คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2239 เคล็ดวิชาต้องห้ามแดนเซียน
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2239 เคล็ดวิชาต้องห้ามแดนเซียน
“ไม่ดีแล้ว สถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทลายลง ดูเหมือนว่าที่ท่านผู้นั้นเอ่ยมาจะเป็นเรื่องจริง! “สีหน้าของหน้าเป่าฮวาดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
หานลี่ขมวดคิ้ว สายตากวาดมองไปยังสถานที่ที่นางพญาหนอนข้าวถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือไปคว้ามันด้วยมือข้างเดียว
เสียง “ชิ่ว” ดังขึ้น!
พื้นที่ที่ดูเหมือนว่างเปล่านั้นก็ผันผวนขึ้น ลูกแก้วสีดำสนิทขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น หลังจากที่ส่องประกายอีกครั้ง ก็หายลับเข้าไปในฝ่ามือของหานลี่
“เอ๋ นี่มัน…” เป่าฮวาตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ และตอนที่นางกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทั่วทั้งเหวลึกก็ พังทลายลงราวกับจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน และรอยแตกระแหงสีขาวบางๆ นับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมาให้เห็นจากทั่วสารทิศ และหนาขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
สีหน้าของเป่าฮวาเปลี่ยนไปอย่างมาก มือข้างหนึ่งยกขึ้น ฐานกลสีแดงเพลิงในมือก็เปล่งประกายออกมา แต่อีกด้านหนึ่งเสียงกระหึ่มก็พลันดังขึ้น ทันใดนั้นคลื่นแปลกประหลาดก็พัดผ่านขึ้นมาบนมือ
ฐานแผ่นกลก็หดกลิ้งไปมา ทันใดนั้นเปลวแสงที่ส่องสว่าง ก็กลับมานิ่งสงบไม่มีมการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“ไม่ได้ ถ้าหากท่านผู้นั้นใช้อุบายแล้วจริง ตอนนี้ท่านกับข้าไม่มีทางที่จะหนีไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย” ใบหน้าของเป่าฮวาเคร่งเครียดและเอ่ยขึ้น
“เป็นธรรมดา ในเมื่อท่านผู้นั้นกล้าเอ่ยเช่นนี้ ก็แสดงว่ามั่นใจไว้แล้วจะจับพวกเราไว้ที่นี่” หานลี่เอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
เป่าฮวาถอนหายใจหนึ่งเฮือก ในตอนที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง ทันใดก็มีแสงสีเทาปกคลุมทั่วทั้งร่างของทั้งสอง ลำแสงพร่ามัวก็พุ่งลงมาที่ทั้งสองคนโดยตรง
ในใจหานลี่และเป่าฮวาทั้งสองรู้สึกสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านหรือหลีกหนีแต่อย่างใด
หลังจากที่แสงประกายขึ้น ร่างของทั้งสองคนก็หายเข้าไปในเหวลึกอย่างไร้ล่องรอยภายในพริบตา
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งเหวลึกก็มีเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ในที่สุดก็เริ่มพังทลายลง
อีกด้านหนึ่ง เมื่อหานลี่ตื่นจากอาการมึนงง กลับพบว่าตัวเองมาปรากฏตัวอยู่หน้าแท่นบูชาสีเลือดแห่งหนึ่งสูงกว่าสิบจั้ง
ใกล้เคียงกันนั้น เป่าฮวาที่อยู่ด้านข้าง กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ยังมองประเมินทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงด้วยสีหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน
บนแท่นบูชา วางด้วยขันโบราณสีดำราวกับหมึกหนึ่งใบ ทั้งสี่ด้านล้อมรอบไปด้วยเสาสัมฤทธิ์แปดต้นตั้งสูงเด่นสง่า ด้านบนมีตะเกียงโบราณสีแดงโลหิตเลือนรางหนึ่งดวงประดับอยู่
“นี่ดูเหมือนจะเป็นกฎข้อห้ามโบราณที่น่าพิศวงมาก ดูเหมือนว่าจะมาจากแหล่งเดียวกันกับผนึกโบราณนั่น แม้จะมีวิธีที่แตกต่างกันแต่ก็ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน” หลังจากเป่าฮวามองดูแล้วสักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากบ่นพึมพำออกมา
“นึกไม่ถึงเลยว่าเขตอาคมกักขังวิญญาณแปดเทพ ยังมีคนในแดนมนุษย์สองสามคนรู้จัก ไม่ผิด จริงๆ แล้วเขตอาคมนี้กับข้อห้ามการผนึกนางพญาหนอนข้าวนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ถึงจะพูดว่าจะเป็นการผนึกให้เล็กลงกว่าหมื่นเท่า ก็ไม่นับว่าผิด” เสียงของชายที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
สายตาของหานลี่และเป่าฮวานิ่งงัน ขณะเดียวกันก็จ้องมองไปยังขันโบราณสีดำสนิทใบนั้นที่วางอยู่บนแท่นบูชา
เสียงของชายผู้นั้นดังขึ้นมาจากข้างในบันใด
“ท่านอาวุโสก็ชมเกินไป ชนรุ่นหลังรักษาผนึกไว้เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ดังนั้นสามารถมองเห็นที่คล้ายคลึงกันออกได้ หากจะเอ่ยถึงเขตอาคมต้องห้ามจริงๆ แล้วสหายหานนั้นเหนือกว่าข้ามาก” เป่าฮวาพยายามฝืนยิ้มตอบกลับ
“อ้อ หลายปีมานี้เผ่าของพวกท่านไม่เคยลืมคำกำชับของเราที่ให้ไว้ในตอนแรกเลย ที่จริงแล้วหลายปีที่ผ่านมาเรากำลังใช้พลังที่จะซ่อมแซมผนึกนี้ ก็นับว่ามีคุณงามความดีแล้ว” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยคเบาๆ
“ท่านผู้อาวุโส ท่านคือหนึ่งในเซียนสองคนที่ปิดผนึกนางพญาหนอนข้าวในตอนแรก!” ถึงแม้เป่าฮวาจะเดาเอาไว้แล้วในใจ ทว่าตอนนี้ที่ได้ยินฝ่ายตรงข้ามยอมรับออกมาด้วยตนเอง ยังคงตกใจร้องเสียงหลงขึ้นมา
“เหอๆ เราเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองลงมาแดนมนุษย์ครั้งนี้ จะสามารถอยู่เป็นเวลาเช่นนี้ แล้วก็จบลงเช่นนี้ ครั้งนี้สามารถกำจัดนางพญาหนอนข้าวนั่นได้ ก็นับว่าได้รับความช่วยเหลือจากท่านและเจ้าเด็กนี่อยู่ไม่น้อย เรามีสิ่งของที่อยากจะมอบให้ มันคงไม่มีค่าพอสำหรับท่านที่พลีชีพในครั้งนี้” หลังจากที่เสียงหัวเราะของชายผู้นั้นดังขึ้น ทันใดนั้นฝาที่ปิดขันโบราณไว้ก็พลันเปิดออก ของที่อยู่ในนั้นก็ลอยออกมา
เป่าฮวาเมื่อได้ยินคำนั้นก็ดีใจขึ้นมา ยกมือขึ้นคว้าจับสิ่งของนั่นเอาไว้ ในมือข้างเดียวแล้วมองจดจ่ออย่างละเอียด
ที่จริงแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นปิ่นไม้สีเหลืองอ่อนธรรมดา
ภายนอกขรุขระ ในขณะเดียวกันก็มีรอยร้าวจางๆ!
แต่ทันทีที่นิ้วมือของหญิงสาวผู้นี้สัมผัสไปที่ปิ่นไม้ อากาศเยือกเย็นก็ส่งออกมา และจมหายเข้าไปในร่างของเขาทันที เดินไปตามเส้นลมปราณทุกๆ จุด เกิดเป็นความอบอุ่น ทั่วทั้งร่างไม่มีที่ใดที่ไม่รู้สึกสบาย
“นี่คือไม้สีทองจากภูเขาทางใต้ ขอบใจท่านอาวุโสที่มอบมันให้!” หลังจากที่เป่าฮวาดูแล้วสักครู่ ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้างขึ้น ทันใดนั้นก็รีบไปที่ขันโบราณบนแท่นบูชาและโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง เสียงก็ค่อยๆ สั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม้สีทองจากภูเขาทางใต้นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียกว่าหายากนักในแดนเซียน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้นั้นมันเหมาะกับเจ้าที่จะใช้มัน มีของบำรุงเช่นนี้ สิ่งที่มันซ่อนเร้นอยู่ในตัวเจ้า คิดไปก็น่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างถึงที่สุดแล้ว เอาล่ะ ข้อดีของมันก็ได้หยิบยกมันออกมาแล้ว ข้าขอส่งเจ้าออกไปก่อนเถิด” เสียงราบเรียบผิดปกติของชายผู้นั้นดังออกมาจากขันโบราณสีดำ ทว่าประโยคสุดท้ายกลับทำให้เป่าฮวาตกใจเล็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ไม่ทันได้รอให้หญิงสาวผู้นี้ตอบกลับคืนมา!
ภายนอกของขันโบราณสีดำก็ประกายขึ้น ที่ใต้เท้าของเป่าฮวาก็มีเปลวแสงขนาดเล็กกะพริบออกมา และส่งนางออกไปไปจะที่แห่งนี้ในพริบตา โดยไม่รู้ว่าไปส่งถึงสถานที่ใด
ทันใดนั้นที่หน้าแท่นบูชา ก็เหลือเพียงแค่หานลี่เท่านั้นที่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่ค่อยๆ หรี่ลง ทว่าบนใบหน้าไม่แสดงสีหน้าที่ผิดปกติออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่จ้องมองที่ขันโบราณสีดำและไม่เอ่ยอะไร
“นายท่านกล้าหาญไม่น้อย ไม่กลัวว่าเราจะปล่อยท่านไว้ที่นี่เพียงลำพัง ท่านมีอะไรที่จะเสียเปรียบหรือไม่?” หลังจากที่ชายผู้นั้นหัวเราะเบาๆ ถามคำถามที่หานลี่ไม่สามารถตอบได้
“ถ้าผู้อาวุโสต้องการเสียเปรียบชนรุ่นหลังจริงๆ แล้วล่ะก็ เหตุใดจึงช่วยข้าฆ่านางพญาหนอนนั่น คงไม่สามารถใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการนำชนรุ่นหลังย้ายมายังที่แห่งนี้” หานลี่ยิ้มและตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน
“สิ่งที่ท่านเอ่ยมาก็ค่อนข้างที่จะถูก แต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พูดถูกแล้ว เราไม่มีเจตนาร้ายต่อท่านจริงๆ ดังเหตุผลที่มาพบท่านทั้งสอง เจ้าเด็กนั้นก็แค่ฝากเอามาด้วยเท่านั้น เรื่องสำคัญก็ต้องการที่จะพบและคุยกับท่าน เราจะมาถามท่านว่า ท่านได้ฝึกบำเพ็ญตนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณวิชาลับนั่นแล้วหรือยัง?” หลังจากที่ชายผู้นั้นถอนหายใจหนึ่งเฮือก และถามประโยคหนึ่งออกมาประโยคที่ทำให้ในใจหานลี่สั่นสะท้าน
“ท่านอาวุโสรู้เรื่องนี้ แต่เพราะว่าคำพูดของนางพญาหนอนข้าวก่อนที่จะถูกฆ่า?” หานลี่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ถามกลับร่างขาวผ่องดุจทองคำออกไปหนึ่งประโยค
“ท่านไม่ต้องหวาดระแวงไป! เมื่อตอนที่เข้าไปในพระราชวังใต้ดิน เราก็ผ่านเขตอาคมนี้ไปแล้ว ก็สามารถพิสูจน์เรื่องฝึกบำเพ็ญตนเคล็ดวิชาจิตวิญญาณสัมผัสของท่านได้แล้ว ท่านอาจไม่รู้ ว่าตำแหน่งหน้าที่ของเราในแดนเซียนนั้นอยู่ฐานะอะไร? เป็นถึงผู้ตรวจตราเซียนภายใต้บังบัญชาท่านหนึ่ง เพียงแค่ท่านฝึกบำเพ็ญตนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ และเข้าพบกับผู้ตรวจตรา ความผันผวนของจิตสัมผัสพิเศษนั่น ก็ไม่สามารถปิดบังคนอย่างเราที่มีการฝึกเคล็ดลับวิชาพิเศษได้อย่างแน่นอน” ชายผู้นั้นที่อยู่ในขันโบราณเอ่ยขึ้นโดยการเลี่ยงปัญหา
“ผู้ตรวจตราแดนเซียนพวกของท่านเหล่านี้ เหตุใดถึงต้องให้ความสนใจกับผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ด้วย?” หานลี่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในที่สุดสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
“ท่านฝึกเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้สำเร็จ และยังสามารถฝึกฝนได้ถึงระดับชั้นที่สองได้อย่างไม่เจ็บป่วย เราไม่รู้ว่า นี่นับเป็นโชคชะตายิ่งใหญ่ของท่าน หรือว่าภัยพิบัติใหญ่ของท่าน ท่านอาจไม่รู้ว่า เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้เป็นเคล็ดลับวิชาในอาณาเขตแดนเซียนไม่ว่าใครก็ตามก็ห้ามฝึกฝน ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎข้อบังคับออกมาจริงๆ แต่ไม่ว่าบรรดาเซียนที่ฝึกเคล็ดลับวิชาเช่นนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ครั้นเมื่อถูกผู้กุมอำนาจล่วงรู้ จะต้องถูกฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้ายังไม่ตายก็จะฆ่าจนกว่าจะตาย” เสียงชายที่อยู่ในขันโบราณเอ่ยขึ้นอย่างเรียบนิ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?” ใบหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปมีอย่างดูไม่ได้ หลังจากผ่านไปสักพัก ถึงได้ถอนหายใจและถามขึ้น
“เหอๆ ยิ่งกว่าไม่เหมาะสม ท่านรู้หรือไม่ว่าแดนเซียนนั้นมีอาณาจักรเซียนใหญ่เล็กทั้งหมดกี่แห่งหรือไม่? ผู้ที่ไม่มีชื่อเสียงในสังคมเลย อาณาเขตเซียนที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองนั้นไม่ต้องพูดถึง เพียงแต่ว่ามีน้อย มีอาณาจักรเซียนนับพันที่เป็นที่รู้จักของคน หลายหมื่นพันปีก่อน เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณได้ถูกสร้างออกมาเป็นครั้งแรก เพราะว่าการเพิ่มผลดีที่น่าทึ่งของพลังจิตสัมผัสนี้ คนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จึงมีอยู่นับไม่ถ้วน แต่หลังจากเพียงไม่กี่ปีต่อมา เซียนในอาณาเขตที่กล้าฝึกฝนเคล็ดวิชานี้กลับบางตาลง และล้วนยังเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่ซ่อนตัวไม่เปิดเผยออกมา!” ชายผู้นั้นสูดลมหายใจเข้า และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ปกติ
หานลี่ที่ฟังไป สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เพราะว่าเขาเข้าใจชัดเจน ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องสามารถพยายามอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างชัดเจนที่สุด
หลังจากที่เสียงของชายผู้นั้นได้ค่อยๆ หยุดลง และได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว พวกคนเหล่านั้นที่ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ทั้งหมด ต่อมาภายหลังก็เปลี่ยนเป็นโรคทางจิตทั้งหมด ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางที่จะสามารถควบคุมความบ้าคลั่งของใจมารได้ แล้วก็ตายไป เพราะว่าการที่บ้าคลั่งแบบนี้นั้นได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปทั้งหมดแล้ว กลายเป็นบ้าเลือดไม่มีใครเปรียบ และเดิมทีไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะทำลายแดนเซียนไปเกือบครึ่ง ดังนั้นเคล็ดวิชานี้จึงกลายเป็นเคล็ดลับวิชาที่ห้ามฝึกฝนในแดนมารโดยเด็ดขาด แน่นอนว่าก็มีบรรดาเซียนจำนวนไม่น้อยที่สมารถควบคุมปัญญาได้ ยังคงละโมบในผลลัพธ์พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเคล็ดลับวิชานี้ในระยะแรก และยังโชคดีในการแอบฝึกฝนเคล็ดลับวิชานี้อยู่ แต่ก็ถูกเราและผู้ตรวจตราบังเอิญพบ โดยปกติแล้วถ้าพบหนึ่งค้นก็จับหนึ่งคน”
“ด้วยความสามารถของพวกท่านแดนเซียน ก็ยังไม่มีวิธีที่จะสำเร็จเคล็ดวิชานี้ให้สมบูรณ์ครบถ้วน? หรือจะว่าไป แดนเซียนพวกท่านไม่มีสักคนเลยที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนถึงระดับสูง ไม่มีข้อยกเว้นเลยหรือ?” ในที่หานลี่ก็เอ่ยปากถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้ ที่จริงนั้นเดิมทีก็คือกำลังแฝงอย่างหนึ่งที่กระตุ้นจิตวิญญาณ นำพลังจิตสัมผัสมาขยายพลังล่วงหน้า ในตอนแรกเขาคือผู้สร้างมันขึ้นมา เดิมทีก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังท่านหนึ่งในแดนเซียนของพวกเรา คนอื่นๆ นั้นต้องการทำให้สำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์เช่นเขา เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ว่าทำยากนัก กลับกันตามที่เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้ จริงๆ ก็มีผู้ที่แข็งแกร่งบางส่วนนอกเหนือจากนี้ได้สร้างเคล็ดวิชามาเพื่อเพิ่มผลลัพธ์เคล็ดลับวิชาจิตสัมผัส เคล็ดลับวิชาเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ นั้นปลอดภัยกว่ามาก แต่การเพิ่มผลลัพธ์นั้นก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว สำหรับคำถามที่ท่านถามว่ามีผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดลับวิชานี้สำเร็จหรือไม่ เราสามารถบอกกับสหายได้อย่างแจ่มแจ้ง ว่ามี และไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่ว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสพบกันโดยโชคชะตา ไม่เช่นนั้นจุดจบก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงจริงจัง
“กล่าวมาขนาดนี้ ในแดนเซียนหากท่านได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ก็ทำได้แค่หลบซ่อนตัวในสถานที่ที่ไร้ผู้คน และต้องซ่อนไปตลอด หรือไม่ก็ต้องทำลายวิชาจิตนี้” หานลี่ขมวดคิ้วขึ้น บ่นพึมพำขึ้น