คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1985 ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย (4)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1985 ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย (4)
“เยี่ยม เยี่ยมมาก ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี แต่หากข้าแยกจิตสัมผัสออกมากระตุ้นจิตมารอีกตน การจับเป็นเจ้าก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ วิธีการเดิมของเจ้าไม่มีทางสังหารมารตนที่สองของตนเองได้” เสียงมารที่ดูเหมือนทั้งบุรุษและสตรีดังขึ้นด้วยความอับอายจนกลายเป็นความโกรธแค้น
จากนั้นเบื้องหน้าพลันเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ไอสีดำรวมตัวกันกลางอากาศและหมุนวนจนก่อตัวขึ้นกลายเป็นเงาร่างคนสายหนึ่ง
“ครั้งหน้า? ไม่มีครั้งหน้าแล้ว! ในเมื่อสำแดงต่อหน้าข้ายังคิดจะอำพรางกายอีกหรือช่างเป็นเรื่องที่น่าเขลาเสียจริง” หานลี่ที่แปลงกายเป็นวานรยักษ์สามหัวหกแขนส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ฉับพลันนั้นก็อ้าปากพ่นลำแสงสีเขียวออกมา
ลำแสงสีเขียวก็คือไอวิญญาณบริสุทธิ์ที่ออกมาจากร่างของหานลี่แต่ด้านในกลับห่อหุ้มธูปสีเหลืองอ่อนเอาไว้พลางแผ่กลิ่นธูปหอมอ่อนๆ ออกมา
ดวงตาทั้งสองของหัวตรงกลางของวานรยักษ์เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบแขนทั้งสองตะปบออกไปคว้าธูปหอมไว้ในมือและออกแรงขยี้
เสียง “ครืดๆ” ดังขึ้น
เปลวเพลิงสีเงินปรากฏขึ้นระหว่างฝ่ามือควันสีเหลืองอ่อนแผ่ออกมาจากมือยักษ์ทั้งสอง
แทบจะในเวลาเดียวกันหัวอีกหัวของวานรยักษ์ก็อ้าปากออก ออกแรงเป่าจนหน้าอกปูดโปน
เสียงระเบิดดังขึ้น
ควันสีเหลืองรวมตัวกันกลายเป็นลูกธนูดอกหนึ่งและพุ่งแหวกอากาศออกไปมันพลิ้วไหวกลางทางแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมาห่างจากหานลี่ไม่ไกลนักก็มีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบลูกธนูปรากฏออกมาทะลวงไปกลางอากาศด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เสียง “ตึง” ดังขึ้น!
กลางอากาศที่เดิมดูเหมือนไร้ผู้คนมีลำแสงสีดำบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น ลูกธนูสีเหลืองปักเข้าไปตรงหัวใจอย่างพอดิบพอดี
“หึ เจ้าเด็กเผ่ามนุษย์เจ้าคิดว่าสมบัติแค่นี้จะทำร้ายข้าได้หรือ สิ่งนี้เป็นแค่ของไร้ค่าสำหรับข้า” คนตัวเล็กขนาดสองสามชุ่นที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีดำเผชิญหน้ากับการทะลวงเข้ามาในร่างของลูกธนูกลับส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา
ใบหน้าของคนตัวเล็กรางเลือนมองเห็นไม่ชัดแต่ไอทมิฬที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างกลับทำให้ผู้คนที่มองเห็นสั่นสะท้านราวกับตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งก็ไม่ปาน
“ข้าบอกตอนไหนว่านี่เป็นสมบัติธรรมดา ไม่ว่าร่างเดิมของเจ้าจะใช่จอมมารเหนือฟ้าจริงๆ หรือไม่แต่จิตมารนั้นก็กำจัดได้เหลือเฟือ” วานรยักษ์เห็นลูกธนูโจมตีเป้าหมายก็มีสีหน้าผ่อนคลายลงและพ่นคำพูดมนุษย์ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อันใดสิ่งนี้คือ…” คนตัวเล็กในลำแสงสีดำใจหายวาบนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ในความทรงจำน้ำเสียงจึงตกตะลึงทันที
แต่ทุกอย่างกลับไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ครู่ต่อมาลูกธนูสีเหลืองพลันส่งเสียงระเบิดออกมา
กลิ่นธูปหอมตลบอบอวลแผ่ออกมาจากควันสีเหลืองห่อหุ้มพื้นที่ในรัศมีสองสามหมู่
“เป็นไปไม่ได้ เป็นธูปเทวะกำจัดมารกลิ่นน้ำแข็งทมิฬ! สิ่งนี้น่าจะหายสาบสูญไปจากแดนนี้ตั้งนานแล้ว เจ้าจะมีได้อย่างไร? ทว่าอย่าดีใจเร็วเกินไปนักครั้งหน้ายามที่เจ้าคิดจะบรรลุระดับมหายานข้าจะต้องลงมาจุติด้วยตัวเองไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปได้ง่ายๆ แน่” คนตัวเล็กสีดำไม่อาจรักษาสภาพร่างกายท่ามกลางกลุ่มควันสีเหลืองได้หลังจากร้องตะโกนเสียงเหี้ยมอย่างไม่เต็มใจ ร่างกายก็เป็นรูพรุนแล้วสลายหายไปสุดท้ายก็หายวับไปจากที่เดิม
เห็นได้ชัดว่าจิตมารของมารเหนือฟ้าตนนี้ถูกกำจัดออกจากจิตสัมผัสของหานลี่แล้ว
วานรสามหัวหกแขนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ สองมือก็ร่ายอาคมอย่างรวดเร็วร่างกายหดเล็กลง ชั่วพริบตาก็กำจัดการแปลงกายออกกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม
หานลี่ในยามนี้หน้าซีดขาวหอบหายใจ การสำแดงอิทธิฤทธิ์เมื่อครู่ทำให้สูญเสียพลังปราณไปไม่น้อยเลยจริงๆ นี่เป็นสาเหตุหลักที่เขาไม่ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์นี้ตั้งแต่แรก
หานลี่กวาดตามองจุดที่มารตนนั้นสลายหายไป สีหน้าไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยกลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่ปริปาก ร่างกายกลายเป็นลำแสงสีเขียวสลายหายไป
เมื่อครู่เป็นเพราะกลัวว่าจิตมารจะถือโอกาสสร้างผลกระทบต่อจิตสัมผัสที่อยู่ภายนอก เขาจึงตัดขาดการเชื่อมโยงกับกายเนื้อ ยามนี้จิตมารถูกกำจัดไปแล้ว แน่นอนว่าจึงรีบกลับเข้าร่างทันที
ชั่วพริบตาที่หานลี่ลืมตาขึ้นก็มองเห็นลำแสงสีเทามารวมตัวกันจนมีความสูงประมาณสามจั้งห้าดวงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พลางเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และกำลังโจมตีลำแสงที่ห่อหุ้มร่างของเขาอย่างสุดชีวิต
ทุกการโจมตีของเงาทั้งห้าล้วนทำให้รัศมีลำแสงของสมบัติอาคมสั่นเทาอย่างหนัก ทำให้ลำแสงจากสมบัติอาคมกระเพื่อมแล้วหดเล็กลงกว่าครึ่ง
เงามารทั้งห้าส่งเสียงกรีดร้องประหลาดๆ ออกมาล้อมรอบหานลี่ไม่ยอมห่างออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว เรือนร่างพลันแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา
“หึ แค่ไอทมิฬรวมตัวกันเป็นมารชั่วร้ายยังกล้ามากำเริบเสิบสานต่อหน้าข้า หายไปซะ”
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมตะโกนออกไปโดยไม่ต้องคิด ผิวสีทองเปล่งแสงสว่างวาบประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนดีดออกมาจากเรือนร่าง
ไอทมิฬทั้งห้ารวมตัวกันเป็นมารตนหนึ่ง หลังจากที่ถูกลำแสงสีทองห่อหุ้มก็ส่งเสียงฟ้าผ่าออกมาแล้วสลายหายไปไม่มีพลังต้านทานได้เลยสักนิด
เมื่อจัดการกับมารทั้งห้าแล้วใบหน้าของหานลี่ไม่ได้มีสีหน้าดีใจใดๆ กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
เพราะว่ายามนี้เขตอาคมต้องห้ามที่เขาเตรียมเอาไว้รับมือกับเคราะห์สวรรค์ถูกกระตุ้นแล้วและกลายเป็นม่านลำแสงยักษ์สองสามชั้นปกคลุมหอคอยหินเอาไว้
ยามนี้เหนือศีรษะของเขามีมังกรวารีสีดำแปดสิบเอ็ดตัวกำลังส่งเสียงร้องคำรามพ่นประจุไฟฟ้าหลากสีสันออกมาเป็นสายๆ
ในบรรดาสายฟ้าเหล่านี้ที่เล็กหน่อยก็มีขนาดแค่สองสามฉื่อ ยาวหน่อยก็มีขนาดสองสามลี้ กำลังร่วงลงมาราวกับพายุฝน
สายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบเขตอาคมเผยท่าทีรับไม่ไหวออกมาและส่งเสียงร้องอย่างกินแรง
ยามนี้ประจุไฟฟ้าหลากสีสันที่กำลังร่อนลงมาพลันรวมตัวกันกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นประจุไฟฟ้าขนาดยักษ์ราวกับเสาวารีต้นหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ม่านลำแสงอย่างรุนแรง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
ม่านลำแสงสั่นเทาแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ประจุไฟฟ้าห้าสีไม่อาจต้านทานได้หายวับไปจากยอดหอคอยและครู่ต่อมาก็พุ่งผ่านท้องฟ้า ปรากฏอยู่กลางอากาศในห้องลับของหานลี่และโจมตีลงมา
หานลี่สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ต้องขบคิด ประจุไฟฟ้าสีทองสิบกว่าสายดีดตัวออกมาพร้อมกัน
เสียงอึกทึกดังเสียดแก้วหูดังขึ้น!
เมื่อประจุไฟฟ้าสีทองและสายฟ้าห้าสีสัมผัสกันก็สลายหายไปกลับบ้านเก่าไปพร้อมกัน
แต่ทว่านี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น สายฟ้าห้าสีปรากฏขึ้นในห้องลับมากกว่าเดิมทุบลงมาหาหานลี่อย่างมืดฟ้ามัวดิน
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง มือหนึ่งพลันตะปบออกไปกลางอากาศลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นในมือแล้วหมุนคว้างกลายเป็นลำแสงสีเขียวเจ็ดสิบสองสายสลายหายไป
เสียงมังกรคำรามดังขึ้น!
ไอกระบี่สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับกันไปมากลางอากาศกินพื้นที่ทั่วทั้งห้องลับ แต่ก็มารวมตัวกันที่เหนือศีรษะของหานลี่กลายเป็นดวงแสงสีเขียวลูกหนึ่ง
ดวงแสงนี้หมุนคว้างกระบี่ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรางๆ และส่งเสียงปริแตกมังกรตัวสีเขียวมรกตแยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนออกมา
หานลี่ไม่เพียงคว้ากระบี่สีเขียวเอาไว้และกลายเป็นกระบี่ยี่สิบสามสิบเล่มวางเขตอาคมขดมรกตอีกครั้ง
เขตอาคมกระบี่นี้คู่ควรกับที่เป็นหนึ่งในเครื่องมือสังหารของหานลี่ ภายใต้การเลื้อยโคจรไปมาของมังกรขดมรกตในห้องลับ ประจุไฟฟ้าที่โจมตีเรือนร่างของเขาย่อมไม่สร้างความเสียหายใด กลับสะบัดหัวสะบัดหางโจมตีจนประจุไฟฟ้าทั้งหมดสลายหายไป
และหลังจากนั้นเมฆาเพลิงที่แต่เดิมหดเล็กลงไม่เพียงจะฟื้นฟูกลับมามีขนาดเท่า และยิ่งไปกว่านั้นไอวิญญาณเพลิงด้านในยังเดือดพล่าน หินลาวาสีแดงขนาดเท่าศีรษะร่อนลงมาจากเมฆาเพลิง กลายเป็นดวงเพลิงสีแดงสดร่วงลงมา
แต่หานลี่ย่อมไม่หวาดกลัวเลยสักนิด หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ภูเขาสองลูกก็พลิ้วไหวปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า มือหนึ่งตบออกไป!
ชั่วขณะนั้นลำแสงเทวะดูดปราณสีเทาและไอกระบี่ไร้รูปร่างกลายเป็นระลอกคลื่นลำแสงทะลักออกมาจากภูเขาทั้งสองลูก…
……
หนึ่งวันหนึ่งคืนมาเมื่อมังกรสีดำแปดสิบเอ็ดตัวกลางอากาศส่งเสียงร้องต่ำๆ แล้วระเบิดตัวออก สุดท้ายก็กลายเป็นไอสีดำ ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงที่ยังคงรั้งรออยู่แถวนั้นถูกอานุภาพของเคราะห์สวรรค์และวิธีการต้านทานของหานลี่ทำให้ตกตะลึงจนตาค้าง
เคราะห์สวรรค์ที่ร้ายกาจเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก แต่อิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของหานลี่ ก็สามารถกำจัดได้ด้วยพลังของคนคนเดียว ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตระดับสูงเหล่านั้นเห็นแล้วลอบกลืนน้ำลายไม่ได้
และชั่วพริบตาที่เห็นมังกรสีดำสลายหายไป เสียงกรีดร้องยาวๆ ก็ดังออกมาจากหอคอยหิน มันดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันเสาลำแสงสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบถูกพ่นออกมาจากหอคอย ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดผ่านไป ไม่ว่าเมฆาเพลิงหรือว่าไอสีดำล้วนถูกกวาดไปจนเกลี้ยง เหลือเอาไว้เพียงอักขระยันต์หลากสีสันทั่วท้องฟ้า
หลังจากที่เสาลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหม่นแสงลง เงาร่างยักษ์ความสูงพันจั้งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ดูจากหน้าตาของเขา เหมือนกับหานลี่ทุกระเบียบนิ้ว
“เอ๋ นี่ไม่ใช่สหายหานหรือ””
“ที่แท้ท่านอาวุโสหานก็กำลังทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นปลาย ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
……
หลังจากที่มองเห็นใบหน้าของเงาลวงตาได้อย่างชัดเจนผู้บำเพ็ญเพียรกว่าครึ่งก็จำหานลี่ได้ ชั่วขณะนั้นพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น
สายตาของเงาลวงตาสีเขียวกวาดมองอักขระยันต์หลากสีสันรอบด้าน มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาแล้วอ้าปากออกแรงดูด
อักขระยันต์ทั้งหมดสั่นเทา ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาถูกเงาลวงตาขนาดยักษ์ดูดเข้าไปในปากราวกับแม่น้ำกลับคืนมหาสมุทร
ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดูดเข้าไปในคำเดียว
ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาสีเขียวพลันขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง ส่วนลำแสงหลากสีสันที่อยู่บริเวณรอบก็ถูกดูดไปจนเกลี้ยง รัศมีลำแสงที่อยู่ไกลออกไปเหมือนถูกพลังลึกลับควบคุมทยอยกันบินมาทางนี้ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟและถูกเงาลวงตาสีเขียวกลืนเข้าไป
“แย่แล้วทุกคนถอยเร็ว! สหายหานผ่านด่านเคราะห์ระดับขั้นปลายแล้วยามนี้กำลังกลืนกินพลังปราณฟ้าดินเพื่อเพิ่มอายุขัยของจิตวิญญาณดั้งเดิม ตำแหน่งของพวกเราในยามนี้ล้วนอยู่ในผลกระทบของเขา! ทางที่ดีรีบออกไปจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อสหายหาน” ชายชราผมสีเงินที่เดิมมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเห็นฉากนี้อยู่ไกลๆ กลับร้องตะโกนเสียงสูงด้วยความตกตะลึง