คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2026 งานประมูลของชนเผ่ามาร
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2026 งานประมูลของชนเผ่ามาร
หานลี่มองนิ่งสักพัก พอเลิกคิ้ว เสียง ‘พรึ่บ’ ก็ดัง เปลวไฟสีเงินดวงหนึ่งโผล่ออกจากปลายนิ้ว ลอยอยู่กลางอากาศ ห่อหุ้มจุดไอสีเขียวเรียวเล็กไว้
แต่ไม่ว่าเปลวไฟสีเงินโหมกระหน่ำเพียงใด ไอสีเขียวก็ยังคงอยู่ที่ปลายนิ้วไม่เปลี่ยนแต่อย่างใด ดูท่าทางเหมือนไร้ความรู้สึก
สีหน้าหานลี่เปลี่ยนเล็กน้อย เขาสะบัดนิ้ว เปลวไฟสีเงินก็หายวับไปในอากาศ ตามด้วยงอแล้วดีดนิ้วออก จุดไอสีเขียวพลันกลายเป็นแสงสีเขียวหนึ่งสายพุ่งออก สุดท้ายก็วาบ ลอดผ่านม่านแสงบนผนัง ราวกับมันอยู่ยงคงกระพัน
หานลี่เห็นดังนี้ มีอึ้งเล็กน้อย
เมื่อครู่เขาแค่อยากสลัดไอสีเขียวไร้ชื่อออกจากร่าง แต่พอใช้อาคมนิดหน่อย ร่างกลับมีพลังอันน่าเกรงขามเช่นนี้
ขณะที่เขารู้สึกทึ่งอยู่บ้าง ที่ว่างตรงหน้าพลันผันผวน เสียงดังแหวกอากาศ แสงสีเขียวกลับวาบออกจากที่ว่างอย่างน่าประหลาด พุ่งตรงมาที่หานลี่
หานลี่ย่อมตกตะลึง แต่การเคลื่อนไหวที่มือกลับไม่รีรอ ฝ่ามือข้างหนึ่งวาบแสงสีทอง จับแสงสีเขียวที่พุ่งเข้ามาใกล้ไว้ได้
ถัดมา สีหน้าเขาก็ยิ่งเหยเก ด้วยนิ้วทั้งห้ากำความว่างเปล่าอยู่
แสงสีเขียวนั่นเพิกเฉยต่อการต่อต้านในร่างกาย หายเข้าไปในฝ่ามือเขาอย่างไร้ซึ่งอุปสรรคขวางกั้น
หานลี่เอะใจ รีบสำรวจในร่างกายดู
และแล้วก็พบว่าจุดไอสีเขียวหยุดอยู่ที่จุดตันเถียนอย่างเจียมตัว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
หานลี่ขมวดคิ้วขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งเกร็งพลังยุทธ์ ปราณแท้ขนาดมหึมาขุมหนึ่งพลันหุ้มไอสีเขียวไว้ ก่อนพุ่งออกนอกร่างอีกครั้ง
ครั้งนี้ พอไอสีเขียวห่างจากร่างไม่กี่ฉื่อ ก็พร่ามัวพุ่งกลับเข้าไปใหม่
พลังปราณแท้ที่ห่อหุ้มไว้ กลับขวางอะไรมันไม่ได้สักนิด!
หานลี่ใจหายวาบ เปล่งแสงสีทองที่ผิวกาย แสงวิญญาณที่ปกป้องร่างกายควบแน่นเป็นม่านแสงสีทองชั้นหนึ่งทันที ขณะเดียวกัน ดวงตาสีน้ำเงินพลันกะพริบวาบ จับจ้องแสงสีเขียวที่กำลังพุ่งเข้ามา
เสียง ‘พรึ่บ’ ดังเบาๆ แสงสีทองปกป้องร่างถูกแสงสีเขียววาบผ่านประหนึ่งมิได้ดำรงอยู่
แล้วจุดไอสีเขียวก็ไปปรากฏอยู่ตรงจุดตันเถียนอย่างน่าพิศวงเหมือนเดิม
เมื่อผลเป็นเช่นนี้ หานลี่ก็ตื่นตระหนกแล้วจริงๆ
ช่วงต่อมา ไม่ว่าเขาใช้วิธีและอิทธิฤทธิ์แบบใดก็ล้วนทำให้ไอสีเขียวออกมาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องกำจัดและแปรธาตุแล้ว
จุดไอสีเขียวนี้เหมือนแน่ใจแล้วว่าต้องใช้ร่างของเขาเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ว่าถูกบีบให้ออกจากร่างไกลเท่าใด หรือใช้เขตต้องห้ามแบบไหนผนึกมันไว้ ก็ล้วนแหวกอากาศหายไปได้ตรงๆ แล้วกลับเข้าร่างเขาใหม่ในทันที
ราวกับกาฝากที่กระดูกอย่างไรอย่างนั้น!
ตอนที่หานลี่ใช้ของวิเศษอย่างหม้อคำพูดสีม่วง ก็ไม่สามารถกักจุดไอสีเขียวพิลึกพิลั่นนี้ไว้ได้เช่นเดียวกัน สีหน้าของเขาจึงดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง!
แม้เขาในตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าจุดไอสีเขียวนี้เป็นอันตรายเช่นไรต่อร่างกาย แต่จะยอมให้สิ่งแปลกปลอมนี้อยู่ในร่างกายได้อย่างไรเล่า
ของสิ่งนี้สามารถพุ่งกลับมาที่จุดเดิมได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะหลบเลี่ยงอย่างไร ก็สลัดไม่หลุด ดูไปแล้วมันน่าจะระบุเป้าไว้ที่ความทรงจำระดับจิตวิญญาณถึงจะถูก ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็มีแต่ต้องลองวิธีสุดท้ายแล้ว
หานลี่ขบคิดอย่างเคร่งเครียด แล้วสองมือก็ทำท่า พลางท่องคาถา
ขณะเสียงท่องคาถาดัง เทวรูปสามเศียรหกกรที่ปรากฏอยู่ด้านหลังแต่เดิม ก็เปล่งแสงสีทอง เปลี่ยนเป็นดำรงอยู่เสมือนมีตัวตน ลอยออกมากลางอากาศ
หานลี่ตะโกนเสียงต่ำออกมา ก่อนฟาดฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนกบาลอย่างรวดเร็วดุจฟ้าแลบ
เสียงทึบตันดัง แสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งออก พอวาบก็หายเข้าไปในร่างสีทอง
ในแสงสีดำ คลับคล้ายมีร่างทารกตัวดำสนิททั้งตัวอยู่หนึ่งร่าง ซึ่งก็คือ ทารกมารที่สองของหานลี่
และตอนนี้ นิ้วหนึ่งของเขาก็จิ้มไปทางร่างสีทองกลางอากาศ แล้วจึงกระตุ้นปราณแท้ในร่าง
แสงสีเขียวตอบสนองด้วยการพุ่งออกอีก และพอวาบก็หายเข้าไปในร่างสีทอง เข้าไปในร่างทารกมารที่สอง แล้วอยู่นิ่งๆ ตรงจุดตันเถียนเช่นเดียวกัน
ครั้งนี้ จุดไอสีเขียวหยุดนิ่งตรงนั้นอย่างเจียมตัว ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาในร่างของหานลี่อีกแต่อย่างใด
พอเห็นดังนี้ หานลี่ค่อยถอนหายใจยาวๆ ออกมา สีหน้าผ่อนคลายลงบ้างในที่สุด
แต่เขาก็ยังไม่รามือ ด้านล่าง นิ้วทั้งสิบดีดเคล็ดวิชาเข้าไปในร่างสีทองเป็นสายอย่างต่อเนื่อง
ทารกมารที่แนบไว้ในร่างสีทองเหมือนนั่งขัดสมาธิเงียบๆ ไม่ขยับ แต่ไอมารที่อยู่ภายในกลับคุกรุ่น กลายเป็นยันต์สีดำออกมาเป็นสาย พุ่งเข้าห่อจุดไอสีเขียวไว้ ก่อนควบแน่นเป็นลูกใสสีดำลูกหนึ่ง ผนึกมันไว้ด้านใน
จากนั้นร่างสีทองก็แตกสลายหายไปในอากาศ ทารกมารที่สองปรากฏออกมาแทน
สีหน้าทารกมารสงบนิ่ง สองมือประกบเข้าแล้วแยกออก ลูกใสสีดำโผล่ขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ถูกมันประคองไว้ในมือ
แล้วมันก็กระโดดลง กลายเป็นแสงสีดำกลุ่มหนึ่งหายเข้าไปในร่างของหานลี่
หานลี่ตรวจสภาพร่างกายทารกมารที่สองคร่าวๆ พอพบว่าทุกอย่างปกติดี จึงค่อยวางใจลงได้จริงๆ
แม้ไม่สามารถขับไอสีเขียวออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ภายใต้การควบคุมของทารกมารที่สองของตนเองน่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรมาก ขอเพียงภายหลังพบวิธีกำจัดหรือแปรสภาพมัน ก็สามารถแก้ไขได้ในคราวเดียว
ทว่าช่วงนี้ เขาไม่สามารถใช้งานทารกมารได้ตามอำเภอใจแล้ว เป็นการป้องกันไม่ให้ไอสีเขียวเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
หานลี่เปลี่ยนความคิด
พอกะพริบตา สายตาก็ไปตกอยู่ที่กลุ่มแสงซึ่งถูกอักขระสีทองกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มไว้อีกครั้ง
ชิ้นส่วนที่เขาดูดพลังไปเมื่อครู่ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของกลุ่มแสงทั้งลูกด้วยซ้ำ แต่ปราณแท้กลับเพิ่มขึ้นแบบผู้ซึ่งหมั่นบำเพ็ญเพียรมาแล้วเจ็ดแปดปี ถ้าถ่ายแปลงกลุ่มแสงทั้งลูกไปเป็นพลังปราณแท้ทั้งหมด จะสามารถประหยัดเวลาบำเพ็ญเพียรได้ร้อยกว่าปี
ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้ เขาย่อมไม่สามารถปล่อยปละละเลย
หานลี่ครุ่นคิดสักพัก ก็สะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองกลุ่มหนึ่งพุ่งออก กลับเป็นขวดโบราณคอสูงสีทองอร่ามขวดหนึ่ง
พอคว่ำขวดลง ปากขวดก็พ่นแสงโทนร้อนห้าสีกลุ่มหนึ่งออกมา ดูดแสงสีเทาขาวกลุ่มนั้นเข้าไป
สุดท้าย พอขวดขยับ ก็พุ่งเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่ ถูกเก็บไว้อย่างระมัดระวัง
เขามีแผนในใจแล้ว แม้ที่มาที่ไปของลูกปัดผลึกชิ้นนี้ประหลาดยิ่ง แต่ต่อไปเขาต้องเพิ่มการค้นหาในแดนมารให้มากขึ้น ถ้าพบในจำนวนที่มากพอ และสามารถแก้ไขผลที่ตามมาของไอประหลาดสีเขียวนั่นได้ ก็ไม่แน่ว่าอาจบรรลุขั้นบำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าเป็นไปตามนี้ ย่อมเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่แล้ว
หานลี่ครุ่นคิดอย่างตื่นเต้น แล้วจึงยกมือขึ้น กลับหยิบลูกปัดผลึกที่เปล่งแสงสีเทาขาวเม็ดนั้นขึ้นมาใหม่ หลังจากใช้จิตสัมผัสสำรวจดูด้านใน ก็พบว่าว่างเปล่า พลังงานประหลาดนั่นรั่วไหลออกมาหมดแล้ว
ลังเลอยู่สักพัก เขาก็ยังคงนำลูกปัดผลึกและโลหะประหลาดสองชิ้นที่แยกออกจากกัน ใส่ลงไปด้วยกันในสร้อยข้อมือเก็บของ
ด้วยอาจมีโอกาสเจอแหล่งกำเนิดของกลุ่มแสงสีเทาขาวจากของเหล่านี้
ทว่ากลุ่มแสงสีเทาขาวแม้มีผลพลิกฟ้าดินโดยตรงต่อระดับบำเพ็ญเพียรเมื่อถ่ายแปลงเป็นปราณแท้ แต่ผู้ที่เหมาะกับการใช้มันอย่างแท้จริง คาดว่านอกจากต้องฝึกวิทยายุทธ์โดยเฉพาะ อย่างวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์คล้ายหานลี่แล้ว คนอื่นๆ ถึงได้มันไป ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
วิทยายุทธ์อื่นๆ ที่สามารถถ่ายแปลงพลังฟ้าดินของวิญญาณมารสองชนิด ทั่วทั้งแดนมารอาจมี แต่ก็น้อยเต็มทีแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ฝึกวิชาประหลาดเหล่านี้ ที่เป็นแบบหานลี่ มีอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณ ค้นพบการมีอยู่ของลูกปัดผลึก และบังเอิญมีวาสนาสัมผัสถึงพลังเหนี่ยวนำที่ลึกลับสายหนึ่ง ซึ่งเหนี่ยวนำไปถึงพลังในลูกปัดผลึกขุมนั้น
หานลี่พึงพอใจกับการเก็บเกี่ยวในวันนี้มาก หลังจากตรวจตราทุกอย่างเสร็จก็กลับไปที่เดิม เริ่มหลับตา นั่งสมาธิ เติมพลังเข้าร่าง
เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะดูร้านรวงทุกร้านของเมืองเซวี่ยยาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
หนึ่ง ดูเผื่อเก็บเกี่ยวในด้านอื่นๆ ได้อีก สอง ดูเผื่อเจอลูกปัดผลึกเช่นนี้ในโลหะประหลาดอื่นๆ อีก
คืนนี้เป็นคืนที่ดีคืนหนึ่ง!
รุ่งขึ้น หานลี่ก็ก้าวออกจากที่พักด้วยท่าทีสงบนิ่ง แล้วเริ่มเดินลัดเลาะไปตามถนนหนทางในเมืองเซวี่ยยา ค่อยๆ สำรวจดูร้านค้าแต่ละร้าน
เมืองเซวี่ยยา แม้ไม่สามารถเทียบได้กับเมืองในความหมายทั่วไปของมนุษย์ แต่ก็มีร้านค้ามากมายถึงหลายพันร้าน โดยในเวลาสองวันเต็มๆ เขาเดินดูรอบเดียว ยังได้แค่เศษเสี้ยวของจำนวนร้านค้าทั้งหมด
ซึ่งก็ได้สิ่งที่เหนือความคาดหมายมาไม่น้อย และพบโลหะประหลาดจำนวนหนึ่ง แต่ลูกปัดผลึกที่คล้ายคลึงกัน และพลังประหลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้น สักนิดก็ไม่มี
ถ้าในโลหะประหลาดอื่นๆ ที่พบ ไม่มีลูกปัดผลึกเม็ดที่สองอีก ก็ไม่รู้แล้วว่าลูกปัดผลึกเม็ดนั้นปรากฏอยู่ในโลหะประหลาดได้อย่างไร
แต่หานลี่ก็ไม่มีทีท่าท้อแท้กับการนี้!
อย่างไรของชนิดที่สามารถเพิ่มปราณแท้ ยกระดับขั้นบำเพ็ญเพียรได้โดยตรง แต่ไหนแต่ไรมาก็ต้องทั้งเก่งและเฮงจึงจะได้มา
ในทางกลับกัน ถ้าเขาหาได้จากในเมืองเป็นจำนวนมากอย่างง่ายดาย อาจทำให้เขาบ่นกับตัวเองในใจได้
ทว่าข้อมูลเกี่ยวกับงานประมูลที่จะจัดขึ้นในเมืองเร็วๆ นี้ หานลี่กลับหาได้อย่างง่ายดาย
งานประมูลในครั้งนี้ เป็นงานที่เมืองเซวี่ยยาจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ ครึ่งปี โดยทุกครั้ง ที่นี่ล้วนมีมารระดับสูงมาพักหรือผ่านทางมามากมาย นำของหายากมากมายมาบวกราคาประมูลขาย ซึ่งก็เคยมีสมบัติล้ำค่าปรากฏให้เห็นไม่น้อยอยู่เช่นกัน
โดยเฉพาะบางคนเก็บเกี่ยวจากทุ่งหญ้าได้มาก ก็จะนำวัตถุดิบอสูรมารที่ไม่ได้ใช้งาน มาประมูลขายกันตรงๆ ในเมืองเซวี่ยยา แลกกับยาวิเศษและอาวุธอาคมที่ต้องการใช้ แล้วเข้าไปล่าอสูรมารในทุ่งหญ้าต่อ เช่นนี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก
แต่งานประมูลในครั้งนี้ เนื่องจากคลื่นอสูรปะทุขึ้นอย่างไม่คาดคิด มารชั้นสูงที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองจึงมีมากกว่าปกติ ทำให้งานประมูลในครั้งนี้ ไม่ว่าด้านคุณภาพหรือปริมาณ ก็ล้วนมีมากกว่างานประมูลในครั้งก่อนๆ มาก
ว่ากันว่า มีกระทั่งอาวุธอาคมสะท้านฟ้า วัตถุดิบกับของวิเศษไม่กี่ชนิดที่เห็นกันแต่ในข่าวลือปรากฏอยู่หลายชิ้น
หานลี่ย่อมสนใจงานนี้ค่อนข้างมาก จึงเตรียมเข้าร่วมการประมูลให้ตรงเวลา
เขามาเพื่อ หนึ่งอยากจะดูๆ ว่าในงานมีของที่ตนต้องการหรือไม่ สอง เตรียมนำอาวุธอาคมในมือหลายชิ้นที่ไม่ได้ใช้งานมาประมูลขาย แลกกับศิลามารจำนวนหนึ่ง
แม้ศิลามารเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับพื้นฐานการฝึกฝนของเขา แต่เมื่อคิดจะอยู่ในแดนมารนานมากกว่าสิบปี กระทั่งหลายสิบปี การแลกมาไว้จำนวนหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่จำเป็น
งานประมูลกำหนดจัดหลังจากที่เขารู้ข่าวสามวัน ดังนั้นขณะที่เขากำลังดูโน่นนี่นั่นตามร้านรวงต่างๆ
ในเมือง งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้นตรงตามเวลา
สถานที่จัดงานก็คือ มุมหนึ่งในตำหนักอันกว้างใหญ่หลังหนึ่งของเมืองเซวี่ยยา
หลังจากหานลี่สวมผ้าคลุมติดหมวกปิดบังใบหน้า และลดพลังปราณบนร่างลงเล็กน้อย ก็มอบศิลามารสองสามก้อนตามแต่สะดวกให้ทหารมารรักษาการณ์หน้าประตู แล้วจึงเดินตามมารจำนวนมากเข้าไปในงานประมูล
สถานที่จัดงานทั้งหมดเป็นรูปวงกลม แบ่งเป็นขั้นบันไดจากบนลงล่างแบบรูปกรวย เห็นชัดว่ามีลักษณะดิบหยาบสุดๆ!
ในงาน นอกจากม้านั่งหินสีเขียวทรงกลมที่ตั้งไว้เป็นจุดๆ แล้วก็มีเพียงแท่นหินสี่เหลี่ยมสีดำตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนผนังทั้งสี่ด้านสลักสัญลักษณ์สัตว์ประหลาดที่เรียกชื่อไม่ถูกจำนวนหนึ่ง
แม้สถานที่ดูๆ ไปไม่เล็ก แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็ถูกมารชั้นสูงที่เบียดเสียดกันเข้ามายึดครองจนแน่นขนัด ท่าทางมีมากถึงสามสี่พันตนเห็นจะได้
มารชั้นสูงที่มาถึงเหล่านี้ มีไม่น้อยสวมเสื้อคลุมติดหมวกแบบหานลี่ หรือไม่ก็ใช้ไอมารปิดบังใบหน้าโดยตรง
ทำให้หานลี่ยังคงไม่เป็นจุดสนใจแต่อย่างใด เมื่อยืนอยู่ในหมู่พวกเขา
ผ่านไปอีกสักพัก พอทั่วทั้งงานแทบจะไม่มีที่ว่างสักที่ เสียงกระแอมไอเบาๆ ก็ดังมา
ประตูเล็กๆ ตรงโถงด้านล่างถูกผลักออก เงาคนคนหนึ่งก้าวออกจากด้านใน ค่อยๆ เดินไปยังแท่นหินสี่เหลี่ยมตรงกลาง
สถานที่ที่มีเสียงดังเซ็งแซ่อยู่แต่เดิม พลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบขึ้นมา!