คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2056 อสูรมาร
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2056 อสูรมาร
หานลี่ องค์เทพมังกรไม้และพวกอีกสองคนลอยอยู่เหนือทะเลสาบหินหลอมเหลวเป็นสามเหลี่ยม พลางกวาดจิตสัมผัสไปในหินหลอมเหลวอย่างเงียบๆ
รู้สึกเพียงว่าในหินหลอมเหลวมีระลอกคลื่นกั้นอยู่รางๆ จิตสัมผัสแทรกเข้าไปในหินหลอมเหลวได้ไม่ถึงร้อยจั้งเศษ ก็ไม่อาจแทรกเข้าไปได้อีก
นี้เป็นผลจากที่จิตสัมผัสของหานลี่แข็งแกร่งกว่าองค์เทพมังกรไม้และพวก หากเปลี่ยนเป็นจอมมารเหล่านี้ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ แทรกเข้าไปได้สามสิบสี่สิบจั้งได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ห่างออกไปร้อยจั้งเศษ หานลี่พบแค่เพียงส่วนลึกของหินหลอมเหลวมีเงาสีดำขนาดยักษ์หมอบอยู่รางๆ แต่เป็นเพราะในหินหลอมเหลวมีระลอกคลื่นกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง แต่กลับไม่อาจมองเห็นทุกอย่างได้ และไม่รู้ว่าเงาสีดำนี้คือเป้าหมายอสูรมาระดับจอมมารขั้นปลายหรือไม่
แม้ว่าเงาสีดำยักษ์จะไม่ขยับเขยื้อนราวกับสิ่งที่ตายไปแล้วแต่หานลี่ยังคงระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก มองการกระทำของเขาอย่างเย็นชา
และยามที่ไป๋อวิ๋นซินและพวกวางเขตอาคม บรรพชนตระกูลไป๋ทั้งสองคนก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ
ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองสำแดงกระจกโบราณออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ และพลิ้วไหวกลายเป็นเงากระจกที่ไม่สมบูรณ์ร้อยกว่าบาน เรียงตัวเหนือหินหลอมเหลวเต็มไปหมด พลางเปล่งแสงมารสีดำออกมาเรืองๆ
ชายร่างใหญ่ขยับริมฝีปากอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าเมื่อพลังปราณกว่าครึ่งถูกกดเอาไว้ ก็สำแดงเคล็ดวิชานี้ออกมาได้ไม่ดีนัก
หญิงสาวผมสีม่วงกลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม บนร่างมีเกราะมารสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันอีกมือหนึ่งก็ตะปบออกไปกลางอากาศ ง้าวยาวสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือ
ใบมีดนี้แค่พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะมีเงาลวงตาพยัคฆ์เขาเดียวสีดำสนิทปรากฏขึ้นรางๆ มันร้องคำรามอยู่ในฝ่ามือของสตรีผู้นี้ไม่หยุดราวกับว่าจะคลุ้มคลั่งออกมาทำร้ายผู้คนได้ตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ไป๋อวิ๋นซินและพวกก็วางเขตอาคมสำเร็จ ชั่วพริบตานั้นไอสีดำก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ทะเลสาบหินหลอมเหลว กลิ่นอายแห่งการสังหารแผ่ออกมาจากในท้อง มีลำแสงเย็นเยียบปรากฏขึ้นด้านในรางๆ ราวกับว่าใบมีดแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนซ่อนเร้นอยู่ก็ไม่ปาน
ส่วนศิษย์ระดับหลอมสุญตาของตระกูลไป๋หกคน ก็ซ่อนตัวอยู่ในไอสีดำ ควบคุมเขตอาคมทั้งเขตอยู่เงียบๆ
สหายมังกรไม้ เตรียมเขตอาคมเสร็จแล้ว เจ้าลงมือบีบให้อสูรตัวนี้ออกมาจากหินหลอมเหลวเถิด ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถ่ายทอดเสียงไปหาองค์เทพมังกรไม้
องค์เทพมังกรไม้ได้ยินคำนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา ทันใดนั้นก็ร้องตะโกน นิ้วหนึ่งชี้ไปที่กลางอากาศสีน้ำเงิน
บาตรนี้สั่นเทาทันที ขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นจันทร์ทรงกลมสีน้ำเงิน ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงไพเราะดังขึ้น พ่นเสาลำแสงสีน้ำเงินความหนาเท่าปากชามออกมาพุ่งไปหาหินหลอมเหลวด้านล่างอย่างรุนแรง
เสานี้ดูเหมือนกวนอยู่ในทะเลสาบหินหลอมเหลวราวกับกระบองยักษ์ก็ไม่ปาน!
พริบตานั้นผิวของทะเลสาบสีแดงก็มีไอเพลิงหมุนวน ระลอกคลื่นหินหลอมเหลวยักษ์ม้วนวนเป็นชั้นๆ
ครู่ต่อมาในหินหลอมเหลวก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดังออกมา หลังจากที่หินหลอมเหลวแยกออกเป็นซ้ายและขวา คาดไม่ถึงว่าจะพ่นไอสีเขียวออกมาสายหนึ่ง เมื่อปะทะกับเสาลำแสงสีน้ำเงิน คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานเสาลำแสงเอาไว้เหนือผิวทะเลสาบ
องค์เทพมังกรไม้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมาจากเรือนร่าง ในเวลาเดียวกันปลายนิ้วก็ร่ายไปทางบาตรทรงกลมสีน้ำเงินอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีดำสิบกว่าสายพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ในจันทร์ทรงกลมมีเสียงไพเราะก้องกังวานดังขึ้น ผิวมีอักขระยันต์สีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา พ่นลำแสงสีน้ำเงินที่หนากว่าเมื่อครู่หลายเท่าออกมา เพิ่มอานุภาพจนสามารถกดลงมาได้ ไอสีเขียวที่พ่นออกมาจากหินหลอมเหลวไม่ทันได้ตั้งตัว คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
เสาลำแสงสีน้ำเงินจมหายเข้าไปในส่วนลึกของหินหลอมเหลวอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง
เสียงอึกทึก ปังๆ ดังสนั่นขึ้น!
ทะเลสาบทั้งหมดสั่นเทา ดูเหมือนการโจมตีเมื่อครู่จะอยู่นอกเหนือความคาดหมาย คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนอสูรมารที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบจริงๆ
เป็นอย่างไรบ้าง ครั้งนี้รู้สึกแย่สินะ องค์เทพมังกรไม้เอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระตุ้นบาตรทรงกลมสีน้ำเงินให้ทำการโจมตีมากกว่าเดิม
แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นถ้ำทั้งถ้ำก็สั่นเทาอย่างรุนแรง จากนั้นเปลวเพลิงของทะเลสาบหินหลอมเหลวพลันม้วนวน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคลื่นเพลิงสีแดงสด หมุนวนไปทางองค์เทพมังกรไม้ แม้แต่หานลี่และหันฉีจื่อที่อยู่ใกล้เคียงก็อยู่ในอาณาเขตการโจมตีนี้ของเพลิงนี้
หานลี่แววตาเปล่งประกายสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดอกบัวห้าสีใต้ฝ่าเท้าพลันหมุนวน ม่านลำแสงห้าสีที่แผ่ไอเย็นเยียบปรากฏขึ้นรอบกาย ต้านทานเปลวเพลิงเหล่านั้นเอาไว้ด้านนอกได้อย่างง่ายดาย
หันฉีจื่อที่อยู่ด้านข้างทำอันใดไม่ถูกเช่นกัน ลำแสงเย็นเยียบสิบสองกลุ่มที่โคจรอยู่รอบด้านแค่ขยายใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นลำแสงเย็นเยียบปกป้องเขาเอาไว้
กลับเป็นองค์เทพมังกรไม้ที่ลงมือก่อน คาดไม่ถึงว่าจะมีเสียงตะโกนทุ้มต่ำด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากคลื่นเพลิง ระหว่างนั้นร่างกายพลันถูกพลังมหาศาลไร้รูปร่างโจมตีจนกระเด็นออกไป กระแทกเข้าไปกับกำแพงหินสูงใหญ่ด้านข้างทะเลสาบหินหลอมเหลว จนเป็นหลุมลึกไปสองสามฉื่อ เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นออกมา
กลางอากาศที่องค์เทพมังกรไม้อยู่แต่เดิม พลันมีกรงเล็บอสูรขนาดสองสามจั้งถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีเขียวปรากฏขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังโจมตีองค์เทพมังกรไม้จนกระเด็นลอยไป
องค์เทพมังกรไม้ที่ร่างกายอยู่ในกำแพงหิน แม้ว่าเสื้อผ้าบนเรือนร่างจะขาดรุ่ย แต่เรือนร่างกลับมีเกราะสงครามสีดำสนิทปรากฏขึ้น ต้านทานการโจมตีที่รุนแรงได้กว่าครึ่ง นอกจากท่าทีจนตรอกแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เช่นนี้จอมมารผู้มีร่างกายอ้วนกลมผู้นี้ก็มีสีหน้าแดงก่ำราวกับโลหิต จิตสังหารปรากฏขึ้น แขนสองข้างดิ้นรนเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นกำแพงหินรอบด้านพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชั่วพริบตาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นอิสระ
จากนั้นเขาก็สาปแช่งด้วยความอับอาย มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ ใบมีดประหลาดด้ามยาวที่ดูเหมือนมีดสองคมฉากแฉกก็ปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นไอสีดำรอบกายก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง สองมือจับด้ามยาวของใบมีดประหลาดพร้อมกันแล้วสับลงไปทางกรงเล็บยักษ์เปลวเพลิงสีเขียวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
มีดลำแสงสีเหลืองพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบ ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เมื่อมาอยู่ตรงหน้ากรงเล็บอสูร ก็ม้วนวนมาอย่างรุนแรง
กรงเล็บอสูรข้างนั้นดูเหมือนจะใหญ่มาก แต่กลับคล่องแคล่วว่องไวกว่าปกติ พริบตาที่รางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปกลางอากาศ
ใบมีดลำแสงสีเหลืองม้วนวนออกมา แต่กลับสับไปกลางอากาศ
ไม่ใช่แค่นั้นผิวของทะเลสาบหินหลอมเหลวด้านล่างพลันมีระลอกคลื่นหมุนวน สิ่งมหึมาที่มีเปลวเพลิงมารสีเขียวห่อหุ้มเรือนร่างพลันพุ่งออกมาจากหินหลอมเหลว มีขนาดประมาณยี่สิบจั้งเศษ ปากก็ส่งเสียงร้องคำรามทุ้มต่ำราวกับโคกระบือดังออกมา
หานลี่และหันฉีจื่อที่อยู่ใกล้เคียงแทบจะถอยร่นไปด้านหนึ่งพร้อมกัน แต่สองมือพลันถูกันไปมาแล้วชูขึ้น เส้นไหมลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออก ลำแสงเย็นเยียบสิบสองดวงหมุนวนอยู่ ส่งเสียงอึกทึกดังขึ้นแล้วโจมตีไปที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างมืดฟ้ามัวดิน เมื่อบินออกมาได้ก็มีวงแหวนน้ำแข็งสีขาวปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ท่าทางเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบ
แต่อสูรมารที่อยู่ในเปลวเพลิงสีเขียวกลับแค่สะบัดศีรษะอันใหญ่โต ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีเขียวบนเรือนร่างพลันกลายเป็นม่านลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่ง ไม่ว่าเส้นไหมลำแสงสีเทาของหานลี่หรือว่าวงแหวนน้ำแข็ง เมื่อสัมผัสกันคาดไม่ถึงว่าจะละลายสลายหายไปราวกับพบกับดาวมฤตยู
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันใจหายวาบไปเล็กน้อย
ต้องเข้าใจว่าลำแสงเทวะดูดปราณของเขามีพลังในการควบคุมพลังธาตุทั้งห้า คาดไม่ถึงว่าจะถูกเปลวเพลิงมารสีเขียวกำจัดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายจริงๆ
ทว่าหันฉีจื่อจะปล่อยลำแสงเย็นเยียบสองกลุ่มออกมาแต่กลับดูเหมือนว่าจะมีอานุภาพแปลกประหลาดอันใดสักอย่าง ถูกเปลวเพลิงสีเขียวม้วนวนเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าลำแสงสีขาวจะเปล่งแสงสว่างวาบฉีกเปลวเพลิงสีเขียวออก แล้วทุบไปที่ร่างของอสูรมารที่อยู่ด้านใน
แต่อสูรมารตัวนั้นแค่ส่งเสียงหึๆ ฉับพลันนั้นก็พ่นไอสีดำสองสายออกมา และเมื่อปะทะกับลำแสงเย็นเยียบ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้พวกมันกลายเป็นธงผลึกสองด้ามดังเดิม แล้วร่อนลงจากที่สูง
แววตาของหันฉีจื่อฉายแววตกตะลึง แต่ทันใดนั้นสองมือก็ตะปบไปกลางอากาศด้านล่าง ชั่วขณะนั้นธงผลึกสองด้ามที่ร่อนลงมาก็สั่นเทากลายเป็นลำแสงสีขาวสองสายพุ่งกลับมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้ร่องรอย
ยามนี้อสูรมารที่อยู่ในเปลวเพลิงสีเขียวพลันร้องคำรามประหลาดๆ ออกมา อุณหภูมิทั้งถ้ำสูงขึ้นหลายเท่า ลูกเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นรอบกายของเขา หมายจะโจมตีไปที่กลุ่มคน
แต่ในยามนี้ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและหญิงสาวผมสีม่วงที่อยู่สูงขึ้นไปพลันลงมืออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ชายร่างใหญ่พลันบริกรรมคาถา มือชี้ไปที่เงาที่ไม่สมบูรณ์แบบของกระจกโบราณทั่วท้องฟ้า ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาทั้งหมดก็ส่งเสียงฟ้าคำรามออกมา ในเวลาเดียวกันก็พ่นสายฟ้าสีดำออกมา ตัดสลับกันไปมากลายเป็นตาข่ายสายฟ้าสีดำแล้วร่อนลงมา
หญิงสาวผมสีม่วงมีสีหน้าไร้ความรู้สึกแค่แทงง้าวยาวสีดำในมือไปด้านล่าง ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาพยัคฆ์สีดำที่เดิมปรากฏขึ้นบนใบมีดรางๆ พลันระเบิดเสียงคำรามด้วยความตกตะลึงออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งกระโจนลงมา
ทุกแห่งที่ลำแสงสีดำกวาดผ่านไป อากาศพลันบิดเบี้ยว แค่กะพริบวาบแล้วปรากฏขึ้นเหนืออสูรมาร ลูกเพลิงเหล่านั้นไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
แต่อสูรมารที่อยู่ด้านล่างกลับแค่ร่างกายสั่นเทา เปลวเพลิงสีเขียวบนเรือนร่างขยายใหญ่ขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นงูเหลือมเพลิงสีเขียว เมื่อกระโดดสูงขึ้นไปก็พันรัดเงาลวงตาของพยัคฆ์มารไว้ทันที
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นแค่ภาพลวงตาจากไอมารเท่านั้น แต่เมื่อกระโจนไปต่อสู้กัน ก็ส่งเสียงซือๆ ออกมาไม่หยุด ราวกับว่าเป็นอสูรมารโหดเหี้ยมสองตัวที่กำลังฉีกทึ้งกันไม่หยุด
ส่วนตาข่ายสายฟ้าสีดำนั้น ภายใต้การกระตุ้นของอสูรมารกลางอากาศพลันมีลูกเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นแล้วพุ่งออกไปกลางอากาศราวกับห่าฝน ท่ามกลางลำแสงสีดำที่ปริแตกออกจำนวนนับไม่ถ้วน คาดไม่ถึงว่าจะรองตาข่ายสายฟ้าเอาไว้กลางอากาศ จนไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด
อสูรมารตัวนี้คู่ควรกับที่เป็นจอมมารระดับสูง คาดไม่ถึงว่ายามนั้นจะใช้พลังของมันต้านทานชายร่างใหญ่และพวกจอมมารสองสามตนเอาไว้ได้โดยไม่ตกเป็นรอง
แต่ช่วงเวลาที่ล่าช้าร่างขององค์เทพมังกรไม้พลันพลิ้วไหว รางเลือนแล้วปรากฏขึ้นเหนืออสูรมารสีหน้าโหดเหี้ยม ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็ตบไปที่ท้อง หลังจากเสียงตึงดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะพ่นสมบัติออกมาจากท้อง
สมบัติชิ้นนี้มีขนาดแค่สองสามชุ่น ราวกับกลองใบเล็กๆ ใบหนึ่ง แต่เป็นสีแดงโลหิต ผิวมีอักขระยันต์ราวกับบุปผาหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
องค์เทพมังกรไม้ใช้มือหนึ่งตีไปที่กลองเบาๆ ช่างเงียบเชียบ แต่ชั่วพริบตานั้นกลางอากาศในบริเวณรอบพลันมีพายุเย็นเยียบกรีดร้องออกมา บุปผาหิมะสีแดงสดทยอยกันผนึกรวมตัวกัน ร่อนลงมาด้านล่างอย่างมืดฟ้ามัวดิน