คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2066 สกัดกั้น
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2066 สกัดกั้น
เรื่องนี้พี่หล่งโปรดวางใจ ขอแค่ตระกูลจ้าวไม่มีจอมมารนั่งบัญชาการ พวกเราย่อมไม่จำเป็นต้องเปิดโปงฐานะระดับผสานอินทรีย์ แค่ชิงกิ้งก่ามารก็จากไป ไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่จำเป็นแน่ สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวฉีกยิ้มเบิกบานแล้วตอบกลับอย่างมั่นใจเต็มสิบ
หานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกย่อมไม่มีความเห็นอื่น
บรรพชนตระกูลหล่งเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า
ดังนั้นเวลาต่อจากนี้กลุ่มคนและพวกก็เริ่มปรึกษารายละเอียดการลงมือ และยืนยันแผนการทุกขั้นตอน
สองสามชั่วยามต่อมาบรรพชนตระกูลหล่งและหานลี่ก็ออกไปจากถ้ำพำนักกลับเข้าไปในเมืองฮ่วนเย่
สองเดือนตามมาหานลี่ยังคงฝึกฝนอยู่ในเจดีย์ไม่ยอมออกมา รอเวลานัดมาถึงอย่างเงียบๆ
ช่วงเวลานี้เขาได้รับข่าวสารจากบรรพชนตระกูลหล่งสองสามครั้ง ดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินการไปอย่างราบรื่น
บรรพชนตระกูลหล่งไม่เพียงทำให้คนของตระกูลจ้าวไม่ชอบ แม้กระทั่งทำให้จอมมารตระกูลจ้าวสองตนตัดสินลงมือด้วยตนเองภายใต้การจัดวางอย่างระมัดระวัง
แต่แค่ยามนี้บรรพชนตระกูลหล่งเอาแต่อยู่ในเมืองฮ่วนเย่ ไม่ได้เปิดโอกาสให้คนตระกูลจ้าวเลยสักนิด
วันนี้หานลี่นั่งสมาธิอยู่ในเจดีย์ ฉับพลันนั้นตรงหว่างเอวก็มีเสียงร้องต่ำๆ ดังขึ้น ลำแสงสีขาวบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นอักขระสีขาวสิบกว่าตัวกระจายออก
หานลี่กวาดตามองอักษรเหล่านั้นสองสามแวบ แล้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นเดินลงจากเจดีย์
ยามที่มาถึงชั้นหนึ่งของเจดีย์ จูกั่วเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ ประตู มือหนึ่งเท้าคางด้วยความเหม่อลอย
เมื่อเห็นหานลี่เดินลงมาจากด้านบน หญิงสาวก็ได้สติกลับคืนมาและเข้ามาคารวะอย่างตื่นตระหนก
ครั้งนี้ เจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ตามข้ามาเถิด หานลี่กำชับอย่างราบเรียบ แล้วเดินออกไปนอกประตู
จูกั่วเอ๋อร์ได้ยินพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา ปากก็เอ่ยคำว่า เจ้าค่ะ แล้วรีบตามหลังหานลี่มา
ถึงอย่างไรเสียช่วงเวลานี้แม้หานลี่จะไม่ได้ปฏิบัติกับนางอย่างทารุณ แต่หญิงสาวผู้นี้ก็ถูกจำกัดอยู่ในเจดีย์ แน่นอนว่าจึงรู้สึกอุดอู้ และรู้สึกเหมือนติดคุก ยามนี้ได้ออกมาย่อมดีใจ
หลังจากที่ออกจากเจดีย์หานลี่ก็พาจูกั่วเอ๋อร์นั่งรถอสูรออกจากเมืองฮ่วนเย่
หลังจากออกจากประตูเมือง หานลี่ก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี พาจูกั่วเอ๋อร์ไปยังยอดเขานิรนามแห่งหนึ่ง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ลำแสงหลีกหนีของหานลี่ก็ร่อนลงไป
ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบนยอดเขา บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงของตระกูลหลินรออยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นหานลี่ปรากฏตัว ก็เผยรอยยิ้มแล้วเข้ามาต้อนรับทันที
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ผู้นี้แม้จะยังคงมีท่าทีแก่ชรา แต่ผมที่เดิมเป็นสีเทาขาวกลับเปลี่ยนมาเป็นสีดำแล้ว ใบหน้าก็มีสีโลหิตปรากฏขึ้นหลายส่วน
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างนี้เป็นผลมาจากยาชุบโลหิตของหานลี่ในวันนั้น
พี่หานตรงต่อเวลาจริงๆ หญิงสาวผู้นี้คือชนรุ่นหลังของเจ้าหรือ บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงกวาดตามองจูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ยถาม
ใช่แล้ว นางมีต้นกำเนิดเดียวกันกับข้า รบกวนสหายพานางกลับไปที่แดนวิญญาณเถิด รอให้เรื่องของแดนมารจบลง ข้าจะไปรับนางทันที หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ
สหายวางใจ ในเมื่อข้าเอายาลูกกลอนมาแล้ว ย่อมต้องปกป้องความปลอดภัยของนาง พี่หล่งและพวกจะดำเนินแผนการอีกสองวัน เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ข้าจะออกเดินทางวันนี้ บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
อืม สหายหลินไปก่อนสองวันก็ดี หากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเป็นปัญหา หานลี่พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างเห็นด้วย จากนั้นก็หันหน้าไปเอ่ยกับจูกั่วเอ๋อร์
เจ้าได้มาพบกับข้าที่นี่ ก็นับว่าเรามีวาสนาต่อกัน ข้าจะช่วยเจ้ากลับไปในเผ่าก็แล้วกัน สหายหลินผู้นี้เป็นหนึ่งในอาวุโสระดับสูงของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเผ่ามนุษย์ เจ้าติดตามเขาไปย่อมไม่เป็นอันใด เรื่องอื่นรอให้พบกับเจ้าครั้งหน้า ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดอีกที
จูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ริมฝีปากพะงาบๆ คิดจะเอ่ยซักถามอันใด
แต่ยามนี้หานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อ
หมอกสีเขียวม้วนออกมาหานลี่กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ชั่วพริบตาก็ไปจากที่นี่
บนยอดเขาจึงเหลือเพียงบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงและจูกั่วเอ๋อร์ตามลำพัง
แม่หญิง ไม่ต้องมองแล้ว พี่หานฝากเจ้าไว้กับข้า ข้าจะพาเจ้ากลับแดนวิญญาณ บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเอ่ยกับจูกั่วเอ๋อร์อย่างราบเรียบ
แดนวิญญาณ ท่านอาวุโสคือคนของเผ่ามนุษย์จริงๆ! หรือว่าท่านอาวุโสหานี่ก็เป็น จูกั่วเอ๋อร์เป็นผู้ที่ชาญฉลาดมาก หลังจากได้สติกลับคืนมาแล้ว ก็ยังคงเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หึๆ จากฐานะของข้าและพี่หาน จะหลอกเจ้าอยู่ที่ในระดับจิตวิญญาณสีทองเพื่ออันใดกัน บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงหัวเราะหึๆ ออกมา
แต่เมื่อครู่ท่านอาวุโสหานบอกว่าชนรุ่นหลังมีที่มาเดียวกัน นั่นมันเรื่องอันใดกัน ท่านอาวุโสบอกได้หรือไม่ จูกั่วเอ๋อร์ตื่นเต้นอยู่ชั่วครู่ แล้วนึกอันใดได้พลางเอ่ยถาม
เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ หรือว่าพี่หานไม่เคยเอ่ยกับเจ้า บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
ชนรุ่นหลังก็เพิ่งรู้ว่าท่านอาวุโสหานไม่ใช่คนของเผ่ามาร จะรู้ได้อย่างไรว่ามีที่มาเดียวกันกับท่านอาวุโสหาน จูกั่วเอ๋อร์สั่นศีรษะระรัว ใบหน้าเผยสีหน้าฉงนออกมา
แต่หญิงสาวกลับย้อนนึกในใจ ก่อนหน้านี้ยามที่หานลี่พบนางครั้งแรกก็ถามเกี่ยวกับเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารี จึงคาดเดาในใจอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
แม้ว่าบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงจะสนใจความสัมพันธ์ของจูกั่วเอ๋อร์และหานลี่ แต่ก็ไม่ได้ซักถามอันใดในยามนี้ หลังจากที่เอ่ยอย่างราบเรียบสองสามประโยค ก็ยกมือขึ้นปล่อยรถเหาะสีดำสนิทคันหนึ่งออกมา ด้านหน้ามีอสูรหุ่นเชิดที่คล้ายกับมังกรวารีอยู่สองสามตัวกำลังหมอบอยู่
บุรุษกวักมือทั้งสองขึ้นไปบนรถตามลำดับ แล้วห้อตะบึงไปกลางอากาศตรงไปยังดินแดนรกร้างโดยมีอสูรหุ่นเชิดลากไป
……
เพราะกลัวว่าหลังจากนี้ไม่นานบรรพชนตระกูลหล่งและพวกจะเคลื่อนไหว ดังนั้นเมื่อออกจากบริเวณของเมืองฮ่วนเย่ บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงก็กระตุ้นอสูรหุ่นเชิดเต็มอัตรา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่รถเหาะก็มาปรากฏตัวห่างออกไปพันหมื่นลี้
ยามนี้ด้านล่างรถเหาะล้วนเป็นเนินเขาสูงต่ำ ไม่ไกลนักล้วนเป็นภูเขาเรียงทอดติดกัน ชั่วพริบตาก็บินผ่านไป
และในยามนั้นเองโสตประสาทของบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงพลันมีเสียงราบเรียบของสตรีดังขึ้น
ในเมื่อมาถึงแล้วก็ลงมาเถิด
สิ้นเสียงเหนือรถเหาะก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น กลีบดอกไม้สีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า ผนึกรวมกันกลายเป็นมือยักษ์ขนาดร้อยจั้งเศษแล้วกดลงมาบนรถเหาะอย่างดุดัน
ยามนั้นกลิ่นหอมพลันโชยลงมา ราวกับท้องฟ้าทั้งผืนพังทลายลงมาก็ไม่ปาน ทำให้ผู้คนไม่อาจหลบหลีกได้!
แย่แล้ว!
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชั่วขณะนั้นพลันร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว อีกมือหนึ่งกลับชูขึ้นสูง
พริบตานั้นอสูรหุ่นเชิดสองสามตัวที่เดิมลากรถอยู่พลันชูคอขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน แล้วพ่นเสาลำแสงหนาหลากสีสันออกมา ในเวลาเดียวกันรถเหาะพลันเปล่งแสงสว่างวาบ รัศมีลำแสงสีขาวชั้นหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏออกมา คุ้มกันคนบนรถเอาไว้
แทบจะในเวลาเดียวกันไอสีดำที่พันรัดใบมีดกระดูกก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมาจากมือของบุรุษ แล้วพลิ้วไหวกลายเป็นใบมีดสีขาวความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง สับลงไปที่มือยักษ์สีชมพู
ทุกแห่งที่ใบมีดยักษ์กวาดผ่านไป บรรยากาศรอบๆ พลันรางเลือน และบิดเบี้ยวไปมาไม่หยุด ราวกับว่ากำลังจะปริแตกอย่างไรอย่างนั้น
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงคู่ควรกับที่เป็นตัวตนระดับผสานอินทรีย์ แม้ว่าพลังยุทธ์จะลดลง แต่ลงมือภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ก็ยังคงมีอานุภาพการทำลายล้างที่น่าตกตะลึง!
ครู่ต่อมาเสาลำแสงและใบมีดยักษ์โจมตีไปบนฝ่ามือยักษ์พร้อมกัน
เสียงอึกทึกสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาก บรรยากาศรอบๆ ในรัศมีร้อยลี้ส่งเสียงอื้ออึงไม่หยุด
เสาลำแสงถูกรัศมีลำแสงสีชมพูที่แผ่ออกมาจากมือยักษ์พลันม้วนวน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ใบมีดกระดูกยักษ์พลันถูกพลังมหาศาลที่ลึกล้ำยากจะคาดเดากดลงมาแล้วปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
รูม่านตาของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ตระกูลหลินหดเล็กลง ใบหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต ยามที่คิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อื่นๆ ต้านทานมือยักษ์ กลับสายไปเสียแล้ว
เห็นเพียงลำแสงสีชมพูกลางอากาศม้วนวนลงมา ชั่วพริบตารัศมีลำแสงบนรถเหาะก็ฉีกขาด บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีดอกไม้ประหลาดสีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา พลังปราณในร่างแข็งค้าง และเปลี่ยนเป็นขมุกขมัวท่ามกลางกลิ่นหอมพิศวง
แต่ก่อนที่เขาจะสิ้นสติสัมปชัญญะ ในหูพลันมีเสียงกรีดร้องด้วยความตกตะลึงระคนหวาดกลัวของจูกั่วเอ๋อร์ดังขึ้น
บุรุษผมเผ้ายุุ่งเหยิงหยักรอยยิ้มขมขื่น!
ครึ่งวันก่อนเขายังคุยโวโอ้อวดกับหานลี่ ผลคือยามนี้จะปกป้องตนเองก็ยังยาก ทว่าหากไม่ใช่ว่าเขาสูญเสียพลังปราณไปกวาครึ่ง ก็คงไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่
ความคิดนี้เปล่งแสงสว่างวาบในหัวของบุรุษ สติสัมปชัญญะรางเลือนพลางล้มตึงลงบนรถเหาะ
……
หนึ่งชั่วยามต่อมาท่ามกลางป่าลึกสีดำ บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ อีกครั้ง
ชั่วพริบตาที่เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบนเรือนร่าง จึงรีบกวาดสายตาไปบนเรือนร่าง
เห็นเพียงเขาในยามนี้อยู่ในต้นบุปผาสีชมพู ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยดอกพิศวง ดูเหมือนจะเป็นทิวทัศน์ที่สวยสดงดงาม แต่เรือนกายกลับไร้เรี่ยวแรง จุดตันเถียนยิ่งว่างเปล่า ราวกับว่าไม่มีพลังปราณหลงเหลืออยู่แล้ว
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง ถึงได้เลื่อนสายตากวาดมองบริเวณรอบ
ผลคือยังไม่ได้เห็นอันใด เสียงบุรุษหยาบกระด้างก็ดังขึ้นจากด้านข้าง
ใต้เท้าเป่าฮวา มนุษย์ผู้นี้ฟื้นแล้ว
บุรุษใจหายวาบ มองไปทางเสียงที่ได้ยินอย่างไม่ต้องขบคิด
เห็นเพียงบนถุงดินด้านข้างมีชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำหน้าตาอัปลักษณ์ยืนเอาสองมือเท้าสะเอวอยู่ และกำลังพิจารณาเขาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
จอมมารเผ่ามาร!
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงคาดเดาเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้วจึงไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงมากนัก กลับแววตาเปล่งประกายพลางมองไปยังต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ไกลนัก
ใต้ต้นไม้เงาลวงตาต้นบุปผาสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด! หลังจากที่ชายร่างใหญ่ส่งเสียงดังขึ้น รัศมีลำแสงทั้งหมดก็สลายหายไป ที่เดิมมีหญิงสาวหน้าตางดงามไม่เป็นสองรองใครสวมชุดกระโปรงสีขาวปรากฏขึ้น
เดิมหญิงสาวชุดขาวผู้นี้หลับตาคู่งามทั้งสองข้างอยู่ ยามที่บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงมองไป กลับดูเหมือนจะสัมผัสได้จึงลืมตาขึ้น สายตาประสานเข้ากับสายตาของบุรุษอย่างพอดิบพอดีราวกับดวงดาว
พริบตานั้นสติสัมปชัญญะของบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงก็รางเลือน รู้สึกเพียงว่าแววตาของสตรีราวกับแฝงความเยือกเย็นสุดจะพรรณนาออกมา ทรวงอกร้อนผ่าว แม้กระทั่งเกิดความรู้ยอมตายแทนอีกฝ่ายได้