คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2240 เล่าเรื่องเซียนเที่ยงแท้
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2240 เล่าเรื่องเซียนเที่ยงแท้
“เหอๆ ทำลายตัวเอง? หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงจะสามารถหลุดพ้นได้แล้ว แดนเซียนก็คงจะไม่สามารถห้ามการฝึกเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณไปได้ตลอดแล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่รู้ เคล็ดวิชานี้เมื่อคราที่เริ่มฝึกฝน ทำได้เพียงมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่สามารถหยุดกลางคันได้ ดูจากระดับขั้นที่สองของท่านตอนนี้ หากไม่สามารถเข้าสู่ระดับที่สามเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณภายในหมื่นปี ถึงตอนนั้นทะเลแห่งสติสัมปชัญญะคงจะไม่มีทางรองรับพลังจิตสัมผัสที่มหึมาเช่นนี้ได้ ดังนั้นทำลายตัวเองและลืม ในสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าจะมีการเตรียมการถ่ายเทวิญญาณใหม่ ล้วนไม่มีโอกาสที่จะรอดตายได้เลยแม้แต่น้อย” ชายผู้นั้นยิ้มเย้ย และเอ่ยอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ในใจหานลี่หนักอึ้งขึ้นมา
“เวลาหมื่นปี! ค่อยยังชั่ว อย่างน้อยต่อไปก็ยังมีเวลาจัดเตรียมแผนการช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ระดับที่สาม…เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี้ไม่ใช่ทั้งหมดแล้วมีแค่สามระดับหรือ?” หลังจากที่หานลี่กะพริบตาไม่กี่ครั้ง ก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วถามกลับหนึ่งประโยค
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถอาศัยคำพูดของอีกฝ่าย แล้วก็เชื่อคำพูดเมื่อสักครู่ทั้งหมดได้ แต่ก็ยังคงได้ยินเรื่องบางอย่างที่น่าสงสัยขึ้นมา
“ระดับที่สาม? ใครบอกท่าน ว่าเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณมีแค่สามระดับ? อ๋อ เราเข้าใจแล้ว ท่านได้รับการฝึกฝนเพียงแค่ครึ่งแรกของเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ และยังไม่ได้รับทั้งหมดของการฝึกฝนเคล็ดวิชา เคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณทั้งหมด ควรจะบรรลุเป็นเจ็ดระดับ ท่านเพียงแค่ฝึกฝนมาได้เพียงแค่สองระดับแรก หากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วล่ะก็ เส้นทางการฝึกฝนของสหายนั้นยังอีกยาวไกล!” ชายผู้นั้นตกใจก่อนในคราแรก แต่ทันใดก็นึกขึ้นได้และเอ่ยขึ้น
“ขอบใจนายท่านที่ชี้แนะ แต่ก็ไม่รู้ว่านายท่านจะเข้าใจวิธีการฝึกฝนระดับหลัง!” หานลี่ถอนหายใจหนึ่งเฮือก ทันใดก็ถามขึ้นอีกประโยค
“ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณจะไม่ได้ถึงกับเรียกว่าหายากในแดนเซียน แต่ก็ไม่สามารถเปรียบได้กับสินค้าข้างทางที่หาง่าย ยิ่งไปกว่านี้ในแดนเซียนเคล็ดวิชานี้ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ตัวเราเองที่เป็นผู้ตรวจตา ดังนั้นจึงน่าเสียดายมากๆ ที่ไม่รู้การฝึกฝนเคล็ดวิชาในครึ่งหลัง แต่สหายอย่าเพิ่งรีบร้อนไป เพียงแค่ท่านสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณระดับที่สามสำเร็จ เช่นนั้นตอนที่สติสัมปชัญญะของท่านปรากฏวิกฤตออกมาอีกครั้ง อย่างน้อยก็สามารถเลื่อนออกไปอีกครั้งได้นานถึงสามสี่หมื่นปี มีระยะเวลานานเช่นนี้ ด้วยความเฉลียวฉลาดของท่านก็ควรจะมีโอกาสทะยานสู่แดนเซียน หาทางออกอื่นเถิด” ชายผู้นั้นตอบกลับอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
“ทะยานขึ้นสูงแดนเซียน เป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าหากทำได้ง่ายขนาดนั้น สหายระดับมหายานของข้าในแดนมนุษย์ข้างล่า ก็คงจะไม่มากมายเช่นนี้” หานลี่เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็อดที่จะฝืนยิ้มขึ้นมา
“ฮ่าๆ นั่นเป็นเรื่องที่ท่านก่อนที่จะมาสัมผัสกับเรา อย่าลืมเสียล่ะ ผู้ที่อยู่ต่อหน้าท่านคือเซียนบริสุทธิ์ที่สมน้ำสมเนื้อ หากเราได้เอ่ยรับปากที่จะช่วยเหลือแล้ว พื้นฐานแรกเริ่มของเจ้าก็เกือบจะมากว่าสองในสาม ที่จะทะยานขึ้นสู้แดนเซียนอย่างราบรื่น” ชายผู้นั้นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ด้วยตัวตนเซียนที่แท้จริงของท่านอาวุโส ถ้าหากชี้แนะมาสองสามคำ ว่าชนรุ่นหลังมีความเป็นไปได้ที่จะทะยานขึ้นสู่ระดับมหายานได้จริง แต่ท่านอาวุโสเรียกชนรุ่นหลังมา ไม่ใช่แค่เพียงอยากจะช่วยให้เรียบง่ายในครั้งต่อไป” หลังจากที่หานลี่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งและเอ่ยขึ้น
“ที่จริงท่านก็เป็นคนที่มีความเข้าใจอะไรได้ดี! ถ้าท่านไม่มีประโยชน์กับเราแล้วล่ะก็ แม้ว่าเราจะช่วยท่านรัดคอนางพญาหนอนข้าวตัวนั้น แต่ก็ไม่สามารถเสียแขนขาเพื่อที่จะนำท่านมาที่นี่ เหตุผลที่เราทำเช่นนี้ กลับเพื่อวางแผนที่จะยืมพลังของท่านช่วยเราทำเรื่องๆ หนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทนการช่วยเหลือของเรา เราจะเสนอวิธีการที่จะทำให้ท่านฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณให้ถึงระดับสาม และใช้เวลาทะยานแดนเซียนได้เร็วที่สุด”
“หากท่านผู้อาวุโสต้องการหาคนช่วยเหลือแล้วล่ะก็ สหายเป่าฮวาเป็นถึงบรรพชนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนนี้ ดูเหมาะสมกว่ามาก ทำจึงต้องมาหาชนรุ่นหลัง?” หานลี่ยังไม่รู้สึกได้ถึงความแปลกไป แต่ปากกลับเอ่ยถามขึ้นด้วยความใจเย็น
“เหอๆ หากระดับมหายานแห่งแดนมนุษย์ธรรมดาสามารถช่วยเราได้ ทำไมเราต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นี้มาตั้งนานหลายปี หลายปีผ่านมาก่อนที่ตามหาดูที่มหายานเดิมที่ปิดผนึกเหล่านั้น” ชายผู้นั้นกลับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ที่ท่านอาวุโสพูดมาหมายถึง…” ในใจหานลี่พลันรู้สึกแปลกใจ สีหน้ามีความจริงจังขึ้นมา
“ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เราก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังอะไร เหตุผลที่เราตามหาสหายหานนั้น แท้จริงแล้วนั้นเห็นว่าท่านั้นได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ อิทธิฤทธิ์สวรรค์เช่นนี้ มหายานอื่นๆ ในแดนมนุษย์ข้างล่าง ถึงจะมีพลังยุทธ์ที่แท้จริงสูงกว่าท่านหลายเท่า ก็ไม่มีวิธีที่จะสามารถช่วยเราได้แม้แต่น้อยเหมือนกัน” ชายผู้นั้นเอ่ยบางอย่างที่ทำให้หานลี่ชะงักงันขึ้นอย่างช้าๆ
“อะไรกัน ท่านผู้อาวุโสตามหาข้าไปทั่ว ที่จริงก็เพราะว่าชนรุ่นหลังได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณนี่เอง!” หานลี่รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ผิด ตอนนี้สติเราฟื้นคืนมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เล่าให้ท่านฟัง แต่ในขณะสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ คิดมาท่านเองก็เดาถูกอยู่ไม่น้อย” ชายผู้นั้นฝืนยิ้มและเอ่ยขึ้น
“ท่านอาวุโสพูดเช่นนี้ ทำให้ชนรุ่นหลังเกิดความรู้สึกสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น และยังหวังว่าท่านอาวุโสจะชี้แนะ นางพญาหนอนข้าวตัวนั้นที่ข้าได้ฆ่าไปตอนนี้ จิตวิญญาณดั้งเดิมในร่างก็คือไม่ใช่จิตวิญญาณดั้งเดิมของหนอนดุร้ายตัวนั้นแล้ว แน่นอนว่าถ้าหากท่านอาวุโสไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร” หลังจากที่หานลี่ลังเลอยู่สักพัก ถึงได้ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“เรื่องในตอนนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่สุดเกินจะรับได้ถ้าหันกลับไปมอง แต่จะเล่าบางอย่างให้ท่านฟัง ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในตอนนั้นที่นางพญาหนอนข้าวบุกรุกเข้ามายังแดนข้างล่าง หลังจากที่ถูกเซียนผู้ตรวจตราชั้นผู้ใหญ่ในแดนข้างบนจับได้ ก็สั่งให้เราและทูตผู้ตรวจตรากำจัดปีศาจตนนี้ แน่นอนว่า ในตอนนั้นเราและเซียนคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าการมายังแดนข้างล่างจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าด้วยการผ่านวิธีการบางอย่างก็ยังสามารถทำได้อยู่…” สักพักหลังจากในขันโบราณที่เงียบสงัด เสียงบรรยายของชายผู้นั้นก็พลันดังขึ้นอย่างช้าๆ
จนกระทั่งสามารถได้ยินชื่อผู้เข้าร่วมท่านหนึ่งที่เป็นที่เล่าลือกันในอดีต อธิบายประสบการณ์เรื่องในตอนนั้นด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่ใช่ประสบการณ์ที่ระดับมหายานทุกคนจะมี หานลี่เองก็ฟังด้วยความสบายใจและตั้งใจฟัง
“ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะนึกไม่ถึงว่าเราและอีกสองคนจะสามารถกำจัดนางพญาหนอนข้าวได้ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เปลี่ยนแปลงไปพอดีกับทันที่ระเบิดออกมา และส่งผลกระทบโดยตรงกับแต่ละจุดระหว่างดินแดน สักพักเราก็หาพลังการยับยั้งเจอ จากพื้นผิวของสิ่งของล้ำค่าและเคล็ดวิชาลับเดิม! ผลทำให้สถานการณ์พลิกผันเลวร้ายลง พลังยุทธ์ของเราก็ถูกยับยั้ง กลับกันก็เกือบจะถูกนางพญาหนอนข้าวตัวนี้กลืนกิน ต่อมาในความสิ้นหวังนี้ เราทั้งสองคนทำได้เพียงใช้วิธีการที่ทำให้เราต่างเสียหายด้วยกันทั้งคู่ ในเวลาเดียวกันได้ระเบิดร่างของตัวเองและแสดงเคล็ดลับวิชาบางอย่างของเหล่าเซียน ถึงทำให้นางพญาหนอนข้าวนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้น พวกเราเองก็ไม่มีวิธีที่จะทำลายร่างที่ไม่มีวันดับสลายของนางพญาหนอนข้าวได้ ทำได้เพียงอาศัยเผ่ามารระดับสูงที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น สร้างผนึกขนาดใหญ่ทั้งสองนี้ขึ้นมา และได้ฝากข้อความตักเตือนเอาไว้ ในตอนนั้นเราก็ได้พบว่า หลังจากที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เปลี่ยนแปลงไป เราทั้งสองคนก็ขาดการติดต่อกับแดนเซียน และไม่สามารถใช้วิธีเดิมกลับสู่แดนเซียนได้อีก ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงได้อาศัยตัวตนของมหายานเผ่ามาร สำรวจพื้นผิวส่วนประสานที่มีชื่อเสียงบางอย่างของแดนข้างล่างอย่างเงียบๆ ผลปรากฏว่าผลของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่เปลี่ยนแปลงแห่งนี้ได้ส่งผลกระทบไปทั่วทุกจุดเชื่อมต่อ ทำให้พลังจุดเชื่อมต่อนั้นเพิ่มทวีคูณกว่าเมื่อก่อนมากเกินกว่าสิบเท่า หลังจากที่ยังไงก็สามารถที่จะหาทางกลับสู่แดนเซียนได้ ในความสิ้นหวังนี้ เราทั้งสองจึงทำได้เพียงกลับไปยังแดนที่ถูกผนึกไว้ และสร้างวงเวทย์เล็กๆ นี้ และให้จิตวิญญาณดั้งเดิมหนีเข้าไป และเริ่มเข้าสู่นิทรา ในเวลานั้นพวกเราทำได้เพียงหวังว่า สหายสนิทในแดนเซียนจะยังนึกถึงพวกเรา พยายามทำลายจุดเชื่อมต่อเพื่อหาทางเข้ามาช่วยเหลือ ในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ในทุกๆ หลายพันปีเราทั้งสองจะตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้ง แต่ในทุกครั้งช่างน่าผิดหวังอย่างยิ่ง และหลังจากที่ช่วงเวลาที่ยาวนานค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งของฉันก็มีข้อพิพาทกับฉันในความสิ้นหวัง ในความสิ้นหวังของเราและสหายที่ร่วมเดินทางนั้น ในที่สุดเราก็เกิดการถกเถียงกัน หลังจากนั้นผลที่เกิดคือการทะเลาะกันอยู่หลายครั้งครา ครั้งหนึ่งหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา นางลงมือควบคุมเราในทันที นำจิตวิญญาณดั้งเดิมของเราผนึกไว้ในภาชนะอันนี้”
เสียงของชายผู้นั้นดังก้องกังวานบนแท่นบูชา และในที่สุดระหว่างที่กำลังพูดอยู่นั้นก็เกิดการผันผวนอย่างประหลาด
“ตัวนางเองกลับพกวงเวทย์เดิมมาใช้ปกป้องน้ำมันตะเกียงหยกบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณอมตะ ไปหานางพญาหนอนข้าวที่ถูกผนึกตนนั้น ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ในตอนที่ท่านได้พบกับนางพญาหนอนข้าวนั้น ก็คงจะเดาได้แล้วเล็กน้อย และถ้าเราทางนี้ไม่ระแวงจนเกินไป เหลือน้ำมันตะเกียงหยกบริสุทธิ์ไว้ก่อนจะเกิดเรื่องสักนิด ก็ไม่รู้ว่าจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อก่อนว่าอีกกี่ปี สำหรับเหตุผลที่นางทำเช่นนี้ ความส่วนใหญ่คิดว่านางน่าจะต้องการอาศัยร่างของนางพญาหนอนข้าวฝึกฝนให้กลายเป็นร่างที่แท้จริง หลังจากนั้นค่อยลองใช้กำลังบีบบังคับและทำลายพลังจุดเชื่อมต่อ และกลับคืนสู่แดนเซียนอีกครั้ง แน่นอนว่าอาจจะมีความคิดอื่นๆ อยู่บ้าง แต่นั่นเราเองก็ไม่อาจจะรู้ได้แล้ว” ในที่สุดชายผู้นั้นก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นออกมาหนึ่งรอบ
“เดิมทีตอนนั้นเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอย่างมากมาย ไม่แปลกที่ท่านอาวุโสจะติดอยู่ในที่แห่งนี้มาตลอด ท่านอาวุโสให้ข้าช่วยเหลือ ก็คือช่วยให้ท่านได้รับอิสระจากเครื่องมือศักดิ์นี้ใช่หรือไม่?” หลังจากที่หานลี่ฟังจบ จิตใจหมุนไปอย่างรวดเร็วไม่หยุด แต่ปากกลับเอ่ยถามอย่างหนักแน่น
“เหอๆ ถึงแม้ว่าเราตอนแรกจะถูกผนึกไว้ในขันไม้จันทร์สีดำนี้ แต่หลังจากผ่านมาหลายปีก็แตกออกมาเอง ได้รับอิสระมาเกินกว่าครึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นาน เราก็ไม่มีทางที่จะสามารถช่วยพวกท่านได้ เรื่องที่เราต้องการให้ท่านทำ ที่จริงก็คือให้ท่านใช้พลังจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งเพิ่มกับเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ ช่วยกระตุ้นยันต์วิเศษในมือเรา หลังจากเปิดใช้งานที่ผ้ายันต์แล้ว ก็จะสามารถส่งสารไปยังสหายของเราท่านหนึ่งในแดนเซียนได้ โดยที่พลังของจุดเชื่อมต่อไม่อาจมองเห็นได้ เราเชื่อว่ามิตรภาพของเราและเขาในตอนนั้น เมื่อรู้สถานการณ์ตอนนี้ของเราแล้ว จะต้องคิดหาหนทางเพื่อที่จะพาเรากลับสู่แดนเซียนได้” มีบางอย่างที่ดูจะเกินความคาดหมายของหานลี่ไปบ้าง ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งครึม
“ท่านผู้อาวุโสมีผ้ายันต์ที่สามารถไปยังแดนเซียนได้โดยตรง?” หานลี่เอ่ยถามขึ้น ด้วยสีหน้าที่ยากจะปิดความประหลาดใจเอาไว้ได้
“ท่านอย่าได้ตกใจไป ผ้ายันต์ธรรมดา แน่นอนว่าไม่มีทางที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้ ผ้ายันต์วิเศษผืนนี้ในมือเราได้มาจากเซียนจวินเลื่องชื่อท่านหนึ่งในแดนเซียน เป็นที่เล่าลือกันน้อยมากในแดนข้างนอก และในสถานการณ์ทั่วไป เพราะว่าพลังจิตสัมผัสเซียนระดับต่ำทั่วไปยังไม่พอ ไม่พอที่จะสามารถกระตุ้นยันต์วิเศษเช่นนี้ได้ ดังนั้นเราจึงได้ตามหาท่านสหายหาน” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างหมดหนทาง
“ท่านอาวุโสบอกว่า พลังจิตสัมผัสเพิ่มด้วยเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณของชนรุ่นหลังตอนนี้ สามารถกระตุ้นผ้ายันต์วิเศษผืนนี้ได้!” หานลี่คิ้วขมวดพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“ตอนนี้พลังจิตสัมผัสของท่านถึงแม้จะนับว่าแข็งแกร่ง มากกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็นเท่าตัว แต่เปรียบเทียบกับยุครุ่งเรืองของเรากลับยังน้อยกว่าเล็กน้อย เราหมายถึงหลังจากที่ท่านฝึกฝนถึงระดับสามของเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณ ถึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้” ชายผู้นั้นหัวเราะเบาๆ พร้อมตอบกลับ