คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2345 เตาหลอมคู่
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2345 เตาหลอมคู่
ตอนที่ 2345 เตาหลอมคู่
สิ้นเสียงนั้น ชายฉกรรจ์สวมชุดแพรก็ออกคำสั่ง ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ นับร้อยก็ตะโกนโห่ร้องขึ้น และยกศาสตรายุทธ์ของแต่ละคนขึ้นมา
ศาสตรายุทธ์ ธง หรือจานแปดเหลี่ยม เห็นได้ชัดว่าเป็นการจัดวางการรบแบบแถวตอน พวกนั้นก็ส่งเสียงตะโกนมาเหมือนกัน
ทันใดนั้นลำแสงก็ปรากฏขึ้นอยู่ด้านบนศีรษะของคนกลุ่มนั้น เขตอาคมลำแสงสีเหลืองอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงสีขาวหลายสิบเส้นก็พุ่งออกมา ทันใดนั้นลำแสงทั้งหมดก็รวมตัวกันเป็นเส้นเดียวแล้วพุ่งไปที่ประตูใหญ่
เสียงระเบิดดังกึกก้อง อักษรรูนสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาจากประตูบานนั้น แต่ประตูกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเป็นประตูปิดตายที่ไม่สามารถเปิดออกได้เลย
คนอื่นๆ ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างห้ามไม่ได้
ชายฉกรรจ์สวมชุดแพรเห็นดังนั้น แทนที่จะโกรธเขากลับหัวเราะขึ้นมา
น่าสนใจดีนี่ คิดไม่ถึงว่าประตูบานเดียวจะเปิดยากเปิดเย็นขนาดนี้ ดูท่าแล้วว่าหากไม่เอาจริงคงจะเปิดประตูไม่ได้แน่นอน
หลังจากพูดจบ ชายฉกรรจ์สวมชุดแพรก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ปากก็ร่ายคาถา จากนั้นลำแสงก็ก่อตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เสียงฟิ้วๆ ก็ดังขึ้น เขตอาคมก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน กลายเป็นแสงสีเงินภายในแสงสว่างนั้นก็มีกระบี่สีเงินเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน พริบตาเดียวก็มองเห็นว่ามันมีจำนวนมากกว่าพันเล่ม
ไป
ชายฉกรรจ์คนนั้นพูดเสียงเบา พร้อมสะบัดแขนเสื้อไปทางประตูบานใหญ่นั้น
ภายในเขตอาคมลำแสงก็เกิดเสียงดังขึ้น กระบี่เล็กๆ ทั้งหมดก็พุ่งตัวออกไปราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก จากนั้นก็ควบรวมกันเป็นกระบี่เล่มใหญ่ขนาดยักษ์หนึ่งเล่ม พร้อมฟันเข้าที่ประตูบานยักษ์นั้นอย่างแรง
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
หลังจากนั้นท้องฟ้าทั้งผืนก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น ที่หน้าประตูก็มีสีอักษรรูนสีเงินและสีทองปรากฏขึ้น ทำให้เกิดช่องว่างสีเงินจากบานประตูบานนั้น ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
แม้ว่ามันจะไม่กว้างนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งเดินเข้าไปได้
ชายฉกรรจ์สวมชุดแพรคนนั้นดีใจอย่างมาก คนทั้งหมดที่อยู่รอบข้างก็เปลี่ยนร่างกายเป็นรุ้งสีเงินแล้วพุ่งตรงเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หายเข้าไปในประตูยักษ์อย่างไร้ร่องรอย
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ หวาซีเซียนจื่อก็กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง แล้วบินตามบรรพชนอู๋โก้วไป กลายเป็นลำแสงสีเขียวแดงบินเข้าประตูยักษ์ไป
ตู้ม เสียงดังเกิดขึ้น
สายรุ้งที่อยู่ห่างจากประตูประมาณร้อยจั้ง ก็ถูกพลังที่มองไม่เห็น ปัดกระเด็นออกมา
จากนั้นประตูยักษ์ก็ปิดเสียงดังตู้ม แสงสว่างสีเงินสีทองสว่างวาบขึ้น ช่องว่างนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงสายรุ้งสีเขียวแดงกระเด็นออกมา จากนั้นมีร่างของหวาซีเซียนจื่อและบรรพชนอู๋โก้วปรากฏกายขึ้น
ใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวผู้นั้นมีสีหน้าคาดไม่ถึง ส่วนผู้ชายมีสีหน้าว่างเปล่า
เป็นข้าที่สะเพร่า จึงตั้งใจจะยืมพลังของเจ้าสำนักเฝิงเข้าไปด้านในโดยตรง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ พวกเราจำเป็นจะต้องลงมือกันเอง สามี ท่านมาเปิดประตูบานนี้ที หลังจากที่หญิงงามผู้นั้นตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อว่า
บรรพชนอู๋โก้วที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นสั้นๆ ว่า ได้ ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็มีเกราะสีม่วงปรากฏขึ้น มือข้างหนึ่งของเขาก็ตบไปที่ประตูอย่างช้าๆ
ตู้ม เสียงดังสนั่น ดูเหมือนฝ่ามือจะเป็นฝ่ามือธรรมดา แต่จู่ๆ ก็เกิดคลื่นลมรุนแรง จากนั้นแสงสีม่วงนั้นก็เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น พริบตาเดียวก็โจมตีไปที่ประตูบานใหญ่อย่างรุนแรง
ประตูขนาดใหญ่ก็มีแสงเล็กๆ รอดออกมา เป็นรูขนาดเล็ก ประมาณสิบกว่าจั้ง
ใบหน้าของหวาซีเซียนจื่อเต็มไปด้วยความดีใจ จากนั้นนางกับบรรพชนอู๋โก้วกลายร่างเป็นสายรุ้งสีแดงเขียวพุ่งตรงเข้าไป
ประตูใหญ่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด จากนั้นรูนั้นก็สมานกันอย่างรวดเร็วจนตาเนื้อสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้
ดูท่าแล้ว การทำลายหนึ่งครั้ง ก็เข้าไปได้แค่หนึ่งกลุ่มสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราอาวุโสทั้งสามก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ ในหนึ่งชายชราร่างผอมก็พูดขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มแปลกๆ มาให้
จากนั้นชายชราทั้งสามก็หายตัวไปแล้วปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของประตู พร้อมออกแรงผลักประตูนั้น พลังสามสายรวมกันเป็นหนึ่ง
เสียงระเบิดดังขึ้นมาทันที ประตูยักษ์ที่ปิดตายอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ผู้อาวุโสทั้งสามจึงหายเข้าไปด้านในทันที
พี่หาน พี่จะเข้าก่อนหรือไม่? เมื่อเห็นว่าคนหลายกลุ่มเข้าไปในประตูยักษ์เพลิงบานนั้นแล้ว จู่ๆ เซียวหมิงจึงถามหานลี่พร้อมรอยยิ้ม
ในเมื่อสหายเซียวให้ทางข้าเช่นนี้ งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ สหายเซวี่ยพั่ว พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ หานลี่พูดเสียงเรียบ จากนั้นก็หันไปสั่งการเซวี่ยพั่ว
เจ้าค่ะ ท่านอาวุโส เซวี่ยพั่วตอบรับคำสั่ง
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีทองก็ปรากฏขึ้น เซวี่ยพั่วก้าวขึ้นไปด้านหน้า
ตู้มๆ ระลอกคลื่นด้านหน้าสั่นไหวเล็กน้อย
ร่างกายของหานลี่พร่าเลือนด้วยแสงสีทอง จากนั้นเขากับเซวี่ยพั่วก็หายไปแล้ว
ในตอนนั้นเองระลอกคลื่นไปปรากฏที่ด้านหน้าประตู หานลี่และเซวี่ยพั่วอยู่ตรงนั้น
หานลี่ยกขาขึ้น วางท่าใหญ่โตเดินเข้าไปหาประตูบานยักษ์
เซวี่ยพั่วเดินตามไปด้านหลัง เขาไม่กล้าเดินช้าแม้แต่ครึ่งก้าว
ตู้มๆ เสียงดัง
ร่างกายของหานลี่มีเปลวไฟสีเงินห่อหุ้มไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขากลายเป็นมนุษย์เพลิงคนหนึ่งแล้ว จากนั้นเขาก็เดินตรงพุ่งเข้าชนประตูบานนั้น
ฉากที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้น
ได้ยินแค่เสียง ฉ่า เบาๆ จากนั้นที่ประตูบานนั้นก็มีรูเป็นรูปร่างคนเดินผ่านไป นี่มันเป็นรอยของประตูที่โดนละลายไป
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสามารถเดินเข้าไปตรงๆ เหมือนไม่มีอะไรกั้นเช่นนี้ได้
แม้ว่าเซวี่ยพั่วที่เดินตามอยู่ด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่าหานลี่มีพลังมากมาย แต่วิธีการเปิดประตูของเขาเช่นนี้ ทำให้คนพูดไม่ออก เมื่อได้สตินางจึงรีบเดินตามเข้าไปทันที
คนก็เดินหายเข้าไปด้านในแล้ว
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลังเบญจโลหิตคำรามขึ้นจากบนท้องฟ้า ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีเลือดพุ่งลงมายืนที่พื้นด้านล่าง… เวลาต่อมา พื้นที่รอบๆ ก็เหลือเพียงเซียวหมิงและสหายอีกสองคน
พี่เซียว พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ ในที่สุดฮูหยินวั่นฮวาก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว
สหายวั่นฮวาไม่ต้องรีบร้อน เจ้าคิดว่าคนที่มาที่นี่มีเพียงพวกเราเท่านั้นหรือ? มีคนมาที่นี่เหมือนกันแต่เขาไม่ประสงค์จะปรากฏตัวให้พวกเราเห็นก็เท่านั้น หลังจากเซียวหมิงหัวเราะคิกคัก
อะไรนะ มีคนอื่นแอบอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็หันไปมองทิศทางเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ขอเพียงแค่มันไม่ขวางทางข้าก็พอ หากเขาจะเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย[1] อยู่ที่นี่ก็ตามใจ อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่รู้ คนอื่นยังทำเป็นไม่สนใจอะไร ข้าก็ไม่ควรมากเรื่อง ไป พวกเราไปกันเถอะ เซียวหมิงหันกลับมามอง พร้อมพูดพลางส่ายหัว หลังจากที่เขาสะบัดแขนเสื้อ กลุ่มแสงสีเงินก็ปรากฏขึ้น มันสั่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็กลายเป็นรัศมีลำแสงขนาดใหญ่มากกว่าสิบจั้ง ทันใดนั้นลำแสงนั้นก็พุ่งไปชนประตูอย่างแรง…เวลาหนึ่งจิบชาผ่านไป เซียวหมิงและคนอื่นๆ มองดูระลอกคลื่นที่เกิดขึ้น จากนั้นก็มีเงาร่างเปื้อนเลือดของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น
เขามองใบหน้าของคนเปื้อนเลือดนั้นไม่ชัดเจน ดวงตาสีเขียวมองประตูที่กำลังคืนสภาพอย่างเย็นชา โดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรในใจอยู่
ในตอนนั้นเองท้องฟ้าก็เกิดเสียงโครมครามดังขึ้น และมีลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
เงาสีเลือดนั้นกลับหลังหันไปมอง พร้อมหรี่ตาลง คาดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นจะมีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมา ร่างกายของเขาบิดเบี้ยว และกลายเป็นแสงสีเลือดพุ่งขึ้นไป
แต่ว่าหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากเส้นขอบฟ้า ลำแสงทั้งหมดและกลิ่นคาวเลือดก็หายไป
… นี่คือผนึกที่อรหันต์เทียนติ่งปิดด้วยตนเองใช่หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเลยนะ หานลี่มองไปที่กลุ่มอักษรวิญญาณห้าสีที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม
ผนึกที่ประตูนั้นมีขนาดยาวหลายร้อยลี้ หลังจากที่เข้ามาในประตูยักษ์สีเทาแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ พวกเขาต่างเลือกสถานที่ที่ห่างออกไปแล้วทำลายผนึกนั้น
ดังนั้นท่ามกลางความว่างเปล่าแห่งนี้จึงมีเพียงแค่เซวี่ยพั่วและหานลี่สองคนเท่านั้น
ได้ยินมาว่าผนึกนี้อรหันต์เทียนติ่งได้สร้างมันก่อนที่จะขึ้นแดนเซียนหนึ่งปี เขาวางมันด้วยตนเอง แทบจะเป็นผนึกที่ยากที่สุดในแดนวิญญาณของพวกเราแล้ว หากต้องการดับเครื่องชนจริงๆ แล้วล่ะก็ นอกจากจะมีมหาเมธีคนใดที่ยอมเสียสละนำจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดมาหลอมแล้ว มิเช่นนั้นไม่ว่าทางใดก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ตำหนักนี้ปรากฏตัวขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นมาก มีเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น จากนั้นก็หายไปอีกครั้งตามเวลา เมื่อใกล้เวลาที่พระราชวังเทียนติ่งจะปรากฏ กุญแจสองสามดอกก็จะปรากฏขึ้นบนโลก แม้ว่าจะสามารถทำลายประตูเข้าไปด้านในได้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงนั่งจ้องผนึกเพราะไม่สามารถนำเอาทรัพย์สมบัติออกมาได้ แต่หลังจากมีคนทำกุญแจปลอมออกมา ก็มีคนเข้าไปด้านในได้มากขึ้น เซวี่ยพั่วเอ่ยแนะนำอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ
ผนึกอันนี้แข็งแกร่งมาก ข้าเองก็อยากจะลองลุยสักตั้ง หลังจากหานลี่ได้ฟังมัน สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสนใจ
เมื่อเซวี่ยพั่วได้ยินดังนั้น นางกำลังจะตอบอะไรบางอย่างออกไป แต่ทันใดนั้นก็มีระลอกคลื่นขนาดใหญ่สาดซัดมาจนทำให้พวกเขาตะลึง จากนั้นผนึกที่อยู่ด้านหน้าของก็สั่นเล็กน้อย อักษรวิญญาณทั้งหมดก็สว่างขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
แต่ชั่วพริบตาเดียว ม่านแสงที่อยู่ตรงหน้าเขาก็กลับมาสงบอีกครั้ง ราวกับว่าก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดเรื่องอะไรมาก่อน
มีคนทะลวงออกไปได้เร็วขนาดนี้เชียว สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
จะต้องมีคนใช้กุญแจของจริงทะลวงออกไปแน่นอน พวกของเลียนแบบไม่สามารถทำลายผนึกได้เร็วขนาดนี้ เซวี่ยพั่วก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น
กุญแจของจริง? ช่างเถอะ ในเมื่อเวลากระชั้นชิดขนาดนี้ ข้าเองก็ไม่ขอทดลองอะไรแล้ว ทางลัดที่เจ้าพูดมาคืออะไร ก็ควรจะพูดมาตอนนี้สินะ หานลี่ขมวดคิ้วจากนั้นก็หันไปถามเซวี่ยพั่ว
ท่านผู้อาวุโส ท่านสามารถนำเตานภาสูญออกมาได้หรือไม่? เซวี่ยพั่วถามกลับ
เตานภาสูญ ได้แน่นอน หานลี่ตอบอย่างไม่ลังเล จากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง กลุ่มแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็กลายเป็นเตาหลอมโบราณขนาดเล็ก
นั่นคือเตานภาสูญ
เมื่อเซวี่ยพั่วเห็นเตานภาสูญ นางก็อ้าปากทันที พร้อมพ่นกลุ่มแสงสีเขียวที่เหมือนกันออกมา หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเตาหลอมสีเขียวปรากฏขึ้น
เอ๋ นั่นมัน… เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นก็ชะงักไป
ท่านผู้อาวุโส เตาที่นี่อยู่ในมือข้าน้อยเรียกว่าเตาจักรพรรดิสูญ นี่คือกุญแจของปลอมที่สร้างเลียนแบบขึ้นมา ผลลัพธ์เหมือนถึงเจ็ดส่วน เซวี่ยพั่วพูดอย่างช้าๆ
[1] เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย คนที่ไม่คิดที่จะลงแรงหรือพยายามทำงาน แต่กลับหวังที่จะได้ผลงานที่ดีหรือได้สิ่งที่มันไม่มีวันเป็นไปได้