คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1996 วันอันดำมืด
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 1996 วันอันดำมืด
ดวงแสงสีทองนั่นดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่พอหลุดออกจากมือ พลันสว่างวาบ กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่อีกครั้ง ครอบลงเหนือศีรษะชายฉกรรจ์
แล้วพลังไร้รูปมหาศาลก็ปะทุออกจากกึ่งกลาง กดร่างของชายฉกรรจ์ให้เตี้ยลง ทำให้ที่ว่างใกล้เคียงบิดเบี้ยวเล็กน้อย ส่งเสียงดังหึ่งๆ ออกมา ราวกับจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ
ชายฉกรรจ์เผ่ามารหน้าแดงคล้ำผิดปกติ ร่างสั่นเล็กน้อยขณะอยู่ใต้พลังมหึมาอันน่าสะพรึงกลัวของกระแสน้ำวน แต่เขาก็มิได้ถูกบดขยี้ด้วยสิ่งนี้ ตรงกันข้าม ดวงตาฉายแววดุร้าย พลางตะโกนเสียงดัง!
จากนั้น เกราะสีโลหิตบนร่างพลันระเบิดเป็นเปลวแสงสีโลหิตเจิดจ้า พลังปราณอันน่าเกรงขามสุดๆ กระจายออกจากร่าง
ที่ที่เปลวแสงสีโลหิตพุ่งผ่าน ที่ว่างซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันทยอยหลอมละลายกลายเป็นสีดำสนิท พลังมหึมาไร้รูปที่ปกคลุมร่างของเขาไว้ ยิ่งถูกขจัดออก
ร่างของชายฉกรรจ์ยืนตัวตรงได้อีกครั้ง ก่อนยกมือไปยังที่ว่าง ค่อยๆ คว้าจับ
เสียงดัง ‘ปัง’ !
สิงโตมารสามเศียรเหนือศีรษะกลายเป็นหมอกดำกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ไอหมอกม้วนตัวเข้าไปในมือชายฉกรรจ์ กลายเป็นหอกมารสีดำทะมึนยาวราวหนึ่งจั้งหนึ่งด้าม
หอกทั้งด้ามกะพริบแสงวิญญาณสีดำจางๆ ตัวหอกด้านหน้าแบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนประทับตราหัวสิงห์หน้าตาดุร้าย ทุกอนูของหอกทั้งด้ามเต็มไปด้วยลวดลายวิญญาณสีน้ำเงินเข้ม
ชายฉกรรจ์แสดงความดุร้ายบนใบหน้า เพียงสั่นข้อมือ หอกยาวก็ดีดตัวออกพร้อมเสียงแหลมเล็ก
แสงสีดำวาบ หอกยาวจมลงในใจกลางกระแสน้ำวนทันที
ภาพประหลาดปรากฏขึ้น พริบตาที่หอกยาวหายวับไป กระแสน้ำวนสีทองที่ดูทรงพลังพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมเสียงดังทึบตัน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นจุดแสงวิญญาณสลายหายไป
ชายฉกรรจ์เผ่ามารจับที่ว่างด้วยมือเพียงข้างเดียวอีกครั้ง หลังจากไอดำพันรอบตัว หอกมารสีดำทะมึนก็ปรากฏขึ้นอีก และถูกขว้างออกไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจ
ครั้งนี้ เป้าหมายของหอกยาวสีดำ กลับเป็นวานรยักษ์สามเศียรที่กำลังตะลึงงันกลางอากาศ
เพิ่งเห็นหอกยาวแวบหายไม่ทันไร ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าวานรยักษ์อย่างน่าพิศวง
วานรยักษ์ขนทองตกใจ พลันวาดแขนทั้งหกข้างโดยไม่ต้องคิดเพิ่ม อาวุธหนักสีทองอร่ามหกชิ้นตอบสนองด้วยการปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือทันที ในเวลาเดียวกันก็กลายเป็นแสงสีทองหกสาย พุ่งเข้าใส่หอกดำอย่างแรง
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
หลังจากแสงสีทองกับไอดำประสานงากัน ก็ระเบิดและสลายหายไปพร้อมกัน
วานรยักษ์เห็นเช่นนี้ จึงหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ ขณะยังไม่ทันคิดอะไรมาก ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านล่างกลับหัวเราะ
เสียงดังออกมา แล้วใช้มือข้างเดียวจับที่ว่างและขว้างออกไปอีก หอกมารที่เหมือนเดิมทุกประการพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
วานรยักษ์แค่นเสียงเย็นชา พอมือใหญ่ทั้งหกสั่น อาวุธสีทองหกชนิดก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันทันที และสลายหายไปพร้อมกับหอกมารสีดำอีกครั้ง
ครั้งนี้ ถึงคราวชายฉกรรจ์ตะลึงงันบ้าง จึงหยุดทำมือร่ายอาคมไปโดยปริยาย
และจังหวะนี้เอง วานรยักษ์กลับคำรามเสียงต่ำออกมา พออาวุธสีทองหกชิ้นในมือปรากฏ ก็ขว้างออกไป
เศียรทั้งสามท่องคาถาทันที
เสียงดัง ‘พรึ่บ’ อาวุธทั้งหกเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า พอแสงวาบ เงาร่างนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นตรงกลางอย่างเลือนราง จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ชั่วขณะหนึ่งก็กลายเป็นเงาร่างอาวุธสีทองหลายพันอัน จู่โจมลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
สักพัก ท้องฟ้าก็เกิดเสียงดังหวีดหวิว ภาพที่ตาเห็นเป็นแสงสีทองกะพริบเต็มไปหมด
ชายฉกรรจ์เผ่ามารมีสีหน้าเคร่งขรึมลง แต่ไม่มีอาการลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด กลับแสยะยิ้มเย็นชาที่มุมปาก ค่อยพ่นแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งออกมา
แสงสีม่วงนี้พอออกจากปาก ก็หมุนรอบ และระเบิดออกเอง
เส้นแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากแสงสีม่วง พลันกลายเป็นตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่ง ลอยขึ้นไปบนฟ้า
เงาร่างสีทองพุ่งเข้าไปในตาข่ายแสงดุจพายุบุแคม เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง
แสงสีทองและไอสีม่วงในตาข่ายส่งเสียงคำรามใส่กันไปมา ทำให้ตาข่ายแสงทั้งผืนสั่นและกะพริบถี่ คล้ายสามารถฉีกขาดได้ทุกเมื่อ
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านล่างทำเป็นเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ แต่ปากกลับท่องคาถา สิบนิ้วดุจกังหันลม จิ้มลงไปในที่ว่างอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่จิ้มลงไป เปลวแสงสีโลหิตบนร่างของเขาจะมอดลงหนึ่งส่วน แต่ตาข่ายแสงบนฟ้ากลับขยายตัวตามหนึ่งช่วง
ผ่านไปสักพัก ตาข่ายยักษ์เหมือนได้เติมพลัง พื้นที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว จนกลายเป็นเมฆสีม่วงอันไร้ขอบเขตผืนหนึ่ง
เมฆผืนนี้ถูกชายฉกรรจ์ทำท่าร่ายอาคมกระตุ้น จนเกิดพายุหมุน ดูดเงาแสงสีทองเต็มท้องฟ้าเข้าไปในคราวเดียว แล้วคืนกลับเป็นดวงแสงสีม่วงหล่นลงด้านล่าง
ชายฉกรรจ์วาดมือข้างเดียว ดวงแสงพลันวาบหล่นลงในมือ แต่หลังจากเขากวาดตามองท้องฟ้า สีหน้าก็เย็นชาทันที
เห็นเพียงที่สูงมีแต่ความว่างเปล่า วานรยักษ์ขนทองสามเศียรหกกรพลันหายไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
ชายฉกรรจ์กลอกตาไปมา ขณะยังไม่ทันเคลื่อนเคลื่อนไหวใดๆ ด้านหลังก็เกิดความแปรปรวน กรงเล็บสีทองอร่ามของอสูรตัวหนึ่งวาบออก
กรงเล็บนี้เพียงสั่นไหว ก็ขยายใหญ่เป็นสิบจั้ง ดุจเนินเขาพุ่งเข้าจับชายฉกรรจ์ เสียงแหวกอากาศดังลั่น เล็บแต่ละเล็บของกรงเล็บยักษ์ดุจมีดยักษ์สีทอง พอมีดยักษ์หลายเล่มฟันลงมาพร้อมกัน ย่อมทำลายทุกสิ่ง
แต่ชายฉกรรจ์กลับแค่นเสียงเย็นชา มือข้างหนึ่งพลันปล่อยเปลวโลหิตออก แล้วพลิกมือคว้าจับกรงเล็บยักษ์สีทองอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ขนาดนิ้วของทั้งสองฝ่ายดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ฝ่ายฝ่ามือพอคว้าจับ นิ้วทั้งห้ากลับขยายใหญ่เป็นร้อยเท่า
เสียงดัง ‘ปัง’
ฝ่ายกรงเล็บยักษ์สีทอง ทันทีที่สัมผัสกับฝ่ามือสีโลหิต ก็รู้สึกถึงพลังมหึมาที่ไม่อาจต้านทานเปล่งออกจากตรงกลาง จึงรีบสั่นและสลายตัวออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะเดียวกัน พอเงาร่างสีทองจางๆ เงาหนึ่งสะเทือน ก็พุ่งกลับไปยังที่ว่าง ซึ่งอันที่จริง มันคืออสูรน้อยสีทองอร่ามทั้งตัว
อสูรน้อยมีขนาดเพียงไม่กี่ศอก แต่ร่างกลับเปล่งพลังปราณอันแข็งแกร่งที่ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในระดับผสานอินทรีย์พึงมีออกมา
ซึ่งก็คืออสูรมิคาทนของหานลี่
อสูรตัวนี้ไม่รู้ว่าถูกหานลี่แอบปล่อยออกมาเมื่อไหร่ มันแฝงตัวเข้าไปใกล้ชายฉกรรจ์แล้วลอบจู่โจม แต่ท่าทางไม่ประสบความสำเร็จจึงถอยออก
และพริบตาที่อสูรน้อยถูกกระแทกกระเด็น ร่างของชายฉกรรจ์เผ่ามารข้างหนึ่งกลับมีแสงสีเงินสว่างวาบ สายรุ้งสีเงินสายหนึ่งดีดตัวออกมาดุจสายฟ้า เพียงแวบเดียว ก็พันร่างทั้งร่างของชายฉกรรจ์ไว้อย่างเหนือความคาดหมาย
พอที่ว่างเกิดความผันผวน วานรยักษ์สามเศียรหกกรจึงวาบออกจากที่เดียวกัน
เมื่อฝ่ายวานรปรากฏตัว แล้วกะพริบสายตาอันเย็นชา อาวุธหกชิ้นก็กลายเป็นแสงสีทองหกสายพุ่งเข้าจู่โจมชายฉกรรจ์ที่ปิดศีรษะและใบหน้า
โดยทั้งสามเศียรอ้าปากพร้อมกัน พ่นเปลวไฟสีเงินออกมาสามกอง พอวาบก็กลายเป็นนกไฟสามตัว กางปีกออก พุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งหมดนี้ ชายฉกรรจ์เผ่ามารกลับหรี่ตาทั้งสองข้างลง ไม่มีวี่แววตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หลังจากเปลวแสงสีโลหิตบนร่างขยายใหญ่ สายรุ้งสีเงินก็ขาดออกทีละน้อย จากนั้นพอฝ่ามือข้างหนึ่งพร่ามัว ท่ามกลางการม้วนตัวของไอดำ หอกยาวสีดำด้ามหนึ่งก็ปรากฏ
ข้อมือสั่นเล็กน้อย หอกยาวพลันแทงไปทางวานรยักษ์
แต่หอกกลับสั่นกลางทาง กลายเป็นหอกมารไร้เทียมทานเก้าด้าม ฉวยโอกาสยิงออกจากมือ
โดยหกด้ามเปลี่ยนทิศไปทางแสงสีทองหกสาย ส่วนอีกสามด้ามพุ่งเข้าแทงเปลวไฟสีเงินสามกอง
เสียง ‘ฟู่ๆ’ ดังติดต่อกัน พอแสงสีทองหกสายกับเปลวไฟสีเงินสามกองถูกจู่โจม ก็สลายหายไป ไม่มีสิ่งใดเหลือรอด
ร่างแปลงวานรยักษ์สามเศียรหกกรของหานลี่หน้าเปลี่ยนสี พลางดีดตัวถอยหลังออก แขนทั้งสองข้างขยับ กั้นไอดำที่ม้วนตัวเข้ามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงดัง ‘ปัง’
เดิมทีที่ว่างด้านหน้าของแขนดูเหมือนว่างเปล่า แต่หลังจากบิดเบี้ยว ก็มีหอกยาวสีดำอีกหนึ่งด้ามพุ่งออกมา พอวาบก็จู่โจมใส่แขนทั้งสองข้าง
ซึ่งแขนทั้งสองข้างของหานลี่มีอักขระสีดำม้วนกลิ้งไปมา แล้วเกราะแขนสีดำก็ปรากฏขึ้นบนแขนทั้งสองข้างอย่างพิลึกพิลั่น แต่พริบตาที่สัมผัสกับหอกดำ ก็สลายหายไปพร้อมกัน
พอวานรยักษ์เห็นดังนี้ ค่อยรู้สึกโล่งอกเล็กๆ อย่างอดไม่ได้
ทว่าชายฉกรรจ์เผ่ามารซึ่งยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ใบหน้ากลับแสดงความรู้สึกแปลกใจขึ้นวาบ ขณะเดียวกันปากก็เปล่งคำว่า กำจัด ออกมาอย่างเย็นยะเยียบ
แสงสีดำวาบขึ้นในที่ที่หอกยาวสีดำหายไป หอกพกขนาดกะทัดรัดยาวเพียงครึ่งศอกด้ามหนึ่งดีดตัวออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง
ภายใต้การบดบังของหอกยาวด้ามก่อน แม้พลังจิตมหึมาของหานลี่ ก็ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของหอกสั้นแต่อย่างใด กระทั่งสีหน้าก็เปลี่ยนไม่ทัน จึงถูกมันแทงแรงๆ เข้าที่แขนเปลือยเปล่าทั้งสองข้าง จึงระเบิดออกทันที
ถึงคราวเสมือนอยู่ภายใต้รัศมีแสงในวันอันดำมืด ซึ่งขยายใหญ่เป็นกว่าพันจั้ง ครอบร่างมหึมาของวานรยักษ์เข้าไป แสงสีทองทั่วทั้งร่างของวานรยักษ์ทันแค่วาบ ก็ถูกแสงสีดำสนิทดุจหมึกกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าวันมารอันดำมืดกลับไม่หยุดเพียงเท่านี้ ท่ามกลางการม้วนกลิ้งของปราณมารดำมืดทั้งตัว มันยังคงขยายใหญ่อย่างรวดเร็วไม่หยุดหย่อน ม้วนทุกสิ่งอย่างรอบๆ เข้ามาจนหมด จากนั้นก็ฉีกและบดขยี้ให้เป็นผง
พอชายฉกรรจ์เผ่ามารเห็นดังนี้ ใบหน้าพลันหลุดอาการได้ใจออกมา ก่อนหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง
ฮาๆ พอหอกแม่ลูกเก้ามารของข้าออกโรง ก็ยังไม่มีใครสามารถหลุดรอดออกไปได้ เจ้ามนุษย์หนุ่ม เจ้าสามารถทำให้ข้าใช้อิทธิฤทธิ์เช่นนี้ได้ นับว่าคู่ควรที่จะภาคภูมิใจแล้ว
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งของชายฉกรรจ์ สุดท้ายวันอันดำมืดก็เริ่มหดตัวและสลายตัว พอกะพริบแรงๆ ไม่กี่ครั้งก็หายวับไป
ชายฉกรรจ์กวาดตามองบริเวณที่วานรยักษ์เคยอยู่อย่างลวกๆ เสียงหัวเราะกลับหยุดกะทันหัน เหมือนถูกบีบคออย่างไรอย่างนั้น ใบหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นเหลือเชื่อ
เป็นไปไม่ได้ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
หลังจากชายฉกรรจ์กลืนน้ำลาย เสียงพูดก็สั่นน้อยๆ ค่อยแหบแห้ง
เห็นเพียงที่ว่างตรงนั้น แสงสีทองกลุ่มหนึ่งลอยอยู่เงียบๆ ไม่ขยับ
ในแสงโทนร้อนสีทองมัวๆ กลับมีวานรยักษ์ตัวหนึ่ง หงส์ห้าสีตัวหนึ่ง และนกยักษ์สีขาวเงินตัวหนึ่ง
สองมือของวานรยักษ์สีทองกดแสงโทนร้อนสีทองไว้ แสงวิญญาณสีทองบางๆ ไหลเข้าไปในแสงโทนร้อนระลอกแล้วระลอกเล่า
หงส์ห้าสีกับนกยักษ์สีขาวเงินแม้ไม่ขยับ แต่หลังจากปล่อยแสงโทนร้อนห้าสีกับประกายไฟสีเงินบนร่างเข้าไปในแสงโทนร้อนสีทอง ม่านแสงป้องกันอีกสองชั้นก็ก่อตัวขึ้นนอกแสงสีทองในพริบตา
แต่ไม่ว่าจะเป็นวานรยักษ์ขนทอง หงส์ห้าสี หรือนกยักษ์ แต่ละตัวกลับไร้ซึ่งแววตา ไม่เห็นความปราดเปรียว
แม้แต่น้อย ราวกับแต่ละตัวเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ตัวแข็งทื่อ
ขณะตื่นตระหนก ชายฉกรรจ์กลับกวาดตามองรอบด้านอย่างรวดเร็ว คล้ายกำลังหาสิ่งของอะไรอยู่ แต่รอบด้านก็ว่างเปล่า ไม่เห็นความผิดปกติอื่นใด
ชายฉกรรจ์แค่นเสียงเย็นชา พลันยกมือ ทำท่าไปยังที่ที่ห่างไกล
เงาดำวาบ สิ่งของสีดำพร่ามัวพลันปรากฏขึ้นข้างกายชายฉกรรจ์ เป็นสิ่งของที่ดำรงอยู่แบบคลุมเครือราวกับผีภูเขาที่ประมือกับร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ แต่หลังจากสัตว์ประหลาดที่มีไอดำทั้งตัวสลายไป ที่สุดแล้วก็ปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
มันคือนกสีดำทั้งตัวหนึ่งตัว เป็นหุ่นเชิดไม้เผาไฟที่สักยันต์สีทองและสีเงินนับไม่ถ้วนไว้บนตัว
หุ่นเชิดตัวนี้หน้าเขียวแยกเขี้ยว แขนขายาวเป็นพิเศษ ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายแสงโลหิตน้อยๆ ดูชั่วร้ายยิ่ง