คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2161 มหาสงครามแดนพฤกษา (8)
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2161 มหาสงครามแดนพฤกษา (8)
ภาพที่ไม่น่าเชื่อถือก็ปรากฏขึ้น
บริเวณปลายนิ้วชี้ของเขามีแสงสีทองปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็หมุนวนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นลูกบอลแสงสีทองขนาดประมาณสิบจั้ง
ทันทีที่ขวานสีดำพุ่งเข้าโจมตีลูกบอลแสงลูกนั้น ก็ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบรับ มันเงียบและไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
แต่วินาทีถัดมาแสงสีทองก็สว่างวาบ มันระเบิดตัวเองออกมา กลายเป็นระลอกคลื่นสีทอง โจมตีกลับไปที่พลังของขวานนั้น
ในตอนนั้นพลังทั้งสองพลังปะทะกัน แสงสีทองดำโจมตีพัวพันกันอยู่กลางอากาศ จนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครกันแน่
ชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะสีทองหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทางด้านหานลี่ก็มีเสียงดัง “ตู้มๆ” ออกมาสองครั้งติด นั่นคือเสียงระเบิด ในตอนนั้นเองมีแสงสีทองจำนวนมากมายระเบิดออกมา
ปราณกระบี่เหล่านั้นพุ่งเข้าโจมตีพื้นที่ว่างเปล่า ทำให้เกิดระลอกคลื่น มีเงาสองร่างปรากฏออกมาจากแสงระเบิดสีทองนั้น
ร่างของพวกเขาปกคลุมด้วยหมอกสีขาวจางๆ ทันทีก็ลมพัด ปราณกระบี่ก็หายไปจนหมด
ประจุสายฟ้าที่อยู่โดยรอบ ที่อยู่ใกล้ๆ กับแสงสีทองก็โดนทำลายทิ้งจนหมด
สองคนนั้นคือชายชราสวมชุดคลุมและมารหนุ่มสามตา
ทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่าจะโดนบังคับให้ปรากฏตัวแบบนี้ พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก มารหนุ่มสามตาจึงมองไปที่หานลี่ด้วยแววตาโหดเหี้ยม
เมื่อมารสาวอีกสองคนเห็นสถานการณ์แบบนั้น ก็แผ่ปราณมารออกมาอย่างเข้มข้น พวกนางสบตากัน สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“หึ เจ้านี่ใจกล้าไม่เบา หรือว่าอยากจะสู้ห้าต่อสองหรือ เจ้าคงไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหาเมธีหรอกใช่หรือไม่ คงอยากตายมากนักสินะ” ชายชราสวมชุดคลุมสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาหัวเราะขึ้นจมูกแล้วพูดอย่างกระแทกกระทั้น
“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหาเมธี และพวกเจ้าก็ไม่ใช่ร่างจริงบรรพชนเสียหน่อย ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย” หานลี่ยืนหาว แล้วกล่าวเสียงเรียบ
“อวดเก่งนักนะ สหายทั้งหลาย ดูเหมือนว่าเราต้องจัดการคนผู้นี้ก่อน ถึงจะเดินทางต่อได้ พวกเราลงมือพร้อมกันแล้ว รีบออกเดินทางต่อกันเถอะ” ชายชราจ้องพวกเขาตาเขม็ง แววตาเย็นชาพร้อมแนะคนอื่นๆ
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นฝีมือของหานลี่มาก่อน แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตราย จนทำให้เขาใจสั่นได้ เขาจะต้องทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเพื่อกำจัดศัตรูคนนี้ให้ได้โดยเร็ว
“ใครก็ห้ามแตะต้องเหยื่อของข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าจะสู้เด็กระดับผสานอินทรีย์สองคนไม่ได้หรือ” ชายฉกรรจ์สวมเกราะสีทองคำรามออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย
มารสาวทั้งสองและชายสามตาที่กำลังจะขยับตัว เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น พวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที
“พี่หนิว นี่เจ้าลืมภารกิจของเราไปแล้วหรือ ภารกิจของเราขึ้นอยู่กับผลแพ้ชนะของสงคราม นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาเอาแต่ใจ หากสงครามครั้งนี้ต้องพ่ายแพ้นั่นก็เป็นเพราะเจ้า เมื่อกลับไปแล้วก็ขอให้ท่านไปอธิบายกับใต้เท้าผู้นั้นเองก็แล้วกัน” ชายชราสวมชุดคลุมหน้ามืดครึ้ม พูดโยนความผิดอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงดูคุกคามอย่างมาก
“อ่า…ฮ่าๆ ข้าเพียงตื่นเต้นไปหน่อยเท่านั้น ถึงได้พูดอะไรไม่คิด ทุกท่านได้โปรดอย่าใส่ใจ ภารกิจครั้งนี้สำคัญมาก ข้าน้อยหนิวไม่กล้าทำอะไรที่เป็นการฝืนกฎเด็ดขาด พวกเราลงมือพร้อมกันนั่นแหละดีแล้ว เจ้าสองคนนี้เหมือนว่าจะมีฝีมือไม่น้อย ต้องจัดการให้เร็วที่สุด” สีหน้าของชายสวมชุดเกราะสีทองเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขากล่าวขอโทษและยิ้มให้อย่างฝืนๆ
เมื่อเห็นชายสวมชุดเกราะเปลี่ยนสีเร็วขนาดนี้ หานลี่ก็พูดอะไรไม่ออก
แต่ชายสวมชุดคลุมไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่กลับเรียกให้คนอื่นๆ ล้อมตัวหานลี่และนักพรตเซี่ยเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ อย่างช้าๆ
ท่าทางการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของเผ่ามาร แต่ภายในร่างกายกลับเรียกปราณออกมาพร้อมแล้ว “เป็นร่างจำแลงบรรพบุรุษจริงๆ ด้วย พี่เซี่ยพี่จะจัดการกี่ตน” หลังจากหานลี่ใช้สายตาตรวจสอบพวกเขาแล้ว เขาก็หันไปถามนักพรตเซี่ย
“ถ้าสองตน ข้าสามารถฆ่าได้เลย แต่ถ้าสามตนอาจจะยากที่จะรู้ผลแพ้ชนะ” นักพรตเซี่ยตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องปกติทั่วไป
“งั้นพี่เซี่ยจัดการสามตนแล้วกัน ที่เหลืออีกสองตน ยกให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” หานลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างที่พูดแววตาก็ส่องประกายวิบวับ
“ได้ ไม่มีปัญหา” นักพรตเซี่ยตอบตกลง
“หึๆ พวกเจ้ายังทำเป็นอวดเก่งกันอีก เจอพลังขวานของข้าก่อน ค่อยพูดก็แล้วกัน” ชายสวมชุดเกราะสีทองได้ยินสิ่งที่หานลี่พูดก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ปราณมารปะทุออกมาทั่วร่างกาย ตอนนั้นเองด้านหลังของเขามีแสงสีดำรูปหัววัวขนาดเท่าภูเขาลูกย่อมๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็ยกขวานขึ้นมาพุ่งโจมตีไปที่หานลี่
การโจมตีครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน
หลังจากที่ขวานสีดำค่อยเลือนหายไป มันก็แยกร่างเป็นเงาของขวานนับพันอัน แต่ละอันขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้า รอบๆ มีปราณมารรุนแรง จากนั้นก็พุ่งโจมตีไปที่หานลี่และนักพรตเซี่ยอย่างบ้าคลั่ง
การโจมตีของชายสวมชุดเกราะทองนี้รุนแรงราวกับจะโจมตีฝ่ายเดียวกันด้วย ตอนนั้นเองมารอีกสี่ตนก็ลงมือพร้อมกัน
ใบหน้าของชายชราสวมชุดคลุมเต็มไปด้วยความโหดร้าย ทันทีที่เขาสะบัดแขนเสื้อ แมลงสีแดงสดสองฝูงใหญ่ๆ ก็ปรากฏขึ้น แท้ที่จริงแล้วมันคือผึ้งแดงพิษ
ร่างกายของมันไม่เพียงเป็นสีแดงสดเท่านั้น ตามตัวของพวกมันยังมีกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย พวกมันบินออกมาเป็นฝูงราวกับดาวตก
มารสามตาร่ายคาถาด้วยมือเดียว ตอนนั้นเองตาที่สามที่อยู่กลางหน้าผากของเขาก็เปิดขึ้น มันส่องแสงสีเขียวแดงเหลืองออกมา ดูงดงามอย่างมาก
ทันใดนั้นลำแสงหลากสีก็พุ่งไปอยู่ตรงหน้าของนักพรตเซี่ยอย่างไร้สุ่มเสียง
ส่วนมารสาวรูปร่างเล็กคนนั้น ยกมือทั้งสองข้างที่ขาวดั่งหยกขึ้นมาชี้ไปด้านหน้า ตอนนั้นเองก็มีเส้นไหมสีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา จนกลายเป็นตาข่ายสีชมพู
ก่อนที่มันจะหล่นลงไปด้านล่าง หานลี่กลับได้กลิ่นหอมๆ เสียก่อน ด้วยระดับพลังของเขา เขาจึงรู้สึกปวดหัวและใจสั่นเล็กน้อย
และปีศาจสาวตัวสุดท้าย นางมีปีกนกสีดำอยู่ด้านหลัง หลังจากที่ปีกของนางขยับเล็กน้อย ปราณหิมะก็แผ่ออกมา วินาทีถัดมาด้านหลังของนางก็มีแสงสีดำปรากฏขึ้น
ตอนนั้นสตรีนางนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น แสงสีดำโผล่ออกมาแทบจะคลุมท้องฟ้าไว้ จากนั้นมันก็กลายเป็นแท่งน้ำแข็งปลายแหลมสีดำดูน่าอันตราย
เมื่อหานลี่ต้องรับการโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น ด้านหลังมีเสียงฟ้าคำรามประกอบ จากนั้นก็มีประจุสายฟ้าคริสตัลคู่หนึ่งปรากฏออกมา
เมื่อเขาคำราม ปีกทั้งสองก็พัดอย่างรุนแรง
เสียงฟ้าผ่าดังลั่น!
หลังจากประจุสายฟ้าโผล่ออกมา หานลี่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่ที่เขาเคยยืนอยู่เหลือเพียงความว่างเปล่า ในตอนนั้นเหลือเพียงนักพรตเซี่ยอยู่คนเดียว
เมื่อพวกเขาเห็นว่าการโจมตีทั้งหมดมันสูญเปล่า เขาจึงโจมตีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ร่างกายของนักพรตเซี่ยมีแสงสีทองเรืองรองออกมา จนกลายเป็นม่านสีทองหนา ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา
ในตอนนั้นลำแสง เงาขวาน น้ำแข็ง และตาข่ายเส้นไหมสีชมพูก็โจมตีลงมาแทบจะพร้อมกัน กลางอากาศจึงเกิดเสียงระเบิดดังติดกันต่อเนื่อง
รัศมีลำแสง ปราณน้ำแข็ง แสงสีชมพู ปราณสีดำพัวพันอยู่กับแสงสีทองทำให้มีแต่เสียงระเบิด
จากนั้นก็มีลูกบอลแสงระเบิดขึ้นอีก ลมพายุหมุนก็พัดขึ้นมา ทำให้ช่องว่างเกิดการสั่นไหวและบิดเบี้ยว คลื่นอากาศได้พัดไปทั่วทุกทิศทาง
ผึ้งโลหิตที่ต้องการโจมตีในครั้งสุดท้ายเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเข้าไป แต่หลังจากที่มันบินขึ้นไปแล้ว มันก็ส่งเสียงดัง “หึ่งๆ”
แสงสีเลือดจำนวนมากจากผึ้งโลหิตก็ร่วมเข้าโจมตีด้วย
เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่ม่านสีทองนั้นแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า สภาพมันเหมือนกับตอนแรกไม่มีผิด การโจมตีเมื่อครู่ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้เกราะสีทองได้เลย มากที่สุดมันก็สั่นสะเทือนเท่านั้น
นักพรตเซี่ยยืนอยู่ในเกราะนั้นโดยไม่ขยับไปไหน เขาปล่อยให้การโจมตีด้านนอกเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง โดยที่เขาไม่ตอบโต้เลยแม้แต่นิดเดียว
ชายชราสวมชุดคลุมเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก สีหน้าดูไม่ได้สุดๆ
ในตอนนั้นเอง กลางอากาศก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น จากนั้นก็มีประจุสายฟ้าสีเงินเกิดขึ้น หานลี่ปรากฏตัวออกมาจากแสงนั้น
หลังจากที่เขากวาดตามอง เขาก็ยิ้มเย็นๆ ออกมา เขาร่ายคาถาสั้นๆ ด้านหลังของเขาก็มีแสงสีทองของแผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่ร่างขนาดยักษ์สีทองปรากฏขึ้น แขนทั้งหกข้างของเขาก็แบมือไปที่ความว่างเปล่า กลางฝ่ามือของเขามีแสงสีทองโผล่ออกมา นั่นคืออักษรรูนสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน มันวิ่งวนรวมตัวกันจนกลายเป็นลูกบอลสีทอง
“นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ” มารสาวมีปีกเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเพราะนางอยู่บนท้องฟ้า สีหน้าของนางดูโหดเหี้ยมขึ้น ปีกของนางตั้งตรงขึ้น และยังดูสั่นเล็กน้อย
“ตู้มๆ” สองเสียง จากนั้นก็มีแสงสีดำขนาดสิบจั้งพุ่งเข้ามาโจมตีหานลี่
ในตอนที่พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ลงมือครั้งแรก แววตาของชายชราชุดคลุมก็เปล่งประกายขึ้น เขาชูแขนขึ้นไปที่ท้องฟ้าโดยไม่เงยหน้า จากนั้นแสงสีม่วงก็ไหลออกมาจากแขนผอมแห้งของเขาไม่หยุด
“ตู้ม”
กงเล็บยักษ์สีม่วงขนาดหนึ่งหมู่โผล่ออกมาแล้วโจมตีไปที่หานลี่ทันที
สมแล้วที่เป็นร่างจำแลงบรรพชน เก่งกว่ามารทั่วไปหลายเท่านัก หานลี่เคลื่อนย้ายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว และโจมตีกลับไปอย่างดุเดือด
ที่มารอีกสามตนไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่ใช่เพราะพวกมันไม่รู้สึกอะไร แต่พวกมันวางใจในการโจมตีของชายชราและมารสาวตนนั้นมาก จึงไม่ได้มาโจมตีหานลี่ซ้ำ
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยปราณไปสู่พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่ง
“ตู้ม”
ตอนนั้นเองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็เรืองแสงสีทองออกมา ลูกบอลในมือของเขาก็ลอยขึ้น จากนั้นก็โจมตีมันไปพร้อมๆ กัน