกันกลายเป็นเงาลวงตาของบุรุษสตรีคนแก่และทารก แต่ไม่ว่าภาพลวงตาชนิดใด หลังจากก่อตัวแล้วก็กระโจนไปหาหานลี่ที่นั่งสมาธิอยู่ แต่เมื่อถูกอานุภาพที่น่ากลัวซึ่งแผ่ออกมาจากภูเขา ดอกบัวสีเขียวและสมบัติต่างๆ ต้านทานก็ถอยออกไปอย่างง่ายดาย
ของชั่วร้ายเหล่านี้ทำได้เพียงส่งเสียงร้องต่ออยู่ด้านนอกเกราะป้องกันของสมบัติอาคม แต่จากนั้นพลันบีบให้ถอยออกไปเรื่อยๆ เสียงร้องประหลาดๆ เหล่านี้ค่อยๆ แหลมสูงขึ้น ท่าทางค่อยๆ บ้าคลั่งขึ้น
แต่ขณะที่หานลี่ยังไม่ลืมตา ก็ทำท่าเหมือนมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ แต่จอนผมที่ร้อนฉ่ากลับม้วนงอ ท่าทางกินแรงมากกว่าเดิม
ความจริงแล้วสถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้!
ในมิติลึกลับในจิตสัมผัสของเขาเอง จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขากลายเป็นร่างแยกสวมชุดคลุมสีเขียว กำลังต่อสู้กับอีกคนหนึ่งอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ
คู่ต่อสู้ที่สวมชุดคลุมยาวสีดำควบคุมกระบี่บินสีดำเจ็ดสิบสองเล่ม หน้าตาเหมือนกับหานลี่ทุกระเบียบนิ้ว
ทว่า ‘หานลี่’ ผู้สวมชุดคลุมสีดำผู้นี้ดวงตาเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ หว่างคิ้วถูกไอสีดำปกคลุมเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประหลาดๆ การเคลื่อนไหวนี้ยิ่งมีไอมารพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับมารลงมาจุติยังแดนมนุษย์ก็ไม่ปาน
สองมือของหานลี่ร่ายอาคม มือกระตุ้นกระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มเช่นกัน อสรพิษสายฟ้าสีทองพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ ‘หานลี่’ ที่สวมชุดคลุมสีดำกลับกระตุ้นกระบี่บินสีดำทั้งหมดให้กลายเป็นกระบี่ดอกบัวสีดำ ทยอยกันสลายหายไปอย่างง่ายดาย กลับสะบัดแขนเสื้อของเขา ประจุไฟฟ้าสีทองหนากว่าสายฟ้าสีดำสองสามส่วนส่งเสียงขานรับ แล้วสับลงมาที่หานลี่อย่างรุนแรง
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ผิวมีเสียงอัสนีดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับร้อยสายดีดตัวออกมา เปล่งแสงสีดำสว่างวาบแล้วโจมตีจนแหลกสลาย
“หึๆ เจ้าเด็กไร้ประโยชน์ เดิมจิตมารที่กระตุ้นก็ไม่ใช่ร่างคัดลอกของเจ้า ไม่ ภายใต้การสนับสนุนของมารอย่างข้า น่าจะแข็งแกร่งกว่าร่างเดิมของเจ้าสามส่วน เมื่อประมือกันเป็นเวลานานเช่นนี้ เจ้าก็น่าจะรู้ดี” เสียงของสตรีวัยดรุณีอันหวานเยิ้มดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
“หึ แม้ว่าจิตมารที่กระตุ้นจะแข็งแกร่งกว่าข้าส่วนสองส่วน แต่คิดจะใช้มันทำให้ข้าพ่ายแพ้ กลืนกินจิตสัมผัสของข้า ก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน หากไม่ใช่ว่าข้าไม่ตรวจสอบ ปล่อยให้มารอย่างเจ้าเข้ามาในจิตสัมผัสของข้า ระดับจิตใจจะปล่อยให้จิตมารถือกำเนิด และแว้งกัดตนเองได้อย่างไร” หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งชี้ไปฝั่งตรงข้าม ไม้บรรทัดสั้นสีเงินปรากฏออกมา และตวัดไปฝั่งตรงข้ามกลายเป็นเงาไม้บรรทัดจำนวนนับไม่ถ้วนสับออกไป แล้วถึงได้ตอบกลับด้วยความเคร่งขรึม
“แน่นอน อิทธิฤทธิ์ของเจ้าเหนือกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้ แค่ร่างแยกจิตมารที่ออกมาจากแผ่นป้าย ย่อมทำลายจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าไม่ได้ แต่อย่าลืมล่ะ ยามนี้เจ้าต้องฟาดเคราะห์สวรรค์ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเตรียมการอันใดมา แต่ในขณะที่จิตวิญญาณดั้งเดิมครึ่งหนึ่งถูกดึงเอาไว้ ข้าก็ไม่เชื่อเจ้าจะฟาดเคราะห์ได้อย่างปลอดภัย หากไม่อยากวิญญาณสูญสลาย ก็ส่งเกราะมารชิ้นนั้นมาให้ข้า ขอแค่มอบเกราะมารให้ ข้าจะถอยออกจากจิตสัมผัสทันที รับประกันว่าเจ้าจะบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายได้อย่างราบรื่น” สตรีใช้น้ำเสียงเย้ายวนใจเอ่ยขึ้น
เจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือร่างแยกของมารเหนือฟ้าที่ถูกหานลี่โจมตีจนจิตมารที่ข้ามแดนมาในเมืองเมฆาสลายหายไปในวันนั้น
ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีการใด คาดไม่ถึงว่าในยามสำคัญที่หานลี่กำลังฟาดเคราะห์สวรรค์ จะถือโอกาสแทรกเข้ามาในจิตสัมผัสของหานลี่ และกระตุ้นร่างแยกจิตมารให้กลืนกินจิตวิญญาณดั้งเดิมของหานลี่
หากไม่ใช่เพราะหานลี่อาศัยโอกาส ทำให้จิตสัมผัสของตนแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วๆ ไปตั้งนานแล้ว เกรงว่าในยามที่ไม่ทันระวังตัว ก็คงถูกมารตนนี้ทำสำเร็จจริงๆ
“หากคำพูดของมารเหนือฟ้าน่าเชื่อถือ ดวงอาทิตย์ก็คงขึ้นทิศตะวันตกวันตกแล้ว เกรงว่าหากข้าเกิดใจอ่อน ก็จะถูกจิตมารฉวยโอกาส จิตวิญญาณดั้งเดิมถูกกลืนกินทันที ได้ยินมานานแล้วว่ามารเหนือฟ้าเชี่ยวชาญการล่อลวงจิตใจคน สังหารอย่างไร้ความปรานี ยามนี้ดูแล้วคงเป็นความจริง” หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่ได้คล้อยตามเลยสักนิด
“จุ๊ๆ เจ้าช่างชาญฉลาดนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะรอดูเจ้าเพลี่ยงพล้ำไปเองก็แล้วกัน รอให้จิตวิญญาณดั้งเดิม กายเนื้อของเจ้าแหลกสลายไปภายใต้เคราะห์สวรรค์ เกราะมารก็ยังคงตกอยู่ในมือของข้าอยู่ดี” เสียงของมารเหนือฟ้าเปลี่ยนเป็นแหบพร่าแปลกประหลาด ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นบุรุษคนหนึ่ง
จิตมารสะบัดแขนเสื้อ ไอมารหมุนวนไม้บรรทัดสั้นสีดำบินออกมา กลายเป็นเงาไม้บรรทัดสีดำ รับการโจมตีเมื่อครู่ของหานลี่เอาไว้
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีสีหน้าโหดเหี้ยมขึ้นสองส่วน ยามนี้เขาสัมผัสได้ถึงข่าวคราวที่จิตวิญญาณอีกส่วนหนึ่งส่งมาแล้ว
เคราะห์สวรรค์ด้านนอกในยามนี้ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ อาศัยแค่พลังปราณและจิตสัมผัสที่เขาทิ้งเอาไว้ เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานอานุภาพของเคราะห์สวรรค์ระลอกนี้ได้ เขาจำต้องสังหารจิตมารในทันที ถึงจะรับเคราะห์สวรรค์นี้อย่างวางใจได้
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่ก็ร้องคำรามต่ำๆ อย่างไม่ลังเลอีก มือหนึ่งร่ายอาคมเปล่งแสงสีทองสว่างวาบออกมา ร่างกายเปล่งแสงสว่างวาบ ขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทองขนาดเท่าภูเขา
“เคล็ดวิชา สมบัติ เจ้าลอกเลียนแบบได้ ข้ากลับไม่เชื่อว่าเคล็ดวิชาแปลงกาย จะทำได้เช่นกัน รับกำปั้นของข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” วานรยักษ์ส่งเสียงร้องตะโกน ควงกำปั้นสองข้างโจมตีไปยังจิตมารฝั่งตรงข้าม
กำปั้นยังไม่ทันร่อนลงมา ระลอกคลื่นสีทองที่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลพลันทะลักออกมา ราวกับว่าจะทุบจิตมารให้แหลกเป็นน้ำจิ้มเนื้อ
จิตมารสวมชุดคลุมสีดำกลับมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน แขนสองข้างเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ เกล็ดสีดำปรากฏขึ้น และตะปบไปกลางอากาศ
เสียงแหวกอากาศ “สวบๆ” ดังขึ้น!
กรงเล็บลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือจิตมารราวกับตาข่ายยักษ์ ระลอกคลื่นลำแสงสีทองโจมตีไปบนตาข่าย คาดไม่ถึงว่าจะถูกทำให้สั่นกระเพื่อมแต่ไม่อาจทะลวงผ่านได้
ทว่าเมื่อกำปั้นใหญ่ยักษ์ทั้งสองร่อนลงมาตามระลอกคลื่นลำแสง ตาข่ายกลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่อาจต้านทานได้
แต่ชั่วพริบตานั้นสองมือของจิตมารก็ตะปบออกไป กระบี่เล่มเล็กสีดำเจ็ดสิบสองเล่มเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขา หลังจากเปล่งเสียงร้องคำรามประหลาดๆ ออกมา ไอสีดำก็ทะลักออกมาผิว เหนือศีรษะมีเขาสีดำหนาๆ สองเขางอกออกมา ในเวลาเดียวกันร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้น
คาดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นมารขนาดยักษ์สวมเกราะเกล็ดสีดำหัวเป็นโคร่างเป็นมนุษย์ ร่างกายใหญ่โตไม่ด้อยไปกว่าวานรยักษ์เลยสักนิด และใช้สองมือใหญ่ยักษ์ตะปบไปที่กำปั้นของวานรยักษ์อย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น วานรยักษ์ขนสีทองถูกสั่นสะเทือนจนล่าถอยไปสองสามก้าว และจิตมารที่สร้างขึ้นจากมารก็สองขาหนักอึ้ง ถูกทุบให้ร่อนลงมา และกระแทกกับพื้นดินจนเป็นหลุมขนาดยักษ์
การประมือกันครั้งนี้ หานลี่เข้าใจแล้วว่าหลังจากที่อีกฝ่ายแปลงกาย แม้ว่ากายเนื้อจะแข็งแกร่งกว่าวานรยักษ์ภูเขาของเขา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
แม้ว่าเขาที่อยู่ในสถานการณ์นี้จะเอาชนะได้ เวลาที่เสียไปย่อมไม่สั้นอย่างแน่นอน แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจะล่าช้าได้อย่างไร!
ภายใต้อารามร้อนใจของหานลี่ ความคิดต่างๆ พลันแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็กัดฟันตัดสินใ0
แม้ว่าการสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่อจากนี้จะต้องใช้พลังมหาศาล ไม่เป็นผลดีกับเขาที่ต้องต่อกรกับเคราะห์สวรรค์ต่อจากนี้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็สนใจมากไม่ได้
หลังจากที่เขายืนได้อย่างมั่นคง ก็เงยหน้าขึ้นผิวปาก เทวรูปสีทองสามเศียรหกกรปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง
เทวรูปที่กำลังหลับตาลืมตาทั้งหกข้างขึ้น กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งกระโจนไปหาร่างของวานรยักษ์
เรือนร่างของวานรยักษ์มีลำแสงสีทองไหลวนโคจร จากนั้นหัวไหล่ก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ หัวที่มีขนปุกปุยสองหัวและแขนอีกสี่แขนปรากฏออกมา
วานรยักษ์ขนสีทองกลายเป็นสามหัวหกแขน แขนทั้งหกร่ายอาคมพร้อมกัน ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า แทบจะเท้าย่ำพื้นหัวค้ำท้องฟ้า
แทบจะในเวลาเดียวกันวานรยักษ์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แขนทั้งหกเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ลำแสงสีทองปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มๆ เปล่งแสงสว่างวาแล้วหมุนคว้าง
ครู่ต่อมาลำแสงสีทองก็เจิดจ้าจนแสบตาราวกับพระอาทิตย์ หลังจากรางเลือนไป ก็กลายเป็นรัศมีลำแสงหกดวง และสลายออกอย่างรวดเร็ว
ทว่าแค่หนึ่งชั่วลมหายใจ รัศมีลำแสงสีทองทั้งหกก็รวมตัวกัน กลายเป็นรัศมีลำแสงยักษ์ขนาดร้อยจั้ง
หัวทั้งสามของวานรยักษ์อ้าปากออกพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นเสียงบริกรรมคาถาที่ฟังไม่ได้ศัพท์ก็ส่งเสียงร้องดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางรัศมีลำแสงสีทองมีอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา จากนั้นก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว
ระลอกคลื่นยักษ์สีทองปรากฏขึ้นกลางอากาศ และถูกมือยักษ์หกข้ารองเอาไว้
ท่ามกลางอักขระยันต์สีทองที่เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นพลังแรงดูดมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้พลันทะลักออกมาจากใจกลางระลอกคลื่น
มารหัวโตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถูกพลังแรงดูดนี้ห่อหุ้มเอาไว้ ร่างกายพลันซวนเซ คาดไม่ถึงว่าจะควบคุมได้พลางฝืนดึงออก
มารร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้ามีสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่ามันจะคัดลอกร่างเดิมของหานลี่ แต่เป็นเพราะโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ จุดที่แปลงกายเป็นคาถาตื่นจากจำศีล กลับเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจคัดลอกได้
เช่นนี้เมื่อมันประสบกับการผสานการโจมตีด้วยคาถาตื่นจากจำศีลและเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ย่อมไม่อาจต้านทานได้
ภายใต้อารามร้อนใจของมารตนนี้ กระบี่เล่มเล็กสีดำเจ็ดสิบสองเล่ม ภูเขาสองลูก ไม้บรรทัดสั้นสีดำก็บินออกมาจากเรือนร่างอย่างต่อเนื่องและโจมตีไปที่ระลอกคลื่นยักษ์แต่ก็ไม่มีผล
เมื่อสมบัติเหล่านี้เข้าใกล้ระลอกคลื่น ชั่วขณะนั้นก็ถูกอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่พ่นออกมาจากด้านในจนกลายเป็นหมอกลำแสงม้วนเข้าไปและถูกดึงเข้าไปในระลอกคลื่นราวกับสูญเสียการควบคุม
ด้านในมีเสียงอึกทึกดังขึ้น สมบัติเหล่านี้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ยามนี้มารตนนั้นก็ถูกพลังแรงดูดมหาศาลดึงเข้าไปอยู่ห่างจากเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึงสามสิบสี่สิบจั้งลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นในมือ สามง่ามโลหิตสีแดงสดสับลงไปบนพื้นคาดไม่ถึงว่าจะจมหายไปในพื้นดิน
ร่างกายของจิตมารที่เดิมกำลังเคลื่อนย้ายไปมาพลันฝืนหยุดลง
ใบหน้าของมารตนนั้นเผยสีหน้าตื่นเต้นดีอกดีใจออกมา
แต่ในยามนั้นเองแขนทั้งหกของวานรยักษ์พลันขยับพร้อมกันปากก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมาระลอกคลื่นสีทองกดลงมาราวกับภูเขาขนาดยักษ์
จิตมารร้องคร่ำครวญถูกลำแสงสีทองกลืนกินเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว!