คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2197 ทูตและพิธีฉลอง
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2197 ทูตและพิธีฉลอง
หลังจากที่เสียงแสดงความยินดีของผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดดังขึ้นต่อเนื่องเก้าครั้ง หานลี่ที่นั่งอยู่บนแท่นดอกบัวสีเขียวถึงได้สะบัดแขนเสื้อแล้วเอ่ยว่า
“สหายทุกท่านโปรดลุกขึ้นเถิด! ทุกท่านมาเข้าร่วมงานฉลองระดับมหายานของผู้แซ่หานไกลนับหมื่นลี้ คงลำบากมากสินะ ข้าน้อยไม่ได้ตระเตรียมอันใดมาก ทำได้เพียงใช้ชาแทนมิตรภาพของเจ้าบ้าน หวังว่าเหล่าสหายจะไม่ถือสา!”
สิ้นเสียงคำพูดของหานลี่ ชี่หลิงจื่อที่อยู่ด้านล่างหอคอยหินก็ปรบมือดัง “แปะๆ” สองครั้ง
เงาร่างคนด้านนอกจัตุรัสพลิ้วไหว หญิงสาวหุ่นดีสวมชุดคลุมสีขาวเดินมาจากทิศต่างๆ ที่แตกต่างกันเป็นแถว มือถือถาดชา ส่งถ้วยชาสีอำพันให้กับผู้บำเพ็ญเพียรทุกคน
ชาเหล่านี้ก็ช่างเถิด แม้จะเรียกได้ว่าระดับสูงเป็นอย่างยิ่ง แต่เทียบกับฐานะระดับมหายานของหานลี่แล้วก็ไม่นับว่าแปลกอันใด
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็คือแม้ว่าหญิงสาวสวมชุดขาวเหล่านี้จะมีหน้าตาหมดจด แต่ล้วนมีสีหน้าแข็งทื่อ เคลื่อนไหวทื่อๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหุ่นเชิดมนุษย์เท่านั้น
หุ่นเชิดมนุษย์ที่สมจริงเช่นนี้ และยิ่งไปกว่านั้นแค่ปรากฏตัวก็มีมากถึงสองสามร้อยตน ทำให้แขกส่วนใหญ่ร้องอุทานว่า ‘สุดยอด’ ในใจ
หลังจากที่เสิร์ฟชาเสร็จ ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ที่นั่งใกล้หอคอยสูงก็ยืนขึ้น แล้วเอ่ยคารวะหานลี่ด้วยเสียงอันดัง
“ข้าน้อยทูตของพรรคสวรรค์เรืองรอง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ท่านอาวุโสหานบรรลุระดับมหายาน พรรคของเราได้นำเปลือกแมลงอายุหมื่นปีมาถวายคู่หนึ่ง หวังว่าท่านอาวุโสจะมีอายุยืนยาว เคล็ดวิชาล้ำเลิศ!”
ชายร่างใหญ่เอ่ยจบก็สะบัดข้อมือ ในมือมีกล่องไม้สีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้น เปิดฝากล่องออก ด้านในมีเปลือกแมลงขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่สองเปลือก
ทั้งสองเป็นสีแดงสดแวววาว ราวกับว่ามีเปลวเพลิงสองดวงกำลังแผดเผาอยู่ก็ไม่ปาน
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“พรรคของเจ้าคือหนึ่งในสามพรรคใหญ่ของเผ่ามนุษย์ ข้าได้ยินชื่อเสียงของอาวุโสเผ่าเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว จากนี้หากมีโอกาสก็จะไปเยี่ยมเยียนสักครั้ง”
พรรคสวรรค์เรืองรองเป็นพรรคที่มีชื่อเสียงมากในเผ่ามนุษย์ ไม่เพียงมีชื่อเสียงว่าสามารถปกครองเมืองสิบกว่าแห่งของเผ่ามนุษย์ได้ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ในพรรคก็มีอยู่หลายคน
อาวุโสพรรคสวรรค์เรืองรองที่หานลี่กล่าวมีชื่อเสียงในเผ่ามนุษย์มาเนิ่นนานแล้ว เคยสังหารชนนอกเผ่าระดับผ่านอินทรีย์สองคน แต่น่าเสียดายที่ทะลวงระดับมหายานไม่สำเร็จมาหลายครั้งแล้ว ติดอยู่ในจุดคอขวด
“ขอบพระคุณท่านอาวุโส หากท่านอาวุโสทราบเรื่องนี้จะต้องดีใจมากแน่ ยามที่ข่าวที่ท่านอาวุโสบรรลุระดับมหายานถูกส่งไป อาวุโสของพรรคข้าก็กำลังกักตนพอดี ถึงได้ไม่อาจเข้าร่วมพิธีได้ แต่เปลือกแมลงอายุหมื่นปีคู่นี้เป็นสิ่งที่ท่านอาวุโสสั่งให้ใช้เป็นของแสดงความยินดีด้วยตัวเอง” ชายร่างใหญ่มีสีหน้ายินดี แล้วน้อมตัวลงพร้อมกับรีบเอ่ยขึ้น
“เปลือกแมลงอายุหมื่นปีเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ใช้ปรุง ‘ของเหลววิญญาณสงบจิตใจ’ ข้าเพิ่งบรรลุระดับมหายานต้องใช้ของเหลววิญญาณนี้ รบกวนอาวุโสของพรรคเจ้าแล้ว” หานลี่มองเปลือกแมลงสีแดงเพลิงสองเปลือก มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาขณะเอ่ย
ชายร่างใหญ่ย่อมเอ่ยว่ามิกล้าเป็นพัลวันด้วยความดีใจ ส่งกล่องไม้ในมือให้องครักษ์ชุดขาวคนหนึ่ง แล้วน้อมตัวลงทำความเคารพแล้วถึงได้นั่งลงอีกครั้ง
“เมืองเมฆาพิทักษ์ขอแสดงความยินดีกับท่านอาวุโสหาน จึงได้นำแก่นทองสามหมื่นชั่ง ทรายทมิฬแสนชั่ง มาเป็นของขวัญในพิธี” ชายหนุ่มสวมชุดเกราะสีดำที่อยู่ค่อนข้างไกลจากใจกลางจัตุรัสหยัดกายลุกขึ้น แล้วยกรายการของขวัญขึ้นพลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“รบกวนเมืองของเจ้าแล้ว!”
เมืองเมฆาพิทักษ์เป็นเมืองที่อยู่ติดกับเขตแดนเผ่ามนุษย์และปีศาจ แค่พอมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมงานฉลองระดับมหายานเท่านั้น หานลี่ย่อมไม่อาจพูดอันใดมากเหมือนเมื่อครู่ได้ แค่พยักหน้าให้ชายหนุ่มแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
แต่เช่นนี้ชายหนุ่มชุดเกราะสีก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา หลังจากที่รีบร้อนคารวะ ก็นั่งลงอย่างเคารพและรอบคอบ
“ชนรุ่นหลังทูตจากภูเขาเชียนหวน นำของสำคัญของภูเขาเรามาแสดงความยินดีที่ท่านอาวุโสหานบรรลุระดับมหายาน นำไม้ถงทมิฬเก้าชั้นสามท่อน ไข่มุกหลงวิญญาณสามลูก เป็นของแสดงความยินดี…” ปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรผิวหน้าสีเขียวมรกต เรือนผมสีแดงสองคนหยิบกล่องหยกออกมาแล้วยืนขึ้นเอ่ยด้วยความเคารพนบน้อม
จากนั้นขุมอำนาจน้อยใหญ่ต่างๆ ก็หยิบของขวัญออกมา ขุมอำนาจอื่นๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ทยอยกันหยิบของที่เตรียมมาออกมาแสดงความยินดีกับบรรพชนระดับมหายานคนใหม่อย่างหานลี่ผู้นี้อย่างเป็นทางการราวกับนัดกันมาก็ไม่ปาน
ไม่นานก็มีทูตมากกว่ายี่สิบสามสิบตระกูลมาแสดงฐานะตามลำดับ
ทูตเหล่านี้มีพลังยุทธ์แตกต่างกัน แต่แทบจะรวบรวมขุมอำนาจที่มีชื่อเสียงของเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจมาทั้งหมด ทุกคนล้วนมีท่าทีเคารพนบน้อมหานลี่ ของขวัญที่นำออกมาไม่ล้ำค่าเป็นยอ่างมาก ก็มีจำนวนที่น่าตกตะลึง มูลค่าไม่ธรรมดา ล้วนเผยเจตนาอย่างคบค้าสมาคมกับหานลี่ที่เพิ่งบรรลุระดับมหายานคนใหม่ผู้นี้
ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษที่ใช้ฐานะของตนเองเข้าร่วมเห็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินที่เคยได้ยินแต่ชื่อมาหลายปีก็วิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ได้เปิดโลกทัศน์
แน่นอนว่ามีหานลี่ผู้ซึ่งอยู่ในระดับมหายานนั่งอยู่ ขอแค่ไม่ใช่คนที่สมองมีปัญหา ย่อมไม่กล้าสนใจของขวัญพวกนี้เลยสักนิด
หานลี่เผชิญหน้ากับทูตทุกคนด้วยรอยยิ้มบางๆ บ้างก็พยักหน้าอย่างเกรงใจ บ้างก็เอ่ยขอบคุณสั้นๆ สองสามประโยค
ทว่าเมื่อหญิงสาวชุดสีขาวยืนขึ้น หานลี่ก็ฉีกยิ้ม แล้วชิงเอ่ยปากก่อน
“ที่เทียนเซียนสวี่ก็มาเข้าร่วมพิธีของผู้แซ่หาน สหายเป็นตัวแทนของตระกูลสวี่หรือ?”
หญิงสาวผู้นี้ก็คือสวี่เชียนอวี๋
คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ถึงอย่างไรเสียหญิงสาวผู้นี้ก็มีพลังยุทธ์ไม่สูงนักในสายตาของทุกคน คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะเผยท่าทีเป็นมิตรด้วยก่อน นี่ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
“ทำให้ท่านอาวุโสหานเห็นเรื่องน่าขบขันแล้ว! ชนรุ่นหลังเป็นตัวแทนของตระกูลสวี่มาอวยพรท่านอาวุโสที่บรรลุระดับมหายานจริงๆ และได้นำไผ่เปลวม่วงมหาสมุทรใต้ท่อนหนึ่ง ผลวิญญาณไร้น้ำหนักสามผล และหม้อนภาสูญมามอบให้ หวังว่าวันข้างหน้าท่านอาวุโสจะยิ่งบรรลุระดับอีกขั้น มีอายุยืนยาวนับหมื่นๆ ปี!”
สวี่เชียนอวี๋มีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ ทันใดนั้นก็เอ่ยอย่างนอบน้อมสีหน้าผ่อนคลายลง
“หม้อนภาสูญ…เยี่ยม ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณตระกูลสวี่มาก สหายและข้าเองก็นับว่าเป็นคนรู้จักกัน ไม่สู้อยู่เล่นที่นี่ก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะได้อันใดไป” หานลี่แววตาเปล่งประกาย แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสหานที่ประทานของขวัญให้!” สวี่เชียนอวี๋ตอบรับด้วยความยินดี หลังจากส่งรายการของขวัญแล้ว ก็นั่งลงอีกครั้ง
ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ส่งสายตาอิจฉามา
หานลี่กล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่าคงมีของขวัญให้กับทูตของตระกูลสวี่ผู้นี้ จะไม่ทำให้ทุกคนอิจฉาได้อย่างไร
จากนี้ทูตของตระกูลจิตวิญญาณเที่ยงแท้สองสามตระกูลก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตระกูลกู่ย่อมเป็นเซียนเสี่ยวเฟิงที่มาด้วยตนเอง ส่วนตระกูลเยี่ยกลับเป็นหญิงสาวนามว่าเยี่ยอิ่ง
หญิงสาวทั้งสองล้วนเป็นสหายเก่าของหานลี่เช่นกัน แต่เมื่อเห็นฉากอันน่าตกตะลึงที่ผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนทำการคารวะย่อมรู้สึกปลงอนิจจัง
หากไม่ใช่เพราะเห็นกลิ่นอายลึกล้ำยากจะคาดเดาที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างของหานลี่ด้วยตาตัวเอง หญิงสาวทั้งสองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ บุรุษผู้บำเพ็ญเพียรที่เคยอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานที่ทั้งสองเผ่าเคารพนับถือ
ยามที่หญิงสาวทั้งสองส่งมอบของขวัญให้หานลี่ หานลี่ก็ฉีกยิ้มแล้วพูดคุยกับพวกนางหลายประโยค
แน่นอนว่าย่อมทำให้คนอื่นๆ เกิดความอิจฉา
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่สะดุดตา แต่อย่างน้อยผู้ใดต่างก็รู้ว่าหญิงสาวทั้งสองรู้จักกับหานลี่ผู้ซึ่งอยู่ในระดับมหายานมาก่อนจริงๆ วันข้างหน้าหากผู้ใดไม่ล่วงเกินทั้งสองตระกูล เกรงว่าคงต้องไตร่ตรองถึงความน่ากลัวของผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานอย่างหานลี่แล้ว
แน่นอนว่าตระกูลหล่งก็ส่งคนมา และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาวุโสที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ของตระกูลหล่ง
ตระกูลหล่งผู้นี้เดิมเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่เร้นกายอยู่ เมื่อเห็นหานลี่ก็เผยสีหน้าเคารพนบน้อม และเอ่ยปากขอบคุณหานลี่ที่มาบอกข่าวการเพลี้ยงพล้ำของบรรพชนตระกูลหล่ง
วันนั้นยามที่หานลี่อยู่ในเผ่าพฤกษา ก็ได้สั่งให้คนนำข่าวการเพลี้ยงพล้ำของบรรพชนตระกูลหล่งไปบอกกับตระกูลเยี่ยและหล่ง
ยามนั้นทั้งสองตระกูลมีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดก็ไม่รู้ แต่ยามนี้หานลี่บรรลุระดับมหายานแล้ว แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะรู้สึกกังขากับเรื่องที่บรรพชนของตนเพลี้ยงพล้ำในแดนมาร ยามนี้ย่อมไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาขบคิดอีก
ทว่าสิ่งที่ทำให้หานลี่ประหลาดใจเล็กๆ ก็คือทูตที่ส่งมาจากเผ่าหงส์ดำไม่ใช่ไต่เอ๋อร์ แต่เป็นอาวุโสระดับผสานอินทรีย์คนหนึ่งของเผ่าหงส์ดำ
ดูแล้วแม่หญิงไต่เอ๋อร์คงกำลังกักตน มิเช่นนั้นหากราชาหงส์ดำรู้ความสัมพันธ์ของเขากับไต่เอ๋อร์ จะต้องส่งนางมาเป็นทูตแน่ เพื่อดึงความสัมพันธ์อันดีของเผ่าหงส์ดำและเขาผู้ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานคนใหม่
“ทูตเผ่าวิญญาณเปินเย่ว์เป็นตัวแทนราชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณ นำแกนวิญญาณเบญจธาตุหนึ่งแกน เปลวเพลิงวิญญาณลำแสงนภาสามเปลว สมบัติอาคมระดับสุดยอดหนึ่งชิ้น กำแพงโซ่มรกตร้อยก้อน เหล็กผลึกม่วงมหาสมุทรลึกหมื่นชั่งเป็นของขวัญแสดงความยินดีกับท่านอาวุโสหาน”
เงาร่างคนแผ่รัศมีลำแสงสีม่วงออกมายืนขึ้น หลังจากคารวะหานลี่กลับเอ่ยเช่นนี้ออกมา
เสียงทุ้มต่ำเป็นพิเศษ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นทูตของเผ่าวิญญาณ!
“ที่แท้ก็เป็นแขกผู้มีเกียรติของเผ่าวิญญาณ! ผู้แซ่หานได้ยินชื่อเสียงของราชาศักดิ์สิทธิ์มาเนิ่นนานแล้ว หากมาเป็นทูตส่งของขวัญด้วยตนเอง ก็คงได้ประโยชน์มากมายจริงๆ” เมื่อเผชิญหน้ากับทูตผู้นี้หานลี่เองก็ยืนขึ้นจากดอกบัวสีเขียว แล้วตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
“มิกล้า นอกจากใต้เท้าราชาศักดิ์สิทธิ์จะส่งชนรุ่นหลังมามอบของขวัญให้ท่านอาวุโสแล้ว ความจริงแล้วยังมีอีกเรื่องอยากถามท่านอาวุโส” คนของเผ่าวิญญาณในลำแสงสีม่วงไม่กล้ารับคารวะของหานลี่ เบี่ยงกายออกเล็กน้อย หลังจากมอบรายการของขวัญให้แล้วกลับเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของทูตเผ่าวิญญาณ ผู้บำเพ็ญเพียรและทูตทุกคนในจัตุรัสก็ตกตะลึง
“มีเรื่องอันใด ก็ถามมาเถิด” หานลี่แววตาเปล่งประกาย พลางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด
ดูเหมือนว่าจะคาดเดาคำถามของทูตเผ่าวิญญาณเอาไว้ตั้งนานแล้วก็ไม่ปาน
“ใต้เท้าราชาศักดิ์สิทธิ์ออกคำสั่งให้ชนรุ่นหลังมาถามท่านอาวุโสสองเรื่อง ท่านอาวุโสจะยอมตอบหรือไม่ก็ได้” เผ่าวิญญาณในลำแสงสีม่วงกลับอธิบายอีกประโยคด้วยท่าทีรอบคอบ
“ในเมื่อสหายราชาศักดิ์สิทธิ์ส่งคนมาถาม ย่อมไม่ตอบไม่ได้ แต่ข้าอนุญาตให้เจ้าถามได้แค่สองข้อ มากกว่านี้ไม่ได้ เจ้าเข้าใจสินะ!” หานลี่ได้ยินก็ไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจใดๆ กลับจ้องเขม็งไปที่เงาร่างในลำแสงสีม่วงแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ชนรุ่นหลังเข้าใจแล้ว ไม่ถามเกินแน่นอนขอรับ รบกวนท่านอาวุโสแล้ว” ทูตเผ่าวิญญาณใจหายวาบ แล้วรีบตอบทันที
“เอาล่ะ ถามมาเถิด!” หานลี่พยักหน้า
“เรื่องแรกใต้เท้าราชาศักดิ์สิทธิ์อยากรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวของเผ่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” เผ่าวิญญาณในลำแสงสีม่วงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีแล้ว
หานลี่ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“เพลี้ยงพล้ำด้วยมือของผู้ใด!”
ทูตเผ่าวิญญาณไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ แค่เอ่ยถามประโยคที่สองอย่างเคร่งขรึม
“บรรพชนแรกเริ่มเผ่ามาร”
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วตอบกลับอย่างไม่ลังเลใดๆ