คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2204 หอคอยคัมภีร์สวรรค์
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2204 หอคอยคัมภีร์สวรรค์
ในเวลาเดียวกันใจกลางของเกาะศักดิ์สิทธิ์ด้านล่างหน้าผาสูง หานลี่พิจารณากำแพงผลึกร้อยจั้งตรงหน้าด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ด้านข้างเขานักพรตเซี่ยเองก็พิจารณากำแพงผลึกยักษ์ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ส่วนห่างจากทั้งสองคนไปเจ็ดแปดจั้ง ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวสองคนกำลังยืนเอามือประสานกันด้วยสีหน้าหวาดกลัว
สองคนนี้ย่อมเป็นผู้พิทักษ์ที่รับหน้าที่ดูแลที่นี่ ล้วนมีพลังยุทธ์ระดับหลอมสูญขั้นปลาย
ทว่าเมื่อครู่ที่หานลี่มาถึงที่นี่ หลังจากแผ่กลิ่นอายระดับมหายานออกไป ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวสองคนนี้ย่อมเปลี่ยนเป็นเคารพนบน้อมและหวาดกลัว ไม่กล้าเข้ามาขัดขวางเลยสักนิด
ยามนี้หานลี่กวาดตามองอักขระสีทองที่กำลังเปล่งประกายบนกำแพงผลึกแวบหนึ่ง หลังจากที่สายตาจับจ้องเขม็งไป ก็ตกอยู่บนอักขระสีทองสองสามตัวที่เรียงรายอยู่ตรงตำแหน่งที่สามอีกครั้ง
“กระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬ”
หานลี่ใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเอ่ยพึมพำสองสามครั้ง ยกมือขึ้นลูบไปที่แขนอีกข้างเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
ตรงจุดที่นิ้วลูบไป ลายตรงแขนภายใต้แขนเสื้อเปลี่ยนเป็นร้อนฉ่า แม้กระทั่งมีความรู้สึกเจ็บปวดลางๆ
หานลี่ถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็เอ่ยถามโดยไม่มีหัวไม่มีหาง
“กระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬคือสมบัติสวรรค์ทมิฬที่อยู่ในรายการล่าสุด ว่ากันว่ายามที่ของชิ้นนี้เพิ่งปรากฏตัว ก็ทำให้เผ่าต่างๆ ทั้งแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนเกิดความโกลาหลระลอกหนึ่ง”
“รายงานท่านอาวุโส ยามที่สมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้เข้าไปอยู่ในรายงาน มีแค่แผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนที่ไหนกัน แม้แต่เผ่าใหญ่ๆ ของแผ่นดินใหญ่อื่นก็ยังส่งคนมาค้นหาแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่ได้ไป และไม่มีข่าวคราวใดๆ อีก ทว่าเผ่าใหญ่ๆ เหล่านี้น่าจะค้นหาอย่างลับๆ กระมัง” ชายชราชุดคลุมสีเขียวสองคนมองสบตากันแวบหนึ่ง หนึ่งในนั้นก้าวมาข้างหน้า แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง พี่เซี่ย อ่านรายการนี้เสร็จแล้ว พวกเราไปกันเถิด” หานลี่หัวเราะหึๆ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา พลางร้องเรียกนักพรตเซี่ย แล้วหันกายจากไป
“คารวะ ท่านอาวุโสทั้งสอง!” ชายชราชุดคลุมสีเขียวสองคนค้อมตัวลงน้อมส่ง
“พี่เซี่ย เจ้ารู้อันใดเกี่ยวกับรายงานหมื่นวิญญาณหุ้นตุ้นหรือไม่?” หลังจากที่ออกจากรายงานหมื่นวิญญาณหุ้นตุ้นแล้ว หานลี่ก็เอ่ยถามนักพรตเซี่ยที่ตามมา
“ในความทรงจำของข้าไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับของสิ่งนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคได้ยินนายท่านเอ่ยถึงมาก่อน ทว่าเมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิญญาณเซียนจากกำแพงผลึก
“ไอวิญญาณเซียน!”
หานลี่ที่เดิมไม่ได้เชื่อมั่นอันใดในคำถามส่งๆ ของตนเองนั้นได้ยินพลันตกตะลึง
“ใช่แล้ว แม้ว่าจะเบาบางมาก แต่กลับบริสุทธิ์ยิ่ง แต่ด้อยกว่าของเหลววิญญาณที่สหายมอบให้” นักพรตเซี่ยตอบกลับอย่างแข็งๆ
“น่าสนใจ ดูแล้วแม้ว่าแดนวิญญาณของพวกเราจะขาดการติดต่อกับแดนเซียนเที่ยงแท้ไปหลายปี แต่ระหว่างทั้งสองยังมีเรื่องที่ไม่อาจตัดขาดกันได้จริงๆ” หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วเอ่ยพึมพำพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
นักพรตเซี่ยมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
เกาะศักดิ์สิทธิ์ไม่นับว่าใหญ่นัก หานลี่เลี้ยวซ้ายหนึ่งครั้งและหักเลี้ยวขวาอีกหนึ่งครั้งตามแผนที่ที่หลี่หรงให้มา คาดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ตรงหน้าเขตอาคมส่งตัวขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
เขาพานักพรตเซี่ยย่างเท้าเข้าไป จากนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม
เขตอาคมส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ลำแสงวิญญาณสีขาวบริสุทธิ์แผ่ออกมา ร่างทั้งสองเลือนราง แล้วหายวับไปจากเขตอาคมอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาหน้าหอคอยสูงเจ็ดสิบแปดสิบจั้ง ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างของหานลี่และนักพรตเซี่ยเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในเขตอาคม
“หอคอยคัมภีร์สวรรค์”
หานลี่เงยหน้าขึ้นกวาดตามองแผ่นป้ายยักษ์ที่แขวนอยู่บนประตูหอคอยตรงหน้าแวบหนึ่ง ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ แล้วหันหน้ามาเอ่ยกับนักพรตเซี่ย
“พี่เซี่ย เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่สักครู่เถิด ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“สหายหานตามสะดวกเถิด” นักพรตเซี่ยตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
หานลี่พยักหน้า แล้วเดินไปที่ประตูของหอคอย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าหญิงชราหน้าตาซีดขาวคนหนึ่ง พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ได้ยินว่าหอคอยคัมภีร์สวรรค์รวบรวมเคล็ดลับวิชาเอาไว้จำนวนนับไม่ถ้วน ข้าน้อยอยากตรวจสอบสักหน่อย สหายเปิดเขตอาคมได้หรือไม่”
“นายท่านหน้าตาไม่คุ้นเคย หรือว่าเป็นสหายที่เพิ่งเข้าเกาะมาใหม่? ในเมื่อมาถึงหอคอยคัมภีร์สวรรค์ คิดดูแล้วคงน่าจะรู้กฎเกณฑ์ของหอคอยข้าดี” หญิงชรานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางห้องโถงของชั้นหนึ่ง พลางพิจารณาหานลี่ด้วยความฉงนสองแวบ แล้วถึงได้เอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว
กลิ่นอายของคนที่อยู่เบื้องหน้าลึกล้ำยากจะคาดเดา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจตัดสินพลังยุทธ์ของอีกฝ่ายได้ จะไม่ตกตะลึงได้อย่างใด
“คิดจะเรียนเคล็ดลับวิชาชนิดหนึ่ง ไม่ต้องจ่ายศิลาวิญญาณตามรายการ ก็ต้องใช้เคล็ดลับวิชาที่หอคอยไม่เคยคัดลอกไว้เป็นการแลกเปลี่ยนสินะ” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย
“เป็นเช่นนั้น สหายคิดจะจ่ายเป็นศิลาวิญญาณสินะ! แม้ว่าร่ำเรียนเคล็ดลับวิชาชนิดหนึ่งจะต้องจ่ายศิลาวิญญาณในจำนวนมหาศาล แต่เทียบกับการแลกเปลี่ยนเคล็ดลับวิชาหนึ่งชนิดก็ง่ายกกว่ามาก หอคอยข้ารวบรวมเคล็ดลับวิชามามากกว่าหมื่นชนิด หากจะหาเคล็ดวิชาที่ไม่เคยรวบรวม ไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น” หญิงชราส่งเสียงหัวเราะต่ำ ที่แหบพร่าออกมาแล้วเอ่ย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น ข้ามีเคล็ดลับวิชาที่รวบรวมมาจากชนต่างเผ่าไม่น้อย สหายลองตรวจสอบดูว่ามีเคล็ดวิชาไหนที่ไม่ได้ถูกรวบรวมไว้หรือไม่” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็ไม่รอให้หญิงชราเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา ก็เห็นหานลี่สะบัดแขนเสื้อมาด้านล่าง ชั่วขณะนั้นคัมภีร์หลากสีที่ลึกลับก็บินออกมาจาก และเปล่งแสงสว่างวาบทยอยกันลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าหญิงชรา
ท่าทางมีเกือบถึงร้อยคัมภีร์
“คัมภีร์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สหายรวบรวมมาจากชนนอกเผ่าหรือ?” หญิงชราเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาพลันแข็งทื่อ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้กลืนน้ำลายแล้วเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว สหายลองตรวจสอบดูเถิด” หานลี่เอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
“เช่นนั้นสหายก็รอประเดี๋ยว แม่เฒ่าจะตรวจสอบทันใด” ในที่สุดหญิงชราก็กลับมามีสีหน้าเยือกเย็นแล้วเอ่ยอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นนางก็คว้าคัมภีร์ม้วนหนึ่งเข้ามาในมือ หลังจากกวาดจิตสัมผัสเข้าไปข้าง
“เคล็ดวิชาสลายปราณแยกลำแสง”
“นี่ไม่ใช่เคล็ดลับวิชาที่มีชื่อเสียงของเผ่าขนนกเหาะเหินหรือ ว่ากันว่าหากไม่ใช่ผู้ที่มีสายโลหิตที่บริสุทธิ์ที่สุดของเผ่าขนนกเหาะเหินก็ไม่อาจร่ำเรียนเคล็ดวิชานี้ได้ เคล็ดวิชาชนิดนี้ในหอคอยคัมภีร์สวรรค์ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ นำมาแลกเปลี่ยนได้”
หญิงชราอ่านเพียงชั่วครู่ ใบหน้าก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาอีกครั้ง
“อ๋อ ดูแล้วสหายคงเข้าใจเคล็ดวิชาของชนต่างเผ่าสินะ เคล็ดวิชานี้เป็นสิ่งที่ข้าบังเอิญได้มาจากเผ่าขนนกเหาะเหิน ทว่าไม่ค่อยเหมาะสมกับร่างกายข้า ดังนั้นจึงไม่เคยฝึกฝน” หานลี่ได้ยินก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“หึๆ ตอนนั้นแม่เฒ่าเลื่องชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้จักเคล็ดลับวิชามากที่สุดในสองเผ่าของเรา มิเช่นนั้นคงไม่ถูกเจ้าพวกนั้นส่งมารักษาการณ์ที่หอคอยคัมภีร์สวรรค์” หญิงชราได้ยินคำพูดของหานลี่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก็อดที่จะเอ่ยสีหน้าพึงพอใจออกมาไม่ได้
จากนั้นนางก็เก็บคัมภีร์เข้าไป แล้วคว้าคัมภีร์อีกม้วนมา ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ
“เคล็ดวิชาเปลวมารทั้งเก้า ดูเหมือนจะเป็นเคล็ดลับวิชาของเผ่ามาร หอคอยของข้าไม่ได้บันทึกเอาไว้”
“เคล็ดวิชาลำแสงสวรรค์พฤกษามรกต นี่คือเคล็ดลับวิชาที่ถ่ายทอดมาของเผ่าพฤกษา หอคอยของข้ามีแล้ว”
หญิงชราตรวจสอบคัมภีร์ทีละม้วนๆ คาดไม่ถึงว่าจะพูดประวัติความเป็นมากว่าครึ่งได้
ดูแล้วที่นางเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ที่รู้จักเคล็ดลับวิชามากที่สุดในบรรดาคนของทั้งสองเผ่า ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง
ทว่าหญิงชราแค่อ่านคัมภีร์ไปสิบกว่าม้วน ก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ
เคล็ดลับวิชาในคัมภีร์หยกเหล่านี้ไม่เพียงมีประวัติความเป็นมาสารพัน สองในสามส่วนล้วนเป็นคัมภีร์ที่ไม่มีอยู่ในหอคอยคัมภีร์สวรรค์ นี่จึงทำให้นางไม่อาจระงับความตกตะลึงไว้ได้อีก
ต้องเข้าใจว่าปกติแล้วแม้ว่าจะมีคนนำเคล็ดลับวิชาอื่นมาแลกเปลี่ยนกับเคล็ดลับวิชาในหอคอยคัมภีร์สวรรค์ ก็แลกได้มากสุดครั้งละหนึ่งถึงสองชนิดเท่านั้น
วิธีอย่างหานลี่ที่นำเคล็ดลับวิชาเกือบร้อยชนิดออกมาแลกเปลี่ยนทีเดียว เกรงว่าตั้งแต่ที่หอคอยคัมภีร์สวรรค์สร้างขึ้นมา ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หนึ่งกาน้ำชาต่อมาหญิงชราถึงได้อ่านคัมภีร์ทั้งหมดจบ หลังจากพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่งถึงได้เอ่ยกับหานลี่อย่างเคร่งขรึม
“คัมภีร์ที่สหายเอาออกมามีทั้งหมดหกสิบเอ็ดชนิดที่หอคอยของข้าไม่มี สหายคิดจะใช้มันแลกกับเคล็ดลับวิชาอื่นหรือ”
“หกสิบเอ็ดม้วน จำนวนนับว่าไม่น้อย ใช้พวกมันแลกเปลี่ยนเคล็ดลับวิชาอื่นๆ หกสิบเอ็ดชนิดก็แล้วกัน” หานลี่ลูบใต้คางแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ได้ ในเมื่อสหายตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะเปิดเขตอาคมของหอคอย ให้สหายเข้าไปเลือกเคล็ดลับวิชาอื่นๆ แต่ขอเตือนสหายก่อน เมื่อสหายเลือกเคล็ดลับวิชาหกสิบเอ็ดชนิดเสร็จแล้ว ก็ต้องออกมาทันที นอกจากนี้เคล็ดวิชาเหล่านี้ให้สหายฝึกฝนเพียงคนเดียวเท่านั้น ห้ามถ่ายทอดให้กับคนอื่นและศิษย์ใต้อาณัติ มิเช่นนั้นหากเกาะศักดิ์สิทธิ์รู้เข้า ย่อมจะมีทูตผู้คุ้มกันไปลงโทษ” หญิงชราเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม
“สหายวางใจ ข้าเรียนรู้เคล็ดวิชามามากมาย แค่นำมาใช้ศึกษาเท่านั้น จะนำมาฝึกฝนจริงๆ เพียงไม่กี่ชนิด และไม่มีทางถ่ายทอดให้ผู้อื่นง่ายๆ” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ แล้วสะบัดแขนเสื้อ เก็บคัมภีร์ที่หญิงชราไม่เอากลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้ง
“สหายรู้จักก็ดี เช่นนั้นแม่เฒ่าจะสำแดงแล้ว” หญิงชราพยักหน้าน้อยๆ อ้าปากพ่นแผ่นป้ายสีทองเรืองรองออกมา
นางใช้มือหนึ่งร่ายอาคมกระตุ้น ใช้นิ้วชี้ไปกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นแผ่นป้ายสีทองพลันสั่นเทา พ่นรัศมีลำแสงสีเงินออกมา แล้วม้วนวนไปทางตีนบันได
เสียง “พรึ่บ” ตีนบันไดมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ดูเหมือนเขตอาคมไร้รูปร่างสองสามชั้นจะถูกเปิดออก
หานลี่เคลื่อนไหวร่างกายด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง จมหายเข้าไปในบันไดอย่างไร้ร่องรอย
ภายในห้องโถงชั้นหนึ่ง ชั่วพริบตาก็เหลือเพียงหญิงชราที่นั่งสมาธิอยู่บนพื้นต่อด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หานลี่อยู่ในหอคอยไม่นานนัก หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ก็ออกมาจากหอคอยด้วยสีหน้าดังเก่า
หานลี่ประสานมือคารวะหญิงชราเล็กน้อย แล้วเดินออกจากห้องโถงชั้นหนึ่งโดยไม่หันกลับมา
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่เข้ามาที่เกาะใหม่ๆ กลิ่นอายของเขาแม้แต่ข้าก็ยังมองไม่ออก คาดไม่ถึงว่าจะเอาเคล็ดวิชาของชนต่างเผ่าออกมาทีเดียวมากมายเพียงนี้ หรือว่าคนผู้นี้คือ…” หญิงชราจ้องเขม็งไปที่ประตูห้องโถงชั่วครู่ ถึงได้เอ่ยพึมพำกับตัวเองออกมา สองตาเปลี่ยนเป็นเปล่งประกาย
ในเวลาเดียวกันหานลี่ที่เพิ่งเดินออกมาจากหอคอย เหนือศีรษะก็มีเสียงแหวกอากาศดังงขึ้น ลำแสงสีทองสามดวงพุ่งมา