คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2000 ฤทธิ์เดชแมลง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2000 ฤทธิ์เดชแมลง
สัญลักษณ์หยินหยางที่หดตัวลงเพียงหมุนหนึ่งรอบ พลันกลายเป็นเงาร่างน้ำหนักมากจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งเข้ากดทับหนุ่มหน้อยชุดแดงโลหิต
หนุ่มหน้อยชุดแดงโลหิตเพียงรู้สึกอึดอัดกับอากาศรอบด้าน พลังมหาศาลสุดคณากระหน่ำเข้ามาในทุกทิศทุกทาง ทำให้พายุโลหิตที่ร่ายอาคมกระตุ้นส่งเสียงดังอู้อี้ ก่อนระเบิด สลายหายไป
ภายใต้การหมุนของพลังมหาศาล พลันกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ กำลังจะม้วนหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตกับโครงกระดูกที่อยู่ด้านล่างเข้าไปด้านใน และฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ซึ่งตัวหนุ่มน้อยเองกับร่างโครงกระดูกด้านล่างก็กำลังเครียดอยู่กับที่ ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย
แย่แล้ว สมบัติสวรรค์ทมิฬ!
หนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตพลันหน้าถอดสีพลางอุทานอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบเสกตราประทับสีดำขนาดใหญ่ในมือออกมา
ตราประทับขนาดใหญ่หมุนอย่างรวดเร็ว ขยายขนาดเท่าอาคารสูง แล้วปล่อยแสงสีดำออกมาหมื่นสาย พุ่งเข้าชนสัญลักษณ์หยินหยาง
‘ปัง’ เสียงดังลั่น
สัญลักษณ์หยินหยางแกว่งเล็กน้อย ผิววาบแสง ดีดตราประทับขนาดใหญ่ออก ทำให้มันล้มเหลวกลับไป
หนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตเหมือนไม่ได้คาดหวังว่าการจู่โจมในคราวเดียวจะทำลายเขตต้องห้ามได้ พอคำรามเสียงต่ำ ร่างก็บิดอย่างรวดเร็ว ตัวคนหายเข้าไปในโครงกระดูกสีโลหิตด้านล่าง
จากนั้น โครงกระดูกสีโลหิตสามเศียรพลันอ้าปาก เศียรแต่ละเศียรแบ่งกันพ่นของบางอย่างออกมา มียันต์สีดำแผ่นหนึ่ง หยกสีม่วงชิ้นหนึ่ง และดวงแสงสีโลหิตจำนวนหนึ่ง
พอของสามอย่างปรากฏ ก็ส่งเสียงดังอู้อี้ ก่อนระเบิดพร้อมกัน กลายเป็นปราณมารสีดำกลุ่มหนึ่ง แสงสีโทนม่วงกลุ่มหนึ่ง กับด้ายสีแดงโลหิตเส้นหนึ่ง พุ่งเจาะเข้าไปในร่างโครงกระดูก
ทันใด ผิวของโครงกระดูกสีแดงโลหิตก็ปรากฏลวดลายมารหลากสีสามแบบเต็มไปหมดทั่วร่าง ตามด้วยเสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวด ร่างพลันขยายใหญ่อย่างรวดเร็วราวหนึ่งเท่า พยายามดิ้นให้หลุดจากพลังมหาศาลรอบทิศที่บีบรัดเข้ามา อาวุธอาคมสีดำขมุกขมัวทั้งหกชิ้นในมือพลันฟาดใส่ที่เดียวกัน
แสงสีดำวาบ อาวุธด้ามจับยาวคล้ายง้าวที่โหดเหี้ยมเล่มหนึ่งพลันหลอมเหลวควบแน่น โผล่ออกมา
ดวงตาทั้งหกของโครงกระดูกสีโลหิตวาบแสงสีเขียว เผยให้เห็นแววตาที่ดุร้าย มือใหญ่สีแดงทั้งหกข้างจับด้ามยาวของอาวุธอาคมพร้อมกัน ฟันไปที่สัญลักษณ์หยินหยางกลางอากาศ
แสงดาบสีดำยาวกว่าร้อยจั้งสายหนึ่ง เหมือนฟันท้องฟ้าขาด วาบหายไปบนสัญลักษณ์หยินหยาง
ทำให้สัญลักษณ์หยินหยางชะงัก รอยดำจางๆ พลันปรากฏขึ้นตรงกลาง จากนั้นก็แยกออกจากกันอย่าง
ไร้สุ้มเสียง กลับถูกฟันจนขาดออกเป็นสองชิ้นตรงๆ
โครงกระดูกสีโลหิตเพียงรู้สึกว่าจู่ๆ พลังมหาศาลรอบด้านก็ลดลงไปกว่าครึ่ง แสงโลหิตจึงสว่างขึ้นอย่างลิงโลดทันที และกำลังจะพุ่งหนีขึ้นฟ้า
แต่ในตอนนี้เอง ชายชราผมสีเงินกับภิกษุจินเย่ว์ที่อยู่ไกลออกไปกลับไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมากองหนึ่ง พอหยดลงไปในที่ว่าง ก็กลายเป็นหมอกโลหิตก้อนแล้วก้อนเล่า หายไปในอากาศ
ส่วนสัญลักษณ์หยินหยางสองชิ้นที่ถูกฟันขาดจากแหล่งเดียวกัน ก็เกิดเสียงดังกระหึ่ม ด้านในพลันมีพลังปราณที่ไม่คุ้นเคยหลายสายเพิ่มขึ้นมา ก่อนกะพริบและซ้อนทับเข้าด้วยกัน
แสงสว่างวาบ สัญลักษณ์หยินหยางที่ขาดออก ถูกเชื่อมเข้าด้วยกันใหม่ดังเดิม แล้วหมุนขึ้นอีกครั้ง
ร่างขนาดใหญ่ของโครงกระดูกสีโลหิตเพิ่งกลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตหนึ่งสายพุ่งขึ้นฟ้า สูงกว่าสิบจั้ง ก็เกิดเสียง ‘ปัง’ ดังกึงก้อง ด้วยถูกพลังมหาศาลที่ปรากฏขึ้นใหม่ กดลงไปตรงๆ และถูกมัดอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง
ร่างแยกของเซวี่ยกวงที่ซ่อนตัวอยู่ในโครงกระดูกสีโลหิตเห็นดังนี้ ก็รู้สึกเดือดดาลตามคาด จึงไม่คิดอะไรอีก อาวุธอาคมด้ามยาวในมือดุจติดล้อ พุ่งขึ้นฟ้าทันที แล้วฟันไม่ยั้งอย่างบ้าคลั่ง
เกิดแสงดาบสีดำขมุกขมัวเส้นแล้วเส้นเล่า ราวกับมังกรดำทะยานขึ้นฟ้าตัวแล้วตัวเล่า และสับไม่หยุด กะให้สัญลักษณ์หยินหยางแหลกละเอียด
แต่ไม่ว่าแสงดาบจะคมกริบและเหี้ยมโหดเพียงใด สัญลักษณ์หยินหยางแค่กะพริบแสงโทนร้อน ก็กลับคืนสู่สภาพปกติทันที ทำให้โครงกระดูกสีโลหิตโรมรันพันตูอยู่กับที่ ไม่สามารถไปไหนได้
ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการนี้ ก็คือผู้เฒ่าทั้งสองที่อยู่ ณ จุดเดิม ต้องกระตุ้นพลังแห่งโลหิตบริสุทธิ์ไม่หยุด เพื่อขับเคลื่อนสมบัติวิเศษอย่างสัญลักษณ์หยินหยางสุดชีวิต
ขณะที่ทั้งสองกระอักโลหิตบริสุทธิ์ออกมา เลือดเนื้อบนร่างที่สุดแล้วก็เหี่ยวแห้งลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า อยู่ในสภาพสู้จนชีวิตจะหาไม่
หนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตตื่นตระหนกสุดๆ จึงเปลี่ยนความคิดกะทันหัน กัดฟันทันที แขนทั้งสี่จากหกข้างของโครงกระดูกสีโลหิตพลันระเบิดออกเสียงดังลั่น ขณะกระดูกที่แตกหักถูกหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งม้วนเข้าไป ด้านหลังของโครงกระดูกก็กลายเป็นปีกกระดูกยักษ์สีโลหิตขมุกขมัวคู่หนึ่ง
ส่วนแขนที่เหลืออีกสองข้างของโครงกระดูกต่างก็ทำท่าร่ายอาคมที่แตกต่างกัน พอปีกยักษ์กระพือ ร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนอยู่แต่เดิมก็แกว่งเล็กน้อย แล้วพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนซับซ้อน แต่ล้วนเกิดขึ้นในเสี้ยวเวลาฟ้าแลบเท่านั้น
ทว่าการกระทำเช่นนี้ของโครงกระดูกสีโลหิตช้าไปหน่อยอย่างเห็นได้ชัด!
พอเสียงแหวกอากาศดังมา นกอินทรียักษ์สีทองที่ควบแน่นจากฝูงแมลงกลืนทอง ในที่สุดก็วาบ พุ่งตรงมาถึง และจับส่วนหลังของโครงกระดูกสีโลหิตไว้ได้อย่างเฉียบคม
แย่แล้ว
สามเศียรของโครงกระดูกสีโลหิตสะบัดอย่างแรง พลางร้องเสียงดัง รีบฟันอาวุธอาคมด้ามยาวในมือใส่นกอินทรียักษ์ ขณะที่ปีกยักษ์ด้านหลังก็กระพือแรงๆ สองทีอย่างไม่เสียดายพลังยุทธ์ ทำให้หนีได้เร็วขึ้นกว่าครึ่ง
แต่น่าเสียดาย ร่างในตอนนี้ของมันอยู่ภายใต้การปกคลุมของสัญลักษณ์หยินหยาง แม้ได้กลายเป็นแสงโลหิตกลุ่มหนึ่งที่หนีได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วที่ควรจะเป็น
และพอนกยักษ์สีทองถูกแสงดาบสีดำขมุกขมัวฟันโดน ก็เกิดเสียงดังปัง กลายเป็นดอกไม้สีทองหมื่นดอกกระโจนลงมา
เห็นเพียงจุดแสงสีทองระยิบระยับ หลังจากโครงกระดูกสีโลหิตส่งเสียงร้องโหยหวน ก็จมลงไปในฝูงแมลงกลืนทองกว่าหมื่นตัวทันที
ร่างของมันทุกอณูล้วนเต็มได้ด้วยแมลงปีกแข็งสีทองขนาดเท่ากำปั้นคลานยั้วเยี้ย พลางส่งเสียงกลืนกินดังกรอบแกรบ ทำให้คนรู้สึกสยองพองขนขณะมองจากระยะไกล
โครงกระดูกสีโลหิตแม้เป็นร่างที่บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของเซวี่ยกวงใช้สมบัติวิเศษล้ำค่าแปลงมา เมื่อถูกฝูงแมลงห่อหุ้มไว้ ก็ยังคงกรีดร้องโหยหวนไม่หยุด
ขณะแมลงกลืนทองกว่าหมื่นตัวกลืนกินพร้อมๆ กัน ความเร็วในการกลืนกิน ย่อมสะเทือนขวัญสั่นประสาท
ในระยะเวลาเพียงไม่กี่พริบตา ร่างโครงกระดูกที่แข็งใกล้เคียงกับหินทองคำ ก็น้อยลงไปเสี้ยวหนึ่งจะจะ เห็นๆ กันอยู่ว่าผ่านไปอีกสักพัก ก็ถูกกลืนกินไปจนหมดเกลี้ยงแน่
ชายชราผมสีเงินกับภิกษุจินเย่ว์ที่อยู่ไกลออกไปเห็นดังนี้ พลันยินดีปรีดาขึ้นมา
เป็นแมลงกลืนทองตัวเต็มวัยจริงๆ ด้วย ต้องขอบคุณสหายหานที่สามารถปลุกเสกแมลงดุร้ายเช่นนี้ได้มากมายขนาดนี้ในคราวเดียว ผู้เฒ่าพูดพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
สหายพูดถูก สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใต้เท้ามั่วเจี่ยนหลีมอบให้เพียงครั้งเดียวผืนนี้ ดูๆ ไปก็ใช้ในเวลาที่เหมาะเจาะเหมือนกัน ดีที่คราวก่อนทนไว้ไม่ใช้มัน มิฉะนั้นไหนเลยจะรั้งตัวมารตนนี้ไว้ได้อย่างเหนือคาดหมายเล่า
สีหน้าภิกษุจินเย่ว์ก็ผ่อนคลายลงเพราะดีใจมาก
และตอนนี้ หลังจากร่างของหานลี่กะพริบไม่กี่ครั้ง กลับไปปรากฏอยู่ข้างๆ โครงกระดูกสีโลหิต หลังจากสองมือที่หดอยู่ในแขนเสื้อสั่นน้อยๆ ไม่กี่ครั้ง ก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ อีก
ขณะเดียวกัน หนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างโครงกระดูกสีโลหิต ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความแตกตื่นประหนึ่งมดที่อยู่บนหม้อน้ำเดือดอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นว่าโครงกระดูกสีโลหิตถูกกลืนกินจนหดหายเหลือไม่กี่จั้งในพริบตา ไม่สามารถปกปักรักษาหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตไว้ด้านในอีกต่อไป เขาก็กัดฟันทันที รีบทำท่าร่ายอาคมด้วยมือเดียว
เสียงสะเทือนเลือนลั่นดังมา
หลังจากผิวของร่างโครงกระดูกสีโลหิตพิการกะพริบแสงโลหิตแปลกๆ ถี่ยิบ พลันกลายเป็นรัศมีแสงสีโลหิตกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ไอคลื่นเดือดพล่านม้วนตัวลง ทำให้แมลงกลืนทองกว่าหมื่นตัวตกใจ บินออก
ทว่าในฝูงแมลงกลืนทองเหล่านี้ กลับมีสิบกว่าตัวที่กะพริบแสงสีทองถี่ๆ มองไอคลื่นเหมือนไร้ซึ่งตัวตน ไม่
เพียงไม่ถอย ยังเข้าหาด้วย พอกะพริบวาบ ก็ดุจเกาทัณฑ์หลุดออกจากแหล่ง พุ่งไปยังแผ่นหลังของร่างหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตที่หลุดให้เห็น แล้วอ้าปากกว้างแยกเขี้ยว กัดคำโตๆ ลงไป
ซึ่งก็คือสิบกว่าตัวที่มีสิทธิ์เป็นราชาแมลงกลืนทองของหานลี่
ราชาแมลงเหล่านี้ทุกตัวแทบจะมีฤทธิ์เดชไม่ต่ำกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาตอนปลาย เมื่อครู่ถูกหานลี่ปล่อยออกมาเงียบๆ ให้ปะปนเข้าไปในฝูงแมลง อาศัยลมหายใจที่แทบจะไม่แตกต่างกัน หลบซ่อนจากหูตาของร่างแปลงเซวี่ยกวง และจู่โจมสำเร็จในคราวเดียวได้จริงๆ
และพอหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตรู้สึกเจ็บไปถึงทรวง ก็รู้แล้วว่าตนจะสามารถหนีรอดได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำนี้แล้ว พลันแผดเสียงร้องดัง ไม่สนใจแมลงกลืนทองสิบกว่าตัวที่เกาะอยู่บนหลังอีก กลับกลายร่างเป็นรุ้งที่น่าตื่นตระหนกหนึ่งสาย พุ่งออกไปจากตรงกลาง พอวาบก็หนีออกไปจากขอบเขตครอบคลุมของสัญลักษณ์หยินหยาง
หานลี่จ้องมองอยู่ ใบหน้ากลับไม่มีวี่แววร้อนรนแต่อย่างใด ดวงตาพอกะพริบ ก็ฉายแววพิลึกพิลั่น
ถัดมา ที่ว่างด้านหน้าของสายรุ้งสีโลหิตพลันมีแสงสีทองอ่อนๆ สว่างวาบ เงาอสูรสีทองอ่อนสิบกว่าเงาวาบขึ้นอย่างพิลึกพิลั่น ขณะเดียวกันเงากรงเล็บที่เบียดกันอย่างหนาแน่นก็ระเบิดออกในพริบตา
สิ้นเสียงระเบิด เงาอสูรสิบกว่าเงาสะเทือนและกระเด็นออก พอแสงสว่างแผ่กระจาย ก็กลายร่างใหม่ เป็นสัตว์ประหลาดสีทองอ่อนตัวหนึ่ง ท่าทางไร้เทียมทานอย่างเห็นได้ชัด
และพอได้ยินเสียงร้องดังของสายรุ้งสีโลหิต การวาบแสงหนีของหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตก็หยุดชะงัก
แต่ช่วงจังหวะนี้เอง ฝูงแมลงที่ก่อนหน้านี้ตกใจบินออกไป ก็รีบพุ่งกลับมาตามเสียงผิวปาก แล้วทำการห่อหุ้มร่างของหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตไว้อย่างบริบูรณ์
เสียงร้องโหยหวนดังออกจากปากหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตทันที เขารีบตั้งท่าร่ายอาคม ผิวกายพลันมีพายุโลหิตที่พลุ่งพล่านกับปราณมารสีดำมะเมื่อมเป็นกลุ่มๆ พุ่งออก แล้วม้วนตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงดังหวีดหวิวไม่หยุด
แต่ไม่ว่าจะเป็นอิทธิฤทธิ์แบบใดม้วนตัวอย่างบ้าคลั่งผ่านผิวกายของเขา แมลงกลืนทองที่อยู่กันอย่างหนาแน่นเหล่านั้นก็กัดกินร่างของเขาอยู่อย่างนั้นไม่ปล่อย ดุจหนอนชอนไชลงลึกถึงภายในแล้ว
สงสารก็แต่ร่างแปลงบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ของมารร่างสุดท้ายท่านนี้ แม้ร่างเต็มไปด้วยอาคม ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับแมลงกลืนทองที่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตีรันฟันแทงไม่เข้าเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีสมบัติวิเศษที่จะยับยั้งมันติดตัว แถมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกสมบัติวิเศษจำกัดวิชาที่ใช้หลบหนีอีก จึงไม่มีวิธีต้านทานใดๆ
ครู่เดียว เลือดเนื้อทั้งหมดของหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตก็ถูกกลืนกินจนหมดเกลี้ยง กระทั่งปราณก่อกำเนิดสักเสี้ยวที่อยู่ด้านในก็หนีออกมาไม่ทัน
ตอนนี้ แมลงกลืนทองกว่าหมื่นตัวค่อยกระจายตัวออกพร้อมเสียงดังหึ่งๆ กลายเป็นดอกไม้สีทองนับไม่ถ้วนพุ่งกลับไปยังที่ที่หานลี่อยู่
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ พยายามเก็บแมลงวิญญาณทุกตัวเข้าร่างในทันที จากนั้นก็กวาดตามองไปยัง
ด้านล่างของสัญลักษณ์หยินหยางที่ว่างเปล่า ใบหน้าค่อยแสดงอาการผ่อนคลายลงอย่างแท้จริง
ตอนนี้ แสงแปลงของสัญลักษณ์หยินหยางได้ส่งเสียงดัง ‘ปัง’ พลันกลายเป็นจุดแสงวิญญาณแตกละเอียด
ส่วนผู้เฒ่ากับภิกษุที่ควบคุมสมบัติชิ้นนี้จากระยะไกล กลับอ้าปากพร้อมกัน กระอักโลหิตบริสุทธิ์กองโตออกมาอีกครั้ง เลือดเนื้อบนร่างแห้งและหดตัวลงอีกสองส่วน
แต่หลังจากทั้งสองเห็นหนุ่มน้อยชุดแดงโลหิตถูกฝูงแมลงกลืนกินจนหมดกับตา ก็มีสีหน้าท่าทางดีใจสุดๆ
ฮาๆ ดีมากเลย มารตนนี้ในที่สุดก็ตายจนได้ สหายหาน เผ่ามารตนนั้นก็ตายด้วยน้ำมือเจ้าเช่นกันใช่หรือไม่ แม้แววตาของชายชราผมสีเงินมืดหม่นสุดๆ แต่กลับหัวเราะเสียงดังขึ้นมาก่อนถาม